Pandora's Heart คำสาปรักคืนใจเจ้าชายปีศาจ

8.7

เขียนโดย BlooDCherry

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.41 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558 12.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ตอนที่ 9 ใครกอดใคร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 9

ใครกอดใคร

......................................................................

 

ยามเช้าอากาศแจ่มใส กิล เดอเรย์กะว่าจะชวนหนุ่มน้อยอาร์น่าออกไปเดินเล่นก่อนเข้าเรียน เขาเคาะประตูอยู่นานก็ไม่เห็นมีใครมาเปิด จึงถือวิสาสะเปิดผ่างเข้าไป

            ภาพที่เห็นทำเอาเขาต้องสะดุด เพราะเร็นยืนเมาขี้ตาทำท่าจะเปิดประตูให้อย่างตลกๆ เขาขยี้ตาพลางอ้าปากหาว เจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยิ้มทักทายก่อนจะถามหาคนที่ต้องการพบ

            “อาร์น่าตื่นรึยัง?” พูดจบก็มองเข้าไปในห้อง แล้วต้องชะงัก เร็นมองตามไปแล้วเกาคางแกรกๆ ท่าทางเรื่องยุ่งๆ คงจะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า

            เตียงเดี่ยวสามเตียงเรียงชิดติดกัน บนนั้นมีสองร่างกำลังนอนอยู่ ร่างสูงของเจ้าชายเลออนนอนตะแคงขวาหันหน้ามาทางพวกเขาสองคน แขนแกร่งวางพาดหลังของอีกคนที่นอนด้วยกัน ส่วนอีกคน.....

            อาร์น่า ยกขาข้างหนึ่งพาดเอวของเลออน แขนเรียวกอดอีกฝ่ายแน่น หน้าจิ้มลิ้มก็ซุกลงบนอกแกร่ง นั่นเป็นเหตุให้ผู้มาเยือนยิ้มแปลกๆ ส่งให้ผู้เป็นเจ้าของห้องก่อนจะว่า

            “แหมนะ พวกนายสนิทกันจริงจริ๊ง แหะๆ ว่าแต่สนิทกันถึงขั้นไหนแล้วงั้นเหรอ? กอดกันกลมเชียว หืม? ว่าไง?” กิล เดอเรย์ถามพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้ คนถูกถามก็ได้แต่ยิ้มส่งให้ก่อนจะว่า

            “อาร์น่ามันละเมอน่ะ”

            “ละเมออะไรเล่า งั้นเลออนก็ละเมอด้วยงั้นสิ แหมๆ ไม่ต้องเขินหรอกน่า หืม? จะว่าไป กระจกห้องพวกนายแตกหมดเลยนี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? หรือเล่นกันรุนแรง ข้าวของเลยเสียหาย?” เร็นถามอย่างอารมณ์ดี

            “ก็นะ มีธุระกับอาร์น่าเหรอ? เดี๋ยวปลุกให้”

            “อ่า ไม่ต้องหรอก ไม่อยากขัดความสุขใคร” พูดจบก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้ก่อนจะเดินจากไป เร็นถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไอ้ตัวยุ่งก่อเรื่องอีกแล้ว ขนาดตอนหลับมันยังไม่เว้น

            “เลออน อาร์น่า เช้าแล้วตื่นเถอะ” เร็นเรียกสองหนุ่มที่นอนไม่รู้เรื่อง ปกติเลออนไม่ใช่คนหลับลึก ตอนกิลมาเคาะประตูเขาก็น่าจะตื่น แต่ไหงกลับมานอนอุตุเป็นเพื่อนไอ้หมอนี่ได้ล่ะเนี่ย!

            “อืม..อาร์น่า” เลออนเขย่าร่างบางที่ซุกหน้ากับอกเขาเบาๆ คนถูกปลุกครางในลำคออย่างหงุดหงิดแล้วกอดแน่นกว่าเก่า เร็นหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไปปล่อยให้เขาจัดการเอง

            “อาร์น่า”

            “หนวกหู” พูดจบก็พลิกตัวไปอีกทาง เลออนหายใจโล่งทันที เมื่อกี้อยู่ใกล้กันจนรู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอีกฝ่าย แต่ก็ยังงงๆ อยู่ว่าทำไมเขากับร่างบางถึงได้กอดกันกลมได้ คิดแล้วก็มองอาร์น่าที่นอนหันหลังให้

            “นี่ ตื่นได้แล้วนะ” ว่าแล้วก็ยื่นมือไปเขย่าไหล่บางเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ผล เขามองอีกฝ่ายนิ่งๆ ก่อนติดสินใจช้อนใต้รักแร้แล้วดึงให้ร่างบางนั่ง อาร์น่ายกมือเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะหันมาทำตาเขียวใส่

            “อะไรของแก?”

            “ไม่ต้องมาอะไรเลย เอามือมาดู” พูดจบก็คว้ามือเรียวมาถือ เลออนมองสิ่งที่เห็นนิ่งๆ ก่อนจะหันไปมองเจ้าของมือที่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม

            มือขวาที่มีผ้าก็อซพันสีขาวไว้ ตอนนี้มันกลายเป็นสีแดงสด และมีของเหลวสีแดงหยดแหมะๆ ลงบนผ้าปูที่นอน.......

            เลออนหันไปมองด้านหลัง หยดเลือดสีแดงหยดอยู่บนผ้าปูที่นอนสีขาว เขาถอดเสื้อออกมาก็ยังเห็นรอยเลือดที่เปื้อนตอนถูกอีกฝ่ายกอด เขาเงยหน้ามองอาร์น่าที่ทำหน้าซีด

            “ต้องเปลี่ยนผ้าแล้ว” พูดจบก็แกะผ้าเก่าออกวางกองไว้ที่พื้น ก่อนเอาผ้าขาวเช็ดมือที่เปื้อนเลือดให้ เส้นขีดสีดำที่เมื่อคืนมีแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้มันจรดกันเป็นรูปวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสองเซนต์ เลือดยังคงซึมออกมาไม่หยุด

            “ฉันจะคลายเวทออก ดูซิว่ายังเจ็บรึเปล่า?” พูดจบความเย็นที่เคยรู้สึกก็หายไป อาร์น่าเงยหน้ามองเลออนที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

            “รู้สึกยังไงบ้าง?”เลออนถามเสียงเรียบ

            “ไม่ค่อยเจ็บแล้ว แต่ว่านะ รอยนี่มันอะไร? เมื่อคืนมีแค่ครึ่งเดียวผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็เป็นแบบนี้แล้ว แล้วนี่ เลือดฉันจะหมดตัวมั้ยเนี่ย?” พูดแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอ มองมือขวาของตัวเองหวาดๆ

            “บางทีอาจเป็นคำสาป ไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวกับดาบรึเปล่า ที่ห้องสมุดอาจจะมีอะไรบันทึกไว้บ้าง เราค่อยไปค้นเอาแล้วกัน” เลออนเอ่ยพลางเช็ดเลือดในมือเรื่อยๆ แล้วประตูห้องน้ำก็เปิดออก เร็นในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินมานั่งข้างอาร์น่า เห็นรอยที่มือแล้วก็มองร่างบางคิ้วขมวดมุ่น

            “แทนที่จะไปห้องสมุด ไปหาเรดมอนต์ก่อนดีกว่ามั้ย?” เร็นเสนอความคิดเห็น เรดมอนต์คืออาจารย์ผู้ดูแลหอหมาป่าม่วง เขาค่อนข้างใจดี แต่ก็ออกแนวเจ้าเล่ห์หน่อยๆ ไม่ต่างจากกิล เดอเรย์ เท่าไหร่นัก

            “ไม่ดีมั้ง ตาลุงนั่นชอบแซวฉัน” อาร์เบ้ปาก ปฏิเสธทันควัน

            “แต่เรื่องนี้ก็ควรปรึกษาเขานะ ถ้าเกิดเรื่องมันใหญ่จนเราแก้ไม่ได้จะทำไง?” ร่างบางมองเร็นก่อนจะถอนหายใจ ทำท่าคิดหนัก

            “งั้น ตอนเที่ยงค่อยไป ขอเวลาทำใจสักสามชั่วโมงก่อน” สองคนพยักหน้า ก่อนจะไล่ให้ไอ้ตัวปัญหาไปอาบน้ำ

            “เฮ้อ เครียดแทนมันเลยแฮะ” เร็นเอ่ยออกมา มองหน้าเลออนนิดหน่อยก่อนจะเริ่มแต่งตัว ไม่นาน ร่างบางก็ออกมาจากห้องน้ำ เจ้าตัวเล็กทำหน้ามุ่ย เดินมานั่งลงบนเตียงก่อนจะมองเร็นแล้วว่า

            “ฉันลืมทำการบ้าน”

            “หา?” เร็นเลิกคิ้ว เลออนปิดประตูห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจ ร่างบางเกาแก้มแกรกๆ ก่อนมองอีกฝ่ายนิ่งๆ

            “ช่วยหน่อยน๊า แหะๆ ^______^” ก่อนจะยิ้มจนตาหยี เร็นกรอกตามองเพดาน เขาอยากจะรู้นักว่าเมื่อวานมันเอาเวลาไปทำอะไรที่ไหน!!! แต่ก็พยักหน้า ร่างบางหยิบผ้าก็อซออกมาพันรอบมือ ก่อนจะหยิบชุดนักเรียนมาใส่

            “เอ้อ เพิ่งนึกได้ ตอนเช้ากิลมาหานายด้วย” เร็นที่ลอกการบ้านให้ร่างบางยิกๆ เอ่ยขึ้นอย่างนึกได้ อาร์น่าหันไปมองก่อนจะถาม

            “แล้ว?”

            “ก็ไม่มีอะไร แค่หมอนั่นมันเห็นนายกับเลออนนอนกอดกันกลมอยู่บนเตียง มันก็ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก้หายหัวไปเลย” ฟังจบร่างบางก็หันขวับ

            “กอดกันกลมอะไร ฉันไปกอดกับเลออนมันตอนไหน ซี้ซั้วพูด” พูดไปพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด อย่างเขารึจะไปกอดมัน เชอะ!!

            “กอดตอนไหนก็ไม่รู้หรอก แต่เมื่อเช้านายก็ยังกอดมันอยู่ แถมซุกซะแทบจะสิงแหนะ” ว่าจบก็เหล่มองเจ้าตัวยุ่ง หรี่ตามองยิ้มๆ

            “สิงเสิงอะไร ใครกอดใครอย่ามามั่ว ถ้อกอดจริง ก็ต้องเป็นไอ้เจ้าชายโรคจิตนั่นแหละที่กอดฉัน มันคงอดใจไม่ไหวเวลานอนใกล้ฉันสินะ จิ๊ ไม่ไหวๆ ทีหลังต้องไล่ให้มันไปนอนไกลๆ ซะละ นี่ละน๊า คนหน้าตาดี หุ่นดี ช่างเป็นบาปจริงๆ เลย” จีบปากจีบคอพูดขณะใส่เข็มขัด คนฟังหัวเราะคิกคัก เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันไปกอดเขา ยังมีหน้าไปว่าเขากอดมันอีก เชื่อเลยแฮะ

            “จะใครกอดใครก็ช่างเถอะ แต่กิลมันก็จ้อเก่งเหมือนนายซะด้วย นายคิดว่าไง ถ้ามันไปเล่าให้คนอื่นฟังน่ะ ฮึ? ชื่อเสียงของเลออนมันคงไม่เหลื่อ”

            “ชื่อเสียงเลออนอะไร แล้วฉันล่ะ ฉันต่างหากที่เสียหาย ไม่ได้ละ ต้องไปคุยกะมันให้รู้เรื่อง” พูดจบ เลออนก็ออกจากห้องน้ำพอดี อาร์น่าหันขวับ จ้องร่างสูงเขม็ง

            “ไอ้โรคจิต ให้ตายเถอะ ฉันรึอุตส่าห์คิดว่าแกหายแล้ว ก็เลยให้นอนด้วย ไม่คิดว่าแกจะแอบกอดฉัน!” เร็นหัวเราะคิกคักกับหน้างงๆ ของคนถูกต่อว่า

            “..........”

            “เงียบทำไมล่ะ ไม่คิดจะแก้ตัวเลยเหรอ แต่ถึงจะแก้ก็ฟังไม่ขึ้นหรอกเฟ้ย จะว่าไป เมื่อคืนที่แกจับมือฉันน่ะ แต๊ะอั๋งใช่ม้า โธ่เอ๊ย ไม่น่าไว้ใจคนอย่างแกเลยพับผ่าสิ!!!!” ร่างบางยังคงต่อว่า เลออนหันไปมองเร็นที่กลั้นขำแทบจะท้องแตกอย่างไม่เข้าใจ

            “อะไรของนาย?” เลออนถามด้วยความฉงน เพราะดูเหมือนร่างบางจะเข้าใจผิด และกำลังหาว่าเขาเป็นเจ้าชายโรคจิตอีกแล้ว ทั้งๆ ที่เขาแค่นอนเฉยๆ คนที่ถูกกอดน่ะมันเขา และควรเป็นเขาที่ต่อว่าไม่ใช่ถูกต่อว่าอย่างนี้

            “ไม่ต้องมาอะไรเลย คนโรคจิต แกรู้มั้ย กิลมาเมื่อเช้า เห็นตอนแกกอดฉันด้วย!!! เดี๋ยว เดี๋ยวนะ!! เฮ้ย เมื่อคืนแกคงไม่ได้ลักหลับฉันหรอกใช่มั้ย!!!?” อาร์น่าชี้หน้าเจ้าชายน้ำแข็งพลางโวยวาย เลออนถอนหายใจมองอีกฝ่ายเต้นเร่าๆ แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีจึงได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา

            “ยิ้มอะไร ทำผิดแล้วไม่รู้สึกผิด หน้าด้านที่สุด!!!” พูดจบก็สะบัดหน้าพรืด นั่งกอดอกชูคอดั่งนางพญา เร็นตบบ่าเลออนเป็นเชิงปลออบใจ ตั้งแต่อยู่ห้องเดียวกันมา อาร์น่าหาเรื่องเจ้าชายคนนี้ตลอด ไม่รู้เพราะหมั่นไส้ที่เขาหล่อกว่าหรือยังไง

            “ทำไมฉันต้องอยากกอดขี้ก้างอย่างนายด้วย?” เลออนถามเสียงเรียบ คนฟันหันขวับอ้าปากพะงาบๆ เตรียมฉะเต็มที่

            “ขี้ก้างอะไรของแก สาบานมั้ยล่ะว่าถ้าฉันแก้ผ้าต่อหน้าแกแล้วแกจะไม่หวั่นไหว!!!!!!” เลออนหันไปมองคนพูดยิ้มๆ แล้วว่า

            “สาบาน” นี่ก็ช่างยั่วเร็นมองสองคนนั้นยิ้มๆ ดูเหมือนเจ้าชายเลออนก็ชอบแกล้งร่างบางใช่น้อย

            “หน็อยแน่ เจ้าบ้า งั้นฉันจะแก้ผ้าให้แกดู ดูซิว่าไม่หวั่นไหวจริงเหรอ!!!?” พูดจบก็ทำท่าแกะกระดุมเสื้อ เลออนหันพรึ่บ เร็นตาโต อะไรจะยั่วง่ายขนาดนี้เนี่ย!!!

            “เอาจริงดิ!!!?” เร็นร้องขึ้นอย่างตกใจ อะไรจะเย่อหยิ่งปานนั้น

            “เออ!!!!! จะอวดหุ่นแสนเซ็กซี่ของฉันให้เลออนมันหงายเก๋งไปเลยคอยดู!!!!”

 

............................................................................

 

 

            ตึง!

            “กิล เดอ เรย์!” เสียงตบโต๊ะดังตึงพร้อมกับเสียงหวานที่เอ่ยชื่อของคนผมเหลืองที่นั่งกินข้าวอยู่

            คิด สวอลโลว์ กับวินเทอร์ มาโคร เงยหน้ามองร่างบางที่ทำหน้ามุ่ย ต้นเหตุที่ทำให้น้ำซุปในถ้วยกระฉอกเหลือครึ่งค่อนชาม

            “อาร์น่า เรียกมันเฉยๆ ก็ได้นะ ทำไมต้องทำน้ำซุปฉันหกด้วย ฮึ?” คิดว่าพลางยกถ้วยน้ำซุปขึ้นมาถือ มองมันอย่างเสียดาย

            “ไงจ๊ะ พ่อคนงาม” กิลเอ่ยทักยิ้มๆ

            “นายเล่าอะไรไปแล้วบ้าง?” ร่างบางจ้องเขม็งไม่สนใจคิดเลยซักนิด

            “เรื่องอะไรล่ะ?” กิลถามหน้าซื่อแม้จะรู้อยู่แก่ใจ อาร์น่าได้แต่ฮึดฮัด

            “อย่ามาไขสือ โอ๊ย ถ้าฉันเก่งกว่านายนะ ฉันจะแบกดาบมาไฝว้กับแกเลยพับผ่านี่” ร่างบางแทบจะลุกเป็นไฟ เร็นกับเลออนยืนมองอยู่ข้างหลัง แต่ที่ปวดหัวที่สุดเห็นจะไม่พ้นเจ้าหนุ่มนักฆ่า

            เพราะกว่าจะยื้อยุดไม่ให้ไอ้ตัวยุ่งแก้ผ้าก็เหนื่อยพอแล้ว ไอ้เจ้าชายที่เขาว่ามันเริ่มจะโรคจิตเหมือนที่อาร์น่าด่าก็ยังไปแย็บใส่ว่า ไม่แก้แล้วเหรอ? จนไอ้ตัวยุ่งมันจะแก้อีกรอบ และก็เป็นเขาที่ต้องคอยห้าม พอถามว่าจะไปยั่วมันให้ได้อะไร ไอ้เจ้าชายเลออนมันก็ยิ้มแล้วว่า เห็นมันหัวเสียแล้วสนุกดี เท่านั้น ร่างบางก็เย้วๆ ใส่อีก ท่าทางที่อาร์น่ามันด่าเลออนว่าโรคจิตเห็นจะจริงซะแล้ว -_-

            “หืม? ก็ไม่รู้จริงๆ นี่” กิลยังคงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

            “ก็เรื่องเมื่อเช้า!”

            “อ้อ ที่นายกับเลออน อุ๊บ OxO” แซวยังไม่ทันจะจบ มือเล็กก็คว้าหมับปิดปากเขาอย่างแรง พลางคิดในใจว่าเห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้ มือหนักใช่เล่นแฮะ!

            “เงียบนะ มานี่เลย” พูดจบก็ดึงหนุ่มผมเหลืองให้ลุกขึ้น ก่อนจะหันไปมองสองหนุ่มด้านหลัง

            “ยืนเซ่ออะไรอีกล่ะ มาลากมันไปสิ” ออกคำสั่งจบ สองหนุ่มก็มองหน้ากันก่อนจะหิ้วปีกให้กิลเดินตามออกไป ทิ้งให้คิดกับวินเทอร์มองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่คิดว่าอาร์น่าจะออกคำสั่งกับเจ้าชายน้ำแข็งกับนักฆ่าอันดับสองของเอเดน แถมเจ้าตัวก็ยังทำตามอย่างว่าง่าย ดูท่าอาร์น่าจะน่ากลัวกว่าที่พวกเขาคิดซะแล้ว!!!

            “นั่งลงด่วนๆ เลย!” อาร์นี้นิ้วสั่ง กิลนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องเรียนมองร่างบางยิ้มๆ

            “ถึงกับต้องลากมา กลัวใครจะรู้ว่าพวกนายทำอะไรกันงั้นเหรอ?” ถามยิ้มๆ ร่างบางหน้ามุ่ย

            “ทำอะไร?” ไอ้ตัวยุ่งจ้องเขม็ง ถ้ามันพูดไม่เข้าหูล่ะก็ จะ (ให้เร็น กับเลออน) สั่งสอนมันให้ดู

            “ก็....ทำอะไรๆ กันไง”

            “ก็แล้วอะไรอะไร ของนายมันคืออะไรล่ะวะ?” เร็นถอนหายใจเฮือก ดูท่าจะมีคนชอบปั่นหัวไอ้ตัวยุ่งให้หัวเสียอยู่อีกคนนึงแฮะ

            “แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?” กิลยังย้อนยิ้มๆ อาร์น่าเต้นเร่าๆ

            “กิล!!”

            “ฮ่าๆๆ ก็เปล่า อะไรๆ ที่ว่าก็นายกับเลออนกอดกันกลมเมื่อเช้าไง”

            “ซี้ซั้วพูด ใครกอดใคร”ร่างบางหน้าแดงแปร๊ด

            “นายกับเลออน”กิลก็ตอบยิ้มๆ

            “เจ้าบ้า!” ว่าจบก็ลากเก้าอี้มานั่งลงข้างกิลทันที

            “นายห้ามพูดเรื่องนี้นะ!!” กิลเลิกคิ้ว เดิมทีเขาก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูด เพราะยังไงก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่พอเห็นร่างบางฮึดฮัดมันก็อดแกล้งไม่ได้

            “ทำไมต้องฟังที่นายพูดด้วย?”

            “ขอร้องล่ะนะ เราไม่ได้กอดกันซะหน่อย มันต่างหากที่กอดฉัน ฉันเสียหายนะ” กิลเลิกคิ้ว เท่าที่เห็น เลออนแค่เอาแขนวางบนหลัง แต่ไอ้ตัวเล็กนี่น่ะแทบจะสิงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

            “ถ้าไม่อยากให้พูด ก็ต้องมีค่าปิดปากล่ะนะ” อาร์น่าชะงักกึก ค่าปิดปาก? เขามีตังซะที่ไหน

            “โธ่ เพื่อนกันน่า นะนะ” ร่างบางส่งสายตาวิ้งๆ เร็นกับเลออนมองหน้ากัน เมื่อกี้ยังลากเขามาทำท่าซะใหญ่โต ดูตอนนี้ยังกะลูกหมาอ้อนเจ้าของ

            “ไม่ได้หรอก บอกแล้วนี่ ฉันไม่ทำอะไรที่ไร้ประโยชน์” กิลเอ่ยยิ้มๆ

            “ก็อย่างที่กิลว่านั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องใช้ค่าปิดปากหรอก” เลออนเอ่ยเสียงเสียงเรียบ ร่างบางหันขวับ

            “แกน่ะเงียบไปเลย”

            “ก็อย่างที่เลออนมันว่า ในเมื่อไม่ทำอะไรที่ไร้ประโยชน์ ถึงจะบอกเรื่องนี้กับคนอื่นไป หมอนั่นก้ไม่ได้ประโยชน์อะไรสักหน่อยนี่” เร็นเอ่ยขึ้นบ้าง กิลมองสองคนที่ยืนอยู่ พลางส่งยิ้มให้

            “มีสิ เพราะฉันสนุกเวลาที่เห็นอาร์น่าหัวเสีย” กิลตอบ ร่างบางอ้าปากค้าง ตอบเหมือนกันกับไอ้เจ้าชายโรคจิตนี่ไม่มีผิด เห็นเขาเป็นตัวตลกรึไงฟะ!!?

            “นี่แกโรคจิตรึไงฟะ? = = ”

            “แหมนะ สรรพนามเปลี่ยนเลยเนาะ ไม่รู้ล่ะ ต้องมีค่าปิดปาก ไม่ได้จะเอาตังค์จากนายหรอก สบายใจได้ เดี๋ยวคิดได้เมื่อไหร่จะบอกอีกที เพราะงั้น ตอนนี้ฉันจะไม่บอกใคร แต่ถ้าฉันเรียกเก็บค่าปิดปากเมื่อไหร่แล้วนายไม่ทำตามล่ะก็ หึหึ” พูดพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์ ร่างบางเกาแก้มแกรกๆ ก่อนจะตอบ

            “เออน่า”

            “น่ารักมาก งั้นฉันกลับไปกินข้าวต่อนะ” พูดจบก็ลุกออกไป

            โครกกกกครากกกก

            สองคนมองหน้าร่างบางที่หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย ท้องเจ้ากรรมมันเริ่มประท้วงขอข้าวซะแล้วสิเนี่ย

 

 

*************************************

 

 

To be continued

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา