แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  48.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 1

 

 

 

ต้นข้าว

 

เหมือนชะตาลิขิตให้ผมพบสาวสวยหุ่นน่าฟัดอยู่ตรงหน้า เชี้ยยยย ขาว สวย หน้าอกโคตรใหญ่กลัวว่ามันจะแตกออกมา แม่คุ๊นนนน ใส่เสื้อเว้าขนาดนี้เกรงใจคนมองบ้างสิครับ

 

โอยยย วิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน

 

“มองทำเชี้ยอะไรครับ จีบเลย” เต้ยยุยง นับแต่เสียซิงใจผมมันก็ไม่กล้าจะเข้าหน้าผู้หญิงสักเท่าไหร่

 

“กูไม่ได้ชอบ กูแต่อยากซั่ม” ผมตอบตามตรง

 

“มึงเชี้ยมาก ฮ่าๆๆ เออ ว่าแต่...ไอ้สองตัวนั้นมันมายังวะเนี้ย” เต้ยชะเง้อมองออกไปนอกห้างสรรพสินค้า

 

ผมมีเพื่อนสนิทอยู่อีกสองคนแต่เรียนคนละมหา’ลัย มันชื่อกิม ไอ้นี่ตัวเล็กดัดฟันน่ารักเลยแหละแต่สันดานแม่งเถื่อนมาก ต่างจากไอ้มิก รายนั้นหน้าคมยิ้มเก่งและโคตรสุภาพบุรุษ ถ้าให้คนอื่นมองมามันเหมือนเจ้าชายในฝูงหมาป่า ฮ่าๆๆ เว้นไอ้กิมที่เหมือนเจ้าหญิง อย่าไปบอกมันนะไอ้ห่านี้มือหนักตีนหนัก

 

“หิวน้ำว่ะ ต้นข้าวจ๋าาา เต้ยหิวน้ำจังเลย” ผมเหล่มองมันที่ส่งสายตาอ้อนมาให้

 

“คิดว่าน่ารัก?”

 

“นะๆๆ เต้ยจะตายแล้วนะครับต้นข้าว” ผมไม่ได้ยอมเพราะความน่ารักของมัน แต่ยอมเพราะกูรำคาญเว้ยยย!!!

 

“ขอชาเขียวปั่นกับชานมปั่นสองแก้วครับ” ผมส่งยิ้มไปให้สาวแคชเชียร์ เธออมยิ้มหันไปทำให้ก่อนจะวางลงบนเคาน์เตอร์คิดเงิน

 

“ทั้งหมดเก้าสิบบาทค่ะ รับขนมเค้กทานเพิ่มไหมคะ”

 

“งั้นขอเค้กกล้วยสองชิ้นครับ” ผมยังแมนอยู่เว้ย เห็นไหมยังมองผู้หญิงน่ารักอยู่

 

“งะ งั้น รอสักครู่นะคะ” เธอก้มหน้าเขินหยิบเค้กสองชิ้นใส่กล่อง ผมหันไปมองข้างหลังไม่มีคนต่อแถวรอเลยเท้าแขนกับเคาน์เตอร์

 

“เคยเรียนนาฏศิลป์ไหมครับ” ผมถามยิ้มๆ

 

“เคยค่ะ ทำไมเหรอคะ?” เธอกำลังงง ผมเลยหยิบกระดาษโน้ตใกล้มือส่งให้

 

“งั้นก็แสดงว่าจีบได้สิครับ ถ้างั้นขอเลขสิบหลักสวยๆจะได้รึเปล่า” ผมหยอดไปทำเอาเธอเขินหนักกัดปากตัวเองบิดไปมาแต่ก็ยอมจดเบอร์ให้

 

“ข้างบนน่ะเบอร์โทร แต่ข้างล่างเบอร์ห้องนะคะ” เธอพูดขึ้นก่อนผมจะเดินออกมา

 

“โอ้โห กูนึกว่าไปแดกน้ำอย่างอื่นซะแล้ว” ผมยื่นน้ำให้เต้ย มันรับไว้ยกดูดทันที

 

“กิมมิกมันไม่ว่างว่ะ เอาไง กลับเลยไหม”

 

“เอาไงอ่ะ กูจะไปทำงานเลยแล้วมึงกลับบ้านเลยเปล่า” ผมถามมันหยิบกระดาษใส่กระเป๋าเสื้อ

 

“เดี๋ยว กระดาษอะไรวะ”

 

“หึ ให้ทาย” เต้ยมันหยิบออกมาดูยกนิ้วชี้หน้าผม

 

“อ๋อออ ที่ไปนานเพราะแบบนี้ใช่ไหมไอ้สัส!” เต้ยขยำกระดาษโยนใส่กระเป๋ากางเกง

 

“เอ้าเชี้ย! ไรมึงเนี้ย” ผมงงเป็นไก่ตาแตกเลย

 

“คนนี้กูรู้จักเด็กกูเอง ฮ่าๆๆ เสียเวลาว่ะกูฟันมาแล้ว” ผมผลักหัวมันออก กูว่าแล้ว

 

“ตกลงเอาไง?”

 

“ไปนั่งกินเค้กร้านพี่เตดีกว่า เบื่อๆขี้เกียจกลับห้อง” เต้ยตอบ

 

“อืม งั้นตามนี้” ผมเดินไปซ้อนท้ายไอ้เต้ยเกาะเอวมันไว้กันร่วง ไอ้ห่านี้ขับไวแต่ปลอดภัยผมว่าจะเก็บเงินออกรถเวสป้าอยู่ขาดอีกสองสามหมื่น

 

………………………………………………………………….

 

@CF Coffee

 

“วันนี้มาไวจังข้าว” พี่พิมพี่แคชเชียร์เอ่ยทัก ผมยกมือไหว้สะกิดไอ้เต้ยว่านี่พี่พิม มันเลยไหว้ตาม

 

“เลิกไวครับ แล้ววันนี้พี่เตไม่มาเหรอ” ผมมองเข้าไปด้านใน ปกติจะมาป้วนเปี้ยนๆแถวๆพี่พิม

 

“ไม่ได้มาจ๊ะ วันนี้ติดประชุมน่ะ เพื่อนข้าวเหรอ?” พี่พิมมองเต้ย

 

“ครับ คนนี้เต้ยเพื่อนสนิทข้าวเอง”

 

“จ๊ะ ไม่ต้องรีบเข้างานหรอกไปนั่งคุยกับเพื่อนก่อน กินอะไรบอกเลยพี่เลี้ยง”

 

“ขอบคุณครับ ป่ะเต้ย” ผมสะกิดมันให้เดินตามไปนั่งมุมในสุด เวลาคนว่างๆผมก็ชอบมานอนมานั่งอ่านหนังสือที่มุมนี้แหละ เพราะพี่เตชินเขาทำไว้ให้พนักงานพักผ่อน

 

“พี่มึงใจดีจังวะ กูขอมาทำงานด้วยอีกคนได้ป่ะ” ผมมองหน้ามัน

 

“อารมณ์ไหนของมึง เอาเรื่องเรียนให้รอดก่อนจะมาทำงาน”

               

“มึงก็สอนกูดิ ทั้งในห้องทั้งการบ้านถ้าเป็นมึงกูจะยอมเชื่อฟังเลย” เต้ยพูดออกมาก่อนชะงักรีบแก้คำ

 

“ที่กูพูดหมายถึงว่ามึงสอนเข้าใจง่ายดี โอเคนะ”

 

“กูก็ยังไม่ทันพูดอะไรเลย ฮ่าๆๆ มึงเป็นอะไร” ผมนั่งอ่านหนังสือไม่ได้ฟังสักเท่าไหร่

 

“เออ กูก็...ช่างแม่งเหอะ โห เค้กน่ากินชิบหาย อื้ม อร่อยกว่าที่มึงซื้อมาอีก” เต้ยตาโตเห็นสตอเบอรี่เป็นลูกวางเรียงรายราดด้วยช็อคโกแลต ผมวางหนังสือยกช้อนตักเค้กเข้าปาก

 

“กูทำเป็นนะ ไว้ว่างๆกูทำให้กินเอาเปล่า” ผมอยากอวดครับไม่มีอะไร อาหารไปไม่รอดแต่เรื่องของหวานขอให้บอก

 

“จริงเหรอวะ?” มองงี้ไม่เชื่อกูใช่ไหมไอ้เต้ย

 

“เออออ รับรองจะติดใจ” เต้ยมันยิ้มยกนิ้วก้อยขึ้นมากระดิกยิกๆ

 

“สัญญามาดิ ว่ามึงจะทำให้กูกินคนแรก” ผมตบหัวมันจนร้องโอย

 

“เพื่อนเต้ยครับ กูทำให้พี่กูแดกประจำจะเป็นคนแรกมึงฝันแล้วเว้ย”

 

“นอกจากพี่มึงอะ ขอกูเป็นคนแรกไม่ได้ไงเล่า” ผมมองหน้ามันที่วันนี้ทำตัวแปลกกว่าปกติ

 

“เออๆ เรื่องมากนะมึง”

 

“เอ้า ยื่นนิ้วมาสัญญากับกูก่อน” เต้ยเอานิ้วก้อยมาเขี่ยนิ้วผมที่วางบนตัก อะไรของมันวะ

 

“ครับ มึงแม่งเยอะสัส แดกต่อได้ยังกูหิว”

 

“ปากไม่ได้ติดกัน” นั่นไง แม่งตบท้ายด้วยความกวนตีน ผมยกขาถีบมันแต่เสือกจับไว้เอามาพาดบนตักตัวเอง เวร! มันไม่ปล่อยกลับรัดเอาไว้แน่น

 

“เชี้ยเต้ย!”

 

“ท่านี้แหละกำลังฟินเลย” เต้ยพูดอมยิ้มหน้าปริ่ม ยิ่งเห็นหน้าต้นข้าวยิ่งยิ้มจนปากกว้าง

 

“ฟินห่าอะไร ปล่อยกูเว้ย” ผมโวยวายดึงขาตัวเองกลับ มันไม่ปล่อยครับ เออแม่ง ผมวางขาพลาดเอาไว้ทั้งอย่างนั้นแหละแถมอีกข้างด้วย

 

 

นั่งเล่นกันไปพักใหญ่ก็ถึงเวลาเข้างาน ผมเดินไปเปลี่ยนชุดหลังร้านปล่อยให้ไอ้เต้ยนอนเล่นอยู่ที่เดิม ไม่มีคนเห็นหรอกครับมันมีฉากกั้นเอาไว้ เต้ยมันจะอยู่รอจนผมเลิกงาน เห้อ

 

“ต้นข้าว คนนั้นมาอีกแล้วแหละ” พี่พิมกระซิบบอก ผมมองไปที่ประตูร้านเมื่อมีคนผลักเข้ามา แต่วันนี้มีผู้ชายมาเพิ่มด้วยอีกคน

 

“ขอเค้กส้มกับนมปั่นครับ มึงเอาอะไร” ฟางหันไปถามเพื่อนชายอีกคน ติ้วเงยหน้ามองเมนูของร้าน

 

“ผมเอาชาเขียวปั่นกับเค้กสตอเบอรี่ครับ”

 

“เออ ตอนมาเสิร์ฟผมขอคนนี้นะครับ” ฟางชี้มาทางต้นข้าว พี่พนักงานคนอื่นพากันมองก่อนจะก้มหน้ายิ้มทำงานต่อ

 

“ต้นข้าวได้ยินแล้วนะ” ผมหน้าบึ้งมองเขาปากแบะ ทำไมต้องขยันตื้อด้วย

 

“คร้าบบบ ได้ยินชัดเต็มสองหูเลย”

 

“ชื่อต้นข้าวนั่นเอง งั้น...ไปรอที่โต๊ะนะ” ฟางยักคิ้วให้เดินไปที่โต๊ะสี่มุมประจำ ติ้วหันมามองหน้าต้นข้าวอีกครั้ง

 

“น่ารักว่ะ แต่นั่นผู้ชายนะเว้ย” ติ้วนั่งโซฟาตรงข้ามพร้อมพูด

 

“อืม ก็ผู้ชายไง ไม่ได้ออกร่างเล็กปากแดงแต่กูชอบว่ะ ตาคมหุ่นกำลังพอดีมีเสน่ห์ชิบหาย”ยิ่งจินตนาการว่ามานอนอยู่ใต้ร่างยิ่งรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ หยุดมองไม่ได้เลยคนนี้

 

“มึงก็รู้ว่าไอ้เพมันไม่ชอบแบบนี้” ติ้วพูดถึงเพื่อนอีกคน

 

“แล้วไงวะ เพื่อนกันมันต้องรับได้ดิ แล้วกูรู้มาด้วยว่าต้นข้าวรุ่นเดียวกับเรา เชื่อป่ะ วันแรกกูนึกว่ารุ่นน้อง” ฟางนึกขำ

 

“เห้อ ขยันหาเรื่องนะมึง แต่อย่าที่มึงว่าเพื่อนกันมันต้องเข้าใจกันถ้าจะมาแตกหักเพราะไม่ถูกใจมันใช่ป่ะวะ” ติ้วเริ่มเห็นด้วย

 

ต้นข้าวเดินเข้ามาหยุดบทสนทนาของทั้งคู่ ฟางมองทุกการกระทำของร่างบางจนน่าอึดอัดถ้าจะจ้องกันขนาดนี้จับแดกเลยไหมครับ

 

“เดี๋ยว! ขอนมปั่นอีกแก้วนึงครับ”  พูดไม่พอยังยื่นมือมาจับแขนไว้อีก ฟางเห็นสายตาดุรีบปล่อยมือทันที

 

“ได้ครับ กรุณารอสักครู่”

 

ผมเดินกลับมาหาพี่พิมบอกออเดอร์ที่ได้รับมาให้ฟัง พี่พิมบอกเดี๋ยวให้คนอื่นไปแทนให้ผมเข้าไปหาเต้ยเหอะ พี่แกก็เห็นไงว่าคนนั้นลวนลามผม

 

ไม่ไหว ขอสงบสติอารมณ์ก่อน

 

“เป็นอะไรวะ” เต้ยเงยหน้าจากหน้าจอเหลือบมองผม

 

“หงุดหงิด เออ มึงว่ากูดูน่ารักจนมีผู้ชายมาชอบไหม” ผมสงสัยถามออกไป

 

เต้ยมองต้นข้าวหัวจรดเท้าก่อนวนมาหัวใหม่ จะกี่ปีต้นข้าวก็ยังเหมือนเดิม เป็นคนที่ดึงดูดทั้งชายและหญิง แล้วจะให้ตอบยังไงวะ

 

“ก็เป็นไปได้ ทำไมวะ” ที่ถามแปลว่ามีผู้ชายมาชอบสินะ เต้ยดุนลิ้มเขี่ยกระพุ้งแก้ม

 

“เปล่า ว่าแต่มึงไม่เบื่อเหรอวะมานั่งรอกู สามทุ่มเลยนะมึง”

 

“ไม่อะ อยู่ในนี้ก็สบายดีกูชอบ” เต้ยตอบกลับ กลิ่นไอหอมของกาแฟมันลอยคลุ้งไปทั่วร้านหอมได้บรรยากาศไปอีกแบบ

 

“ครับ ห้องมีไม่รู้จักกลับ กูไปทำงานต่อนะมีอะไรเรียกได้” ผมบอกไอ้เต้ย ออกมาพี่พิมก็ยื่นถาดเค้กให้ส่งโต๊ะอื่น

 

สามทุ่มกว่าผมซ้อนเวสป้าเต้ยกลับบ้าน ผ่านร้านอาหารเจ้าประจำเด็กในร้านที่รู้จักก็พากันแซว เออว่ะ สมัยนี้เขาคงไม่คิดอะไรกันแล้วถ้าเห็นผู้ชายสองคนมาซ้อนท้ายกัน

 

“ขอบใจนะ กลับบ้านดีๆนะเต้ย” ผมพูดก่อนถอดหมวกกันน็อคส่งให้

 

“มานี่ดิ้” เต้ยกวักมือเรียก ผมเดินเข้าไปหามัน

 

เต้ยมองหน้าต้นข้าวนิ่งใจเต้นตึกตัก ไม่อยากเสียมันให้ใคร ความรู้สึกนี้มันจ่ออยู่ที่อกเต้ยเม้มปากน้อยยกมือขึ้นวางแหมะบนหัวเพื่อนลูบหัวทุยจนผมยุ่งเหยิง

 

“หน้ามึงมันเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่ารอยน้ำตานะ” เต้ยพูดออกมา

 

ผมเพียงแค่คิดเล่นๆว่าเหตุการณ์แอบรักเพื่อนมันจะเกิดขึ้นกับผมไหม ทุกวันนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าเต้ยคิดยังไงกันแน่ แต่หัวใจของผม...มันคงให้ได้แค่สถานะเพื่อน

 

“วันนี้กูให้มึงเป็นพระเอก ซึ้งสัสอะ เอาไปจีบหญิงนะติดชัวร์”

 

“เออ! กูก็คงไม่คิดจีบมึงหรอก ฮ่าๆๆๆ เข้าบ้านได้แล้วมัวแต่ทำหน้าตาขี้เหร่อยู่ได้

 

“ปากมึงแม่ง เออ ถึงห้องแล้วบอกกูด้วย” ผมเดินเข้าบ้านปิดรั้วล็อคเรียบร้อย

 

“คร้าบบบ เมียกูเปล่าก็ไม่ใช่” เต้ยยิ้มทะเล้นสวมหมวกกันน็อค

 

“เพื่อนมันหายากมากกว่าเมียนะเว้ย ยิ่งเพื่อนอย่างกูหาย้ากยาก”

 

“กูคุ้ยแถวถังขยะก็เจอว่ะ เออๆเข้าไปในบ้านเลยกูกลับแล้ว” เต้ยเตรียมสตาร์ทรถ ผมเดินเข้าบ้านก่อนจะได้ยินเสียงเวสป้าขับออกไป

 

…………………………………………………………..

 

โจ้

 

ต้นน้ำบิดกายไปมาไล่ความเมื่อยขบ สอนพิเศษใครไม่เหนื่อยเท่าสอนไอ้เด็กนี่เลย!

 

“วันนี้พอแค่นี้นะครับ คุณเพทายอย่าลืมทำการบ้านที่ผมให้นะ”

 

“มันยาก ผมไม่ทำหรอก” เพทายพูดไม่ใส่ใจตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมส์ให้ชนะ

 

“งั้นผมกลับก่อนนะครับ” ต้นน้ำลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋ามาสะพาย ผมยกมือไหว้ขอบคุณก่อนเดินไปส่งที่รถ เจ้านายเอาอีกแล้วนะครับ

 

“โจ้ วันนี้ไปผับกัน” ผมเดินเข้ามาเจ้านายก็พูดขึ้น

 

“โถ่ เจ้านายทำไมทำแบบนี้ครับ ถ้านายท่านรู้...”

 

“นายก็อย่าให้ป๋ารู้สิวะ ถ้านายไม่บอกใครจะไปรู้”

 

“อย่าไปเลยเจ้านาย แล้วเมื่อกี้คุณต้นน้ำตั้งใจจะมาสอนทำแบบนี้เกรดเจ้านายจะแย่เอานะครับ” ผมเตือน

 

“ชิบ! ตายจนได้ เมื่อกี้นายว่าไงนะ” ผมถอนหายใจ เอาเถอะ เดี๋ยวเจ้านายก็รู้ตัวเอง

 

“คุณต้นน้ำตั้งใจมาสอนทำไมนายทำแบบนี้ล่ะครับ”

 

“เหอะ ก็แค่ปีเดียวความรู้ก็คงพอๆกัน ฉันอ่านหนังสือเองก็ได้”

 

“เห้อ เจ้านายนะเจ้านาย”

 

ก๊อกๆๆๆ

 

ผมเดินไปเปิดประตูเจอเพื่อนอีกคนมายืนรออยู่ นายท่านให้มาตามไปพบคงไม่พ้นเรื่องวันนี้จะทำยังไงดีวะโจ้เอ๊ย

 

“มาแล้วเหรอ” นายท่านเงยหน้าจากกองเอกสารถอดแว่นออกวางบนโต๊ะ

 

“ลูกชายฉันเป็นยังไงบ้าง ถ้าแกโกหกจะโดนทั้งนายทั้งลูกน้อง”

 

“คือ...คุณเพทายไม่เรียนเลยครับ เอาแต่เล่นเกมส์ ผมว่าคงอยากลองเชิงคุณต้นน้ำมากกว่ายังไงให้เวลาปรับตัวอีกสักสามวันก็ได้นี่ครับ” ผมก้มหน้างุด ผมช่วยได้แค่นี้จริงๆ

 

“หึ ฉันก็ไม่คิดว่าจะสนใจอยู่แล้ว สงสัยต้องดัดนิสัยใหม่”

 

“นายท่านจะทำอะไรครับ” ผมถามขึ้นห่วงเจ้านาย

 

“ฉันมีลูกชายแค่สามคน เจ้าพีชกับเจ้าเพลงมันเอาตัวรอดได้ ห่วงแต่ตาเพเนี่ยแหละจะไปไม่รอด แกรู้ใช่ไหมว่าวงการธุรกิจมันมีอะไรเข้ามาได้ไม่หยุดหย่อน

 

“ครับ”

 

“ถ้าวันนึงพวกอริฉันมันเกิดจับตัวเจ้าเพไปมันคงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอฉันช่วย ฉันจะให้มันไปอยู่กับพ่อฉันแกว่าดีไหม

 

“นายท่านก็รู้ว่าคุณเพทายไม่ค่อยถูกกับปู่สักเท่าไหร่ แฮ่ๆ” ไปเยี่ยมครั้งที่แล้วแทบจะฆ่ากันตาย

 

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง”

 

“ขอเวลาอีกสามวันนะครับ ถ้าคุณเพทายไม่ดีขึ้นผมเสนอให้ไปอยู่กับคุณต้นน้ำ ที่จริงคุณเพทายถ้าตั้งใจจะเรียนก็ทำได้ แต่ผมว่าน่าจะคิดว่าคุณต้นน้ำเป็นพี่แค่ปีเดียวเสียมากกว่า

 

“ไปสร้างปัญหาให้ต้นน้ำสิไม่ว่า แต่ถ้าแกคิดว่าดีก็เอาเถอะ” นายท่านเหนื่อยใจ ผมขอตัวกลับไปหาเจ้านาย

 

…………………………………………………………

 

ต้นข้าว

 

พี่ต้นน้ำขับรถจอดในบ้านเดินมานอนพักที่โซฟาท่าทางอิดโรย ผมเดินลงมาหวังจะมาดื่มน้ำแก้กระหายแต่เห็นพี่ชายนั่งอยู่จึงเข้ามาหา

 

“เหนื่อยไหมครับ ข้าวบอกแล้วว่าไม่ต้องทำเพิ่ม”

 

“ไม่เป็นไรพี่ไหว แล้ววันนี้ทำงานเป็นยังไงบ้าง” ต้นน้ำลูบหัวน้องชาย

 

“ก็ดีครับ วันนี้มีเต้ยอยู่เป็นเพื่อนทั้งวันเลย เออพี่ต้น ข้าวยืมโทรศัพท์โทรหาเต้ยหน่อย”

 

“เงินหมดอีกสิ อืม อยู่ในกระเป๋าหาเอา” พี่ต้นน้ำหายเข้าไปในครัว ผมค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋าแต่ไม่เจอ

 

“ไหนอะพี่ต้น! ไม่มีอ่า” ผมเทของข้างในออกหมดไม่เจอสักเครื่อง พี่ต้นน้ำเดินถือจานข้าวออกมาวางบนโต๊ะ

 

“สงสัยลืมไว้บ้านนู้น เห้อ ทำยังไงดีล่ะทีนี้”

 

“งั้นข้าวออกไปเติมเงินแล้วจะโทรเข้าเครื่องพี่ต้นบอกให้เขาเอามาให้นะ” ผมเห็นพี่ต้นคิดนานตัดสินใจออกจากบ้านคว้าจักรยานไปด้วย

 

@ร้านสะดวกซื้อ

 

ผมยืนอ่านนิตยาสารระหว่างรอแซนวิชที่เข้าเครื่องปิ้ง ไม่นานพนักงานก็เรียก ผมยื่นเงินไปให้ก่อนจะบอกเบอร์โทรศัพท์ตัวเองไป

 

“เรียบร้อยแล้วครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ” พนักงานชายมองตามหลังผม อืม นับวันฟีโรโมนเรียกเพศเดียวกันยิ่งสูง

 

โทรบอกให้เขาเอาโทรศัพท์มาให้พี่ต้นน้ำก่อนดีกว่า

 

Truuuu Truuuu

 

(.................)

 

“ฮัลโหลครับ นั่นใครครับ” ผมพูดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเงียบไป

 

(โทรมาหาใครไม่รู้รึไง) ว่าไงนะ!

 

“ขอโทษนะครับ พอดีพี่ต้นน้ำลืมโทรศัพท์ไว้ที่นั่นรบกวนเอามาคืนได้ไหมครับ”

 

(ลืมไว้เองก็มาเอาเองสิ แค่นี้นะเสียเวลา!)

 

Tru Tru Tru Tru

 

เชี้ยยย!!! แม่งตัดสายผม!!! 

 

 

 TBC.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา