30 days for youสามสิบวันของผมกับนายเจ้าหนี้ตัวร้าย

10.0

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.42 น.

  16 บท
  3 วิจารณ์
  17.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 10.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) บทจบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทจบ

                  

               “แล้วจะให้กูเป็นแฟนกับมึงทำไมเล่า!”

                   “ก็ฉันรักยู!”

                   ผมเบิกตากว้างราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง  ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม!

                   “ยูล่ะ....รักฉันบ้างไหม”

                   มันพูดพลางโน้มใบหน้าเข้าหาผมทีละน้อย  ใกล้จนใบหน้าห่างกันเพียงคืบเดียวเท่านั้น ตัวผมเองที่กำลังเดือดโมโหกลับต้องปรับอารมณ์กะทันหัน  มาพูดใส่แบบนี้ใครจะไปโมโหลงกันละ

                   ดวงตาคู่นั้นมันทำให้ผมใจสั่นเกินกว่าจะรับมือไหว  ส่วนที่มือนั้นแตะต้องมันร้อนวาบเหมือนโดนไฟเผา  อีกทั้งน้ำเสียงทุ้มต่ำที่บอกรักผมมันกังวานก้องอยู่ในหัว  ยิ่งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เท่าไหร่ผมก็ยิ่งหายใจติดขัด  มันตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าตอนถูกเลขท้ายสองตัวเสียอีก

                   ...อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้นะเว้ย!...

                   กู่ร้องอยู่ในใจ  หน้าผมมันร้อนจนแทบระเบิดตายอยู่แล้ว

                   ..ไม่ไหวแล้วเว้ย!!..

                   ผมผลักมันออกแล้ววิ่งหนี  ผมไม่กล้าหันกลับไปเจอมันทั้งที่หน้าแดงแจ๋แบบนี้หรอก  จะให้ตอบว่ารักกลับหรอ ให้เวลาเตรียมใจกันหน่อยสิวะ!

                   ..กะ..กูก็..รัก

                   อ๊ากก! กูพูดไม่ได้กูเขินเว้ย! ผมวิ่งเข้าไปซุกหน้ากับเสาไฟ  พูดไม่ได้ยังไงก็พูดไม่ได้  แค่พูดแค่คิดกูก็เขินจะแย่แล้วโว้ย

                  

 

                   จากเหตุการณ์วันนั้นผมก็ได้แต่หลบหน้ามัน  ช่วยไม่ได้นี่ พอมองหน้ามันทีไรผมก็ยิ้มขึ้นมาเหมือนคนบ้าและหน้าผมมันก็แดงมาก ๆ เลย  ผมกลัวมันจะล้อผม

                   “มึงเลิกกันแล้วหรอวะ” ไอ้เมศถาม

                   “อะไร ยังไม่เลิก...แล้วมาเสือกอะไรกูจะคบกับมันหรือไม่คบกับมันก็เรื่องของกูเปล่าวะ”

                   “ถ้าสิบตอบมาเป็นร้อยเลยนะมึง”

                   ยังไม่เลิกกันเสียหน่อย  แต่สัญญาสิ้นสุดลงแล้ว  มันอาจจะไม่นับผมเป็นแฟนมันแล้วก็ได้...

                   “แล้วมึงหลบหน้ามันทำไม กูสงสารมันหว่ะ”

                   “ก็...” กูเขินไง กูไม่บอกหรอก “...อย่าเสือกดิ๊~”

                   “มันเขิน! อ่ะกูตอบให้แล้ว” ไอ้เฟรมบอก  เชี่ยนี่รู้ดีอีกละ กูอายนะเนี่ย

                   “หรอกูนึกว่าโกรธกันเสียอีก  ว่าแต่คบมาเดือนนึงเพิ่งมาเขินเนี่ยนะ” ไอ้เมศถาม

                   “สงสัยมันปั่มปาดั้มปากับไปแล้ว~”

                   “ตีนเหอะ! มันพึ่งบอกชอบกูเอง!”คนอย่างกูไม่เสียตัวให้ใครง่าย ๆ หรอกเว้ย  อ้าว เวร! กลายเป็นผมเผลอหลุดปากบอกพวกมันไปซะงั้น

                   “เล่ามาให้หมดเลยนะมึง~”

                   “ไม่ มึงเป็นหมาก็อยู่ส่วนหมาดิวะ”

                   “ไม่เล่าเดี๋ยวกูจะไปเรียกมันมาเล่าเอง”

                   “เฮ้ย! อย่าๆ”  เมื่อกี้เห็นมันเดินอยู่แว้บ ๆ ด้วย  ผมจำใจต้องเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ไอ้สองตัวนี้ฟังไม่งั้นมันขู่ว่าจะไปลากคอไอ้ธันมานั่งเค้นเสียเองน่ะสิ  เล่าไปก็อายไปภาพมันเข้ามาเป็นฉาก ๆ เลย  อุส่าห์ไม่คิดตามแล้วนะหน้าผมแดงอีกแล้วอ่า...

                   “เชี่ย! มึงวิ่งหนีมันมาอย่างนี้เนี่ยนะ!” ไอ้เมศแหกปาก

                   “กะ..ก็ กูเขิน มึงจะให้กูเส้นเลือดบนหน้าแตกตายหรือไงล่ะ!”

                   “ไปเคลียร์เลย ๆ ป่านนี้มันน้อยใจมึงแย่แล้ว”

                   “เคลียร์ไร กูไม่พร้อม”

                   “ทำเป็นอาโนะเนะไม่เคยโดนผู้ชายบอกรักไปได้นะมึง หมาคาบไปกูไม่รู้ด้วยนะ~” ไอ้เฟรม

                   “มึงจะแย่งกูหรอ?”

                   “อ้าว พาลกูเฉย...”

                   ไม่พร้อมก็คือไม่พร้อมดิวะ  ไอ้พวกนี้ฟังผมซะที่ไหนล่ะมันทั้งดึงทั้งลากผมให้เดินไปหาไอ้ธัน  ไอ้เพื่อนเวรมึงจะให้กูสารภาพรักมันกลางโรงอาหารหรอ! เรียกรถพยาบาลให้กูเลยนะ!

                   “นั่งหน้าหงอยเลยเห็นไหม มันเข้าใจว่ามึงเกลียดมันแน่เลย” ไอ้เมศบอก

                   “งั้นมึงเดินไปนั่งกินข้าวกับมันก่อนดีกว่ากูว่า”ไอ้เฟรมเสริมพลางยัดจานข้าวที่เหลือครึ่งหนึ่งใส่มือผม

                   “เอาจริงดิ?” พวกมันแทบจะยันโครมตอนถาม ผมเดินเกร็ง ๆ มองเล็งไปที่ผู้ชายตัวสูงที่นั่งอยู่ริมนอกสุด  เพื่อนบนโต๊ะมันเห็นผมเดินมาใกล้ก็เริ่มซุบซิบ  สะกิดให้ไอ้ธันมองมาทางผม

 

                   ควับ!

 

                   ผมรีบหมุนเรดาห์เบี่ยงหางเสือโคจรออกจากจุดนั้นแทบไม่ทัน  มันหันมามองผมอ่ะ! ทำไงดีวะ  ไม่รู้แล้วเว้ยผมกลับไปฐานทัพก่อนดีกว่า

                   “มึงเป็นเด็กมอต้นหัดอ่อยรุ่นพี่มอปลายหรอวะ...” ไอ้เฟรมด่าผมอีกแล้ว

                   “กูทำไม่ได้เว้ย!” เมื่อกี้สบตากับมันประมาณวินาทีเดียวผมก็แทบจะเดินเซแล้ว  โรคเขินกำเริบขอยาด้วยไม่ไหวแล้ว~

                   “ไอ้เฟรมไปกินติมกันดีกว่าเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”

                   “..เลี้ยงกูด้วยดิ”

                   “ภารกิจไม่สำเร็จก็อดเว้ย!”

                   พูดจบไอ้เมศก็โอบคอลากไอ้เฟรมออกไปโดยทิ้งผมไว้คนเดียว  จิตใจพวกมึงทำด้วยอะไร…

 

 

                   ผมนั่งเล่นมือถืออยู่ในห้องนอนพลางลอบมองบ้านตรงข้ามเป็นระยะ ๆ ตอนนี้ก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าแล้วทว่าเจ้าของห้องตรงข้ามห้องผมยังไม่กลับมาเสียที

                   ..มาแล้ว!..

                   ดวงไฟสว่างออกมาจากห้อง  ผมแหวกม่านกำบังออกเล็กน้อยเพื่อสอดส่องบ้านข้าง ๆ ถ้าเป็นม่านหมดก็ไม่เรียกว่าแอบดูน่ะสิ  ผมนี่โรคจิตเนอะแอบดูคนอื่น

                   ร่างสูงวางกระเป๋าก่อนนั่งจ่อมลงที่เก้าอี้หน้าโน้ตบุ๊ค  ผมคาดว่ามันคงจะรายงานล่ะมั้ง เอ๊ะ! หรือมันจะดูคลิปโป๊! ต่อเผือกผมเริ่มทำงานซะแล้ว  ผมเดินไปเปิดม่านดูอีกด้านหนึ่งเพื่อจะมองหลังจอ  แต่สายตาสั้นก็เป็นอุปสรรคต่อการเผือกของผม

                   มันลุกขึ้นปุบปับเดินมาที่บานประตูตรงระเบียง  ผมกระตุกม่านปิดแทบไม่ทัน เกือบไปแล้ว

                   อยากรู้อ่ะ  ผมแง้มม่านอีกรอบเพื่อส่องดูกลับเห็นเพียงม่านที่ปิดหน้าประตูกระจกนั่นเท่านั้น  มันลุกมาปิดม่านนี่เอง

                   “เหอะ! แอบดูคลิปโป๊แน่เลยกูฟ้องแม่มึงแน่!”

                   ผมกลับไปที่เตียงเล่นมือถือต่อ  มันปิดม่านทำไมวะ!

                   ผมเปิดม่านนั่งจ้องห้องที่มีแสงสว่างนั่น  น่าแปลกที่แค่ได้มองเพียงแค่ม่านกั้นผมกลับรู้สึกมีความสุขจึงอมยิ้มเล็ก ๆ มองเงาผ่านไปมาผมก็คิดไปเรื่อยว่ามันทำอะไรอยู่นะ ผมพาตัวผมข้ามไปที่ระเบียงอีกฝ่าย  ผมอยากมองให้ใกล้กว่านี้

                   ~ต่อให้ฉันจะรักเธอมาเท่าไหร่  แต่ก็รู้ว่าเธอคงจะไม่สนใจ ก็ยังฝันไกล แหละยังคงหวังเอาไว้ข้างจิตใจว่าสักวันเธอจะมีฉัน~

                   เสียงเพลงลอดออกมาเพียงแผ่วเบา  ถึงจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็พอจะจำทำนองและร้องตามได้  ผมมองร่างสูงที่ยืนหันหลังให้บานประตู  อดไม่ได้ที่ผมจะเอื้อมมือไปแตะแผ่นหลังนั้น  หากแต่ตอนนี้มีกระจกและม่านกันอยู่  ผมจึงสัมผัสตัวมันไม่ได้

                   เมื่อไหร่ผมจะมีความกล้ามากพอจะตอบกลับไปนะ  ถ้าปล่อยให้นานกว่านี้  ผมไม่รู้ว่ามันยังต้องการคำตอบจากผมอยู่หรือเปล่า

                   “...กูก็รักมึง”

                  

                   โครม!

 

                   อะไรในห้องมันหล่นไม่รู้  ผมได้ยินเสียงกึกนิดนึงคาดว่ามันคงเดินสะดุดอะไร  ผมตกใจกระโดดกลับเข้าห้องตัวเองวิ่งเข้าไปแอบดูต่อในห้องน้ำ

                   ร่างสูงเปิดประตูพรวดออกมา  ส่ายตามองหาอะไรบางอย่างก่อนจะจ้องเข้าไปในห้องผม  มันหาผมอยู่หรอ ผมอยู่ในห้องน้ำน่ะสิ! ผมรีบพรวดพราดออกจากห้องน้ำแต่มันก็ปิดประตูกลับไปตามเดิมเสียแล้ว

                   ..มันได้ยินแน่เลย ที่ผมพูดน่ะ...

                   ผมยิ้มพลางเอาหมอนฟาดหัวตัวเองเล่น  แค่นี้ผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะแล้ว

                   “กูบอกรักมึงได้แล้วนะเว้ย”

 

                  

                   “วันนี้ตื่นเร็วจังนะ พาเปาไปวิ่งทีสิยูมันอ้วนเป็นหมูแล้ว”

                   แม่ทักผมขณะลงบันได  ไอ้หมานี่มันข้ามสปีชีส์ไปนานแล้วแม่เพิ่งจะรู้หรอกเนี่ย  ผมยิ้มอารมณ์ดีเดินเข้าครัวไปหาอะไรกิน  ก็เจอกับของน่ากินทันที

                   “เค้กนี่แม่ซื้อมาให้ผมหรอ” เค้กช็อกโกแลตของโปรดผมเลย!

                   “ธันซื้อมาให้ยูไง  กินเสร็จก็ไปขอบใจเสียก่อนเขาจะไปล่ะ”

                   ผมทำหน้างงเต็ก  ก่อนเขาจะไปหรอ ไอ้ธันอ่ะนะ

                   “มันจะไปไหนหรอ”

                   “ย้ายบ้านน่ะสิ อ้าว ธันไม่ได้บอกหรอ..”

                   ผมไม่รอฟังแม่ต่อรีบวิ่งออกไปทันที  ที่ถนนหน้าบ้านมีรถคันใหญ่สองคันเหมือนรถขนสินค้า  คนงานชุดสีเขียวขาวกำลังยกเครื่องเฟอร์นเจอร์ขึ้นรถกันอย่างขมักเขม่น  ในบ้านนั้นมีคนงานกำลังยื่นแผ่นอะไรสักอย่างให้แม่ไอ้ธันลงชื่อ

                   ..มันอยู่ไหนวะ!..

                   ผมมองรถเบนซ์สีดำที่เพิ่งดับเครื่องยนต์ก่อนร่างสูงจะออกมาจากประตูด้านคนขับ  ผมปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อมันท่ามกลางสายตาคนแถวนั้นแล้วตะคอกใส่มัน

                   “มึงจะย้ายบ้านทำไมไม่บอกกู!!”

                   มันทำหน้านิ่งดึงมือผมออกจากเสื้อมัน  เหอะ! อย่าคิดว่าผมจะปล่อย!

                   “ฉันจะอยู่หรือไปยูก็ไม่สนฉันอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”

                   “สนสิ!! ไม่สนแล้วกูจะมาถามมึงอย่างนี้หรอ!!”

                   “ก็นึกว่าไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเสียอีก”

                   มันพูดเสียงเย็นจ้องหน้าผมเหมือนจะกดดันให้ผมรับว่าเป็นคนผิด กูไปทำร้ายอะไรมึงหรอห๊ะ!

                   “คราวนี้ก็ไม่ต้องหลบให้เหนื่อยแล้วนะยู เพราะฉันจะไม่อยู่ให้ยูเห็นหน้าแล้ว”

                   มันดันตัวผมออกแล้วเดินผ่านผมไปราวกับผมเป็นเพียงแค่อากาศ  ผมรุ้สึกแน่นในอกมันจุกจนหายใจแทบไม่ออก  มันไม่เคยมองข้ามผมเลยนะ  ทำไม...

                  

                   หมับ!

 

                   “อย่าไป... อย่าไปจากกูนะ มึงบอกชอบกูแล้วมึงจะหนีกูไปแบบนี้น่ะหรอ” ผมรั้งแขนมันไว้ด้านหลัง  มันหันกลับมาแค่เสี้ยวหน้าก่อนจะตอบผมด้วยเสียงลอดไรฟัน

                   “คนที่หนีไปคือ...ยูไม่ใช่หรอ?”

                   “กูมีเหตุผล! คือตอนนั้นกู..”

                   “ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรู้หมดแล้ว”

                   “รู้แล้วหรอ! รู้แล้วแต่มึงยังเมินกูเนี่ยนะ!”

                   “จะให้ฉันทำยังไง..”

                   มันหันมาสบตาผม  แววตาของมันดูเจ็บปวดเห็นแบบนั้นผมเลยรู้ว่ามันต้องเข้าใจอะไรผิดแน่

                   “ให้ฉันอยู่กับยูทั้งที่รู้ว่ายูไม่อยากเห็นหน้าฉัน ....เกลียดฉันงั้นหรอ”

                   “มึงกำลังเข้าใจกูผิดนะ”

                   มือใหญ่พยายามจะเอามือผมที่เกะกะออก  ผมยิ่งรวบมือมันกลัวมือของมันจะหลุดหายไป  ผมกลัวว่ามันจะไม่กลับมา เพราะงั้น...ผมจะปล่อยมันไปไม่ได้!

                   “ขอฉันหลบไปทำใจก่อนนะ ไม่ต้องห่วงฉันจะส่งขนมมาให้ยูกินทุกวันเหมือนที่เคยมีฉันยู  แต่ถ้ายูรำคาญ...”

                   “กูไม่เอาขนมเว้ย! เลิกเอามาล่อกูได้แล้ว!”

                   “ก็เห็นได้ผลทุกที”

                   รอยยิ้มปนขมขื่นฉาบอยู่บนใบหน้าหล่อตอนนี้  อย่ายิ้มเลย กูไม่ตลกด้วยแล้วนะเว้ย มุกมึงมันไม่ขำเอาซะเลย

                   “กูต้องการมึง....กูรักมึง”

                   “ยูไม่ต้องพยายามเพื่อฉันหรอก ฉันรู้ว่ายูกลัวเสียเพื่อนใช่ไหมถึงได้พูดออกมาแบบนี้  ฉันไม่เลิกคบยูหรอก แค่ตอนนี้ฉันอยาก...”

                   “เลิกทำเป็นเหมือนตรัสรู้ได้ทุกอย่างเสียที! รักที่กูพูดก็คือรักความหมายเดียวกับที่มึงบอกกูไงเว้ย!!”

                   มันเบิกตาค้างอาการเดียวกับที่ผมเคยเป็นตอนถูกมันสารภาพรัก  ผมบีบมือมันแน่นให้มันรู้ว่าผมหนักแน่นในคำพูด  ไม่ใช่คำพูดลอย ๆ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ

                   ...ทำไมนิ่งแบบนี้...

                   เริ่มรู้สึกใจแป่วแล้วนะ  มันเลิกชอบผมไปแล้วหรอ 

                   “...ยูพูดจริงหรอ”

                   “โกหกมั้งไอ้เวรนี่!”

                   มันทำหน้าเสีย โอ้ย! ทำไมแม่งเข้าใจอะไรยาก  ผมตวัดแขนดึงคอมันลงมาจูบเต็มเหนี่ยว  ผมบดริมฝีปากแนบกับริมฝีปากของมันแทบเป็นเนื้อเดียว  เสียงร้องอย่างตกใจของแม่มันลอยเข้ามาตามมาด้วยเสียงของแม่ผม  ผมคิดว่าขืนนานกว่านี้คงได้เรียกรถพยาบาลจริง ๆ แน่

                   “จูบอีกสิ” น้ำเสียงกึ่งเล่นกึ่งจริงเรียกร้อง

                   “ดะ...เดี๋ยวแม่มึงจะช็อกเอานะ” ผมพูดเสียงเบาพลางก้มหน้าหลบ  เริ่มก่อนแต่มาเขินทีหลังซะได้

                   มันไม่ฟังเลยกดปากมันลงบนปากผมอีกรอบ  มือใหญ่ประคองใบหน้าผมให้ค้างเติ่งรับรสจูบแสนหวาน  มันจู่โจมดูดดึงริมฝีปากผม  มีบางจังหวะที่ลิ้นเราแตะกันผมนี่เกร็งตัว  ขามันชาวาบเป็นระยะ ๆ จนทรงตัวแทบไม่อยู่  มันคงจะเห็นท่าไม่ดีก็ถอนริมฝีปากออก  ประคองตัวผมแนบกับอก

                   “คุยกันหน่อยนะทั้งสองคนเลย” แม่ผมบอกมือก็ส่งยาดมให้แม่ไอ้ธันดม  ผมกับธันมองหน้ากันอยู่สักพัก  ดูเหมือนจะงานเข้าแล้วล่ะ ฮ่า ๆ

 

 

                   หลังคุยกับแม่ของธันกับผม  แม่ผมไม่ว่าอะไรบอกว่าคิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องมีวันนี้  แม่บอกว่าตอนเด็ก ๆ ธันกับผมตัวติดกันเสียขนาดนั้น แถมธันยังรู้ใจผมไปซะทุกอย่างมันส่อแววรำไรๆ มีวันหนึ่งเคยเอาแหวนลูกอมมาให้ผมด้วย  บอกกินหมดแล้วก็ถือว่าหมั้นกันแล้วนะ แม่งร้ายยย!

                   “จะคบกันก็อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบเมื่อกี้อีกล่ะ”

                   อันนี้เป็นคำสั่งเด็ดขาดของแม่ผม  ส่วนน้าอมิตตาไม่ได้ออกความเห็นใด แค่มองหน้าผมสองคนก็แทบจะลมจับไปอีกรอบแล้ว

                   ดังนั้นไอ้ธันเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดโดยการจู๋จี๋กันในห้องของผมหรือมันเท่านั้น  ผมอยากจะบอกว่าแม่คิดผิดแล้วที่เลือกเส้นทางไปปรโลกให้ผมแบบนี้อ่ะ

                   “อึดอัดหว่ะ เอาออกไปได้ไหม..”

                   “ไม่ชอบหรอ” มันพูดเย้าแหย่  ผมได้แต่ส่งตาขวางใส่

                   “พอ ๆ! อย่าเอาเข้ามากูขอล่ะ นะ ๆ” ผมหลับตาปี๋ ขืนเข้ามาอีกล่ะก็...

                   “ตัวสั่นไปหมดเลยนะ ผ่อนคลายหน่อยสิ”

                   ผมจิกผ้าปูที่นอนแน่น  โธ่! มึงก็พูดได้สิวะ  ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย  แม่งใหญ่แบบนี้ผมกลัวอ่ะ

                   “ตรงนี้...”

                   “ธันอย่าแกล้งดิ เอาออกไปเถอะ”

                   “อย่าร้องสิคนดี งั้นตรงอื่นแล้วกันนะ”

                   “ไม่เอาธัน...ตรงนั้นไม่ได้นะ อื้อออ~ จะไม่ให้กูนอนเลยหรอไง”

                   “คิดว่าคืนนี้ฉันจะให้ยูนอนหรอ...ไม่มีทาง”

                   รอยยิ้มกรุ่มกริ่มปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อ  ร่างสูงเคลื่อนตัวโถมขึ้นมาบนตัวผม  ผมเม้มปากแน่นรั้งมือใหญ่ที่อยู่เหนือหัวไม่ให้ทำตามใจชอบ  แต่ผมก็สู้มันไม่ได้

 

                   แปะ!

 

                   โปสเตอร์ “คืนหลอน หมาหอนที่ช่องแอร์” ติดแหมะอยู่บนหัวเตียงผม  มันเป็นไซส์ใหญ่ขนาดเดียวกับที่ติดอยู่ข้างโรงหนังเลยแหละครับ

                   “ไอ้เชี่ยธัน!!”

                   ผมยกเท้าถีบมันกระเด็นตกเตียงด้วยความเดือดโมโห  แม่งเอามาล่อใส่หน้าผมอยู่ได้ก็รู้ว่าผมไม่ชอบหนังผี  โปสเตอร์ก็น่ากลัวชิบหาย เป็นรูปผีแหวกช่องแอร์โผล่ออกมา หน้าผีนี่เท่าหน้าผมเลย!  ที่กำแพงข้างเตียงก็มีโปสเตอร์ผีขนาดเท่าตัวจริงซึ่งติดไปก่อนหน้านี้คอยหลอนผมอีก

                   “เอาออกไปเลยนะมึงไม่งั้นกูเผาห้องแน่!” กูเผาแน่ถึงจะเป็นห้องกูก็เถอะ ก็กูไม่กล้าดึงออก แล้วดูแม่งดิมันแกล้งผมอ่ะ ติดโปสเตอร์ผีไว้ทั่วห้องเลย ฮือออ ม่ายยย!

                   “เปลี่ยนบรรยากาศไง”

                   “เปลี่ยนบ้านมึงสิ! เอาไปติดห้องมึงเลยนะ!”

                   “ยูกลัวหรอ”

                   “ไม่กลัวมั้งไอ้เชี่ย พระแขวนเต็มคอกูเลยเนี่ย” เป็นสิบครับคอนี่แทบจะลากพื้น  ผมกลัวผีมันพุ่งออกมาจากโปสเตอร์อ่ะ!!

                   “ยูโมโหหรอ งั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน”

                   “ไม่ๆๆ”

                   ผมกระโดดกอดเอวมันแน่น มึงจะทิ้งให้กูอยู่กับ(โปสเตอร์)ผีพวกนี้ไม่ได้นะ  เช้ามากูไข้ขึ้นผมร่วงแน่เลย

                   “อย่าไปนะ..อยู่กับกูเถอะ”

                   มืออุ่นวางกุมมือผมไว้ก่อนกอดตอบผม

                   “จูบก่อนสิ”

                   “อีกแล้วหรอ”

                   “งั้นกลับ!”

                   ไอ้เวร! มึงๆๆๆ ผมอาฆาตมันอยู่ในใจ ถ้ามันกลับไปผมก็ซวยดิ  ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ  ผมเงยหน้าเขย่งตัวจุ๊บปากมันอย่างรวดเร็ว  มันทำหน้าไม่พอใจผลักผมไปที่เตียงแทน

                   “จะทำไร...ผีอยู่เยอะแยะ” จะปล้ำกูหรอเฮ้ย! ใจเย็นๆเนอะ

                   “งั้นเอาออกให้หมดเลย”

                   ผมจะดีใจดีไหมที่มันจะเอาโปสเตอร์ออกให้เพราะผมกลัวผีจะมองตอนจุดจุดจุดกันในห้อง เหอะ! จะแบบไหนก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละเว้ยเลิกเอาเปรียบกูได้แล้ว! ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนเนี่ย!

                   “หนี้ให้เอาโปสเตอร์ออกไม่หมดแค่นี้หรอกนะ”

                   “จะให้กูชดใช้มึงอีกกี่เดือนล่ะห๊ะ!”

                   “..ทั้งชีวิต..”

                   อย่ามาหวาน  กูเขิน! ผมทุบหัวมันไปทีก่อนจะหอมแก้มมันนิดนึง  ดูเหมือนจะเป็นหนี้อีกแล้วนะแต่คราวนี้หนักกว่าเดิม  เจ้าหนี้ไม่ปล่อยผมไปง่าย ๆ แน่เลย...แต่ผมก็เต็มใจเป็นลูกหนี้นะ ฮ่าๆ           

 

จบ

 

 

+++++++++++++++++++++++++

จบแล้วนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ  ถึงจะเม้นหรือไม่เม้น แค่เข้ามาอ่านก็ดีใจแล้วค่ะ

นิยายเรื่องนี้คำผิดเยอะไปหน่อยต้องขออภัยด้วยนะคะ อาจจะอ่านแล้วสะดุด ๆ บางทีมันเบลอคิดคำนึงพิมพ์อีกคำเฉย

คำหยาบไม่ต้องพูดถึง มีทุกตอนทุกหน้า ก็คนมันอิน~  มุกแป้กไปเยอะเลย อยากแต่งฮาๆแต่ไม่รู้คนอื่นจะฮาตามไหม

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา