Creepypasta Family The Broken Myth

9.5

เขียนโดย Leragan

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.43 น.

  24 chapter
  9 วิจารณ์
  37.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 14.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) การเริ่มต้น 2 (Prologue II)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               "เฮือก.." มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้าตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่พึ่งเกิดขึ้น

               "มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า..มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า...เกิดอะไรขึ้นครับ" ชายไร้หน้าในชุดสูท เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงกับปฏิกริยาของชายผิวสีฟ้าเบื้องหน้า

               "ไม่มีอะไรหรอกนะ..คุณสเลนเดอร์ ผมแค่ฝันร้ายเท่านั้นเอง" ชายผิวสีฟ้ากล่าวขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่เขาก็ยังคงแสดงทีท่ากังวลกับสิ่งที่เขาได้เห็นในความฝัน

               "ท่าน...เอ่อ...มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า เล่าให้ผมฟังได้หรือไม่ครับท่าน" ชายไร้หน้าเอ่ยขอร้องกับชายผิวฟ้า เพื่อทำให้เขาได้ผ่อนปลนเรื่องราวที่ค้างคาใจออกมา

               "ได้ครับ..เรื่องมันก็เริ่มจากที่ว่า........" ชายผิวสีฟ้าพูดขึ้นก่อนจะเล่าเรื่องต่างๆที่ฝันทั้งหมด ตามความจริงแล้วคนปกติไม่สามารถจำความฝันของตนเองได้ทั้งหมด แต่เนื่องจากมิสเตอร์ครีปปี้พาสต้ามีพลังจิต และความทรงจำอันเป็นเลิศ มันจึงทำให้เขาสามารถจำความฝันของตนเองได้ทั้งหมด และบอกเล่าออกมาได้อย่างแม่นยำ

               "......นั่นคือทั้งหมดครับ" ชายผิวสีฟ้าที่เล่าเรื่องความฝันของเขาจนจบ ก็หันไปพูดกับผู้ฟังที่กำลังทำท่าทางกำลังครุ่นคิด

               "มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า..ท่านยังคงจำได้ใช่มั้ยครับ ว่าท่านมีความสามารถทำนายอนาคตจากความฝันน่ะครับ" สเลนเดอร์แมนกล่าวถึงความสามารถพิเศษอีกชนิดของมิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า ที่สามารถทำนายอนาคตได้ด้วยความฝัน โดยเวลาที่เกิดนั้นไม่สามารถคาดคะเนได้

               "นั่นละครับ ที่ผมเป็นห่วง ถ้าเรื่องที่ผมฝันมันเกิดขึ้นจริงล่ะก็ พวกเราทุกคนจะต้องตาย ทั้งโลกจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้นำแบล็ก" บุรุษผิวสีฟ้ากล่าวขึ้น "คุณ... คุณสเลนเดอร์แมน คุณอย่าพึ่งบอกเรื่องนี้กับเด็กๆนะครับ เดี๋ยวพวกเขาจะตื่นตกใจกันครับ"

               "ได้ครับ มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า ผมขอตัวก่อนครับ" หลังจากชายไร้หน้าพูดจบก็อันตรธานหายไปจากสายตาของมิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า

               ชายไร้หน้าได้วาร์ปออกมาจากห้องนอน เพื่อออกมาข้างนอกคฤหาสน์ของมิสเตอร์ครีปปี้พาสต้ ที่อยู่ในเขตลวงตาของป่าสเลนเดอร์ฟอเรสต์ พื้นที่ที่เป็นสนามหญ้าภายในคฤหาสน์นั้นต่างจากภายนอกที่เป็นป่ามาก เพราะภายในป่านั้นหญ้ารก และมีสัตว์เลื้อยคลาน อาศัยอยู่เต็มไปหมด ในขณะที่สนามหญ้าภายในคฤหาสน์นั้นดูดีกว่ามาก เพราะไม่มีหญ้าที่มีความยาวเกินกว่ากันเลยแม้แต่เส้นเดียว และยังไม่มีสัตว์ชนิดใดเข้ามาภายในสวนได้เลย หลังจากที่สเลนเดอร์แมนเดินชมความงามของสวนที่คุ้นเคย เขาก็เดินไปยังต้นเซนทรัล ต้นไม้ที่สูงและใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์ เป็นต้นไม้ต้นนี้เป็นศูนย์กลางของการรวมตัวของเหล่าครีปปี้พาสต้าทุกคนเพื่อการประชาสัมพันธ์ แต่ ณ ตอนนี้กลับดูเหมือนศูนย์กลางสนามเด็กเล่นซะมากกว่า เขาเดินไปได้ไม่นานก็หยุดฝีเท้า เพราะเห็นการหายไปของสมาชิกบางคน

               "สมาย..สมาย นายพอรู้มั้ยว่าอายเลส แจ็ก กับเจน เดอะ คิลเลอร์ หายไปไหน" หลังจากที่สเลนเดอร์แมนกล่าวไป สมายก็เดินเข้ามาตามเสียงของผู้เรียก มันเป็นสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนขนาดใหญ่ 

               "แจ็กคุงกับเจนนี่จังน่ะเหรอ..สเลนเดอร์คุง แจ็กคุงน่ะไปซื้อไตน่ะ ส่วนเจนนี่จังน่ะ..เราไม่รู้ รู้แค่ว่าเจนนี่จังออกไปข้างนอกน่ะ" สมายตอบชายไร้หน้าอย่างตรงไปตรงมา

               "อ้าวนี่! อายเลส แจ็กไปซื้อไตมาอีกแล้วเหรอ ในตู้เย็นยังไม่หมดเลยนะ" ชายไร้หน้าพูดออกมาด้วยความสงสัย

               "หมดแล้วสเลนเดอร์คุง พึ่งหมดเมื่อวานน่ะ เพราะวันนั้นแจ็กคุงกินเองซะเกลี้ยงเลย วันนี้แจ็กคุงเลยออกไปซื้อน่ะ" สมายพูดออกมา แล้วก็ยิ้มให้สเลนเดอร์ก่อนจะเดินออกไป "ไปก่อนนะ สเลนเดอร์คุง แซลลี่จังเรียกแล้ว"

               "ขอบใจน้า" สเลนเดอร์แมนตะโกนออกไปเพื่อแสดงขอบคุณ สมายนั้นก็หันหน้ามาพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะหันหน้ากลับไป

               หลังจากกนั้นสเลนเดอร์แมนก็เดินเข้าไปในบ้านเพื่อเข้าไปในสถานที่โปรดของเขา นั่นคือห้องสมุด เขาเดินไปเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงหน้าห้องสมุด ก่อนจะถึงจุดหมาย เขาก็เห็นคล็อกเวิร์คที่กำลังทำกริยาแปลกๆ อยู่หน้าห้องสมุด เธอทอดสายตาอย่างล่อกแล่ก ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ มันทำให้สเลนเดอร์แมนเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก และกลัวว่าคล็อกเวิร์คจะไปทำอะไรที่ไม่ดีในห้องสมุด เขาเลยวาร์ปเข้าไปในห้องสมุด เพื่อที่จะไปดูว่าคล็อกเวิร์คจะไปทำอะไร หลังจากที่เขาวาร์ปมา เขาก็ทำการย่อก่อนจะแอบมองคล็อกเวิร์คที่กำลังเดินเข้าไปในหมวดทั่วไป เธอดึงนิตยสารออกมาฉบับหนึ่ง ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อความแน่ใจ แล้วเธอจึงนั่งอ่าน สเลนเดอร์แมนรอให้เธออ่านไปซักพัก เพื่อที่จะแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องสมุด นอกจากเธอคนเดียว หลักจากนั้นสเลนเดอร์แมนก็วาร์ปไปอยู่ทางด้านขวาของคล็อกเวิร์ค ซึ่งเป็นมุมมืด

               "ผมไม่เคยทราบเลยว่าคุณก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน ว่าแต่คุณกำลังอ่านอะไรอยู่น่ะ" หลังจากที่สเลนเดอร์แมนเอ่ยปาก มันทำให้คล็อกเวิร์คหันไปทางต้นเสียงอย่างตกใจมาก เธอพยายามจะดึงนิตยสารที่เธออ่านกลับไป แต่เมื่อมือขวาของสเลนเดอร์แมนสัมผัสนิตยสารเล่มนั้น มันก็อันตรธานหายไปจากมือทั้งสองข้างของคล็อกเวิร์ค แล้วมาโผล่ที่มือซ้ายของสเลนเดอร์แมน แล้วเขาก็หยิบมาอ่านทันที

               "สเลนดี้! อย่าอ่านนะ..ขอร้องละ" คล็อกเวิร์คพูดออกมาในขณะที่หน้าของเธอนั้นมีสีแดง มันแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังอาย

               "ผมไม่อ่านก็ได้...แต่ผมขอดูหน้าปกละกัน" สเลนเดอร์แมนพูดออกมาอย่างชั่วร้ายก่อนจะเอาหนังสือมามองดูหน้าปกอย่างใจจดใจจ่อ

               "ไม่..อย่านะ" การกระทำของชายไร้หน้าทำให้หน้าของหญิงสาวแดงก่ำ แม้เธอจะพูดอะไรมันก็สายไปแล้ว

               "วิ..วิธีการเป็นแม่ที่ดี นี่คุณ! อย่าบอกนะว่าคุณกับโทบี้มี..." ชายไร้หน้าพูดออกมาอย่างตกใจ แต่เขานั้นยังพูดไม่จบ ก็ถูกคล็อกเวิร์คพูดแทรกมาก่อน

               "ชั้นยังไม่มีลูกนะ แล้วชั้นก็ยังได้มีอะไรกับโทบี้ด้วย ฉันแค่ว่ามาอ่านก่อนจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นน่ะ" เธอตะโกนออกมา ก่อนจะลดเสียงลงด้วยความเขินอาย

               "อ่อ..โอเค ขอโทษนะที่ผมทำกริยาอย่างนั้นน่ะ ผมแค่กลัวว่าคุณจะมาทำอะไรที่ไม่ดีในห้องสมุดน่ะ" สเลนเดอร์แมนกล่าวขอโทษอย่างสำนึกผิด แต่เมื่อมองหน้าของหญิงสาวตรงหน้าก็พบว่าเธอนั้นหน้าแดงขึ้นไปอีก ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามชายไร้หน้า

               "แล้วเรื่องไม่ดีที่เธอคิดไว้ มันคืออะไรล่ะ" เธอพูดด้วยท่าทางเขินอาย

               "ก็ประมาณว่าขโมยหนังสือ เผาหนังสือ" ชายไร้หน้าทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะมองไปที่หน้าของหญิงสาวที่ถาม เธอนั้นกำลังอึ้ง เขาจึงถามว่าเธอเป็นอะไร แต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาก่อนจะเอ่ยปากแล้วมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ "นี่คุณเป็นอะ..ระ อ่ะ อ๋อ นี่คุณคิดว่าเรื่องไม่ดีของผมคือเรื่องประเภทนั้นน่ะเหรอ"

               "ใช่ เอ้ย ไม่..ไม่" เธอตอบครั้งแรกอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันทำให้เธอยิ่งอายเข้าไปกันใหญ่

               "เธอยอมรับแล้วนะ..คิก..คิก" สเลนเดอร์แมนพูดออกมา ก่อนจะนำมือมาปิดปากแล้วขำเบา

               "ไม่นะ..ไม่" เธออายมากกับคำพูดของเธอที่หลุดออกมา จนเธอต้องนำมือทั้งสองข้างของเธอมาปิดหน้าที่แดงก่ำของเธอ

               สเลนเดอร์แมนจึงแซวเธอกับเรื่องในห้องสมุดไปเรื่อยๆ แล้วเขาก็ฉุกคิดขึ้น 'ว่าแต่ อายเลส แจ็กกับเจน อยู่ไหนแล้วน่าาา'

               ห่างออกไปจากป่าสเลนเดอร์ฟอเรสต์ไปทางตัวเมืองที่ใกล้กับเขตของป่า อายเลส แจ็กที่ตอนนี้ใส่แว่นกันแดดสีดำแทนหน้ากากเดินตามริมถนนเพื่อไปยังจุดหมายของเขา แจ็กเดินมาสักระยะนึงก็หยุด เพราะถึงจุดหมายแล้ว ซึ่งเป็นร้านๆหนึ่ง ที่มีป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนว่า 'ร้านขายเนื้อของลุงแซม' ติดอยู่ข้างหน้าร้าน แจ็กเดินเข้าไปในร้านก่อนจะทักทายเจ้าของร้าน

               "สวัสดีครับ..ลุงแซม" แจ็กทักทายเจ้าของร้านอย่างคุ้นเคย

               "ว่าไง..ไอ้หลานชาย" ชายที่มีหนวดเคราสีส้ม ใส่ผ้ากันเปื้อนผืนใหญ่ ยกมือทักทายแจ็กอย่างคุ้นเคยเช่นเดียวกัน ก่อนจะทำการค้าขาย "วันนี้มาซื้ออะไรล่ะ..แจ็ก"

               "ไตครับ ซักโลนึง" แจ็กกวักมือเรียกลุงแซม ก่อนจะกระซิบบอกสิ่งที่ต้องการจะซื้อกับพ่อค้าเคราส้ม พร้อมกับวางเงิน แล้วพูดกับชายเคราส้มต่อ "ลุงยังไม่ได้บอกเรื่องของผมกับใครใช่มั้ยครับ"

               "ฮ่าฮ่าฮ่า..ยังเลย ไอหลานชาย แล้วก็ไม่คิดจะบอกด้วย" ลุงแสมพูดปนหัวเราะ 

               "ลุงแสม! เบาๆหน่อย นี่มันเรื่อง..." แจ็คกำลังจะพูดห้ามลุงแซม แต่ก็ถูกเจ้าตัวแทรกมาก่อน

               "แจ็ก..อย่าเครียดไปกับเรื่องนี้มาก ยิ่งเครียดยิ่งดูมีพิรุธ" ลุงแซมพูดด้วยเสียงที่พอให้แจ็กได้ยินเท่านั้น

               "ขอบคุณนะครับ..." แจ็กกล่าวขอบคุณลุงแซมด้วยเสียงเบา ก่อนจะกล่าวลาด้วยเสียงปกติ "ไปก่อนนะครับ..ลุงแสม"

               "ไว้เจอกันใหม่..ไอหลานชาย" ลุงแซมก็กล่าวบอกลา ก่อนที่แจ็กจะเดินออกไปจากร้านของเขา

               ลุงแซมนั้นเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องที่แท้จริงของเขา ว่าเขาเป็นใครหรือตัวอะไร ชายเคราส้มนั้นไม่เคยกลัวอายเลส แจ็กในเวลาที่เขาถอดแว่นหรือหน้ากาก ซึ่งมันทำให้เห็นดวงตาที่กลวงโบ๋ทั้งสองข้างของเขา แถมยังมีของเหลวสีดำไหลเยิ้มออกมาอีก รวมถึงการที่เขาจะต้องกินไต ลุงแซมไม่เคยกลัวแม้แต่น้อย แล้วชายเคราส้มคนนี้มักจะเรียกแจ็กว่าไอลูกชายหรือไอหลานชาย มันมองเหมือนว่าเขาเป็นลูกของลุงเค้าจริงๆ ซึ่งแจ็กก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน อายเลส แจ็กเดินไปตามริมถนนพรางคิดเรื่องต่างๆไปมา  แต่แล้วเขากลับพบกับเพื่อนของเขาที่ไม่น่าจะออกมาจากป่า

               "เฮ้! เจน มาทำอะไรที่นี่เนี้ย" อายเลส แจ็กทักหญิงสาวที่มีดวงตาสีดำสนิท แต่ตอนนี้ถูกปกปิดไว้ด้วยแว่นกันแดดแฟชั่น เธอเพิ่งจะเดินออกมาจากร้านขายเสื้อ พร้อมกับถุงผ้าที่สะพายมา เธอดูตกใจที่เห็นอายเลส แจ็กอยู่ที่นี่ แต่แล้วเธอก็เดินเข้ามาใกล้ๆก่อนจะบอกบางอย่างกับแจ็ก

               "ฉันมาซื้อพวกเสื้อผ้าน่ะ" หญิงสาวผมสีดำพูดกับอายเลส แจ็กด้วยเสียงปกติ

               "ฮ้า! นี่เธอมาเสื้ออีกแล้วเหรอ เสื้อที่ห้องเธอยังมีอยู่ตั้งเยอะทำไมถึงยังต้องมาซื้ออิก...อึม..ไอ..อ้อง..อิด..อาก..อั๋น..อ้วย" หญิงสาวรีบเอามือปิดปากของผู้พูด

               "ถ้ามีพวกเราได้ยินล่ะ..ชั้นคงไม่ได้ออกมาซื้อเสื้อผ้าอีกแน่ นายก็รู้นี่แฟชั่นสมัยนี้มันเปลี่ยนเทรนด์บ่อยจะตาย" หญิงสาวบ้าแฟชั่นพูดอย่างผู้เชี่ยวชาญ "แล้วนายก็อย่าไปบอกคนอื่นล่ะ..ไม่งั้นนายไม่ได้มีชีวิตจนถึงวันเกิดแน่"

               สาวบ้าแฟชั่นแผ่รังสีอำมหิตที่มันกำลังบอกแจ็กว่าเธอทำจริงแน่ มันทำให้เขากลัวเลยทีเดียว แต่แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนถูกยิง

               "นั่นมันอะไรน่ะ"หญิงสาวผมดำพูดขึ้น ในขณะที่เธอหันไปทางต้นเสียง

               "ไปดูดิ จะได้รู้ว่ามันคือสิ่งใด" ชายในแว่นสีดำบอกกับหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะวิ่งนำไป โดยมีหญิงสาวผมดำตามไป

               พวกเขาวิ่งมาได้สักพักก็มาถึงจุดเกิดเหตุ พวกเขาเห็นทหารจำนวนหนึ่งกำลังถือปืนไรเฟิลจ่ออยู่ แต่พวกเขาไม่เห็นว่ากำลังจ่อไปที่ใครหรือตัวอะไร แต่แล้วก็เกิดเสียงปืนเกิดยิงขึ้นอีกรอบ และตามมาด้วยเสียงของทหารนายหนึ่ง

               "บ้าเอ้ย! เจ้านี่มันตัวอะไรกันแน่ว่ะ ยิงแล้วกระสุนหายไปต่อหน้าต่อตาเนี้ย..อ้อก" หลังจากที่ทหารนายนั้นพูดจบกระสุนไรเฟิลจำนวนหนึ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นของเขา ก็โผล่มาในอากาศ พร้อมกับเจาะกระโหลกศีรษะของทหารนายนั้นทันที เหมือนที่เขามักเรียกกันว่า "เฮดช้อดต์" สายโลหิตที่ไหลออกมาจากกระโหลกศีรษะของทหารนายนั้นไหลมาจนถึงที่ที่แจ็กและเจนอยู่

               "นี่มันเลือดนี่นา..ข้างในนั้นต้องมีตัวอะไรที่มันสะท้อนกระสุนหรือหยุดเวลาได้แน่ๆเลย มันถึงทำเรื่องอย่างนี้ได้เนี้ย" หลังจากที่หญิงสาวพูดจบ เธอก็เปลี่ยนมุมมองการมุงดูของพวกเขา  ทำให้พวกเขาได้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในวงล้อมของทหาร มันเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีดำ กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบสีดำอีกคู่ ดูเหมือนเด็กคนนั้นกำลังเสียบหูฟังเพลง และยังไม่สนใจเหล่าทหารที่อยู่รอบข้างอีกด้วย

               "ทหารทุกนายยิงมันไปเรื่อยๆ อย่าหยุด ถึงเจ้านี่จะมีพลังหรือปาฏิหาริย์อะไรก็แล้วแต่ มันย่อมต้องพลาดบ้าง ดังนั้นสาดกระสุนไปเรื่อยๆ" นั้นน่าจะเป็นเสียงของผู้บังคับบัญชาของทหารพวกนั้น เหล่าทหารก็ทำตามที่เขาสั่ง เหล่าทหารก็สาดกระสุนไรเฟิลใส่ผู้ชายคนนั้นไม่ยั้ง แต่ผลนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม กระสุนที่ถูกสาดมาทั้งหมดอันตรธานหายไปเหมือนมันเข้าไปในถูกดูดให้เข้าไปในประตูมิติที่มองไม่เห็น แล้วก็เปิดอีกครั้งในจุดที่เป็นร่างกายของผู้ยิง หรือที่มันถูกเรียกสั้นๆว่า 'การรีเวิร์ส' ทุกคนที่ทำการยิงใส่ชายผู้นี้ ถูกกระสุนของตนเองฆ่าตาย บ้างก็เจาะจนตัวพรุน บ้างก็ไม่เหลือส่วนที่เรียกว่าหัวอยู่เลย ทหารทุกนายนั้นตายอย่างน่าอนาถ จนตอนนี้เหลือแต่ผู้บังคับบัญชาคนเดียว เขานั้นนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยังคงมีสติจึงรีบติดต่อไปยังใครสักคน

               "ท่านครับ เราไม่สามารถต่อกรกับเด็กคนนี้ได้เลยครับ ทหารทุกนายเสียชีวิตหมดแล้วครับ เหมือนเขามีพลังอะไรบางอย่างที่สามารถ... อ่ะ ท่านจะส่งหน่วยนั้นมาเลยเหรอครับ..ครับ ได้ครับ ให้ผมถอนตัวเลยใช่มั้ยครับ รับทราบครับ" ชายคนนั้นรีบขับรถที่เขามากับออกไป โดยพูดบางอย่างทิ้งไว้ "องค์กรนั้นจะมาแล้ว แกไม่มีทางรอดไปได้หรอก..ฮ่าฮ่าฮ่า"

               หลังจากที่รถของชายคนนั้นหายลับไปจากสายตา รถรูปทรงแปลกๆหลายคันก็ถูกขับเคลื่อนมาแทนที่ เจนกับแจ็กรีบหลบไปในทิศทางที่ลับตาคนที่สุด ส่วนเด็กในฮู้ดสีดำก็ยังคงเดินไปตามริมถนนอย่างช้าๆ แต่ไม่นานเขาก็หยุดและเบิกตากว้างกับคำที่เขียนบนรถพวกนั้น มันเขียนไว้ว่า 'เอสซีพี ฟาวเดชั่น' ก่อนจะบ่นออกมา

               "อิ้บอ๋ายแล้วไงเรา ไอบ้าเอ้ยยย..มาไม่บอกไม่กล่าวสักคำ...สงสารกันบ้างมั้ย" ชายในฮู้ดบ่นออกมาเสียงดัง แต่เมื่อบ่นเสร็จ รถก็มาจอดเรียบร้อยแล้ว ผู้คุมในชุดที่เขียนตรงกลางว่า 'เอสซีพี' ได้ออกมาตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ และมีนักวิจับออกมาบ้าง ก่อนจะมีชายคนหนึ่งพูดโต้ตอบกลับไป

               "ไม่สงสารโว้ย ฮ่าฮ่าฮ่า" ชายในเสื้อมีฮู้ดสีดำทำหน้าเอือมเหมือนกำลังบอกว่า 'หูดีไปแล้ว..เอ็ง'

               "เฮ้ย..หยิบไอ้แท่งยับยั้งพลังมาดิ ฉันอยากรู้ว่ามันยับยั้งได้จริงอย่างที่ไอ้ดอกเตอร์นั่นบอกรึเปล่า" ชายที่พูดโต้ตอบกับชายในชุดกันหนาวสีดำออกมาจากรถของเขา พร้อมกับสั่งการนักวิจัยให้หยิบวัตถุบางอย่างออกมา มันมีลักษณะเป็นแท่งขนาดเท่าฝ่ามือเรืองแสงสีฟ้า และยังปล่อยกลุ่มก๊าซบางอย่างออกมาตลอดเวลา ก่อนจะหันหน้าไปหาชายในฮู้ดสีดำ ซึ่งในขณะนี้ได้ถอดหูฟังออกแล้ว "แกน่ะเป็นเรียลลิตี้เบนเดอร์ที่ยังเหลือรอดอยู่สินะ จากฟังมานี่แกมีความสามารถคล้ายกับตัวที่เรามีอยู่เลยนะ แต่ช่างเหอะพล่ามมากก็ไม่ได้อะไร..มาสู้กันสักยกสองยกเลยดีกว่า"

               "ผมก็อยากอยู่สู้กับพี่หรอกนะ...แต่เพิ่งนึกได้ว่าต้องไปซื้อของเข้าบ้านน่ะ งั้นผมขอตัวล่ะ..บะ บาย" ชายในฮู้ดสีดำพูดอ้างที่ฟังดูไม่ขึ้นก่อนจะเผ่นหายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งลักษณะการกระทำนี้ถูกเรียกอีกอย่างว่า 'ใส่เกียร์หมา' แม้ว่าชายในฮู้ดสีดำจะใส่เกียร์สูงขนาดไหน ก็หนีไม่พ้น เนื่องจากว่าเขาได้สูดดมก๊าซที่มาจากแท่งยับยั้งพลัง ทำให้พลังของเรียลลิตี้เบนเดอร์ใช้การไม่ได้ เขาจึงวิ่งได้แค่เพียงที่มนุษย์วิ่งเท่านั้น และสุดท้ายก็ถูกผู้คุมจับจนได้

               "แกคิดว่าจะหนีพวกเราไปได้เหรอ..ฮ่าฮ่าฮ่า" หัวหน้าผู้คุมพูดเยาะเย้ยเด็กชายผู้ไร้ทางสู้ เมื่อพูดเยาะเย้ยถากถางเสร็จก็มีนักวิจัยคนหนึ่งนำโทรศัพท์มาให้กับหัวหน้าผู้คุม "ครับท่าน..ผมจับเรียลลิตี้เบนเดอร์ได้ครับ มีความสามารถสะท้อนการโจมตีครับ อะไรนะครับ ให้จับตาย ไม่ต้องเรียลลิตี้เบนเดอร์เพิ่มมาในองค์กร ทำไมครับ..ครับ รับทราบครับ"

               "ไอ้หนูเอ๋ย เบื้องบนไม่ค่อยสนใจแกเท่าไหร่ว่ะ..น่าสงสารจัง ช่างเหอะ ทุกคนจับตายเว้ยยย...ยิงให้พรุนเลยพวก" หลังจากพูดจบหัวหน้าผู้คุมก็เดินกลับไปที่รถของตนเอง ส่วนผู้คุมคนอื่นก็จ่อปืนพกมาที่เด็กชายผู้ไร้ทางสู้

               "นี่ เจนจะออกไปช่วยเจ้าเด็กนั่นดีมั้ย..อ้าว เจน เฮ้อ..ไม่เคยจะชวนเล้ยยย" อายเลส แจ็กที่แอบสุ่มในพุ่มไม้หันหน้าถามเจนที่หายตัวไปอยู่ที่ข้างบนอาคารๆหนึ่ง หลังจากที่เห็นอายเลส แจ็กจึงตามไปหลอกล่อศัตรูเพื่อเปิดช่องว่างให้เจนไปช่วยเด็กคนนั้น

               "สวัสดีเพื่อน ใครอยากกินไอ้นี้เป็นเพื่อนกับผมบ้าง" หลังจากที่แจ็กพูดจบ เขาก็หยิบไตชิ้นหนึ่งขึ้นมา ทำเอาผู้คุมบางคนเกิดอาเจียนออกมาทันที ในขณะที่เจนกำลังลงมาช่วยเด็กคนนั้นถึงกับเอามือกุมขมับแล้วส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะหยิบมีดที่ตกขึ้นมา แล้วนำด้ามมีดกระทุ้งใส่ท้ายทอยของผู้คุมทุกคนอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คุมเหล่านั้นสลบกันไปตามๆกัน

               "รีบไปก่อนที่ไอหัวหน้าผู้คุมจะรู้ตัวเถอะ" หลังจากที่หญิงสาวพูดจบ เธอ แจ็ก และเด็กที่ช่วยไว้ก็รีบวิ่งกลับไปยังคฤหาสน์ของมิสเตอร์ครีปปี้พาสต้าอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะถูกเจนอุ้มอยู่มากกว่า เพราะเขายังอยู่ในสถานะมึนงงและยังไม่สามารถพูดอะไรได้ โดยน่าจะเป็นเพราะก๊าซที่นั่นไม่น่าจะมีผลยับยั้งพลังเพียงอย่างเดียว มันยังทำให้เรียลลิตี้เบนเดอร์ที่ถูกยับยั้งพลัง เกิดอาการไม่ได้สติอีกด้วย พวกเขาวิ่งเข้าป่ามาได้สักระยะ พวกเขาก็เข้ามาที่หน้าประตูคฤหาสน์ พวกเขาก็พบกับชายไร้หน้าที่ดูเหมือนกำลังรอใคร ในช่วงนี้เด็กชายคนนี้ก็สติกลับมา และภาพแรกที่เห็นก็คือหน้าที่ว่างเปล่าของสเลนเดอร์แมน ทำให้เด็กคนนั้นรีบกระโดดออกมาจากหลังของเจน เดอะ คิลเลอร์ แล้วอุทาน

               "นี่มันตัวบ้าอะไรว่ะเนี้ย" เด็กชายคนนั้นตกใจกลัวพร้อมกับด่าสเลนเดอร์แมนโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่สเลนเดอร์ก็ไม่ถือ แล้วค่อยๆปรับความเข้าใจของเด็กคนนั้นก่อนจะถามไถ่เรื่องสุดท้าย

               "พวกเราทุกคนยินต้อนรับเธอ..เข้าสู่ครีปปี้พาสต้าแฟมิลี่ แล้วตอนนี้คำถามสุดท้ายก็คือ...เธอเป็นใคร" สเลนเดอร์แมนถามเด็กชายในฮู้ดสีดำ

               "ผมชื่อ ลาออน แม็กซิมัส ผมคือหนึ่งในเรียลลิตี้เบนเดอร์ที่มีความสามารถหลากหลายที่สุดที่ยังคงเหลือรอดอยู่บนโลก" ลาออนตอบออกมาด้วยเสียงแน่วแน่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา