แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  48.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

37) ตอนที่ 36

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 36

 

 

 

ต้นข้าว

 

                “มึงพูดจริง?!!!” ผมตกอยู่ในอาการตกใจสุดขีด ขนมที่คาบคาปากล่วงลงหล่นตุบอยู่ที่พื้น ไม่เห็นมีใครบอกผมเลยวะ! เรื่องใหญ่นะเฮ้ย

 

                ไปเจอครอบครัวสามีมันไม่ตลกเลย ยิ่งกับปู่มันด้วย อ๊ากกก!!

 

                (เมีย กูว่ามึงไม่โอเค)

 

                ใช่…แล้วผมคิดว่ามันจะเห็นใจผม มึงน่ารักมากหล่อ

 

                (แต่มึงต้องมา! กูบังคับเลย! มึงต้องหัดหน้าด้านเข้าไว้เมีย ใครว่าอะไรมึง มึงต้องครับอย่างเดียว)

 

                “ถ้าเขาให้กูไปหาคนใหม่ กูต้องครับด้วยไหมห๊ะ” ผมพูดกึ่งประชดมันไป รักกูมากเลยนะ

 

                (มึงอย่าโง่เมีย กูไม่ให้มีวันนั้นแน่! แล้วทำอะไรอยู่? ) ผมหนีบโทรศัพท์ไว้ที่ซอกคอมือกวาดถุงขนมไปทิ้งที่ถังขยะ

 

                “กิน นอน เดินแรด เอ๊ย! เดินเล่น” ผมกลั้วหัวเราะ ไอ้หล่อมันส่งเสียงในลำคอ

 

                (หึ ขำไอ้สัส เดี๋ยวกูกลับไปกระทืบด้วย…) มันพึมพำเบา ๆ แต่ผมได้ยินชัดเต็มสองหู ใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อ โบกพัดคอเสื้อ ให้คลายร้อน

 

                “เหี้ย! มึงแม่งทะลึ่ง อ้ากก! กูเขินไอ้เหี้ย” ผมชักดิ้นชักงอดิ้นอยู่ที่ฟูกนุ่มในห้องนั่งเล่น ม้วนผ้าห่มผืนบางพันรอบตัวเองเป็นดักแด้น้อย

 

                (มึงมันน่าหมันเขี้ยว! ถ้าได้หอมแก้มสักทีก็คงดี” เสียงมันแผ่วตอนปลาย ผมถอนหายใจยาว

 

                อืม ใช่

 

                “แล้วมึงทำอะไร?” ผมถามกลับบ้าง  ได้ยินเสียงเพลงเปิดคลอเบา ๆ

 

                (อยากรู้ ขี้เสือกนะเมีย ฮ่าๆ) ดูมันกวนส้นตีน ไม่มีสักวันหรอกที่เราจะคุยกันดี ๆ

 

                “เออ! กูอยากเสือกมาก อยากจนตัวสั่น มึงจะบอกกูได้ยังไอ้หล่อ สัส!” ปิดท้ายด้วยแอบด่ามันไปหนึ่งคำเบา ๆ

 

                (ก็ไม่ได้ทำอะไร กูเพิ่งกลับมาจากข้างนอกไม่นาน ไปนั่งคุยกับเฮียเพลงมา มึงอะ วันนี้อยู่ไหน ห้องเราหรือบ้านมึง) มันเสียงเข้มถามย้ำว่าอยู่ไหน ผมลุกขึ้นเดินไปยื่นหน้าคุยที่หน้าต่างมองลงมาเห็นเฮียพีชกับพี่ต้นที่นั่งเถียงกันอย่างน่ารัก ไม่นานก็มีร่างสูงของผู้ชายอีกคนเดินเข้ามา

 

                คนนี้ไงที่ไอ้หล่อมันระแวงมากที่สุด

 

            ผมยกมือไหว้เมื่อพี่ซัมเงยหน้ามาเห็นผมเข้าแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะเรียนหมอ ลุคเขาน่าจะไปเป็นนายแบบไม่ก็พวกนักร้องอะไรเทือกนั้น แต่ยอมรับว่าเก่งมาก

 

                (มึงเงียบไอ้เมีย!) ผมปล่อยปลายสายให้รอนานเกินไป เสียงมันดุขึ้น

 

                “อยู่บ้านกูไง จะไปอยู่ทำไมห้อง มึงไม่อยู่กูก็ไม่อยากเข้าไปนอนเหงาคนเดียว” ถึงบางครั้งจะอดไปนอนกอดหมอนมันไม่ได้บ้างก็ตาม ผมก็เข้าไปนอนห้องเรานาน ๆ ที ไปทีไรก็ใจจะขาดคิดถึงมันมากกว่าเดิม

 

                (วันนี้วันอะไร…เสาร์! วันนี้ไอ้หมอนั่นมาบ้านมึงกูจำได้ มันอยู่ไหน?” ผมอยากจะเอามือตบปากมันจริง ๆ

 

                “เขาเป็นพี่มึงนะหล่อ ให้เกียรติเขาหน่อย แล้วนั่นก็ลูกชายอาหมอมึงไม่ใช่ไง”

 

                (กูก็ให้เกลียดอยู่นี่ไง อยู่ห่าง ๆ มันไว้เลยเมีย กูสั่ง! กูห้าม! ปากแม่งดีจนน่าให้เฮียเพลงจัดการซะให้เข็ด” ไอ้เด็กขี้ฟ้อง ผมไม่แปลกใจเลยที่เฮียพีชบอกไอ้หล่อมันเป็นเด็กขี้ฟ้อง

 

                “กูรู้เหอะ แล้วยังไงพรุ่งนี้? ญาติมึงจะทำอะไรกูไหมเนี่ย” ผมล่ะโคตรจะระแวง หวังว่าคงไม่คิดพิเรนทร์พิสูจน์ความรักเราอะไรแบบนั้นหรอกนะ

 

                (ทำ…แต่เป็นกูนะ ก่อนจะเจออะไรกูขอฟัดมึงสักคืนก่อนเหอะ สามเดือนไอ้สัสกูไม่ได้…)

 

                “หยุด! ถ้ามึงจะพูดจาให้กูเขินอีกมึงหยุดเลยหล่อ มึงก็…น้องอุ้มไปก่อนดิวะ เหี้ย! มึงเข้าใจไหมเนี่ย” ผมทุบขอบหน้าต่างเมื่อคิดว่ามันต้องไม่เข้าใจแน่นอน

 

                (อะไรน้องอุ้ม มึงไปติดเด็กที่ไหนวะ?! กูโมโหจริงจังแล้วนะเมีย) ผมตบหน้าผากตัวเอง มึงโง่จริงใช่ไหมวะ

 

                “หล่อครับ มึงใจเย็นนะ คือแบบ… โอ๊ยยย ไอ้ควาย กูมีผัวแดกหญ้าแทนข้าวไงวะ” ผมบ่น ไอ้หล่อมันโวยวายสวนกลับมาทันควัน

 

                (ต้นข้าว! มึงด่ากูควาย มึงสวมเขาให้กูนะไอ้สัส! ยังไงวะ น้องคนนั้นมันดีกว่ากูตรงไหน / เฮ้ย ๆ เป็นอะไรเพ) เสียงเฮียเพลงแทรกเข้ามา ไอ้หล่อมันก็โวยวายว่าผมไปติดน้องที่ชื่ออุ้ม ผมกุมขมับเริ่มเครียด

 

                กูควรหาผัวใหม่ด่วน

 

            (ฮ่า ๆ เฮียขำว่ะ ไหนขอเฮียคุยกับที่รักเฮียหน่อย / ไม่ให้คุย! / เอามาเพ ) ผมถอนหายใจได้ยินเสียงสงครามแย่งมือถือลอดมาจากสาย พี่ต้นกวักมือให้ผมลงไปหาข้างล่าง ผมถือสายรอวิ่งลงไปข้างล่าง

 

                “วันนี้ไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเหรอครับ?” เสียงนุ่มของพี่หมอซัมทักผมใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผมนั่งลงตรงข้ามเขาข้างพี่ต้น

 

                “ครับ? ก็ไม่ได้ไป” ผมรีบเอาโทรศัพท์แนบหูเมื่อได้ยินเสียงไอ้หล่อมันตะโกนเรียกชื่ออยู่ “อืม ว่าไง”

 

                (กูได้ยินเสียงผู้ชาย เสียงมันเหมือน…)

 

                “พี่ซัมทำอะไรครับ?!” ผมโคตรตกใจเมื่อมือพี่ซัมยื่นมาลูบมุมปากของผม พี่ซัมยื่นนิ้วโป้งที่ปาดปากผมเมื่อกี้ให้ดู

 

                “แอบกินขนมมาใช่ไหมครับ ไหนว่าจะอยากมีกล้ามหน้าท้องสวย ๆ”

 

                (เหี้ยเอ๊ย! เฮียเพลงเห็นไหมว่าไอ้หมอนั่นมันจ้องจะงาบเมียเพจริง ๆ มันตอแหลเฮียก็ได้ยิน) ผมเกือบหลุดขำเมื่อได้ยินไอ้หล่อมันด่าผู้ชายด้วยคำนี้ครั้งแรก

 

                “แบบนี้ก็ดีแล้วไงข้าว พี่ว่าตัวนิ่ม ๆ น่ากอดกว่ามีกล้ามอีก เพคงโวยวายถ้ารู้ว่าข้าวจะทำอะไร” ไม่ช่วยกันเลยนะพี่ต้น

 

                “แล้วเราเก็บของรึยัง? พรุ่งนี้ไปกี่โมงนะต้น?” เฮียพีชสะกิดถามคนรัก

 

                “คงออกเช้ามืด ตายล่ะ! พี่ลืมบอกข้าว” ต้นน้ำจับปากตัวเองเมื่อลืมบอกน้องชายเรื่องสำคัญไป

 

                ผมกรอกเสียงลงไปว่าเดี๋ยวโทรกลับ ไม่อยากปล่อยให้มันรอสายนาน ๆ ไอ้หล่อมันส่งข้อความมาว่าให้เวลาสิบนาทีมันจะโทรมาใหม่ ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ

 

                “ไปไหนกันเหรอครับ?” ซัมเมอร์ถามขึ้น

 

                “ไปบ้านพี่ที่อิตาลีครับ น้องซัมจะไปด้วยก็ได้นะ ปู่พี่เราก็รู้จักนี่” แสดงว่าครอบครัวไอ้หล่อคงสนิทกับพ่อพี่ซัมมากเลยนะ อยากเห็นหน้าพ่อพี่ซัมสักครั้งจัง คงหล่อน่าดู แม่ก็คงสวยใช่เล่น

 

                “อืม แต่ว่าปู่พีชแปลก ๆ นะ ทำไมจองตั๋วให้เรากับข้าวไปคนละรอบก็ไม่รู้ น้ำจะไว้ใจให้น้องไปคนเดียวได้ไหมเนี่ย” ผมก็ว่าแปลกอย่างที่พี่ต้นว่า หรือเขาคิดจะแกล้งอะไรผมวะ

 

                “พีชว่าไม่นะ พีชรู้นิสัยปู่ดี ท่านก็ชอบเล่นไปเรื่อย แต่ครั้งนี้พีชว่าคงแค่อยากจะทำอะไรล่ะมั้ง อย่าคิดมากครับ พีชไม่ปล่อยให้ครอบครัวพีชทำร้ายต้นข้าวได้หรอก”

 

                “งั้นให้น้องไปกับผมก็ได้ครับ เดี๋ยวผมโทรบอกปู่เอง” พี่ซัมอาสา ผมก็รู้สึกเบาใจที่มีเพื่อนเดินทางด้วย แต่มันจะดีเหรอไง เหมือนกลายเป็นผมที่เรื่องมากเลย

 

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่คิดว่าเพคงจะไม่ชอบมากถ้ารู้ว่าข้าวไปกับใคร” พี่ต้นพูดขึ้น

 

                “ครับ ขอบคุณมากนะครับ”

 

                “เพ ใช่ เพทายรึเปล่าครับ ถ้าใช่แล้วทำไมน้องเพต้องไม่พอใจด้วย ในเมื่อ…” เฮียพีชเหมือนจะรู้ว่าพี่ซัมต้องการจะพูดอะไร

 

                “เพลงไม่ได้บอกเหรอว่าต้นข้าวเป็นเมียน้องชายพี่ เอ ถึงว่าสิ…” ตั้งหน้าตั้งตาจีบต้นข้าวชนิดไม่เกรงกลัวอะไรเลย เพลงมันคิดอะไรของมันนะ ปั่นหัวคนอื่นงานถนัดน้องชายคนนี้เลยสิ

 

                “…จะ จริงเหรอครับ ทำไมไอ้…เอ่อ พี่เพลงไม่เห็นบอกผมเลยนะ” ผมว่าสีหน้าพี่ซัมดูแค้นเฮียเพลงยังไงไม่รู้ เจอหน้ากันก็แทบไม่ได้คุยกัน มีแต่พี่ซัมที่ชอบเข้ามายืนใกล้กับผม

 

………………………………………………………………………………

 

พีช

 

            ผมพอรู้มาว่าน้องชายตัวดีมันคั่วใครอยู่ตอนนี้ ถึงผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ทุกครั้งที่ไปตรวจตาที่โรงพยาบาล ก็ไม่ได้ปล่อยให้น้องสมหวังกับการแกล้งหมอหล่อคนนี้เลย ทำไมผมจะไม่รู้ว่าทุกครั้งที่ผมต้องนั่งรอผลตรวจน้องชายตัวดีมันจะแอบหายตามหลังไปหาซัมเมอร์ทุกครั้ง และก็ได้ยินเสียงโวยวายของซัมเมอร์ลอดออกมาเกือบทุกครั้ง

 

                เพลงกำลังเล่นผิดคน เพราะซัมเมอร์ลูกอาหมอคนนี้ไม่ธรรมดาเหมือนสิ่งที่ตัวเองแสดงออก

 

                “รู้อะไรมาใช่ไหมพีช ฟอด~” ผมเอียงแก้มให้หอมอีกข้าง หลังจากจบเรื่องน้องชายคนเล็กมันก็ถึงเวลาที่ผมจะได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง ผมดีใจจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ อยากเห็นหน้าน้ำจะแย่

 

                “ครับ แต่พีชว่าปล่อยให้เพลงเรียนรู้เองจะดีกว่า เก่งมาเยอะ เรื่องของตัวเองก็ขอให้รอดแล้วกัน”

 

                “หมายถึงน้องซัมใช่ไหม พี่ก็สงสารนะ จะจีบข้าวแต่ดันไม่รู้เรื่องว่ามีเจ้าของแล้ว เพลงก็นะ ไปแกล้งเขา” ผมยิ้มพอใจเมื่อน้ำก็พอจะจับความเคลื่อนไหวนี้ได้ เพลงเคยมาบ้านน้ำและเจซัมเมอร์ แต่ไม่คิดว่าน้ำจะฉลาดถึงขั้นรู้อะไรขนาดนี้

 

                “ไม่ต้องคิดว่าน้ำฉลาดอะไรเลยนะ น้ำแค่บังเอิญได้ยินเพลงคุยกับซัมเท่านั้นแหละ”

 

                “คุยอะไรกันครับ?” ผมรู้สึกว่าไอร้อนมันอยู่แถวซอกคอของผม ต้นน้ำกอดพีชจากด้านหลังประคองคนรักที่ยืนรับลมเย็น ๆ ที่หน้าต่าง

 

                “ไม่รู้สิ แต่ว่านะ…ถ้ามองเห็นแล้วน้ำขอนะครับ นะพีช” มือของน้ำสอดเข้าไปในเสื้อของผมสะกิดจุดไวต่อการสัมผัสใช้นิ้วโป้งคลึงไปมา ผมว่าเดี๋ยวนี้น้ำชักจะดื้อขึ้นทุกวัน

 

                “น้ำอย่าซนครับ” ผมจับมือของน้ำที่ไล้สีข้างของผมไม่หยุด เขาเคยพูดว่าผิวผมสวยและเนียน ก็แน่ล่ะ ผมมันผู้ชายเจ้าสำอางที่ขาดครีมบำรุงไม่ได้เลย

 

                “หืม พีชไปสักมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เห็นจนได้ ผมไปสักชื่อผมกับน้ำมาตั้งแต่ผมเริ่มชอบน้ำครับ ตอนนั้นก็ได้น่านเพื่อนผมที่ค่อนข้างสนิทกันพาไปร้านอามัน น่านมันก็สักนะ แต่เป็นชื่อตัวเองคนเดียว น่านสักที่ท้ายทอยแต่ผมขอสักที่เหนือบั้นท้ายมาหน่อย ไม่ได้คิดอะไรเลยตอนนั้น แค่ไม่อยากให้ใครเห็นชัดเจน

 

                “ถามทำไมครับ?”

 

                “ชื่อน้ำ…หรือว่า…เพื่อนพีชที่ชื่อน่านน้ำครับ” ผมเสียวสันหลังวาบเมื่อน้ำเริ่มเสียงแข็ง เขาคงคิดว่าผมกับน่านน้ำมีความสัมพันธ์กันมาก่อน ก็ช่วงนั้นผมติดน่านแจเลย

 

                “คิดว่าไงล่ะ? ถ้าเป็นชื่อเพื่อนพีช”

 

                “หึ แสดงว่าน่านน้ำกับพีชก็เคยเป็นอะไรมาก่อน ใช่ไหมครับ?!” เวลานี้น้ำเหมือนโกรธผมมาก ถึงน้ำจะแสดงออกว่าไม่ได้คิดอะไรมาก ปล่อยให้ผมได้คุยกับน่านบ้างเวลามาเยี่ยม แต่ผมก็ไม่เคยเห็นสีหน้าจริง ๆ ของคนรักว่าเป็นยังไง อย่าว่าแต่น้ำเลย ผมเองก็รู้สึกหึงไม่น้อยที่น่านฟ้าพูดคุยกับคนรักของผมอย่างสนิทสนม

 

                “…ไม่เคย พีชชอบแค่น้ำมาตลอด รู้แล้วก็หายขี้หึงสักที ชื่อนี้พีชสักชื่อแฟนพีช น้ำใช่แฟนพีชไหมล่ะ?” ผมย้อนถามกลับไป

 

                “พูดจาน่ารัก” น้ำจับผมพลิกตัวเข้าหาประคองหน้าผมให้รับจูบที่เขาหยิบยื่นให้ มือลดลงมารวบเอวผมดันให้เข้าหาตัวมากขึ้น ผมรับรู้ความเคลื่อนไหวที่น้ำพาเดินไปที่เตียง ก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ร่างของน้ำของมานอนข้าง ๆ ผม แรงยวบของที่นอนมันบอกผมอย่างนั้น

 

                “มาว่าแต่น้ำ พีชเองก็ไม่น้อยหรอก น้ำรู้นะว่าพีชไม่ค่อยชอบฟ้า ทำไมครับ? ทำไมถึงได้คิ้วขมวดทุกครั้งที่ฟ้ามาคุยกับน้ำเลย” ผมวาดมือทุบอกน้ำเสียงดัง เจ้าตัวร้องโอยดึงผมเข้าไปกอดเอาขาขึ้นมาก่ายไปครึ่งตัว

 

                “คิดเอาเองสิครับ เอาเวลาที่แกล้งพีชไปเตรียมตัวเจอปู่พีชพรุ่งนี้ดีกว่านะครับ เพราะยังไงน้ำก็ไม่น่าจะรอด”

 

                “ทำไมแช่งกันล่ะครับ ไม่รักน้ำเหรอ หืม…” ผมไม่ชอบเสียงอ้อนนี้เลย มันทำผมใจเต้นรัวทุกครั้งสิน่า

 

                รักไม่รักก็รอดูพรุ่งนี้แล้วกัน พีชรักน้ำมากกว่าที่น้ำเห็นนะ

 

                ผมไม่มั่นใจเอาซะเลยว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปู่เป็นคนที่คิดอะไรแล้วไม่เปลี่ยนความคิดง่าย ๆ ถึงท่านจะไม่ใช่คนที่ดุกับผมมากแต่ก็เป็นผมที่มันจะโดนแทนน้องก่อนเสมอ คนที่ดื้อและโดนหนักกว่าเพื่อนจะเป็นใครนอกจากน้องคนชายคนกลาง ไม่ใช่เพหรอกครับ รายนั้นตอนเด็กไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่โตมาก็ติดนิสัยเพลงมาจนได้

 

                ก็ได้แต่คิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างที่ป๋าพูดเอาไว้

 

…………………………………………………………………………

 

เพทาย

 

            ต้นข้าวมาถึงบ้านปู่อย่างปลอดภัย ปู่ผมยังไม่มีท่าทีอะไรให้ผมได้คิดมาก เพียงแต่ท่านสายตาดูไม่น่าไว้ใจมาก ยิ่งผมรู้ว่าไอ้ลมมันมาด้วยผมยิ่งเครียด เมื่อไหร่ไอ้เด็กนี่จะหายไปจากชีวิตผมสักที

 

                “ไม่ต้องถึงขั้นนั่งกุมมือกันก็ได้มั้งครับ” ผมกระชับมือต้นข้าวให้แน่นขึ้น กูจะจับมือเมียกูมันไปหนักหัวมึงตอนไหน

 

                “อะแฮ่ม” เฮียเพลงจ้องไปที่ไอ้เด็กลม หน้ามันซีดลง จนปู่เดินเข้ามาสายตาปราดมองสองพี่น้องต้นข้าว ต้นน้ำ

 

                “หน้าตาดีทั้งคู่ มิน่า หลงกันทั้งพี่ทั้งน้อง” คงหมายถึงผมกับเฮียพีช

 

                “ไอ้คนพี่มันน่าคุ้น ๆ นะว่าไหม?” เพื่อนของปู่จับจ้องไปที่คุณต้นน้ำ

 

                “คุ้นเหรอครับ ผมไม่ยักเคยเห็น” เสียงลมขัดขึ้นอีก ปู่ดูไม่พอใจแต่เห็นแก่หน้าพ่อแม่มันที่นั่งอยู่ด้วย ห้องโถงคนเยอะมากครับ เป็นโต๊ะยาวเหมือนประชุมบอร์ดครั้งสำคัญ

 

                “นั่นสิคะคุณพ่อ หนูก็ออกสังคมบ่อยไม่เคยเห็นเหมือนกัน” ให้ท้ายกันเข้าไป ผมไม่แปลกใจที่อาผมจะปวดหัวกับเมียตัวเองและลูกชายคนเดียวที่จ้องจะงาบผมจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่โต

 

                “สังคมเธอมีแต่เพชรพลอยจะไปเคยเห็นอะไรกัน”

 

                “หึ” ผมส่งเสียงเยาะ ต้นข้าวมันนั่งเงียบสั่นบีบมือผมแน่น ผมเปลี่ยนเป็นโอบไหล่ยิ้มให้กำลังใจ มันเงยหน้ามายิ้ม

 

                “ตกลงพ่อจะเอายังไงครับ จะตัดผมกับลูกออกจากมรดกผมก็ไม่ได้ห้าม”

               

                “กล้าดีนี่ลูกฉัน อะไรกัน เห็นฉันใจร้ายขนาดนั้นเลย แค่อยากจะเจอหน้าคนรักของหลานทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”

 

                “แต่ยังไงพวกเราก็ยอมไม่รับไม่ได้หรอกนะ นายบ้าไปแล้วหรือไง” ญาติของผมคนหนึ่งที่ยังคงยึดติดกับหน้าตาทางสังคมขัดขึ้น ไม่ใช่แค่เขาหรอก อีกหลาย ๆ คนก็ส่งสายตาดูถูกต้นข้าวเต็มที่

 

                “แต่มันก็ไม่เห็นจะผิดนี่ครับ อาให้กำลังใจนะหลานชาย” ผมเริ่มยิ้มได้

               

                “จะไปกันได้กี่น้ำ”

 

                “นั่นสิ ฉันเห็นกี่คู่ก็เคยรอด ตาพีชก็อีกคน ไม่รู้คิดอะไรกันอยู่ แบบนี้จะมีลูกหลานสืบสกุลกันยังไง”

 

                “ทำอะไรไม่คิดถึงหน้าตาคนอื่น ๆ บ้างเลยนะ แล้วมาใช้นามสกุลเดียวกันอีก ฉันคงไม่มีน่าออกจากบ้าน”

 

                “หล่อเนอะ แต่ไม่น่ามาเกาะพี่เพกับพี่พีชเลย”

 

                “ผมรู้มาว่าพ่อแม่ทั้งคู่เสียแล้วนี่ครับ เอ พ่อเป็นคนขับรถ ส่วนแม่เป็นแม่บ้านหรือเปล่านะ” เข้าทางลมที่จะจุดกระแสให้ลุกกระพือขึ้นไปอีก

 

                “จริงเหรอเนี่ย?”

 

                “แต่ฉันว่านามสกุลเขาคุ้น ๆ นะเธอ”

 

                “เงียบ!! จะคุยกันข้ามหัวฉันไปถึงไหนกัน ไหนเดินเข้ามาใกล้ ๆ ฉันสิต้นน้ำ” ต้นข้าวเงยหน้ามองพี่ชายน้ำตาคลอ ผมใจจะขาดเมื่อเห็นตาแดงก่ำที่จะกลั้นไม่ไหวของมัน เมื่อกี้ผมกำลังจะอ้าปากด่าเลยครับ แต่ปู่ส่งเสียงห้ามขึ้นเสียก่อน

 

                “ครับ”

 

                “ไง โตเป็นหนุ่มหล่อเลยนะ เสียดายพ่อเธอตายไปแล้วไม่ได้ดูความสำเร็จของลูกชายคนโตเลย แต่ก็ขอบใจนะ ถ้าไม่ได้พ่อเธอ ลูกฉันคงไม่ได้นั่งหายใจเถียงฉันฉอด ๆ แบบนี้” ผมไม่เคยจะรู้ว่าปู่ก็รู้จักคุณต้นน้ำ

 

                “ขอโทษที่มาสายนะคะคุณพ่อ” ผมได้ยินเสียงเธอ…

 

                มาทำไม มาให้ผมเห็นหน้าทำไมครับแม่

 

            “คุณนายสายเสมอไม่เปลี่ยนเลยนะ” ป๋าถากถางตบที่นั่งข้างตัวที่ว่างให้นั่ง แม่เข้ามาพร้อมสามีใหม่และลูกชายที่อ่อนกว่าผมมาก น่าจะสักสิบกว่า ๆ

 

                “น้องแพรไหว้คุณปู่ค่ะลูก” ผมเกลียดเด็กคนนี้ เกลียดมันทั้งหมด

 

                “ลูกน่ารักดีนี่ แต่ช่วยสอนเขาดี ๆ หน่อยนะ อย่าให้เหมือนตัวเอง”

 

                “นี่นาย…” สามีใหม่แม่กำลังจะโต้กลับแต่แม่ส่ายหน้าให้เงียบ

 

                “ฉันคิดไม่ผิดเลยที่เลิกกับคุณมา หึ” แม่หันมาทางผมแววตาเปลี่ยนไป “เพทาย…” อย่ามาเรียกผม ผมกับคุณเราไม่เคยรู้จักกัน แล้วที่มาคงเพราะจะมาตอกย้ำผมเหมือนคนอื่นสินะ

 

                “มาแล้วค่ะคุณปู่ ฟอด~ มีอะไรถึงเรียกมิ่งมาคะ” ผู้หญิงหน้าตาสวยนุ่งสั้นเข้ามากอดคอปู่หอมแก้มซ้าย ขวา ใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางบางเบาทำหน้าเธอดูสวยธรรมชาติเหมาะกับวัย

 

                “มากันครับแล้วสินะ นี่หนูมิ่งขวัญแฟนแกไงเจ้าเพ หรือแกจะบอกว่าคนนี้ไม่ใช่คนที่แกบอกจะแต่งงานด้วย” ผมถึงกับเบิกตากว้างจ้องมิ่งขวัญอีกครั้ง เมื่อพอจำอะไรได้ก็ชี้หน้าเธอ

 

                “มิ่งขวัญ! ไหนเธอบอกฉันว่าแต่งงานมีสามีมีลูกแล้วยังไง?!” ผมเคยชอบยัยเพื่อนแสบคนนี้อยู่ช่วงหนึ่ง ผมกับเธอเราสนิทกันตั้งแต่เด็ก พอผมย้ายมาอยู่ไทยเราก็ไม่ค่อยเจอกัน อาจจะนัดกันไปเที่ยวบ้างตามประสาคนชอบเที่ยว จนมาช่วงผมอายุสิบสามมั้ง ปู่หาผู้หญิงมาให้ผมเลือก แต่ผมไม่ชอบเลยสักคนเลยคว้ายัยนี่มาเป็นไม้กันหมา แล้วยังไงล่ะ ชิ่งหนีไปไม่ช่วยผมแถมยังเอารูปแฟนฝรั่งมาเย้ยอีก ผมเลยซวยต้องหนีการดูคู่ทุกครั้ง

 

                แล้วเธอมาอีกทำไม! แค้นนักยัยเพื่อนบ้า!!

 

                “เหรอ? ฉันไม่เห็นจำได้” เธอยิ้มส่งตาใสซื่อให้ผม

 

                “อ้าว นายยังเกาะติดเพไม่เปลี่ยนอีกเหรอลม ว้า อึดกว่าที่ฉันคิดซะอีกนะ” ลมเองก็เป็นหนึ่งในรายชื่อที่มิ่งขวัญลงหมึกดำเอาไว้ เพราะเด็กคนนี้มันจ้องจะกินเพื่อนเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะสิ

 

                “พูดให้มันดี ๆ หน่อยนะจ๊ะหนูมิ่ง” แม่ของลมออกตัวแทนลูกชาย มีเหรอเธอจะสนใจแบะปากใส่อีก

 

                “คุณปู่ขา มิ่งบินหาปู่โดยเฉพาะเลยนะคะ ไหน มีอะไรให้มิ่งเล่นเอ่ย อืม ขอสแกนดูก่อนนะคะว่าคนไหน” สายตาเธอกวาดไปทั่วมาตกอยู่ที่ต้นข้าว “คนนี้นี่เอง น่ารักจัง จะยอมตกลงดีไหมนะ”

 

                “เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะมิ่ง ปู่คุยกับเราไว้แล้ว”

 

                “ค่ะ ๆ มิ่งก็ไม่ได้พูดสักหน่อยว่าไม่โอเค” สายตามิ่งขวัญจับจ้องหน้าต้นข้าวนิ่งเหมือนถูกใจและค้นพบเรื่องน่าสนุกรอคอยเธออยู่

 

……………………………………………………………………

 

ต้นข้าว

 

            ไหนจะคำถากถาง ไหนจะผู้หญิงคนนั้น และไหนจะลม ผมนั่งบีบมือตัวเองรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกที่ไม่ควรจะก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้เลย ยิ่งพาลคิดว่าไอ้หล่อมันเคยชอบผู้หญิงคนนี้ความเสียใจแล่นเข้าจู่โจมหัวใจ มันคือ…อดีต

 

                ขึ้นชื่อว่าแฟนเก่าใครมันจะไปยอมรับได้

 

                “กูกับมิ่งเป็นเพื่อนกัน มึงอย่าคิดมาก” ผมไม่ได้ตอบหรือพูดอะไรโต้กลับไป มันเห็นผมเงียบมันยิ่งถอนหายใจถี่ขึ้น ผมกำลังงี่เง่า และรำคาญตัวเองมากที่เป็นแบบนี้

 

                “ก่อนจะคุยเรื่องสำคัญเรามาทานอาหารก่อนดีกว่า เอ้า ยกเข้ามาได้”

 

                “กินเยอะ ๆ นะเพ มิ่งรู้ว่าเพชอบปลานึ่งมะนาว” ผมกำช้อนแน่นปรายตามองจานไอ้หล่อที่มือสวย ๆ นั่งช้อนปลาเขี่ยก้างให้ ความคิดวูบหนึ่งมันเข้ามา…

 

                แล้วผมเคยรู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้าง

 

            “กูรู้มึงชอบกินอันนี้ มองอะไร กินสิครับ สามีตักให้เลยนะ” ไอ้หล่อมันตักเต้าหู้ไข่ใส่จานผม ผมยิ้มก่อนจะชะงักเมื่อเห็นมันกำลังกินปลานึ่งมะนาวที่อยู่บนจาน

 

                มึงคงชอบจริง ๆ เธอรู้เรื่องมึงดีเนอะ

 

            “ชื่ออะไรเหรอคะ?” มิ่งขวัญยื่นหน้ามาถามผมที่ทำหน้าเหรอหราใส่ ผมชี้ตัวเอง

 

                “ครับ? ผมชื่อต้นข้าวครับ”

 

                “อืม เราคงรุ่นเดียวกัน เรียกเรามิ่งก็ได้นะ แล้วมาเจอเพได้ยังไงอะ?”

 

                “ถามมากว่ะ อย่าขี้เสือกสิมิ่ง” เพทายต่อว่าเพื่อนผลักหน้าให้ห่างออกไปจากคนรัก

 

                “ก็อยากรู้อะ เมื่อก่อนไม่เห็นปากดีขนาดนี้ ไปเรียนมาจากไหนจ๊ะ”  

 

                “มาว่าแต่เรา เธอเองก็ปากดีมาตั้งแต่สิบสองแล้วนะ ยังด่าผู้ชายฉอด ๆ”

 

                “ก็มันน่าโมโหไหมเล่า นายก็เห็นว่าไอ้หมอนั่นมันจะจีบเรา เราไม่ชอบมันสักหน่อย”

 

                ผมอยากจะกระชากหน้าไอ้หล่อมาแล้วพูดว่าให้สนใจกูหน่อย ผมรู้ว่ามันเจอเพื่อนสนิทแล้วก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่น่าจะลืมตัวว่ามันนั่งอยู่ข้างผม และผมเป็นเมียมัน

 

                กูเจ็บยิ่งกว่าคำด่าพวกนั้นอีกมึงรู้ไหม ตอนนี้หัวใจกูมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ เพราะมึง

 

            “ขอตัวก่อนนะครับ” ผมสะกิดเฮียเพลง “พาผมไปเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมครับ?” ไอ้หล่อมันหันมามอง เฮียเพลงมองหน้าผมที่ไม่ค่อยดี พี่ต้นทำท่าจะลุกขึ้นแต่ช้ากว่าเฮียเพลงที่นั่งใกล้กับผม

 

                “ไปสิ เฮียพาไปเอง”

 

                “ขอบคุณครับ”

 

……………………………………………………………………

 

                ผมวิ่งพรวดเข้าไปที่อ่างล้างหน้าร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ไม่ไหวแล้ว ผมเจ็บปวด ผมทรมานกับสิ่งที่ต้องนั่งทนต่อไป มันยังชอบผู้หญิงอยู่ไหม? นี่คือสิ่งที่ผมเริ่มไม่แน่ใจ

 

                “โอ๊ะ! น้องข้าว” เสียงพี่ซัมดังขึ้นที่หน้าประตูทางเข้า ผมรีบกวักน้ำล้างหน้า “ร้องไห้ทำไมครับ? ไหนคนดีหันมาให้พี่ดูหน่อยเร็ว” พี่ซัมมายืนอยู่ข้างผมจับใบหน้าองผมไปดู

 

                “อ่อนโยนกับทุกคนยกเว้นผมสินะ” เฮียเพลงพูดขึ้น

 

                “ใครดีมาผมก็ดีตอบ แต่ใครร้ายมาผมจะไปแคร์ทำซากอะไรล่ะครับ คุณว่างั้นไหม? ยิ่งพวกติดเชื้อพิษสุนัขบ้ามายิ่งไม่น่าเข้าใกล้ มันชอบกัด! ชอบแขวะ! จนน่ากระทืบให้ตายคาเท้า”

 

                “เก่งให้มันได้ตลอดแล้วกัน เฮียไปคุยโทรศัพท์แป๊บนะ” เฮียเพลงชูโทรศัพท์ขึ้น ผมพยักหน้ารับ และอีกคนที่ผมไม่อยากเจอหน้าก็สวนเข้ามายืนกอดอกยิ้มมุมปากเย้ยหยันถึงที่

 

                “อ่อนแอจนน่าสมเพช หนีมาร้องไห้คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกรึยังไง? แล้วนี่ใคร? ผัวใหม่เหรอ”

 

                “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย” ผมจ้องตาลมกลับไม่ยอมถอย ลมเดินเข้ามาข้างในหยุดยืนตรงหน้าผม

 

                “เลือกมาดีนี่ จุ๊ ๆ หล่อใช้ได้เลยนะ ท่าทางจะรวย หาเก่งดีนะ”

 

                “ปากอย่างน้องไม่น่าอยู่มาถึงตอนนี้เลยนะครับ พี่คิดว่าชื่อไปโผล่ที่ศพไร้ญาติเสียอีก ดูท่าจะไม่มีใครคบ” พี่ซัมกอดอกพูดหน้าตาเรียบเฉย

 

                “นาย!”

 

                “ทำไมครับ?” ซัมเมอร์สาวเท้าเข้าไปใกล้ลม ลมถอยหลังหนีหน้าหวาดระแวง “กลัวเหรอครับ? พี่ไม่ใช้คนแบบน้องนะครับที่หาเรื่องไปทั่ว พี่เป็นคนดีพอครับ แต่น้องนี่สิ…หน้าตาก็พอไปวัดไปวาแต่นิสัย…แย่มากกว่าที่คิดอีกนะ”

 

                “ต้นข้าว! ไม่เป็นอะไรนะ กูเห็น…” ไอ้หล่อมันวิ่งหน้าตื่นเข้ามา คงเห็นลมเดินตามหลังมาล่ะมั้ง ก่อนผมจะเห็นร่างอีกคนอยู่ข้างไอ้หล่อ

 

                “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วนะคะ ห่วงแทบแย่” จริงหรือเปล่าที่ว่าห่วง ผมเดาทางไม่ถูกเลยว่ามิ่งขวัญจะมาไม้ไหน บ้างครั้งเธอก็ดูไม่มีอะไร แต่หลาย ๆ มันทำให้ผมคิดมาก

 

                “ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะปกป้องเราเอง” เสียงพี่ซัมดึงความคิดผมกลับมาพร้อมสัมผัสอบอุ่นที่มือ ผมไม่กล้าชักมือออกสายตาพร่ามองหน้าไอ้หล่อเหมือนวัดใจว่ามันจะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้านี้

 

                มันจะเข้ามาต่อยพี่ซัมเหมือนต่อยไอ้เต้ย หรือมันจะเข้ามาดึงตัวผมออกไปเงียบ ๆ

 

                “ประชดกูแบบนี้ไม่ดีเลยนะต้นข้าว ไม่พอใจอะไรก็พูดสิวะ! มึงรักกูแล้วไหนความกล้าของมึงที่ทำเพื่อกู ปู่บอกมิ่งขวัญแฟนกูมึงก็เชื่อ ถึงกูบอกว่าเพื่อนมึงก็เอาแต่นั่งเงียบไม่งี่เง่าออกมาเล่า โวยวายกับกูเหมือนตอนอยู่ไทยสิ! แสดงออกมาว่ากูเป็นของมึง แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ปู่จะ…” ไอ้หล่อมันชะงักเมื่อมิ่งขวัญเตะเข้าที่ขา มันเงียบลงเดินหายออกไป

 

                “สมน้ำหน้า!” ลมแสยะยิ้มกำลังจะออกจากห้องน้ำท่าไม่ติดแขนของเฮียเพลงเข้ามากั้นเอาไว้

 

                “จะรับไปไหนวะ อยู่คุยกับกูก่อนสิ พาต้นข้าวออกไปนั่งที่เดิมสิ ทางนี้ผมจัดการเอง”

 

                “อืม” พี่ซัมดึงชายเสื้อมาเช็ดหน้าให้ผมก่อนจะพากันเดินผ่านร่างลมออกไป ผมแทบช๊อคเพิ่งเคยเห็นเฮียพูดกูกับคนอื่น แต่คงไม่มีอะไรสะเทือนใจมากกว่าเห็นไอ้หล่อกับมิ่งขวัญหยอกล้อกันอีกแล้ว

 

                มึงต้องการอะไรทำไมไม่พูดออกมาตรง ๆ ยิ่งกูไม่รู้อะไรเลยมันเหมือนกูยิ่งห่างจากมึงทีละก้าว

 

 

 

 TBC.

 

               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา