Pandora's Heart คำสาปรักคืนใจเจ้าชายปีศาจ

8.7

เขียนโดย BlooDCherry

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.41 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558 12.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตอนที่ 4 เพื่อนร่วมห้อง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 4

เพื่อนร่วมห้อง

............................................................

 

 

“หอปิดตอนสี่ทุ่มตรง ห้ามคนนอกเข้าหลังสองทุ่ม หลังห้าทุ่มห้ามใครออกมาเดินเพ่นพ่านเด็ดขาด โรงอาหารตอนเช้าเปิดตั้งแต่หกโมงเช้าถึงสองโมงตรง เที่ยงเปิดสิบเอ็ดโมงครึ่งถึงบ่ายโมงตรง ส่วนตอนเย็นเปิดตอนสี่โมงเย็นถึงสองทุ่ม”

             รุ่นพี่ปีห้าชื่อลอว์เลน หัวหน้าผู้คุมกฎเจ้าของเรือนผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยเสียงเข้ม พลางพาเดินขึ้นยังชั้นสองของหอพักทางทิศตะวันตกของโรงเรียน

            “ห้องของนักเรียนปีหนึ่งอยู่ชั้นสอง ชั้นหนึ่งเป็นห้องนั่งเล่นรวม ชั้นสามขึ้นไปเป็นของปีสองถึงปีเจ็ด ถ้าไม่มีธุระจำเป็นก็ไม่ต้องขึ้นไป ห้องหนึ่งอยู่กันสามคน แบ่งโดยการแรนดอม เพราะงั้น ใครไม่ชอบขี้หน้าใครก็สวดภาวนาเอาไว้ได้เลย เพราะพวกเธอจะต้องอยู่ห้องเดียวกันไปจนกว่าจะเรียนจบถ้ามีงานกลุ่มก็ต้องช่วยกันทำ ที่นี่ทุกคนเท่าเทียม ใครใหญ่หรือเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายมาจากไหนก็ไม่เกี่ยว ห้ามทะเลาะวิวาท แต่ถ้าจะตีกันให้แจ้งผู้คุมกฎก่อน จะจัดสนามปะลองให้ ห้ามรุ่นพี่กับรุ่นน้องทะเลาะกัน เพราะรุ่นน้องห้ามเถียงรุ่นพี่ต้องเชื่อฟังทุกอย่าง แต่ถ้ารุ่นพี่กดขี่ข่มเหง หรือทำผิดให้แจ้งผู้คุมกฎ” หัวหน้าผู้คุมกฎลอว์เลนร่ายยาวก่อนจะหยุดเมื่อเดินถึงห้องแรก มีป้ายติดไว้ว่า ‘king’

            “ถึงจะบอกว่าแบ่งสมาชิกโดยการแรนดอมก็เถอะ แต่ห้องนี้ต่างออกไปเพราะสามคนที่ได้อยู่ห้องนี้คือผู้ที่มีระดับความสามารถสูงที่สุดในชั้น นั่นหมายถึงเป็นหัวหน้าชั้นปีและต้องรับผิดชอบงานต่างๆ ของโรงเรียน หรือของหอ แต่คนอื่นก็ใช่ว่าจะไม่มีสิทธิ์ย้ายเข้ามาอยู่ห้องนี้ หากเด็กห้องคิงถูกท้าประลองจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ คนที่ชนะจะมีสิทธิ์ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องนี้” พูดจบเสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นอาร์น่าผิวปากหวือก่อนถามกิลที่ยืนอยู่ข้างๆ

            “นายว่าใครจะได้”

            “หนึ่งในนั้นต้องมีฉัน” อาร์น่าหรี่ตามองอีกฝ่ายก่อนล้วงเข้าในกระเป๋าควักเอาเหรียญสีทองออกมาหนึ่งเหรียญแล้วเย้าว่า

            “พนันกัน ฉันว่าเจ้าชายหัวขาวนั่น สเวน โครวนอส แล้วก็ คิด สวอลโลว์”

            “ได้ งั้นฉันว่าเจ้าชายเลออน วินเทอร์ มาโคร แล้วก็ฉัน” กิลว่ายิ้มๆ พลางยักคิ้วให้

            เหรียญในมือถูกคว้าไปด้วยน้ำมือของหน้าผู้คุมกฎก่อนเอ่ยเสียงดุๆ ว่า

            “ไม่คิดจะพนันตัวเองเลยเหรอ ห้ามเล่นการพนัน เธอควรกลับไปท่องกฎสิบสองข้อของหอพักให้จำขึ้นใจซะถ้าไม่อยากถูกทำโทษ ห้องคิง เจ้าชายเลออน ฟอร์ซ ทไวท์นิ่ง เร็น ซาโตคริฟ อาร์น่า โรเวล แล้วตอนหกโมงเย็น อย่าลืมไปรับเครื่องแบบกับอุปกรณ์การเรียนล่ะ” ว่าพลางก็ส่งกุญแจห้องให้คนเป็นเจ้าชาย

            “หา” เด็กหนุ่มหัวขโมยอ้าปากหวอทำหน้างง ตั้งแกเกิดเป็นหัวขโมยมาสิบห้าปี ถึงจะแอบพ่อเรียนเวทมนตร์แต่ก็ไม่เคยได้ใช้ได้สักที ที่เข้ามายืนอยู่ตรงนี้ได้ก็ว่าแปลกพอแล้วแต่นี่เขาดันได้อยู่ห้องคิงที่มีความสามารถสูง ถ้าเรื่องขโมยของล่ะก็เขาไม่เถียงแต่ถ้าเรื่องเวทมนตร์หรือการต่อสู้เขาคิดว่าคงไม่รอด มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ?

            “ผมขอย้ายห้อง” ร่างบางว่า ก็ใครเขาจะไปอยากถูกท้าตีท้าต่อยกันล่ะ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อถูกท้าสู้เสียหน่อย แล้วเขาก็ไม่อยากเจ็บตัวโดยไม่มีความจำเป็น

            “ไม่ได้”

            “ทำไมล่ะ ผมคิดว่าตัวเองจะมีความสามารถพอหรอกนะ” เด็กหนุ่มยังว่าต่อ

            “เรื่องนี้สเตลเป็นคนเลือก ถ้ามีปัญหาก็ไปคุยกันเอาเอง” ว่าจบก็โยนเหรียญคืนให้

            “แต่ว่า..”

            ปัง!!!!

            อาร์น่าสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูห้องกระแทกปิดอย่างแรง เขากลืนคำพูดลงคอแล้วหันไปมองประตูอย่างๆ ตื่นๆ

            “เร็น ซาโตคริฟ ห้ามทำลายข้าวของ กลับไปท่องกฎมาให้ได้ซะ!!” หัวหน้าผู้คุมกฎว่าเสียงดุ ก่อนที่ประตูห้องคิงจะเปิดออก เจ้าของชื่อโผล่หัวออกมามองรุ่นพี่ปีห้าแล้วกล่าว

            “อะไรนะครับ”

 

.............................................................................

 

            ห้องกว้างกว่าที่เด็กหนุ่มคิด ด้านในมีเตียงเดี่ยวสามเตียงหันปลายเตียงทางหน้าต่าง ผ้าม่านสีชมพูอ่อนลายลูกแกะ มีตู้เสื้อผ้าสามตู้ตั้งเรียงกันข้างแระตูห้องน้ำ มีโต๊ะกลมหนึ่งตัวและเก้าอี้สำหรับสามคน

            เจ้าชายเลออนยึดเตียงด้านในสุด ส่วนเร็น ก็ยึดเตียงนอกสุด ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงที่เหลืออยู่ ก่อนจะมองเพื่อนร่วมห้องที่ขะมักเขม้นอยู่กับของของตัวเอง

            “นี่ ไม่คิดจะทำความรู้จักกันหน่อยเหรอ? ยังไงพวกเราก็ต้องเป็นเพื่อนกันไปอีกนานนะ” เด็กหนุ่มถามออกไป เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเร็นเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนจะเอ่ย

            “ฉันชื่อเร็น นายชื่ออาร์น่า ส่วนหมอนั่นก็เจ้าชายเลออน ไม่ใช่เหรอ?” อาร์น่าหน้าเหวอก่อนจะเกาแก้มแกรกๆ แล้วว่า

            “แค่รู้จักชื่อไม่ได้หมายความว่าเป็นเพื่อนกันแล้วซะหน่อย” เขาว่า เร็นวางมือจากของในกระเป๋าแล้วมองเด็กหนุ่มนิ่งๆ

            “แล้วก่อนจะเป็นเพื่อนกันมันต้องทำยังไงล่ะ?” เอ่อ นั่นสินะ -_-^ เขาเองก็ไม่รู้ ที่พูดไปแค่ไม่อยากให้ห้องมันเงียบเท่านั้นแหละ

            “เอ่อ ก็ อย่างเช่น นายมาจากไหน บ้านทำอาชีพอะไร มีพี่น้องกี่คน ทำนองเนี้ย (มั้ง)” อาร์น่ากล่าวยิ้มๆ เด็กหนุ่มอีกคนพยักหน้าก่อนจะว่า

            “งั้นนายเล่ามาก่อนสิ” ร่างบางสะดุดกึกเมื่ออีกฝ่ายทำท่าตั้งใจฟัง แล้วก็ต้องยิ้มแหะๆ

           

 

            อาร์น่ากับเร็นคุยกันจนติดลม ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็เริ่มสนิทกัน เพราะเร็นบอกว่าไม่เคยได้ออกนอกประเทศของตนจึงสนใจเรื่องการผจญภัยทั่วเอเดนของอาร์น่าที่จริงบ้างโม้บ้างประสาคนช่างจ้อ จนลืมเจ้าชายที่เป็นเพื่อนรวมห้องอีกคนไปเสียสนิท

            เร็น สูงกว่าอาร์น่าแต่ก็เตี้ยกว่าเจ้าชายเลออน เขามีผมสีบลูเบอร์รี่ดวงตาสีอเมทิสต์สดใส จมูกโด่งรับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี

            เขาเล่าว่าบ้านเขาเป็นตระกูลนักฆ่าอันดับหนึ่งของเอเดนซึ่งพอได้ยินเรื่องนี้อาร์น่าถึงกับช็อก ก่อนเขาจะเล่าต่อไปอีกว่ามีพี่ชายกับพี่สาวอย่างละคนแล้วก็น้องชายคนเล็กอายุสิบสี่หนึ่งคน ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยออกไปจากแอเรียสประเทศบ้านเกิดเลย เวลารับงานพ่อกับแม่ก็ให้เขาทำแค่ในแอเรียส ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาอยู่ต่างเมือง

            “จริงดิ ไม่อยากเชื่อเท่าไหร่เลยแฮะ =_=” เร็นว่าพลางหรี่ตามอง เมื่อเด็กหนุ่มหัวขโมยบอกว่าตนเรียนเวทอักขระโบราณ ที่ไม่ใช่ว่าใครจะใช้ได้ง่ายๆ

            “จริงนะ! อย่าดูถูกกันนะเฟ้ย” สองคนนั่งอยู่เตียงของเร็น อาร์น่าว่าพลางยกยิ้ม

            “งั้นใช้ให้ดูหน่อยสิ” อาร์น่าหุบยิ้มก่อนจะว่าพูดเสียงอ้อมแอ้ม

            “แค่บอกว่าเรียน ไม่ได้บอกว่าใช้ได้นี่หว่า” เร็นปล่อยก๊ากออกมา ร่างบางมองค้อนวงใหญ่ แต่เจ้าหนุ่มนักฆ่าหาได้สนใจไม่

            “โว้ย เลิกหัวเราะได้แล้วเว้ย” เด็กหน้าสวยทนไม่ไหวหน้าแดงแปร๊ด

            “งั้นแล้วทำไมนายถึงมาเรียนที่นี่ล่ะ?” เร็นถามหลังจากเงียบเสียงลงได้ แต่คนถูกถามนี่หน้าสลดลงก่อนจะถอนหายใจ

            “โดนหลอกมา”

            “ห๊ะ!?” อีกฝ่ายทวนคำเสียงสูง อาร์น่าถอนหายใจอีกรอบแล้วเล่าว่า

            “ฉันโดนพ่อหลอกให้มาขึ้นรถไฟของเซนต์วาลาด แล้วเขาก็ฝากจดหมายมาถึงฉัน ดีที่ยังอุตส่าห์ซื้อเสื้อผ้าให้ใส่!! ไอ้พ่อบ้านั่น ถ้าเจอเมื่อไหร่จะจับหัวโขกข้างฝาให้หัวล้านกว่าเดิมเลยคอยดู!!!” ยิ่งพูดก็ยิ่งเดือดเขาต่อยเตียงดังตุบๆ

            “เตียงฉันนะ” อาร์น่าได้สติยิ้มแห้งๆ กอดหมอนแทน

            “ก็นั่นแหละ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีเวทมนตร์ แล้วนายคิดดูว่าฉันมาอยู่ห้องคิงได้ยังไง แล้วไอ้คนอ่อนแอสุดๆ อย่างฉันจะรอดจากเงื้อมมือมารที่จ้องจะชิงห้องคิงได้มั้ยล่ะ?” ว่าพลางก็ถอนหายใจอีกเฮือก เร็นเลิกคิ้วก่อนจะถาม

            “ไม่รู้ว่าตัวเองมีเวทมนตร์ โดนหลอกมา? งั้นนายเข้าเรียนที่นี่ได้ไงล่ะ? ตอนสมัครเรียนต้องทดสอบเวทมนตร์ก่อนนี่”

            “หา!? ถามฉันแล้วฉันจะถามใคร พ่อจัดการเองทั้งหมดเลย ไปแอบสมัครเรียนตอนไหนฉันยังไม่รู้เลย”

            “หรือพ่อนายเส้น?”

            “พ่อฉันมีเส้นให้ใช้ที่ไหน แล้วที่นี่ใช้เส้นได้รึไงเล่า”

            “งั้นก็แปลกสิ” ทั้งสองมองหน้ากันนิ่งไม่พูดจา ทั้งห้องเงียบกริบมีเพียงเสียงปิดประตูตู้เสื้อผ้าจากเจ้าชายผู้ที่ยังไม่ปริปากคุยกับใคร เลออนหันไปมองพวกช่างจ้อสองคนที่พร้อมใจกันเงียบ แถมยังจ้องมาที่เขาอีกต่างหาก

            เจ้าชายน้ำแข็งหันกลับมาสนใจกับของของตัวเองต่อ เขาลากชั้นหนังสือสูงเท่าเอวไปตั้งไว้ติดกำแพงใต้หน้าต่างแล้วกลับมาลากกล่องไม้อย่างดีไปไว้ใกล้ๆ กันแล้วเปิดมันออกจากนั้นก็หยิบหนังสือเวทมนตร์หลายเล่มวางบนชั้นไม่สนสายตาสองคู่ที่มองมา ทำจนเสร็จก็ยกกล่องไม้ยัดใส่ใต้เตียง

            “นี่” ในที่สุดอาร์น่าก็เอ่ยออกมา แต่คนถูกเรียกกลับไม่รู้ตัวเสียนี่

            “นายน่ะ”

            “............” แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบ

            “คุณเจ้าชาย ฉันเรียกนายอยู่นะ”

            “..........................” เส้นในสมองของร่างบางเต้นตุบๆ เมื่อเลออนเอาแต่เงียบสนใจอยู่กับแปรงสีฟันยาสีฟันกับสบู่ถูตัว

            “เจ้าชายเลออน เขาเรียกนายอยู่แน่ะ” เร็นเอ่ยขึ้นบ้างพลางชี้ที่ร่างบาง คนถูกเรียกหันไปมองหน้านิ่ง

            “ นี่ไม่คิดจะคุยกะพวกเราจริงๆ รึไง” อาร์น่าถามเคืองๆ

            “.........................” เขาก็ยังไม่ตอบอยู่ดี อาร์น่าเบ้ปากแล้วว่าเอ่ยเสียงขุ่น

            “เห็นว่าเป็นเจ้าชายเลยไม่คิดจะลดตัวลงมาคุยกับรากหญ้าอย่างพวกเรารึไง?” เจ้าชายน้ำแข็งได้ฟังดังนั้นก็หันหน้ากลับไปก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบแต่คนฟังถึงกับอ้าปากค้าง

            “เปล่า ฉันแค่ไม่อยากเสวนากับหัวขโมย”

            “ ! ”

            “ขโมย?” เร็นทวนเสียงสูงมองหน้าอาร์น่าที่มีท่าทางแตกตื่นก่อนเขาจะยิ้มออกมา

            “ขะ ขโมยอะไรของแกฟะ” อารืน่ากลืนน้ำลายลงคอเปลี่ยนสรรพนามให้ทันที

            “จะว่าไป ก็เคยได้ยินอยู่ ตระกูลหัวขโมยชื่อดัง ตระกูลโรเวล ตอนได้ยินก็ยังแค่รู้สึกคุ้นๆ เท่านั้นเอง” เร็นเอ่ยขึ้นบ้าง อาร์น่าหันขวับกลับไปมอง

            “แค่บังเอิญสกุลเดียวกันเองน่า ไม่ใช่ฉันคนเดียวซะหน่อย ไม่เห็นแปลก แกน่ะ อย่ามาทึกทักเอาเองว่าคนอื่นเป็นขโมยจะได้มั้ย!!?” พูดด้วยหน้าตาหาเรื่องสุดๆ แต่คนถูกหาเรื่องกลับเอ่ยเสียงเรียบ

            “นายจำฉันไม่ได้งั้นเหรอ?” อาร์น่างงไปครู่หนึ่ง เห็นอีกฝ่ายไม่ตอบก็ว่า

            “ชิ้นส่วนของเซฟิลอส” ถึงบางอ้อทันที ถึงว่าหน้าไอ้เจ้าชายนี่มันคุ้นๆ แล้วตอนนั้นมันก็มืดแล้วก็เห็นแค่แว้บเดียวด้วยใครจะไปจำได้ฟะ แล้วไอ้หมอนี่มันรู้ได้ยังไงในเมื่อเขาเองก็ปิดหน้าเหลือแค่ลูกตาเองนะ

            “ไม่จริงอ่ะ ตอนนั้นฉันปิดหน้านายจะจำได้ยังไง!” เร็นเลิกคิ้วพลางว่า

            “เฮ้ งั้นนายก็เป็นขโมยจริงๆ น่ะสิ!!!” เด็กหนุ่มรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากก็รีบตะครุบปิดปากเร็นที่แหกปากไว้อย่างไว

            “ฮึ่ม จะเสียงดังทำไมเล่า แกน่ะรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน?” ถามพลางเอามือออกจากปากของหนุ่มนักฆ่า

            “กลิ่น” อาร์น่าอ้ากเหวอก่อนจะด่าแว้ดๆ

            “เสียมารยาท ถึงจะไม่ได้อาบน้ำทุกวันแต่ตัวฉันก็ไม่ได้มีกลิ่นหรอกนะ ประเทศแกไม่สอนเรื่องมารยาทรึไง!!!? โคตรทำร้ายจิตใจเลย!!” เจ้าชายมองอีกฝ่ายที่หน้าแดงก่ำแล้วเอ่ยเสียงเรียบ

            “ไม่ใช่กลิ่นอย่างงั้นซะหน่อย”

            “แล้วมันกลิ่นยังไงฟร้า แกนี่มันโรคจิตรึไงมาดมกลิ่นผู้ชายอยู่ได้!!?” ว่าพลางก็ยกมือขึ้นทาบอกทำหน้าแดงๆ จนเร็นที่นั่งมองอยู่หัวเราะคิกคัก ร่างบางจึงแว้ดใส่อีกคน

            “จะหัวเราะทำไมฟะ ระวังเถอะนายน่ะ เดี๋ยวไอ้เจ้าชายโรคจิตนั่นก็จะดมกลิ่นนายเหมือนกันนั่นแหละ!” เจ้าชายโรคจิตที่ว่าหันขวับมามองตาเขียวก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น

            “อยากตายงั้นสินะ” อาร์น่ากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะนั่งนิ่งๆ แล้วถามอย่างสงสัยไม่หาย

            “ถ้าอย่างั้นแล้วมันเป็นยังไงเล่า ฉันติดใจนะเนี่ย ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครจับได้เลยนะ” เจ้าชายน้ำแข็งหันไปมองหน้านิ่ง ไอ้ถั่วงอกนั่นไม่มีทีท่าว่าสำนึกผิดที่ขโมยของของเขาเลยสักนิด

            “นายเดินไม่มีเสียง” เลออนเอ่ยเสียงเรียบ เร็นก็เงียบฟังด้วย เพราะเขาเองก็ไม่ได้สังเกตว่าจริงหรือเปล่า

            “เวลาขยับ ร่างกายนายคล่องแคล่วแต่แผ่วเบาราวกับสายลม”

            “แค่นั้น” อาร์น่าเลิกคิ้วถามยิ้มๆ

            “อือ” คนฟังปล่อยก๊ากทันที คนเป็นเจ้าชายกับนักฆ่าหันไปมองเจ้าหัวขโมยที่เพิ่งถูกแฉอย่างงงๆ

            “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ โอ๊ย ฮาว่ะ ของแค่นั้นแกก็ทึกทักว่าฉันเป็นหัวขโมยแล้วเหรอ?” ร่างบางล้มเกลือกกลิ้งกับเตียงพลางหัวเราะร่าไม่หยุด

            “แต่ก็ถูกนี่” เจ้าชายเลออนกล่าวเสียงเรียบ ร่างบางลุกขึ้นนั่งยักคิ้วให้ก่อนจะว่า

            “ก็ใช่แหละ แต่แกก็ช่างสังเกตเนาะ!”

            “หืม? นายเจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ ขนาดฉันเป็นนักฆ่าตอนเดินก็ยังมีเสียง นายทำได้ไง?” เร็นถามด้วยความตื่นเต้น

            “หึหึ พูดแล้วจะหาว่าคุย วิชาของตระกูลโรเวลน่ะ ไม่ได้มีดีแค่นี้นะจะบอกให้!” ร่างบางกล่าวอย่างอารมณ์ดี เลออนมองหน้านิ่งก่อนจะเอาของไปเก็บในห้องน้ำ แต่ก็ยังได้ยินเสียงแว่วๆ เข้ามาให้ได้ยินว่า

            “แต่ไอ้เจ้าชายโรคจิตนี่ก็โรคจิตจริงๆ แฮะ นายก็ระวังหมอนั่นดมกลิ่นแล้วทำอะไรแปลกๆ ล่ะ! เร็น!!” บอกเพื่อนด้วยความหวังดี แต่คนที่ถูกพลาดพิงเส้นเลือดเต้นตุบๆ

 

 

**************************************

 

To be continued

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา