The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) ความในใจของหลิว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

ดอกชมพูพันทิพย์บานแล้วเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นและสิ้นสุดของการสอบปลายภาค

ในตอนย่ำเย็นของวันสุดท้าย  จุ๊ย อ็อด ฮอย ก้องภพ ปอ ตั้มและอัศวะเดินกอดคอกันเป็นแผงออกพ้นประตูโรงเรียน  แล้วทั้งหมดก็หันกลับมา  แต่ละคนเสื้อผ้าลายจนไม่มีที่เขียน  โดยเฉพาะจุ๊ยที่มีแม้แต่บนแก้มและแขน

จุ๊ยยังจำวันแรกที่มาโรงเรียนไม่ได้แล้ว  แต่ยังจำช่วงเวลาต่างๆได้ดี  ยังจำเสียงหัวเราะเพื่อนๆได้ ยังจำได้ว่าเขาซ้อมดนตรีหนักหนาและผ่านเวลาสุขร่วมกับสมาชิกวงโยธวาทิต  ยังจำช่วงเวลาโดนทำโทษเพราะความคะนอง  ยังจำตอนที่วิ่งไล่เตะไอ้เดฟไปตามระเบียง 

และยังจำรอยยิ้มของคนที่ไม่เคยได้มีวันนี้เหมือนเขา  พี่ไตร...

 

จุ๊ยเดินกลับมาตามทางซอยเข้าบ้าน  ก็โดนล้อเรื่องลวดลายบนใบหน้าและร่างกายมาโดยตลอด 

“อ้าว... นึกว่าเสือโคร่งที่ไหน  จุ๊ยนี่เอง  ไปตกกระป๋องสีที่ไหนมา” หลิวแซว

จุ๊ยยิ้มอายๆ

“ก็เพื่อนมันแกล้ง  มันบอกเสื้อไม่มีที่ ก็มีตัว แล้วมันละเลงเลยแถมล็อกจุ๊ยไว้ด้วย”

หลิวยิ้ม  แล้วเดินมาใกล้ใช้นิ้วปาดสีที่ย้อยลงมาใกล้ตา

“จะเข้าตาอยู่แล้ว”

รอยยิ้มหลิวสว่างได้จนน่าแปลกใจ

“ยิ้มอะไร” เธอถาม

“เปล่า” จุ๊ยตอบ

“เข้าบ้านก่อนนะ  ไปอาบน้ำ”

“เออจุ๊ย เดี่ยวขึ้นไปบนดาดฟ้าหน่อยสิ” หลิวเรียกรั้ง

จุ๊ยหยุด  เขาสังเกตเห็นกิริยาที่แปลกไปนิดหน่อย  แต่ก็เลิกคิ้วแล้วตอบ

“โอเค”

 

จุ๊ยอาบน้ำแล้วอยู่ในชุดเตรียมจะเข้านอน เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น

ขึ้นมาเห็นหลิวนั่งกับกำแพงระหว่างบ้านเขากับหลิว

“มีอะไรรีเปล่า”

“ไม่สบายใจเหรอ”

เขานั่งลงข้างๆ

“เปล่าหรอก จริงๆหลิวกำลังดีใจต่างหาก” เธอตอบแล้วยิ้ม

“หลิวได้ทุนไปเรียนที่ออสเตเรียน่ะจุ๊ย”

จุ๊ยทำตาโตยินดี เผลอเอามือจับแขนของเธอ

“จริงเหรอ  ดีจังเลย ยินดีด้วยนะ”

หลิวมองมือของจุ๊ย แล้วหันไปทางอื่น

“แต่เราจะไม่เจอกันนานเลยนะจุ๊ย”

จุ๊ยเอามือออกแล้วหันไปอีกทาง

“ก็ไม่เป็นไรนี่  เดี่ยวหลิวปิดเทอมก็ได้เจอกันแล้ว  เรียนจบกลับมาก็ต้องเจอกันอยู่ดี  จุ๊ยไม่ได้หนีไปไหนซะหน่อย”

หลิวนิ่งก่อนจะลุก เดินมาตรงหน้าจุ๊ย

“หลิวถามตรงๆ จุ๊ยรู้สึกยังไงกับหลิว”

จุ๊ยอึ้งเพราะไม่คิดว่าจะโดนจู่โจม

“เออคือ” จุ๊ยออกปาก

แต่หลิวกลับหอมแก้มจุ๊ย

จุ๊ยตะลึง

“หลิวชอบจุ๊ยมาเลยนะ  จุ๊ยเป็นคนเดียวในโลกทีหลิวอยากจะอยุ่ด้วยไปตลอดชีวิต”

จุ๊ยมองตาหลิว  เขาเห็นเกล็ดน้ำตา  นี่เธอคงรวบรวมความกล้าอย่างมากที่ทำและพูดออกมาอย่างนั้น  ที่จริงที่ผ่านมากก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลิวคิดอะไรกับเขา  เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น

จุ๊ยเม้มปากก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ผนังฝั่งที่หันออกไปหน้าบ้าน

“ทำไมหลิวถึงอยากรวบรัดอะไรตอนนี้ล่ะ  เราก็รุ้จักกันมานานมากแล้ว  ทำไมหลิวถึงต้องการจะรู้ตอนนี้  ไม่คิดว่ามันเร็วไปเหรอ”

หลิวนั่งลงในที่ที่จุ๊ยลุกไป

“ก็หลิวกลัวว่าถ้าเราไม่เจอกัน  จุ๊ยจะเปลี่ยนไป  จุ๊ยกำลังจะเรียนมหาวิทยาลัย  แต่ไหนแต่ไรจุ๊ยเรียนโรงเรียนชายล้วน  หลิวก็เลยกลัวว่าถ้าจุ๊ยไปเจอผู้หญิงคนอื่นที่สวยกว่าหลิวที่มหาวิทยาลัย จุ๊ยจะลืมหลิว”

จุ๊ยหันกลับมามองเธอ  แล้วเดินกลับมายืนตรงหน้า

“หลิว  สำหรับจุ๊ยหลิวเป็นผู้หญิงที่พิเศษที่สุดเท่าที่จุ๊ยมีในชิวิตเลยนะ  แต่เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปก่อนไม่ดีกว่าเหรอ  เพราะคนที่ไปเจอโลกกว้างกว่าไม่ใช่จุ๊ยแต่เป็นหลิว  ดังนั้นทำไมหลิวไม่คิดว่าคนที่อาจเปลี่ยนเป็นหลิว  หลิวอาจเจอคนที่ดีกว่าจุ๊ยก็ได้”

หลิวน้ำตาร่วง

“ไม่หรอก  หลิวชอบจุ๊ยคนเดียว”

จุ๊ยสูดลมหายใจลึก หลับตาลงชั่วครู่

“ฟังนะหลิว” เขาเช็ดน้ำตาออกให้หลิว

“สำหรับจุ๊ยหลิวจะพิเศษเสมอ  ไม่ว่าเจอผู้หญิงกี่คน หลิวก็มีความสำคัญกับจุ๊ยมากเหมือนเดิม  ตรงนี้จุ๊ยสัญญากับหลิว”

เธอเงยมองหน้าจุ๊ย  ดวงตาของจุ๊ยแสนจะอบอุ่น

“แต่เราจะเป็นเพื่อนกันก่อนไม่ได้เหรอ  เราจะเป็นเหมือนเคยกันไปก่อน  จนกว่าหลิวและจุ๊ยแน่ใจว่าตัวเองคิดอะไรแล้วเราค่อยคุยกันอีกทีว่าเราควรจะเป็นอะไรกัน  เพราะถ้าเร่งรีบไปแล้วความสัมพันธ์ไม่ได้เป็นไปตามที่คิด  มันอาจไปทำลายความทรงจำดีๆของเราก็ได้นะหลิว  หลิวไม่เสียดายเหรอที่เราใช้เวลาร่วมกันมาตั้งสิบกว่าปี”

หลิวถอนหายในแล้วหลับตา

“จุ๊ยก็เป็นแบบนี้ล่ะ  เวลาจุ๊ยพูดอะไรซึ้งๆก็กลายเป็นว่าใครก็หาเหตุผลมาแย้งไม่ได้ทุกที”

แล้วทั้งคู่ก็นิ่งไป

หลิวเป็นฝ่ายลุกขึ้นเอง 

“หลิวจะมีจุ๊ยในใจไปตลอด  จุ๊ยก็อย่าลืมว่าหลิวสำคัญกับจุ๊ย  เพราะจุ๊ยสัญญาแล้ว”

จุ๊ยมองตาเธอ

“อืม จุ๊ยไม่ลืมหลอก  จะลืมได้ยังไง”  แล้วเขาก็เผยรอยยิ้มที่สดใสออกมา

หลิวเดินกลับไปบ้านตัวเองแล้ว  แต่จุ๊ยยังยืนอยู่  เขาเดินกอดอกมองไปอย่างไร้จุดหมาย  สุดจะคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไรตอนนี้

 

งานปัจฉินนิเทศจัดขึ้นหลังจากการสอบสุดท้ายของทุกชั้นปีการศึกษาจบลงได้ราวหนึ่งอาทิตย์

งานนี้เพราะทุกคนลงความเห็นว่าจุ๊ยควรจะได้พักบ้าง  เพราะทุกๆปีในงานสำหรับรุ่นพี่  จะต้องมีจุ๊ยมาเล่นดนตรีบนเวทีทุกครั้งไป  งานบนเวทีจึงเป็นวงจากข้างนอกที่จ้างมา  และจุ๊ยก็ได้ไปนั่งสบายกับเพื่อนๆชมการแสดง

วันนี้แม้จุ๊ยจะแต่งตัวหล่อขึ้นมานิดนึงด้วยรองเท้าผ้าใบ และกางเกงยีนต์ใหม่ที่ป๊าอนุญาตให้ไปซื้อได้  แต่ก็ยังดูเรียบๆอยู่ดีถ้าเทียบเคียงกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่แต่งกันมาเต็มยศเหมือนจะมาปลดปล่อย  แม้แต่อ๊อดยังแต่งมาซะหล่อด้วยกางเกงยีนต์สีครีมพับขา เสื้อสีฟ้าอ่อน มีหมวกทรงไบเล่ย์ติดตัวมาด้วย

“เอ็งไปเอาเสื้อผ้าแบบนี้มาจากไหน” จุ๊ยถามแล้วพิจารณาอ๊อดจากหัวถึงเท้า

“แต่งซะอย่างกับจะไปเดินแบบที่ไหน”

“แน่นอนคนมันหล่อ” อ็อดวางที่นายแบบ

จุ๊ยทำปากแบะ

“เปล่ากูกำลังจะบอกว่าเดินแบบชุดแรงงานประมงน่ะ  ที่ซอยหอมึงน้ำท่วมหรือวะถึงต้องพับขากางเกงหนีน้ำมา  แล้วนี่หัวค่ำ  มึงกลัวพระอาทิตย์บ้านพ่อมึงส่องกระบาลรึไงถึงได้ใส่หมวก  แล้วนี่ห่าอะไร... แว่นตา  กูจำได้ว่าสายตาไม่สั้นนี่  แล้วเอามาทำไม  ไปตีหัวเด็กนักเรียนแถวบ้านแย่งมารีเปล่า”

ก้องภพที่ฟังอยู่หัวเราะ

“โดนไอ้อ็อดโดน”

“ไอ้สัตว์ด่าซะเสียเซล  กูไปฆ่าพ่อมึงเหรอจุ๊ยจองเวรกูจริง  นี่มันวันปัจฉิม  มึงจะฝากหมาในปากอยู่บ้านให้พี่น้องมึงดูแลไม่ได้เหรอไอ้หอก”อ๊อดว่า

จุ๊ยทำหน้าไม่หยีหละ

“ก็กูรู้ไงว่ามึงจะแต่งตัวแบบนี้มา กูเลยเตรียมหมามาเห่าไล่  กลับไปวิดน้ำท่วมหน้าบ้านเหอะมึงอย่ามาเก๊กแถวนี้”

ปอกับตั้มเดินกลับมาจากโต๊ะของเพื่อนนักกีฬาฟุตบอลได้ยินพอดี

“มึงก็รู้หมาไอ้จุ๊ยมันดุ  ก็เสือกแต่งมายั่วหมา  ไม่โดนแม่งกัดก็บุญละ” ปอว่าแล้วนั้งลงกอดคอจุ๊ย

แต่จุ๊ยแกะมือมันออก

“โถไอ้ปอ  พ่อคุณปากเป็นสิริมงคล  ใครจะพูดจาเข้ารูแตดเหมือนมึง  ถ้าหมากูดุ หมามึงหมาหอบแดดล่ะวะ  มึนถึงได้ห้อย...” พูดไม่พูดเปล่าดึงปากไอ้ปอด้วย 

“จะยานติดพื้นอยู่แล้วไอ้หอก.. เก็บๆซะบ้าง ลากพื้นเป็นทาง กูเดินตามนี่นึกว่าลายแทง”

เพื่อนหัวเราะกันหัวคลอน

ปอนึกอยากจะตอบแต่ยังเจ็บปากเพราะโดนดึงเลยลูบปากทำเสียงอู้ๆอี้ๆ

“อะไรนะเอี้ย” จุ๊ยทำท่าป้องหูฟัง ก่อนใช้โอกาสที่เพื่อนยังตอบโต้ไม่ได้

“เอี้ยทำไมกูไม่ได้สั่งมึงโดดหอ  มึงนี่ท่าจะขอบเรียนรด.นะ  ชอบดิรอ...ดอเนี่ย  เอากี่ดอดีหล่ะ เดี่ยวกูไปเรียกไอ้เดฟมาช่วยสนอง”

“ดอของผมเก็บไว้ให้จุ๊ยคนเดียวครับ”

ประโยคนี้ทำเอาจุ๊ยสะดุ้ง

“อีเหี้ยนี่มึงเป็นญาติอะไรกับผีจูอนรีเปล่าวะ พูดถึงก็โผล่มาเงียบๆ  กูตกใจ”

เพื่อนหัวเราะ เดฟนั่งลงข้างจุ๊ย

อัสวะเดินหัวคลอนมานั่ง

“แม่งเยอะ” 

“อะไร เยอะ” อ็อดถามอัสวะที่นั่งลงข้างๆ เนื่องจากเขาเป็นผุ้ประสานงานเสียงและแสง เพราะทั้งหมดเช่ามาจากบ้านของอัศวะที่เป็นบริษัทจัดการเกี่ยวกับงานอีเว้นท์

“ก็แก็งอีเหมียวไง  แม่งจะแสดงระบำเหี้ยอะไรไม่รู้ บอกเวทีมืดเดี่ยวไม่สวย” อัศวะถอนหายใจ

“ไอ้ควาย มึงก็ส่งไฟฉายกระบอกนี้ให้” แล้วก็เอื้อมไปตบที่เป้าของอัศวะจนเขาสะดุ้ง

“เอาให้มัน มันจะดูด เอ้ยส่องเงียบๆ”

“เอาของมึงไปให้ไป๊ไอ้จุ๊ย..” อัสวะตอบ

“ไม่ได้นะครับ  อันนี้ของผม” ไม่พูดเปล่ากุมหมับลงไปเล่นเอาจุ๊ยสะดุ้งโหย่ง

“ไอ้ห่า”เอามือออกแล้วตบหัวไปที

“ไข่กู ของสงวนไม่ได้มีไว้จับเล่น  ไปเลยไปนั่งโต๊ะห้องมึง เดียวกูก็ให้ไอ้พวกนี้รุมเย็ดตูด”

เดฟลุกขึ้นแล้วส่ายหน้า

“ไม่เอาหล่ะครับ  ตูดผมเก็บไว้จุ๊ยคนเดียวเท่านั้น”

แล้วก็หยิกแก้มจุ๊ย

“ไอวิวคัมแบ๊กนะดาห์ลิงค์”

Fuck UUUU” จุ๊ยแหกปากไล่หลังไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา