The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

36) กำลังใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

พอฟังจบจุ๊ยก็ถอนหายใจออกมายาวๆ

แล้วตบบ่าอาราอิ

“ทำไมไม่ชวนเขากลับไปรักษาที่เมืองไทยล่ะ  หมอของเราก็เก่งเหมือนกันนะ  แถมถูกกว่าแน่นอน”

“พ่อเคยปธิฌานไว้แล้วว่าจะไม่กลับเมืองไทย” อาราอิตอบ

“อืม.. ก็แปลว่านายต้องพยายามหาทางให้เขาไปรักษาตัว  จริงๆนายตอนนี้ก็พอจะช่วยได้ไม่ใช่เหรอ  เพราะงานของนายก็กำลังรุ่งเลย” จุ๊ยชี้แนะทั้งที่ก็คิดว่าอาราอิอาจคิดไว้แล้ว

“แต่ ค่ารักษามันแพงมากเลยนะ  ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะอยู่ในวงการไปได้อีกเท่าไหร่  ประเดี๋ยวกระแสซามันก็ถึงขาลง  ตอนนั้นฉันจะเอาเงินที่ไหนรักษาพ่อต่อไป” อาราอิกล่าว

จุ๊ยก็เห็นด้วย  ก็เลยไม่รุ้จะแนะนำยังไงต่อ

แต่จุ๊ยคิดอะไรได้อย่างหนึ่งแต่ไม่กล้าพูดออกไป

“นี่อาราอิ” จุ๊ยกล่าว

“ป๊าบอกฉันว่ายังไงรู้ไหม...”

อาราอิหันมามอง

จุ๊ยมองออกไปในทะเล  แล้วยิ้มในคำพูด

“ป๊าบอกว่า.. ถ้าเรามองแต่ปัญหา ทุกอย่างก็เป็นปัญหา  แต่ถ้าเราไม่มองปัญหา  แล้วมองทางอื่นบ้าง บางทีก็อาจพบคำตอบ”

 

แม้ อาราอิจะมีความในใจ  แต่ทั้งหมดก็เริ่มเลือนหายไปเพราะความร่าเริงของจุ๊ย  ตั้งแต่ให้อาหารกวางแล้วปรากฏว่ากวางฝูงใหญ่มารุมจนเขาต้องเผ่นหนี  เดือดร้อนคนดูแลต้องมาไล่ให้  ถ่ายรูปทำท่าเหมือนพิงเสาโทริกลางน้ำ  แล้วก็หงายล้มไปจริงๆ

เล่า โจ๊กล้อเลียนคนที่ผ่านไปผ่านมาตอนระหว่างที่เขาสองคนนั้งกินหอยนางรมกันอยุ่ ที่ร้านข้างทาง  แล้วยังกรรมตามทันโดนน้ำจากในตัวหอยกระเด็นใส่ตาตอนพยายามงัดเนื้อกิน  กินซาลาเปาใส้หมูร้อนๆแล้วร้องโอดโอย

แม้ตอนนี้เขาจะมืดแปดด้านกับปัญหาของพ่อ  แต่ตราบเท่าที่ยังมีจุ๊ยอยู่ใกล้ๆ  เขาจะต้องผ่านปัญหาไปได้ในที่สุดเขามั่นใจอย่างนั้น

ดัง นั้นในแสงยามบ่ายตอนออกจากเกาะมิยาจิม่า  อาราอิจึงมองรอยยิ้มของจุ๊ยที่มองกลับไปยังเสาโทริด้วยความสุขใจ...  ความกังวลมันละลายไปหมดกับรอยยิ้มของจุ๊ยนั้นเอง

 

จุ๊ยจัดการทำความสะอาดบ้านจนสะอาดแม้จะพึ่งกลับมาจากไปเที่ยว  นายโยชิฮิสะกลับมาเห็นจุ๊ยกำลังเช็ดโคมไฟเพดานอยุ่ก็มายืนมอง

“ตอนที่เธออยู่บ้านนี่คงทำบ้านด้วยใช่ไหม  เพราะเธอทำคล่องแคล่วมาก”

เขากล่าวแล้ววางกระเป๋าลง 

“ครับ แต่บ้านของผมไม่ได้สะอาดอย่างนี้หรอก  มันรกมากเพราะเป็นร้านขายของ” จุ๊ยตอบแล้วลงจากเก้าอี้

“คุณโยชิฮิสะจะกินอาหารเย็นไหมครับ  เราซื้อของมาหลายอย่าง เดี่ยวผมจัดการอุ่นให้”

“ไม่ต้องหรอก” โยชิฮิสะบอก

“ไปอาบน้ำเถอะ  นี่ดึกแล้ว”

จุ๊ยมองนาฬิกาบนผนังก็ราวๆสามทุ่มแล้วจริงๆ

“แล้วนี่อาราอิไปไหน”

จุ๊ยซักผ้ากับน้ำในถัง

“อยู่ข้างบนน่ะครับ  เห็นบอกว่ามีคนส่งข้อความทางไลน์มาเรื่องงาน  ก็เลยพึ่งขึ้นไปคุยเมื่อสักครู่นี่เอง”

เขาพยักหน้า  จุ๊ยเห็นแววเหนื่อยอ่อนตอนเขานั่งลง

“อา ราอิ  เป็นเด็กเข้มแข็งแค่เปลือกนอก จริงแล้วเขาอ่อนแอมากนะ  ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาไม่ได้มีโอกาสได้รับความรักจากพ่อและแม่เหมือนกับคน อื่นๆ  ฉันเองก็งานยุ่งตลอดตอนเป็นหนุ่ม ก็ไม่ได้มีโอกาสดูแลเขาใกล้ชิด” แล้วโยชิฮิสะก็ถอนหายใจ

“เธอ น่ะ เป็นคนที่ใกล้ชิดกับอาราอิมากที่สุดแล้ว  แม้แต่กับนามิจังเองเขาก็ยังไม่เคยเป็นแบบนี้  แล้วเธอเองก็ดูเป็นคนพึ่งพาได้  ฉันจังอยากจะฝากให้ดูแลเขาด้วยนะ”

จุ๊ยก็เลยวางถังน้ำที่ถือไว้ลงเสียก่อน

“ที่จริงผมว่าคุณโยชิ..”

“เรียกว่าพ่อเถอะ  เรียกอย่างงั้นมันเยิ่นเย้อ”

จุ๊ยก็เลยกล่าวขอบคุณ  ก่อนจะกล่าวต่อไป

“หากว่าคุณพ่อจะดูแลอาราอิไปนานๆ  เขาอาจรู้สึกดีกว่าก็ให้คนอื่นดูแลก็ได้นะครับ”

โยชิฮิสะเงียบไป

“เขาโตแล้ว  เขาต้องมีชีวิตของตัวเอง  ชีวิตที่ไม่มีฉัน  ฉันก็ทำให้เขาได้แค่นี้ จริงๆ ส่งเขาได้แค่นี้”

“แต่ คนเรา พอประสบความสำเร็จ เราก็อยากจะให้มีใครสักคนร่วมฉลองนะครับ  ไม่ใช่แค่คนรัก  แต่รวมถึงคนที่รักเรามาตั่งแต่เด็กด้วย” จุ๊ยแย้ง 

“ไม่ใช่แค่พ่อแม่ที่อยากเห็นลูกมีความสุข  แต่ลูกเองก็อยากเห็นพ่อแม่มีความสุขด้วยเช่นเดียวกัน  อันนี้ผมพูดจากมุมมองของลูกนะครับ”

โยชิฮิสะนิ่งไปอีก  ก่อนเขาจะถอนหายใจ

“ในโลกนี้มีเรื่องที่เราทำได้และทำไม่ได้อีกเยอะนะ  ดังนั้นเราก็ควรทำใจในสิ่งที่เราทำอะไรไม่ได้”

จุ๊ยเม้มปากอยู่ครู่

“ครับ ผมเข้าใจ  แต่เรายังไม่ทดลองทุกวิธีไม่ใช่เหรอครับ  ถ้าเราทดลองทั้งหมดแล้ว แล้วเรายังทำไม่ได้  แต่ความหวังยังมี  เราก็ทดลองทำต่อไป  อันนี้เป็นสิ่งที่แม่ผมสอนเอาไว้”

“การไม่ถอดใจ  คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการต่อสู้นะครับ  ถ้าเราถอดใจ  เราก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้สู้ ไม่ใช่เหรอครับคุณพ่อ”

โยชิฮิสะมองหน้าเพื่อนของลูกชาย

“เธอเป็นเด็กที่มีความคิดแง่บวกมาก  ฉันอยากให้เธอรักษาความคิดนี้ไว้..” แล้วเขาก็ลุกขึ้น

“เอาหล่ะ เป็นอันว่าฉันจะไม่ถอดใจ  แต่ฉันก็ต้องทำใจเผื่อไว้บ้าง  เธอก็เหมือนกัน  แล้วถ้าหากคนนั้นเขาถอดใจ ฉันก็หวังว่าเธอจะอยู่ข้างๆเขา”

แล้วโยชิฮิสะก็วางมือบนไหล่ของจุ๊ย

“ขอบใจมากนะ”

อาราอิที่จริงกำลังจะลงไปข้างล่างอยู่แล้ว  แต่เขาก็หยุดแค่ตรงประตู  จากประตูที่เปิดไว้  ทำให้เขาได้ยินการสนทนาทั้งหมด

 

จุ๊ยปูที่นอนเรียบร้อย  ก็หันไปมองอาราอิที่ยังนั่งมองเขาอยู่

“เฮ้ยนอนได้แล้ว  ปูเสร็จแล้วเนี่ย  จะนั่งมองหน้าทำไม  ประเดี่ยวก็จืดหมดพอดี”

อาราอิยิ้ม

“นายมันจืดอยู่แล้วจุ๊ย  จืดกว่านี้ก็คงไม่ทำให้ฉันชอบมองหน้านายน้อยลงหรอก”

“บ้านนายสิ” จุ๊ยชว้างหมอนใส่

อาราอิก็รับไว้ได้

“คำก็จืดสองคำก็จืด.. ก็เกิดมาหน้าตาไม่ได้เป็นพระเอกซีรี่เหมือนนายนี่หว่า...”

แล้วเขาก็ตีหมอนสองที่ให้มันพองขึ้น

“มานอน.. พรุ่งนี้จะไปเกียวโตไม่ใช่เหรอ”

ว่าแล้วจุ๊ยก็ทิ้งตัวลงนอน

อาราอิก็คลานเข่ามาบนเสื่อตามาตะ แล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มของจุ๊ย

“โอ๊ยทำอะไร” จุ๊ยโวยวาย

“อย่าเสียงดังสิ  เดี่ยวพ่อก็ได้ยินหรอก” อาราอิบอกแล้วก็แทรกเข้ามานอนข้างจุ๊ยได้สำเร็จ

จุ๊ยก็พลิกตัวหันหนี

อาราอิก็เลยกอดเขาไว้จากด้านหลัง แล้วเบียดอย่างแนบชิด

“ไปปิดไฟก่อนสิ” จุ๊ยว่า  อาราอิเลยเอื้อมออกไปที่โคมไฟตรงหัวนอน

พอแสงไฟดับลง  เขาก็กลับลงมากอดร่างจุ๊ยไว้จนแน่น

“ชอบใจนะ  นายนี่ไม่เคยนิ่งดูดายกับความทุกข์ของคนอื่นได้เลยจริงๆนะ”

จุ๊ยยิ้มแล้วหันมา

“ฉันพูดมากไปรึเปล่า” อาราอิมองตาจุ๊ยในแสงสลัว

“มากไปเยอะมาก  แต่ก็ขอบใจ”  แล้วเขาก็จุมพิตที่หน้าผากจุ๊ย

จุ๊ยก็ซุกลงบนอกของอาราอิ

“ตัวนายอุ่นจัง”

“นายก็เหมือนกันกอดแล้วไม่ต้องห่มผ้าอีกเลยยังได้”  แล้วอาราอิก็ยิ่งกอดจุ๊ยแน่นขึ้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา