Pandora's Heart คำสาปรักคืนใจเจ้าชายปีศาจ

8.7

เขียนโดย BlooDCherry

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.41 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558 12.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 1 หัวขโมยผู้ร่อนเร่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 1

หัวขโมยผู้ร่อนเร่

 

.............................................................

 

เกวียนเทียมม้าเล่มเล็กสีน้ำตาลทั้งซีดทั้งเก่าวิ่งปุเลงๆ ผ่านทุ่งดอกเดซี่ข้ามเนินเตี้ยๆ มุ่งหน้าสู่ประตูเมืองที่เห็นอยู่ไกลลิบๆ

            “ฮ้าววววว”เสียงงัวเงียของเด็กหนุ่มผมดำดังขึ้นจากในเกวียนอาร์น่า โรเวล เสยผมยุ่งๆ ให้ยุ่งขึ้นไปอีกก่อนจะนั่งทำหน้าอึนๆ เขาอ้าปากหาวอีกรอบมือก็เกาต้นคอแกรกๆ แล้วล้มตัวลงนอนดังเดิมส่งให้คนเป็นพ่อที่กุมบังเหียนอยู่ส่ายหน้าน้อยๆ พลางนึกในใจ

            เพื่อ? =_=

            ผ่านไปสักพัก เกวียนสีซีดเล่มเล็กก็วิ่งมาถึงประตูเมืองสูงลิบลิ่ว มาคาโอ โรเวล ดึงบังเหียนหยุดเกวียนที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เกวียนหลากสีหลายขนาดที่ตรวจผ่านแล้วต่างวิ่งปุเลงๆ เข้าไป ส่วนที่ยังไม่ได้ตรวจก็จอดรอกันเนืองแน่น มาคาโอถอนหายใจรอจนในที่สุดก็ถึงคิวเขาเสียที

            “สวัสดี” พีก เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคนหนึ่งถามยิ้มๆ เขายิ้มตอบก่อนจะว่า

            “สวัสดี ฉันมากับลูกชาย จะเข้าไปในเมือง วันนี้ก็วันสุดท้ายแล้วนี่”

            “อ้อ ช่วงนี้มีคนเดินทางเข้าเมืองมาเยอะ หัวขโมยก็แยะ จึงจำเป็นต้องตรวจตรากันเข้มงวดขึ้นน่ะนะ คุณเองก็ระวังตัวไว้ล่ะ โดยเฉพาะพวกตระกูลโรเวลเนี่ย หืม ลูกชายท่าทางจะขี้เซานะ เกวียนโล่งดีนะ -_- ไปเถอะ” พีกเปิดม่านมองส่องเข้าไปข้างในเห็นเด็กหนุ่มนอนน้ำลายยืดอยู่ กับ กล่องไม้ใส่เสื้อผ้าสองใบก็บอกให้เขาผ่านไปได้

            “ขอบคุณ”

            เกวียนสีซีดวิ่งปุเลงๆ ผ่านป่าสีเขียวขจีไปราวครึ่งชั่วโมงก็เห็นกำแพงเมืองอีกหนึ่งชั้น มีป้ายเขียนด้วยลายมือสวยงามตัวโตๆ ว่า อิเดนเบิร์ก

            เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังเข้าโสตประสาทของหนุ่มน้อยขี้เซาเมื่อเกวียนวิ่งเข้าสู่ตลาดกลางเมือง อาร์น่าลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ตาไปมาก่อนถาม

            “ถึงแล้วเหรอพ่อ?”

            “เออสิวะ แกมันเอาแต่นอนอยู่ได้ เห็นแล้วรำคาญลูกกะตา” มาคาโอแย็บใส่ลูกชายพลางมองหาที่จอดเกวียนเหมาะๆ แต่ดูเหมือนจะหายากมากมายเพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนแห่งหนใด เกวียนหรูบ้างไม่หรูบ้างต่างพากันวิ่งผ่านหน้าสวนไปมาจนดูเหมือนจะไม่มีที่มากพอจะให้จอดเลยสักนิด

            “อั๊ยยะ! พ่อฉันอยากได้อันนั้นอ่ะ!!” ว่าพลางก็ชี้ไปยังเกวียนสีทองสุดหรูเทียมด้วยม้าขาวห้าตัวที่เพิ่งจะวิ่งผ่านหน้าไปหมาดๆ

            “นี่แกยังไม่ตื่นดีใช่มะ? = =” ถามพลางทำหน้าเอือม

            “โธ่ พ่อก็ ว่าแต่ทำไมเกวียนมันถึงได้มีเยอะแยะอย่างนี้ล่ะพ่อ” เด็กหนุ่มถามพลางกวาดนัยน์ตาสีเขียวสนิมมองไปรอบๆ ไม่ใช่แค่เกวียน คนเองก็เยอะเช่นกัน

            “จะไปรู้มั้ย?” ตอบส่งๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นที่ว่างสำหรับจอดเกวียนพอดี แต่เกวียนสีซีดยังไม่ทันจะได้จอด เด็กหนุ่มนามอาร์น่าก็โพล่งขึ้นมาว่า

            “งั้นฉันไปสำรวจนะ” ก่อนจะกระโดดผึ่งลงจากเกวียนโดยไม่ต้องขอคำอนุญาต

            “อย่าหลงนะเฟ้ย!!” มาคาโอตะโกนไล่หลังให้เด็กหนุ่มโบกมือหย็อยๆ พลางว่า

            “ใครจะไปหลงกันเล่า พูดยังกะฉันเป็นเด็กไปได้ ตาแก่นี่!!!” เจ้าของเรือนผมสีดำสอดส่ายสายตาไปมาสองข้างทางเห็นร้านรวงมากมายตั้งเรียงกันเยอะแยะก็คึกคักตามไปด้วย

อาร์น่าเดินไปเรื่อยๆ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็น ตึกรูปทรงแปลกตาแขวนธงสีน้ำเงินรูปม้าเปกาซัสสีขาวสยายปีกแลดูสวยงาม แค่มองดูเขาก็รู้แล้วว่ามันคือกิลด์จอมเวทประจำเมืองนี้

            เด็กหนุ่มมองด้วยสายตามีปะกายวิ้งๆ เขาเองก็อยากจะเป็นจอมเวทเหมือนกัน แต่ติดตรงที่เขาเป็นคนของตระกูลโรเวลซึ่งมีกฎว่า ห้ามลูกหลานตระกูลนี้เรียนเวทมนต์เป็นอันขาด เนื่องจากเวทมนตร์ทุกชนิดจะมีร่องรอยหรือเรียกว่ากลิ่นอายเวทมนตร์หรือไอเวท ซึ่งจะสามารถแกะรอยได้ และนั่นก็เป็นเหตุว่าทำไมตระกูลโรเวลถึงได้เป็นหัวขโมยมาได้ยาวนานร่วมสองศตวรรษ =_=

            เชอะ -^- ใครเขาสนกฏพรรค์นั้นกันเล่า!!

            อาร์น่ายกยิ้มน้อยๆ ก่อนถอนสายตาและเดินจากมา เขาเหลือบไปเห็นร้านไอศกรีม เด็กหนุ่มตบกระเป๋าทั้งกางเกงและเสื้อแปะๆ แต่ก็ไม่พบวี่แววว่ามีเงินอยู่ในนั้นแม้แต่เหรียญเดียว เขาลืมขอเงินพ่อมา!

            แต่ก็นั่นแหละ =_= ถึงขอไป ตาแก่หัวเถิกจอมขี้งกนั่นก็ไม่ให้หรอก -_-

            เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาก่อนจะปะเข้าชายร่างสูงท่าทางมีฐานะ เขามีผมสีทองหยักศกจนถึงกลางหลังมัดครึ่งหัวผูกโบว์สีดำ สวมเสื้อแขนยาวสีดำทับเสื้อเชิร์ตสีขาว สวมถุงมือสีขาวที่มือขวามีวงเวทเขียนไว้ กางเกงหนังเข้ารูปสีดำกับรองเท้าหนังยาวครึ่งแข้ง ที่ข้างเอวซ้ายมีดาบห้อยอยู่ เขาคนนั้นมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง

            เด็กหนุ่มหน้าหวานเอวบางนามอาร์น่ายิ้มกริ่มพลางคิดในใจว่าหากเขาขโมยเงินมาจากคนคนนี้คงไม่เป็นอะไรเท่าไหร่นัก เพราะดูท่าทางเขาเองก็ดูมีฐานะ มาดยังกะองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงแหนะ

            อาร์น่าเดินเข้าไปใกล้ทำท่าเดินสวนทางแต่มือเรียวกลับสอดเข้าไปในสาบเสื้อที่ๆ คิดว่าน่าจะเก็บกระเป๋าเงินไว้ แล้วก็ไม่ผิดหวัง สมแล้วที่เกิดมาเป็นขโมยผู้เก่งกาจ เขาคิด

เด็กหนุ่มดึงมือกลับมาซุกใส่กระเป๋ากางเกงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลางเดินต่อไปเรื่อยๆ เห็นซอยเล็กๆ ลับตาคนก็เดินเข้าไป เขาเทเงินจำนวนกว่าสิบเหรียญลงในฝ่ามือก่อนจะเก็บใส่กระเป๋ากางเกงแล้วโยนกระเป๋าของอีกฝ่ายทิ้งอย่างไม่ใยดี

            “น้อยชะมัด แต่ช่างเหอะ ดีกว่าไม่มีใช้ล่ะน่า” ว่าพลางก็เดินไปยังร้านขายไอศกรีมทันที

            “รสนมครับ” เด็กหนุ่มสั่งกับแม่ค้าสาวสวยไม่นานก็รับเอาไอศกรีมโคนรสนมตามที่สั่ง

            “หนึ่งเหรียญจ๊ะ” อาร์น่าจ่ายเงินไปก่อนจะถามเธอว่า

            “พี่สาว ที่นี่เขามีงานอะไรกันน่ะ ดูคึกคักจังเลย”

            “เอ๊ะ นี่เธอไม่รู้เหรอ ไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ย?” เธอทำท่าทางโอเว่อร์จนเด็กหนุ่มได้แต่ยิ้มก่อนจะว่า

            “ผมเป็นนักเดินทางน่ะครับ ผ่านมาเมืองนี้เห็นคนเยอะแยะจนตาลายก็เลยอยากจะรู้ ตกลงที่นี่เขามีงานอะไรกันล่ะครับ?”

            “ก็นั่นไงล่ะจ๊ะ โรงเรียนเซนต์วาลาดิเมียร์ โรงเรียนศาสตร์เวทมนตร์แห่งเดียวในเอเดนเปิดรับสมัครนักเรียนใหม่ หมดเขตวันนี้ด้วยนะ บรรดาคุณหนูคุณชายต่างก็แห่กันมาจากประเทศตัวเองเพื่อเข้าเรียนที่นี่ เธอไม่ลองไปสมัครดูบ้างล่ะจ๊ะ?” เธออธิบายพลางถามกลับด้วยน้ำเสียงทะเล้น เด็กหนุ่มได้แต่หัวเราะแหะๆ ก่อนตอบ

            “แหะๆ บังเอิญว่าผมดันเป็นพวกไร้พลังเวทด้วยนี่สิครับ” เขาตอบพลางเลียไอติมแผล็บ

            “น่าเสียดายจังน๊า เนี่ย เมื่อปีที่แล้วน้องชายของฉันก็ไปทดสอบพลังเวทมาเหมือนกันแต่สุดท้ายก็ไม่มี พวกเราไม่มีโอกาสในสามสิบเปอร์เซนต์นั่นเลยเนอะ” ว่าพลางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนเดินจากมา

            เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะเหงื่อตกไหลซกๆ ดังน้ำตกไคลอส เมื่อดูจากสถานการณ์ตอนนี้

            เขาหลงทาง...-O-

            พระเจ้า!!!! แม้ไม่อยากจะยอมรับก็เถอะ หลังจากที่ตัดสินใจจะกลับไปหาพ่อที่เกวียนแต่เดินไปเดินมาไหงมาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้เนี่ย แถมสถานการณ์ตอนนี้มัน...

            “ไงจ๊ะ คนสวย” หนึ่งในชายหน้าโฉดทั้งห้าเอ่ยทักขณะพยายามตีวงล้อมเข้ามาใกล้

คนสวยบรรพบุรุษแกเถอะ!!! ตาไม่มีมองหรือไงว่าเขาเป็นผู้ชาย!! ถึงเขาจะมีใบหน้าติดจะหวานมากเอวก็เล็กกิ่วแถมส่วนสูงที่พ่อกับแม่หวงนักหนาตอนมาเกิดจะทำให้ใครหลายคนมองว่าเป็นผู้หญิงก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ได้มีหน้าอกเสียหน่อยนี่ ไอ้พวกมีตาแต่หาไร้แววไม่ มีตาไว้ประดับหน้ารึไงฮึไอ้หอกหัก!!!!

อาร์น่าคิดในใจด้วยความเดือดดาลอยากจะเข้าไปเอาเท้าน้อยๆ กระทืบดั้งหักๆ นั่นให้หักกว่าเดิมนักแต่สังขารกลับไม่อำนวย เขาจึงได้แต่เก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากพลางส่งยิ้มกู้สถานการณ์ของโลกไปก่อน           

            โอ๊ยๆๆๆๆ หัวใจมันเจ็บจี๊ดๆ พลันรู้สึกหน้ามืดตามัว นึกในใจว่าอะไรจะซวยปานนั้น พระเจ้าช่างโหดร้ายกับหัวขโมยผู้แสนดีคนนี้เหลือเกิน!!! เขาหลงทางก็ยากที่จะยอมรับอยู่แล้ว จะหลงทั้งทีทำไมไม่ไปหลงแถวๆ สถานเริงรมณ์ที่มีสาวน้อยหน้าอกสะบึ้มแทนที่จะมาหลงในดงวัวบ้ากระทิงเถื่อนหน้าคาสิโนนี่วะเนี่ย!!!

            “โฮะๆ พี่ชายทั้งหลายแบบว่าช่วยอะไรผมสักอย่างได้มั้ยครับ?” เขายิ้มพลางถามออกไป

            “ไม่มีปัญหา ว่ามาสิจ๊ะ แต่พี่ว่า เราไปหาที่นั่งคุยกันในร้านดีกว่ามั้ย?” เข้าไปก็เสร็จแกสิ!! นี่ขนาดพูดด้วยศัพท์ผู้ชายแล้วนะ ทำไมแม่งไม่ฟังวะ!!!!? -^-

            “เอิ่ม เอ๊ะ นั่น คนของกระทรวงเวทมนตร์นี่” ว่าพลางทำหน้าตาตื่นตกใจจนโอเว่อร์ชี้มือชี้ไม้ไปทางฝั่งตรงข้าม ชายชั่วหน้าโฉดทั้งห้าหันพรึ่บไปทางเดียวกันอย่างไวด้วยความตกใจหรือความโง่ก็ไม่ทราบได้ว่าเด็กหนุ่มโกหก!

            อาร์น่าเร้นกายหนีจากวงล้อมของชายตัวใหญ่ร่างยักษ์ทั้งห้าออกมาด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบหลังจากที่โกหกออกไป ทิ้งให้ทั้งห้าคนมองหน้ากันเลิกลั่กก่อนโวยวายเสียงดัง

วิชาตีนแมวของตระกูโรเวล!! ไร้สุ้มเสียงไร้สัมผัสราวสายลม

            “เกือบแล้วมั้ยล่ะ!!” เด็กหนุ่มหอบหายใจแฮ่กๆ หลังจากวิ่งเต็มสปีดออกมาได้ไกลพอสมควร พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที ท้องน้อยๆ ของเขาเองก็เริ่มร้องงอแงว่าหิวแล้ว เด็กหนุ่มได้แต่เกาคางเนือยๆ ก่อนจะนั่งุจุ้มปุ๊กอยู่กับที่รอพ่อมารับ

            ก็ไม่รู้ว่าพ่อรู้ว่าเขาอยู่ไหนได้ยังไงหรอกนะ แต่เมื่อเขาหลงทางทีไรพ่อก็จะมารับเขาทุกที

            “ไงไอ้แมวหลง” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง เด็กหนุ่มยิ้มเผล่หันไปหาบิดาแต่ก็โดนฝ่ามืออรหันต์เฉาะกบาลเข้าให้อย่างจังก่อนจะจีบปากจีบคอว่า

            “ใครจะไปหลงกันเล่า พูดยังกะฉันเป็นเด็กไปได้ ตาแก่นี่ เหอะ!! กล้าพูดนะแก!!!!” ว่าพลางก็เดินนำหน้า อาร์น่าลูบหัวตัวเองป้อยๆ พลางบ่นขมุบขมิบ ก็ฝ่ามือของพ่อเขามันเบาๆ ซะที่ไหน ล้มไดโนเสาร์ได้ในทีเดียวเชียวนะ!!!

 

......................................................................................

 

            “โอ๊ย!! อร่อยมาก!!! กินจนอิ่มแปล้เล้ย!!!!” ว่าจบก็กระโดดหย็อยขึ้นเตียงไปเกลือกกลิ้ง โรงแรมราคาถูกที่พ่อเช่าอยู่แม้ห้องจะแคบแต่ก็ดีกว่านอนในเกวียนแสนแคบนั่นหรือข้างถนนเป็นไหนๆมีเตียงให้สองเตียงแถมมีห้องน้ำอีกต่างหาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียกร้องแต่ถ้ามีน้ำอุ่นๆ ด้วยจะดีมาก!!

            “เออพ่อ ฉันไปถามเขามาแล้วนะ ดูเหมือนที่โรงเรียนสอนเวทมนตร์จะรับนักเรียนใหม่อ่ะ คนก็เลยแห่มาเรียนกัน โอกาสดีเลย พ่อ เราไปปล้นเกวียนเล่มนั้นกันเหอะ!” เด็กหนุ่มดีดผึงขึ้นนั่งพลางส่งสายตาวิ้งๆ เป็นประกาย

            “อย่าละเมอ” สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความแต่ตัดความหวังกันเห็นๆ

            มาคาโอที่กำลังค้นหีบใส่เสื้อผ้างมหาอะไรสักอย่างอยู่เอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ หลังจากที่เงียบไปนาน

            “อาร์น่า เมื่อก่อนแกก็พูดกรอกหูฉันทุกวันนี่ว่าอยากเป็นจอมเวท ไม่อยากเข้าเรียนบ้างเหรอ?” เด็กหนุ่มที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่ดีดผึงขึ้นนั่งอย่างไว แทนที่จะดีใจแต่เขากลับงุนงงเสียมากกว่า

            “หมายความว่าไง นี่พ่อจะไล่ฉันออกจากตระกูลโวเวลหรือไง?” เขาถามอย่างฉุนเฉียว ก็กฎของตระกูล ห้ามลูกหลานเรียนเวทมนตร์นี่

            “ห๊า อะไรของแก ก็แกพูดว่าอยากเรียนเองไม่ใช่เรอะ!” มาคาโอถามพลางมือก็ค้นของไป

            “กฎของตระกูลข้อที่เก้า ห้ามลูกหลานตระกูลโรเวลทุกคนเรียนเวทมนตร์ กฎของตระกูลข้อที่สิบ หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกขับไล่ออกจากตระกูล พ่อจะทิ้งฉันเหมือนที่ทิ้งแม่!!!” ร่างบางกล่าวด้วยความเดือดดาล แม้เขาจะอยากเป็นจอมเวทแต่นั่นมันก็เป็นอดีตตั้งแต่เขายังเป็นเด็กเล็กๆ และพ่อก็เอาแต่เป่าหูเขาทุกวี่ทุกวันเรื่องกฎอยู่ๆ ก็มาบอกทำนองว่าถ้าอยากเรียนจะสนับสนุนงั้นแหละ นี่มันอะไรกัน!!!!?

            “ก็แค่ถามดูเฉยๆ ไม่เรียนก็ไม่เรียนสิ จะโกธรอะไรนักหนา คนเค้ารึอุตส่าห์จะแหกกฎตระกูลให้ซะหน่อยเห็นตั้งอกตั้งใจแอบเรียนรูนซะเหลือเกินนี่” เขาว่าเสียงเรียบแต่เด็กหนุ่มถึงกับสะอึก มาคาโอหยิบเอาเชือกสีดำห้อยจี้คริสตัลรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าวสีแดงขึ้นมาส่องดู

            “บะ บ้า ฉันจะเอาอะไรที่ไหนไปแอบเรียนเล่า” ว่าพลางก็ทิ้งตัวลงนอนดังเดิม นี่พ่อไปแอบรู้แอบเห็นอะไรมาเนี่ย เขาว่าเขาก็ซ่อนหนังสือเวทไว้ในที่ที่มิดชิดแล้วนะ!!!

            “เอา ใส่ไว้” มาคาโอยื่นสร้อยเส้นนั้นให้ร่างบาง เขารับมาพิจารณาครู่หนึ่งก่อนถาม

            “อะไรอ่ะ?”

            “สร้อยไง”

            “แนะ! ก็ เฮื่อย ช่างเหอะ แล้วทำไมจู่ๆ พ่อก็ถามเรื่องเรียนล่ะ?” ร่างบางยังสงสัยไม่หาย ถามพลางมือก็ดึงโบวสีแดงออกจากคอเสื้อตามด้วยแกะกระดุมเสื้อกั๊กสีน้ำตาลออก

            “ก็ ที่นั่นน่ะเก็บสมบัติลับไว้น่ะสิ” พูดด้วยเสียงเบาๆ พลางทำท่าลึกลับ พอเด็กหนุ่มได้ยินว่ามีสมบัติสัญชาตญาณของหัวขโมยก็สูบฉีดหูผึ่งทันที

            “สมบัติลับ? อะไรอ่ะ” เด็กหนุ่มกระโดดหย็อยลงมานั่งข้างๆ ทันที

            “หึ เอาหูมานี่” ว่าพลางก็กักมือเรียกยิกๆ อาร์ย่ากัดปากด้วยความตื่นเต้นพลางยื่นหูเข้าไปใกล้ พอได้ฟังแล้วก็ต้องเบิกตากว้างก่อนจะ....หัวเราะเสียงดังลั่น

            “ฮ่าๆๆๆๆๆ อะไรนะพ่อ? ลูกแก้วอมตะ!” หลังจากแหกปากโวยวายดังลั่นก็ถูกมาคาโอยกมือปิดปากหมับก่อนจะเขกหัวแรงๆ ไปหนึ่งที

            “แกจะแหกปากหาบรรพบุรุษแกเรอะ!!! ไอ้หอกหักนี่!!”

            “โธ่ พ่อ ก็จะไม่ให้หัวเราะได้ยังไงล่ะ ลูกแก้วอมตะเนี่ยนะ มันมีจริงเสียเมื่อไหร่ล่ะ แล้วถ้าเกิดว่ามันดันผ่าบังเบิญมีขึ้นมาจริงๆ อ่ะนะ พ่อจะเอามาทำอะไร รึพ่อเกิดนึกคึกอยากกลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้งเล่า” ว่าพลางก็ยืนขึ้นถอดเสื้อเชิร์ตสีขาวออกโยนขึ้นเตียงที่ตนเองจับจองไว้

            “เหอะ ความเป็นอมตะน่ะเป็นความฝันสูงสุดของมวลมนุษยชาติเลยนะเฟ้ย” อาร์น่าหรี่ตามองผู้เป็นพ่อที่บางทีก็ไร้สาระ

            “แล้วพ่อไปได้ยินมาจากไหน” เขาถามพลางส่ายหน้าไปมา

            “ข่าวลือ” ผู้เป็นพ่อตอบหน้าตายทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเหวอ

            “ห๊า!!!! หมดสิ้นแล้วศรัทธาในชีวิต ตั้งแต่เด็กผมนึกว่าพ่อฉลาดจนไม่มีใครหลอกได้ แต่วันนี้ผมได้ประจักษ์กับสายตาตัวเอง นี่พ่อไม่รู้จริงๆ หรือแค่แกล้งโง่กันแน่ ของมีค่าขนาดนั้นถ้ามันอยู่ที่โรงเรียนนั่นจริง ป่านนี้มันจะอยู่รอพ่อไปขโมยมั้ย?” อาร์น่าว่าเข้าให้ก่อนคนเป็นพ่อจะเอื้อมมือมาตบกบาลน้อยๆ ของลูกชายตัวดีอย่างนึกโมโห นี่มันด่าว่าเขาโง่รึ ?

“แกเงียบปากไป ฉันบออกอะไรแกก็ทำๆ ไปอย่าบ่นจะได้มั้ย?”

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าอยากได้พ่อก็ไปเอาเอง ฉันไม่ไป อย่าฝันเลยว่าพ่อจะทิ้งฉันไว้ที่นี่โดยอ้างเหตุเรื่องลูกแก้วอมตะเลย!!” ว่าจบก็เดินเข้าห้องน้ำไปทิ้งห้ผู้เป็นพ่อจิ๊ปากขัดใจ ก็เอาสิ ถ้าคิดว่าแค่ไอ้ลูกโง่ๆ นั่นมันปฏิเสธคิดว่าเขาไม่มีปัญญาถีบส่งมันเข้าไปเรียนที่นั่นล่ะก็ คิดผิดแล้ว!!!

           

 

 

***************************************

 

To be continued

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา