The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) ดรัมเมเยอร์ที่หายไป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          จุ๊ยเปิดประตูบ้านเข้าไปก็เห็นป้ากำลังจุดยากันยุง

“กลับมาแล้วครับป๊า”                     

“ไปหาทุนไปต่างประเทศให้วงดนตรีมาเรอะ” ป๊าถาม

จุ๊ยเอียงคอ

เขาก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับป๊านี่น่า ตอนเขาออกไปก็แค่บอกเหมือนทุกๆทีที่ออกไปในวันอาทิตย์

“ป้ารู้ได้ยังไงครับ”

“ข่าวออก” ป๊าตอบแล้วกดรีโมทโทรทัศน์เปลี่ยนช่อง

“เพื่อนลื้อที่เป็นดารานั้นหล่ะ  เขาบอกออกทีวี  พึ่งออกข่าวช่วงบันเทิงตอนหัวค่ำนี่เอง”

“จุ๊ย” เสียงเฮียดังจากชั้นลอย

“มาสิ เฮียจะเปิดข่าวย้อนหลังให้ดูในเนต”

 

“น้องกลุ่มนี้เขาฝึกซ้อมกันหนักมากเลยครับ  ผมเลยอยากให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุน  วันนี้พวกเขาก็มาจัดกิจกรรมขายเสื้อ เปิดหมวกเล่นดนตรีครับ”

“แล้วโยชิรู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า”

“อ้อครับ ผมรู้จักกับหัวหน้าวง  เขาเป็นคนมีความสามารถมาก เขากับน้องๆของเขาฝึกกันหนักมาจนได้รางวัล  ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าถ้าเขาเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดต้องสร้างชื่อเสียงให้ได้แน่นอน”

“ช่วยกันหน่อยนะครับ”

แล้วก็เป็นภาพโยชิถ่ายรูปคู่กับน้องชมรมหนึ่งชมรมใดชมรมหนึ่ง  ซื้อเสื้อมาใส่เอง  แล้วยังแจกลายเซ็นให้คนที่ซื้อเสื้อคนอื่นด้วย

“ทาง รายการตรวจสอบไปทางโรงเรียนและได้คุยกับผู้บริหารโรงเรียน ทำให้ได้ทราบว่าน้องกลุ่มนี้เป็นกลุ่มวงโยธวาทิตที่ชนะเลิศถ้วยเกียรติยศ ประเทศไทย  แต่เนื่องจากสปอร์นเซอร์หลักที่เคยให้การสนับสนุนประสบปัญหาการเงิน  ก็ เลยอาจกระทบกับการที่น้องๆจะเป็นตัวแทนประเทศไทยเราไปแข่งขันวงโยธวาทิตโลก เนื่องจากงบประมาณของทางโรงเรียนก็มีจำกัด และงบจากราชการก็อาจไม่พอ  ซึ่งทางทีมข่าวของเราก็จะประสานกับทางสถานีเพื่อจะเข้าสัมภาษณ์กับผู้เกี่ยวข้องโดยตรง  และอาจมีการสนับสนุนช่วยเหลือกันไปตามกำลังของเรา  ถ้าท่านผู้ชมท่านไหนสนใจร่วมส่งเสริมกิจกรรมของเด็กไทยเรา ก็สามารถติดต่อได้ที่โรงเรียนโดยตรงเลยนะค่ะ”

แล้วก็เป็นการกล่าวปิดรายการ

“ดังใหญ่แล้วแก เฮียว่าพรุ่งนี้ต้องมีนักข่าวแห่กันไปโรงเรียนไปสัมภาษณ์แกแน่ๆเตรียมตัวไว้เถอะ”

จุ๊ยยิ้มเจือนๆ

 

โยชิพยายามโทรหาจุ๊ยตั่งแต่เย็นเขาก็ไม่รับสาย  คิดในแง่บวกว่าอาจกำลังประชุมหรือทำอะไรที่จำเป็นอยู่

พอรู้สึกหิวก็เลยเดินลงมาด้านล่างพอดีกับที่คนรับใช้จะชึ้นไป

“อ้าวคุณโยชิลงมาพอดีเลยค่ะ คุณเพลงให้ไปพบที่ตึกใหญ่นะค่ะ”

 

โยชิเข้ามาที่บ้านหลังกลางของฉัตรอัครแทบนับครั้งได้  แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่อยากมา แต่ไม่ได้มีธุระจะมา ตอนทีเข้าไปถึงก็ได้รับการบอกเล่าจากคนรับใช้ว่า คุณเพลงพิณ หรือป้าเพลงของเขารออยู่ในห้องนั่งเล่น พอเข้าไปก็ได้พบสตรีวัยสูงกว่าแม่ของเขาแต่ยังมีดวงหน้างดงาม  แล้วเธอยังตอบรับการทำความเคารพของเขาด้วยรอยยิ้มก่อนสั่งให้เด็กไปหยิบขนมมาเสริพ

“เป็นยังไงบ้างอยู่เมืองไทยมาจะสองปีแล้วปรับตัวได้แล้วใช่ไหม” เพลงพิณถามอย่างใจดี

เธอคือภรรยาของลุงนามมินทร์ของเขา  แต่สำหรับบริษัทแล้วเธอเป็นเหมือนเสาหลักของการสนับสนุนและช่วยเหลือลุงนามมินทร์ของเขา  ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่ดูใจดี ใจเย็นคนนี้จะเป็นนักธุรกิจหญิงที่มีคนยกย่องและเกรงบารมีเกือบจะมากที่สุดในประเทศไทยในตอนนี้

“ครับผม  แต่ยังติดเรื่องอากาศร้อนมาก”  โยชิตอบตามตรง

“อืม..เข้าใจ” เธอพยักหน้า

“แล้วงานล่ะ ซีรี่ที่แสดงก็ใกล้จะจบแล้วนี่ มีรับงานอื่นอีกไหม”

“ก็มีครับ  เป็นหนังหนึ่งเรื่อง ซีรีย์อีกเรื่องหนึ่ง” โยชิตอบแล้วกินขนม

“อร่อยครับ” เขาออกปากทันที

เพลงพิณยิ้ม

“เดี่ยวป้าให้เด็กเอาไปให้ที่บ้านนะ  ป้าทำเองหล่ะ  ทำไว้เยอะเลย”

โยชิกล่าวขอบคุณ

“อืมพอดีป้าดูข่าวเห็นว่าโยชิกำลังช่วยเพื่อนหาทุนอยู่ใช่ไหม” เพลงพิณเข้าเรื่องที่จะคุย

โยชิพยักหน้าช้าๆ

“ครับ”

 

“ที่พวกเราได้มาเมื่อวานสองแสน  ก็ ถือว่าเยอะมากเลยนะจากการกิจกรรมแค่วันเดียว” อตินั้งเป็นประธานหัวโต๊ะโดยมีหัวหน้าทีมกีฬาและชมรมนั่งอยู่โดยพร้อมเพรียง ในการประชุมตอนบ่าย

“แล้วก็เมื่อเช้านี้มีผู้ปกครองนักเรียนปัจจุบัน กับสมาคมศิษย์เก่าให้มาอีกหกแสน “คนที่กล่าวคือประธานนักเรียน

“ผมก็ประสานงานออกหนังสือไปหลายบริษัท  แต่ก็คงต้องใช้เวลา เพราะเราขอสนับสนุนไปเป็นจำนวนเยอะมาก”

“ที่ จริงในหน้าเพจของโรงเรียนก็มีคนเข้าโพสต์เยอะมากว่าอยากช่วยเหลือ แต่ผอ.ท่านเห็นว่าเป็นการวุ่นวายเกินไป และกลัวการแอบอ้างก็เลยงดไว้  ตอนนี้จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมผู้บริหารระดับกระทรวง  เผื่อจะได้งบประมาณเพิ่มเติม  แต่ก็อาจช้า และไม่ทันการก็ได้”

เดฟกอดอกขมวดคิ้วดูหน้าเครียดเสียยิ่งกว่าจุ๊ยที่หันมามองหน้าเขาเสียอีก

“แล้วเราจะทำยังไง”

“ก็ต้องรอใจเย็นๆ  เพราะตอนนี้เหมือนทุกฝ่ายจะตื่นตัวกันมาก ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านอาจมีมาตรการช่วยเหลือลงมา” อาจารย์อติกอดอก

เดฟรู้สึกขัดใจเพราะเขาเป็นคนใจร้อน  พอมองกลับไปที่จุ๊ยทีอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะยาว ก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา   ก็สมเป็นนักดนตรีหรอก ใจเย็นแถมยังยิ้มได้

แต่พอมองไปที่โทรศัพท์ของจุ๊ยที่วางไว้บนโต๊ะ  เขาก็เห็นเป็นภาพของโยชิ เป็นภาพแสดงสายเรียกเข้า

“จุ๊ย  โยชิโทรมา”

“อ้าวเหรอ” จุ๊ยยกโทรศัพท์ขึ้นดู

แล้วเขาก็หันไปบอกอาจารย์อติ

“ขอตัวสักครู่นะครับ”

จุ๊ยออกไปแล้ว

เหมียวมองตามจุ๊ยไป

“โยชิ ดารา ที่มีรูปแชร์กันสนั่นว่าไปเที่ยวด้วยกันน่ะเหรอ”

เดฟยักคิ้ว

“ก็มีฮยู่คนเดียวหล่ะ  โยชิฮิสะ อาราอิ”

จริงๆแล้ววงโยธวาทิตของจุ๊ยก็มีดรัมเมเยอร์เหมือนวงอื่นๆ  แต่เพราะการประกวดปีนี้จุ๊ยออกมาแบบการแสดงโดยไม่มีดรัมเมเยอร์ ดรัมเมเยอร์เลยว่างงานไม่ต้องไปประกวด  ซึ่งจริงๆแล้วดรัมเมเยอร์ตัวเอกของโรงเรียนก็คือเดฟนั้นเอง 

ซึ่งถ้าไม่ใช่เดฟ  จุ๊ยยังคิดว่าคงมีเรื่องทะเลากันไปแล้ว เพราะเล่นตัดออกไปอย่างเด็ดขาด แต่เดฟก็แค่ย้ายไปอยู่ชมรมละคร แต่ก็ยังไปมาหาสู่เหมือนเดิม

งานวันนี้เมื่อบอกเท่านั้น  เดฟก็ยินดีจะทำหน้าที่ให้

พอสวมชุดดรัมเมเยอร์ดาดสายสะพายเต็มยศและคาดสายสะพายของโรงเรียน  เดฟที่ยืนอยู่หน้าแถวของวงโยธวาทิตก็ดูโดดเด่นชวนมองไม่น้อย

“น้องคนนั้นก็เป็นดาราใช่ไหม  ที่เล่นเรื่องเดียวกับหลานท่านประธาน”  พนักงานสาวบอกแก่กันบนอัฒจันทร์

“หล่อจังเลยเนอะ  ที่จริงหล่อไม่แพ้พระเอกเลยนะนั้น  แต่หล่อคนละแบบ”

“แต่เขาว่าเป็นเกย์นะ  ดูแมนออกไม่น่าจะเป็น”

“เหม่หล่อนเดี่ยวนี้เกย์มีหลายแบบ  ไม่ได้ดูสาวเหมือนกันเหมือนในหนังหรอก  แบบน้องเขาเรียกว่าคิง เป็นรุก ถ้าชอบผู้หญิงได้ด้วยเรียกว่าไบ” คนที่บอกเป็นเกย์สาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“แต่ว่าแต่น้องเขากล้าเนอะ  นี่เขาบอกกับนักข่าวเองเลยนะว่าเขาชอบผู้ชายตอนที่มีคนไปจับคู่จิ้นเขากับนักแสดงผู้หญิงที่เล่นด้วยกัน  นักข่าวที่ไปสัมภาษณ์หงายเงิบ”

พนักงานสาวพยักหน้าช้า

“ที่จริงก็ไม่เห็นต้องปกปิดเลยเนอะ  อยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป  ยังดีกว่าแอ๊บแมนมาหลอกพวกเรา  ไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าผู้หญิงอย่างพวกเรารู้ที่หลังจะเป็นยังไง” พนักงานสาวกล่าว

“รู้ว่าผัวมีเมียน้อย ยังเจ็บน้อยกว่าผัวมีผัวน้อยนะแก”

 

พอได้สัญญาณจากจุ๊ย  เดฟก็ยกคฑาชี้ขี้นฟ้า

กลองก็รัวกันสนั่นอย่างพร้อมเพรียง

เดฟโยนคฑาขึ้นฟ้าแล้วก้าวออกไปรับ แล้วก็ควงมันอย่างคล่องแคล่วเดินนำวงโยธวาทิตออกสู่สนาม  ท่ามกล่างเสียงปรบมือจากบรรดาพนักงานของฉัตรอัครกรุ๊ปที่อยู่เต็มสนามราชมังคลากีฬาสถาน

 

“ถ้าไม่บอกว่ามันวางมือไปนาน แล้วพึ่งมาซ้อมได้สามวันนี่ กูนึกว่ามันฟิตอยู่ทุกวันนะเนี่ย” อ็อดกล่าวแก่ฮ้อย

“ก็มันเป็นดรัมเอกของโรงเรียน  สมัยก่อนมันก็มีส่วนนะกับความสำเร็จของวง จำไม่ได้เหรอ เวลาไปแสดงที่ไหน มันโยนคฑาทีก็มีเสียงกรีดสนั่นจากหมู่สาวๆทุกที”

“สมัยนี้หล่ะ” อ๊อดถาม

“ก็มีหนุ่มๆกรี๊ดเพิ่มมาด้วยไง” ฮอยตอบ แล้วถองศอกกันไปมากับอ็อด

“ตัวเองอะ”

จุ๊ยหันมามอง

“แล้วจะมีท่าไม้ตายของมันไหม” อ็อดถาม

“ไอ้ลังกาหน้าสองตลบแล้วตามลังกาเกรียวปิดด้วยม้วนหน้าของมันน่ะเหรอ... ไม่รู้เหมือนกัน  ต้องถามไอ้จุ๊ย เพราะ ถ้าจะมีคงต้องแอบไปซ้อมกันสองคน” ฮ้อยตอบ แล้วหันไปมองหน้าจุ๊ย

“ซ้อมแล้วไง” จุ๊ยตอบก่อนจะก้มหัวมา

“มึงดูนี่  คฑาลงหัวกูนี่ ยังดีกูให้หุ้มผ้าไว้ก่อน  ยังมึนไม่หายเลย”

สามหนุ่มมองหน้ากันหัวเราะกิ๊กกัก

แต่พอมองกลับมาในสนาม

เดฟยืนนิ่งอย่างตั้งใจ

“เฮ้ยมัน” จุ๊ยรีบวิ่งเข้าไป

เดฟโยนคฑาขึ้นฟ้าสูงกว่าทุกครั้ง  สปีดไปเต็มเหนี่ยวแล้วก็ตีลังกาหน้าสองตลบจากนั้นก็ตามด้วยลังกาเกรียว ก่อนย่อตัวลงม้วนหน้าแล้วรับคฑาได้อย่างแม่นยำ

จุ๊ยหยุดเท้าเมื่อเห็นว่าทุกอย่างจบลงด้วยดี

เดฟลุกขึ้นควงคฑาแล้วหันกลับ  ทิ้งสายตามาทางจุ๊ย

“เหี้ยแม่งทุ่มสุดตัว” ฮอยปรบมือด้างอยู่อย่างนั้นเหมือนๆกับคนในสนาม

“ไม่รักมากไม่ทุ่มให้ขนาดนี้นะเนี่ย”

อ๊อดคลอนหัวเบาๆ

วาทิตที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อนถึงขนาดลืมเป่าไคริเนตไปชั่วขณะ

แต่พอรู้ตัวก็รีบจับจังหวะโน้ตเพื่อเป่าตามเพื่อนให้ทันพร้อมกับเดินแปรขบวนไปพร้อมกัน

“เมื่อก่อนพี่เดฟก็อยู่กับเรานี่ล่ะ” เพื่อนคนหนึ่งเคยบอกเอาไว้

“แต่พอพี่จุ๊ยแกประกาศคอนเซ็บใหม่ พี่เขาก็เลยออกไปอยู่กับชมรมละคร  ตอนนั้นดราม่ากับพี่จุ๊ยอยู่นานเลย  แต่ที่สุดก็เป็นฝ่ายมาดีกับพี่จุ๊ยเหมือนเดิม” อู๊ดเล่าเพราะเขาเป็นเด็กเก่าตั้งแต่ม.หนึ่ง

“พี่แกน่ะ  เก่งมากนะ  แกแสดงไม่เคยพลาดเลย เพราะแกซ้อมหนักมาก”

“พี่แกดีทุกอย่าง  หน้าตาดี เรียนเก่ง แต่เสียตรงเป็นเกย์ แล้วก็ชอบพี่จุ๊ยมากๆจนไม่เก็บอาการนั้นหล่ะ  พี่จุ๊ยแกก็เลยรำคราญไล่เตะแกบ่อยๆ  แกก็ไม่เคยว่า  ก็เลยกลายเป็นตัวตลกสำหรับคนอื่นไป”

“แต่ว่านะ  แกคงรักของแกมากนั้นล่ะ เพราะต่อให้พี่จุ๊ยด่าแกตี ไล่ยังไง  พี่เดฟก็ยังเหมือนเดิม  เป็นกูนะโกรธตาย  แล้วคงเลิกยุ่งไปแล้ว”

อู๊ดเล่าเรื่องนี้ให้ฟังตอนกลับบ้านพร้อมกันเมื่อวาน

“แล้วพี่จุ๊ยหล่ะ ชอบพี่เดฟไหม”  วาทิตถามทั้งที่กลัวคำตอบ

อู๊ดเงียบอยู่นานมาก  ก่อนจะพูด

“เอ็งรู้เรื่องนี้แล้วเหยียบตรงนี้เลยนะ  แต่ข้าอยากจะให้เอ็งรู้ไว้“

“จริงๆแล้วเมื่อก่อนวงเรามีพี่คนหนึ่งชื่อไตร... เป็นมือเอกเครื่องเป่าคู่กับพี่จุ๊ยนี่หล่ะ  สองคนสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกัน ถึงจะอายุต่างกันสองปีก็เถอะ แต่ยังกับปาท่องโก๋เลย  แล้วเขาก็ลือกันว่าพี่เขากับพี่จุ๊ยน่ะเป็นคู่เกย์”

“แต่ก็แค่ลือไหมอ่ะพี่อู๊ด”

“ก็ใช่... แต่.. ข้าเห็นกับตาเลย  วันนั้นข้าลืมกระเป๋าเงินในห้องซ้อม ก็เลยกลับมาเอา เห็นพี่เดฟแก่ยืนอยู่หน้าประตูแล้วจู่ๆก็เดินหนีไป  แต่พอข้าเดินเข้าไป ก็เจอจังๆเลย  พี่ไตรกับพี่จุ๊ยจูบกันอยู่”

“อุบัติเหตุรีเปล่า อย่างในหนังไง”

“ไม่ใช่หล่ะ  นั่งถือแซกกันคนละตัว นั่งตัวหันไปข้างหน้าทั้งคู่  แต่หน้าเอี่ยวลงมาจูบกัน  ไม่ใช่จูบกันธรรมดานะ  ต้องเรียกว่าดูดปากกันเลยดีกว่า ข้าเลยไม่กล้าเข้าไป  ถอยออกมา  ดีนะบ้านอยู่ใกล้เลยเดินกลับบ้านได้”

“ข้าว่าพี่เดฟก็คงเห็นนั้นหล่ะเลยเดินหนีไป  แต่พี่เดฟแกก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ  แต่ข้าว่าแกต้องเห็นนั้นหล่ะ ข้ามาที่หลังยังเห็นแล้วแกอยู่ตรงนั้นมาก่อนจะไม่เห็นได้ไง”

 

เดฟวางคฑาแล้วทิ้งกายลงถอนหายใจเอนหลังพิงพนังของห้องแต่งตัวอย่างอ่อนล้า

“ไม่ ฟิตเลยหนอเรา” แล้วเขาก็หลับตาฟังเสียงกลองที่ยังสนั่นไปหมด เพราะยังวงโยธวาทิตทำแสดงในชุดการแสดงเดียวกันกับที่ชนะเลิศอยู่ข้างนอก

แต่ก็ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงสีหน้าของจุ๊ยตอนนั้น

“ขอแค่แววตาเป็นห่วงจากจุ๊ยผมก็สุขใจแล้ว”

แล้วเขาก็ลุกขึ้นเพื่อไปถอดชุดออกตากเพราะยังต้องเดินพิธีปิดอีกรอบ

จุ๊ยมองแผ่นหลังที่แกร่งไปด้วยมัดกล้ามเพราะการออกกำลังกายของเดฟ  ตอนแรกเขาจะเข้าไปแต่พอได้ยินเดฟพูดประโยคนั้นเขาก็ยืนตัวชาอยู่กับที่ เขาตัดสินใจเดินกลับหลังออกไปเมื่อตั้งหลักได้

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา