The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) สายน้ำไม่ยอมร้องเพลง..

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

จุ๊ยรู้อยู่แล้วเรื่องรางวันนักเรียนดีเด่นสาขาดนตรี เขาจึงมายืนรออยู่ข้างเวที  พอถูกเรียกก็เดินขั้นเวทีมารับรางวัลจากผู้อำนวยการ

“นายนทีธารขอบใจนะ  ที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมาหลายปี”

จุ๊ยตอบว่าครับ  แต่พอจะเดินลงจากเวที 

“ขอบคุณท่านผู้อำนวยการครับ  แต่นายจุ๊ย อยู่ก่อน”

จุ๊ยหันมามองหน้า

ประธานนักเรียนที่เป็นพิธีกรก็หันไปมองวงดนตรีที่อยู่ข้างหลัง ก่อนจะหันเดินมาดึงตัวจุ๊ย

“คือพวกเราก็ได้เห็นจุ๊ยบนนี้บ่อยมากๆ  ทั้งมารับรางวัล มารายงานความสำเร็จ  มาเล่นดนตรี  แต่อย่างหนึ่งที่เราไม่เคยเห็นนายทำคือ..”

จุ๊ยทำตาโตมองหน้าประธาน

“ร้องเพลง ร้องเพลง ร้องเพลง” บรรดาเพื่อนๆตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน

“ล้อเล่นน่า” จุ๊ยส่ายหน้าแล้วทำท่าจะวิ่งลงเวที

“เจ๊เหมียวสกัดไว้” ประธานรีบบอก

แก๊งค์เหมียวที่แต่งตัวมาแนวคาบาเร่ห์จัดเต็ม  ก็ปรีมาขวางทางลงจากเวทีไว้

“อุ๊ย... ตกใจเลย“ จุ๊ยทำท่าสะดุ้ง แล้วเดินถอยกลับขึ้นมา

ประธานเดินมายัดไมค์ใส่มือ

“เอาเพลงอะไรก็ได้ ที่จุ๊ยถนัด...”

จุ๊ยยืนคิด ก่อนจะบอกชื่อเพลง

คนตรีก็เริ่มเล่น

แต่เดี่ยวเขาก็ทำท่าวิงเวียน

“อุ๊ยๆ เวียนหัวจะเป็นลม ขอตัวไปนั่งก่อนนะ”

แล้วทำท่าจะเดินลงเวที

 “ไม่ต้องไม่ต้อง” ประธานดีงเขากลับขึ้นเวที 

“เจ๊เหมียวเตรียมซีพีอาร์”

แล้วเหมียวแอนด์เดอร์แก็งค์ก็วิ่งขึ้นมา

จุ๊ยวิ่งหนีไปอีกทางก็เจอรองประธานตามมาขวางไว้

“ร้องก็ได้วะ” เขาว่าเพราะโดนดักทั้งหน้าและหลัง เดินหน้าจ๋อยกลับมากลางเวที

เพื่อนหัวเราะกันครืนเครง

เขาเอาไมค์ไขว้หลังแล้วทำบางอย่าง

พอเอาไมค์ออกมาทำท่าจะร้อง ถ่านข้างในก็ร่วงกราว

“ว้า..พังซะละ”  เขาทำเสียงเล็กเสียงน้อย แล้วหันมาส่งไมค์ให้ประธานที่ยืนกำกับอยู่ไม่ห่างไป

“ซ่อมไมค์เสร็จค่อยเรียกนะ” ว่าแล้วก็ทำท่าจะเดินลง

“เดี่ยวๆ อัสขอไมค์” ประธานขวางทาง แล้วสั่ง

อัศวะก็ขึ้นมาบนเวทีโดยมีไมโครโฟนเหน็บเอวมาห้าหกอัน

“เอาไป” ส่งให้ตัวหนึ่ง

จุ๊ยรับไมค์มาทำปากเผยอ มองไมโครโฟนรอบเอวอัศวะ ก่อนจะกล่าว

“โห... พกมาเป็นโหล  นึกว่าพวงปลัดขิก  กลัวผีหลอกเหรอครับพี่”

“เปล่า” อัศวะ เอี่ยวเข้ามาที่ไมค์

“ก็กลัวนายจะพังไมค์ เลยเตรียมมาเยอะๆ  เขารู้ทันนายกันหมดแล้วจุ๊ย”

จุ๊ยทำหน้าปุเลี่ยน แล้วก็บ่น

“โหย... ดักทางหมดเลยนะ”

แต่แล้วเขาก็ผงาดขึ้นอย่างมาดมั่น

“กลัวอะไร ร้องก็ร้องดิ”  แล้วเขาก็ขยับมาหน้าเวทีจนชิดขอบ

“เอ้ามิวสิค” เขาชี้นิ้วขึ้นฟ้าสั่ง อย่างกับร๊อกสตาร์

นักดนตรีก็เริ่มต้นอีก  แต่จุ๊ยกลับปีนหนีลงจากเวที

แต่ปรากฏว่าอ็อด ฮ้อย ปอ และตั้มที่รออยู่แล้วก็กรูกันเข้ามาจับ

“ช่วยด้วยช่วยด้วย” จุ๊ยโวยวายดิ้นรนแต่ก็สู้แรงนักฟุตบอลสองคนกับนักดนตรีอีกสองไม่ได้

“ช่วยด้วยผมถูกข่มขืน”

แม้แต่ผู้อำนวยการยังหัวเราะจนตัวโยน

วรรณาป้องปากหัวเราะ  แล้วก็หันมาถามอติที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะ

“จุ๊ยเขาร้องเพลงแย่ขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ ถึงไม่ยอมร้อง”

“อ้อก็เปล่าหรอก แค่มันผิดคีย์  คือจุ๊ยเขาอาจเก่งเรื่องเล่นดนตรี  แต่ร้องเพลงเหมือนเขาจะคุมเสียงตัวเองไม่ได้ก็เลยร้องผิด ขนาดเพลงชาติยังเพี้ยนก็แล้วกัน”

อติกล่าวกลั้วหัวเราะ

“แต่เพื่อนรักเขามากเลยนะค่ะ” เธอยิ้มมองเพื่อนรุมปล้ำจับจุ๊ยที่ดิ้นหลุดในนาทีสุดท้ายแล้ววิ่งลงเวทีมาอีก

อติก็ยิ้มมองไปในภาพโกลาหล

แล้วอาจารย์ก็มองไปในความหลังที่พ้นผ่าน

“เราคุ้นเคยกับการได้เห็นหน้าจุ๊ยบนเวทีกับหน้าเสาธง  แล้วเขาก็เป็นคนยิ้มง่ายและเป็นมิตร ที่สำคัญคือไม่เคยมองใครในแง่ลบ  อย่างนี้ล่ะมั๊งเพื่อนร่วมรุ่นก็เลยชอบเขา”

“ผมคงเหงาไม่น้อยที่ไม่ได้เห็นเขาในห้องชมรม  และคงเหงาไม่น้อยที่ไม่ได้ยินเสียงแซ็กโซโฟนของเขาในตอนเช้า”

 

“ใครจับไอ้จุ๊ยได้เอาไปเลยห้าร้อย” ประธานประกาศ เมื่อจุ๊ยหนีลงไปจากเวทีได้อีกรอบ

คราวนี้ทั้งหมดที่อยู่โต๊ะด้านหน้าก็เลยลุกขี้นมาขวางทางจุ๊ย

จุ๊ยหันรีหันขวาง ปรากฏว่าโดนล้อมทุกด้าน

เลยล้มตัวลงนอนบนพื้นสนามหญ้า แขนขากาง

“กูยอมแพ้  จะฆ่าจะแกง เชิญ”

“เอามันขึ้นมามัดกับเสา  เอาเข็มขัดโบยมันจนกว่ามันจะร้อง” ประธานบัญชา

เพื่อนๆก็กรูเข้ามา

“เฮ้ยเบาๆ  โอยๆ อย่าข่มขืนกู...” จุ๊ยร้องเสียงหลง

วาทิตยิ้มกับภาพรุ่นพี่พร้อมใจกันหามพี่จุ๊ยขึ้นไปบนเวที  แล้วก็ให้เดฟเอาเข็มขัดโบยเบาๆแบบเรื่องนางทาส

พี่จุ๊ยก็ดีดดิ้นไปอย่างสมจริง

“กูว่าพี่จุ๊ยของมึงน่ะ  เลิกเล่นดนตรีเหอะ” เพื่อนรุ่นเดียวกันคนหนึ่งที่มาด้วยกล่าวกับวาทิตหลังจากหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาเล็ด

“ไปเล่นตลกเหอะว่ะ ท่าจะรุ่ง”

วาทิตยิ้มตอบแต่ไม่ตอบเป็นคำพูด

ผมคงคิดถึงพี่มากเลย พี่จุ๊ย.. เขาบอกกับตัวเองในใจ

งานในโรงเรียนจบลงตามพิธีการ แม้จะมีช่วงที่โกลาหลวุ่นวายกับความพยายามจะจับจุ๊ยร้องเพลง  แต่ก็ดำเนินต่อไปอย่างเรียบร้อย  จนกระทั้งงานเลิก

แต่งานปาร์ตี้ของจริงคือหลังจากนี้  เดฟบอกว่าเนรมิตบ้านของเขาให้กลายเป็นผับขนาดย่อมๆและชวนเพื่อนๆไปอย่างไม่จำกัดกลุ่มห้อง

แต่ไปจริงๆก็จะมีแต่พวกที่สามารถไปค้างอ้างแรมบ้านเพื่อนได้ แล้วก็คนที่สนิทสนมกันอย่างจริงจัง

จริงๆแล้วจุ๊ยไม่ได้บอกว่าบิดาว่าจะไม่กลับบ้าน เขาก็เลยพยายามเลี่ยง  แต่กลับถูกแก็งค์เกย์สาวจับล็อกแล้วมัด ให้พวกหนุ่มๆแบกไปโยนใส่เบาะหลังรถของเดฟ

“กูไม่ไป  พรุ่งนี้ กูมีนัด กูจะกลับบ้าน” จุ๊ยดิ้นแต่ไม่อาจปลดพันธนาการชองเชือกที่รัดได้

“ไม่มีแกจะสนุกเหรอจุ๊ย” เดฟว่า

“ไม่เอา กูจากลับบ้าน” จุ๊ยโวยวาย เดฟรำคราญเลยปิดประตูรถซะเลยแล้วหันไปหาก้องภพกับเพื่อนที่มีรถ

“พวกนายไม่เคยไปกันใช่ไหม  ขับตามกันมานะไม่ไกลหรอก อยู่แถวตลิ่งชันนี่เอง”

ระหว่างอธิบายทาง ก็มีซาวประกอบเป็นเสียงอุทธรณ์และเอาหัวโขกกระจกเรียกร้องของความสนใจชองจุ๊ย

 

แม้จะบอกว่าเป็นผับย่อมๆแต่พอไปถึงก็ต้องตะลึงเพราะมีการจัดบรรยากาศบ้านทั้งหลังให้เป็นเหมือนคลับหรู

“ทำอย่างนี้พ่อไม่ว่าเหรอ” จุ๊ยตอนนี้สงบได้แล้วปีนมานั้งเบาะข้างเดฟ

“เขาไม่ได้อยู่หลังนี้นี่ หลังนี้เป็นของเดฟ  โน่นเขาอยู่กับภรรยาใหม่ของ” เดฟตอบ

จุ๊ยก็ไม่ได้พูดต่อ เพราะเขารู้ดีเรื่องความระหองระแหงของเดฟกับพ่อที่เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใหญ่

 

“ตอนแรก กูก็ว่า...เหี้ยเพื่อนกูโดนเสือคาบไปแดกรีเปล่าวะ ก็เลยมุดเต็นท์ออกมาหาเดินไป  เห็นพุ่มไม้สั่น... เฮ้ย หมี หรือเสือวะแดกเพื่อนกูอยู่  แต่พอเข้าไปเท่านั้นชัดเจนเลย ป๊าบ ป๊าบ โอ๊ยเบาๆ ป๊าบ ป๊าย “

เพื่อนหัวเราะกับเสียงของจุ๊ยตอนบรรยายภาพ

“กูเลยยืนตรง” จุ๊ยทำท่าให้ดู

“ทำความเคารพครูฝึก”

“เท่านั้นแม่งพรวดขึ้นมา  ตัวยังติดกันอยู่เลยอย่างกับหมาติดเป้ง”

เพื่อนที่ล้อมวงฟังอยู่หัวเราะกันครื้น

“ไอ้จุ๊ยนี่มันสรรหาอะไรมาเล่าให้ฮาได้ตลอดว่าไหม” ก้องภพที่ยืนพิงเสากล่าวแก่เดฟที่กำลังเดินผ่านมา

“ด้วยการเอาเรื่องของผมมาเผานี่เนี่ยนะ  เอาปืนลงมายิงทิ้งซะดีไหม” เดฟหยุดเท้า แล้วกล่าวทั้งจิบเครื่องดื่ม

“อ้าวเหรอ ฟังอยู่ตั้งนาน ก็นึกอยู่ว่าใครวะ” ก้องภพหัวเราะเขินเพราะจุดได้ตำตอ

แต่เดฟกลับเดินตรงเข้าไป

“เหม่ผมก็นึกว่าจุ๊ยเพราะมันมืด  พอเห็นจุ๊ยก็เลยรู้ว่า อ้าว..ผิดตัวนี่หว่า”

ฮากันครืนยกกำลังสอง

“แล้วตกลงใคร” เหมียวสนใจจะรู้

“ไม่ต้องรู้เขาเอากันแบบไหน  ไม่ต้องหาว่าใครไหนโดยไอ้เดฟสอยตูดบาน” จุ๊ยตอบเป็นเพลงแบบผิดคีย์

“บอกหน่อยสิ ใบ้ก็ได้อยู่ในนี้ไหม”

จุ๊ยหันมองรอบตัว  แล้วส่ายหน้า

“ไม่มา  สงสัยกลัวกูขุดเอามาเล่า”

“ใคร” เหมียวหันมาหาเดฟ

เดฟทำหน้าโปรยเสน่ห์

“ความลับครับ”

แต่เหมียวยังค้างคาใจ จะแย้ง

“เปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนเรื่อง  เอาเรื่องนี้ดีกว่า  เพื่อนๆรู้ไหมว่าพี่จุ๊ยของเรากลัวอะไร”เดฟโบกมือก่อนจะกล่าวเรียกความสนใจ

“เฮ้ยๆเดฟสัญญากันแล้วนะ” จุ๊ยท้วง

“เอาเรื่องผมมาเผาได้ ผมก็จะเผาจุ๊ยบ้าง” เดฟลอยหน้าตอบ

“เฮ้ยกูยอมแพ้ ขอโทษ อย่าเล่าเลยนะนะ” จุ๊ยยกมือไหว้

“ไม่เอา ผมจะเล่าทีจุ๊ยยังเล่าเรืองเขาได้ พอเรื่องตัวมาทำขอร้อง”

“กลัว..ก...”

เดฟออกเสียงได้แค่นั้นเพราะจุ๊ยพุ่งช้ามโต๊ะมาอุดปากจนล้มกลิ้งไปทั้งคู่

“กลัว” เดฟดึงมือออกได้ก็จะพูดอีก

“หุบปากเลย” จุ๊ยรีบอุดปากมันอีกรอบ แล้วกล้าเป็นปล้ำกันไปปล้ำกันมาอยู่บนพื้น

“กลัว”

“เฮ้ยหุบปาก”

“กลัว”

“เงียบเลยไอ้เดฟ”

เพื่อนๆหัวเราะร่วนกันอีก

 

“ต่อ ไปเราจะได้มีโอกาสสนุกกันแบบนี้อีกไหมนะ” ปอที่เดินมาพร้อมตั้มและอัศวะ แล้วเเดินมาข้างหลังยืนข้างก้องภพ เขาถามแล้วเกาะไหล่ก้องภพ

“ก็ไม่รู้สิ”  ก้องภพยิ้ม

“เราคงคิดถึงมันมากแน่ๆเลยว่าไหม”

“หูกูคงโล่งไปเลยล่ะ  ประสาทก็ไม่ต้องเสีย ลุกนั่งก็ไม่ต้องกังวลว่าไอ้จุ๊ยจะคอยแกล้ง” ตั้มหัวเราะเบาๆ

 

“กลัวกระต่ายนะเหรอ” เจ้าของเสียงคืออ็อด ที่พึ่งเดินมาจากทางห้องน้ำ

ทุกคนเงียบหันมามองหน้าอ็อด  รวมทั้งจุ๊ย

“กลัวทำไมออกจะน่ารัก” เหมียวสงสัย

“ก็...” จุ๊ยตอบเสียงอ่อยๆ แล้วลุกจากร่างของเดฟ

“ตอนเด็กเคยวิ่งเล่นกับมันแล้วล้มทับมันตาย”

เพื่อนฮากันลั่น

“เฮ้ยไม่ตลกนะเว้ย กระต่ายน้องสาวกู กูทับแม่งตาย  ป๊าเอากูฟาดตั้งสิบกว่าที  ตั้งแต่นั้นมาเห็นมันแล้วก็” จุ๊ยทำท่าขนลุก

“แบบว่ากลัวไปเหยียบมันอีกอะไรอย่างเนี่ย”

ระหว่างที่จุ๊ยเล่าไป  ฮ้อยก็โผล่มาข้างหลัง

“กระต่ายแบบนี้ใช่ไหม”

จุ๊ยหันมาเห็นกระต่ายตัวขาวมองเขาตาวาว

“เหี้ย” เขาร้องลั่น แล้วกระโจนหนี

“จับมันไว้” ฮ้อยสั่ง เพื่อนก็รุมกันมาล๊อกไว้

“ไม่เอา ไม่เอา พวกมึงแกล้งกู” จุ๊ยตะโกนลั่น ดิ้นรนทว่าไร้ผล

“ไม่เอา กูบอกว่าไม่เอา...ไม่เอา..ไอ้เพื่อนชั่ว ไอ้เพื่อนเลว เพื่อนทรยศ”

 

“คนเหี้ยอะไรกลัวกระต่าย” ปอส่ายหัว

“ก็คนอย่างไอ้เหี้ยนี่ไง” ตั้มกล่าวแล้วมุ่งเข้าไปร่วมวง

“มึงตายไอ้จุ๊ย แกล้งกูไว้เยอะตั้งแต่ม.ต้น ขอเอาคืนบ้างหล่ะ”

อัศวะส่ายหัวดุกดิกกับเพื่อนๆที่เล่นเป็นเด็กไม่รู้จักโต แต่เขาก็หัวเราะชอบใจ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา