The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

39) พายุลูกใหม่ ก่อตัวที่ปลายฟ้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

เด็กหนุ่มร่างเล็กผิวขาวจัดใน ชุดนักเรียนของโรงเรียนรัฐชื่อดัง นั่งอ่านนิตยสารเงียบๆอยู่หน้าตึกเรียนของคณะดุริยางค์   ตอนนั้นพวกเอกดนตรีสากลพึ่งจะจบจากการเรียนลงเดินลงมาเป็นกลุ่ม

“เฮ้ยเด็กหลงที่ไหนน่ะ น่ารักจัง”แหวนว่าแล้วชึ้ไปที่เด็กหนุ่ม

อ๊อดได้ยินก็หันไปมองตามมือแหวน

“ไอ้จุ๊ย  เมียน้อยมึงมา”

จุ๊ยทื่กำลังวิจารณ์เพลงใหม่ของศิลปินต่างประเทศให้อ้นฟังก็หันไปมอง

 

“วา” เสียงทำให้วาทิตตื่นตัว

พอเห็นเป็นจุ๊ย วาทิตก็รีบลุกขึ้นไหว้

“มาทำไมเนี่ย มาธุระเหรอ”

“โรงเรียนพามาดูละครน่ะครับ”  เขาตอบ

“ผมก็เลยมาที่นี่”

แล้ววาทิตก็มองไปบนตึก

“ปีหนึ่งยังไม่เลิกหรอก  วิชาของอาจารย์ปกรณ์  พี่เห็นตอนเดินผ่านมา  อาจารย์คนนี้สอนจนนาทีสุดท้าย” จุ๊ยกล่าวอย่างรู้เท่าทัน

“ไปหาอะไรกินกัน  พวกพี่นั่งกันอยู่ทางโน้น เดี่ยวพี่แนะนำให้รู้จักเพื่อนๆ  พี่ฮ้อยพี่อ็อดก็อยู่ไม่ต้องกลัว”

 

“วาเล่นแซก... ตัวแค่เนี่ยแบกแซกไหวด้วยเหรอ  พี่นึกว่าเล่นฟรุ๊ต  หรือไม่ไวโอลิน” แหวนส่งเสียงแหลม

“อ้าวแน่นอน นี่ศิษย์เอกผม” จุ๊ยอวด แล้วขยี้หัววาทิต

“เป็นไงหล่ะอย่าดูถูกนะ ตัวเล็กนี่หล่ะพลังลมเหลือกิน “

แหวนเลยเอามือมาจับมือน้อง

“จริงเหรอ  ดีจังพี่มีปัญหาเรื่องลมตลอดเลย  ไอ้จุ๊ยก็สอนไม่รู้เรื่อง  วาสอนหน่อยสิ”

วาทิตโดนจับมือและอ้อน อายจนหน้าขาวๆแดงเป็นลูกตำลึง

“เฮ้ยๆ” จุ๊ยปัดมือแหวนออกไป  แล้วดึงวาไปมาใกล้ตัว

“อย่าเลย  ไม่ต้อง  น้องคนนี้หวงเฟ้ย”

“พี่จุ๊ย” เสียงมาจากข้างหลัง  แล้วก็เดินฉับๆมาคว้าวาทิตมาจากจุ๊ย

“มันมากไปแล้วนะ  ผมบอกแล้วไงอย่ามายุ่งกับแฟนผม” 

อู๊ดก็โอบไหล่วาทิต แล้วพาเดินไป  วาทิตหันมาโบกมือบายบาย  ก็โดนอู๊ดเอ็ดอีก

“ไม่ต้องเลย”

 ทุกคนงงกัน  ไม่เว้นแม้แต่อ๊อดกับฮ้อย

“นี่มันอะไรวะจุ๊ย  ไหนว่าเมียน้อยมึง” หน่องถาม

“เมียน้อยกู แต่แฟนไอ้อู๊ด”จุ๊ยตอบยิ้มๆ

ฮ้อยทำหน้างง

“ไอ้อู๊ด... เฮ้ยอะไรวะ  ไอ้กวนๆ ดิบๆ เถื่อนอย่างมันเนี่ยนะ  เป็นแฟนน้องวา ไอ้สัตว์..อย่างกับบิวตี้แอนเดอะบีส”

“โอ้ยเจ็บปวด”แหวนหันไปกอดคอกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน

“ชะนีไทยไร้ที่ยืน”

“มายืนกลางใจผมก็ได้นะ” อ้นทำเสียงหล่อ  “รับรองผมไม่มีได้หลังลืมหน้าแน่นอน”

จุ๊ยหันมาเหล่...

“โถไอ้เวร หน้าอย่างมึงให้เกย์ยังเมิน  ใครเขาจะให้มึงได้หลังแล้วลืมหน้า”

“อ้าวจุ๊ย อย่าว่านะครับ ผมระดับเดือนโรงเรียนนะคร๊าบ” อ้นทำท่าเก็กหล่อต่อ

จุ๊ยหัวเราะแบบขืนๆ

“สงสัยโรงเรียนมึงนี่จะเป็นผู้หญิงหมดรึเปล่าวะ แล้วมีมึงเป็นผุ้ชายคนเดียวไอ้อ้น  ถุ๊ย”

เพื่อนหัวเราะกันสนุก

ระหว่างนั้นอย่างเนียนและเงียบๆ อาราอิก็มานั่งอยู่ด้วย 

อ้นหันไปเห็น

“อ้าว.. นั้นเมียน้อย  ไอ้เดฟเมียหลวง แล้วไอ้นี่ใคร”

จุ๊ยนิ่งอึ้งไป เพื่อนได้ทีจะล้อ

“ก็ผัวชาวบ้านไง  เมียกูที่ไหน” จุ๊ยไม่ยอมเสียทีสวนออกไปทัน

อาราอิยิ้มกับการแก้ตัวของจุ๊ย 

 

ฮ้อยนั่งกดโทรศัพท์ตลอด  แต่ก็เงยขึ้นมาฟังการสนทนากันระหว่างอาราอิกับจุ๊ย

“น้าทิพย์เป็นคนไปคุยกับพ่อเอง  ทีสุดท่านก็ยอมเข้ารักษา  แม่ก็เลยพึ่งจะโอนเงินก่อนใหญ่ไปให้  แต่ฉันก็ยังไม่ได้เจอท่านเหมือนกัน เพราะท่านไปต่างประเทศกับไ.. เทียน” อาราอิเกือบจะหลุดกล่าวคำนำหน้าเทียนออกมา

“แล้วน้าทิพย์ นี่หมายถึงผู้จัดละครใช่ไหม”  จุ๊ยถามแล้วก็หันไปยกขวดซอสชูเชิงถามกับฮ้อย อ๊อยโบกมือ  แล้วก็วางโทรศัพท์แล้วตั้งต้นกินสปาร์เก็ตตี้

“ท่านเป็นเพื่อนสนิทของแม่  แต่ในขณะเดียวกันก็สนิทกับพ่อ  เพราะท่านไปเรียนด้านการละครที่ญี่ปุ่น แล้วเจอกับเราที่นั้น  จริงๆ ฉันว่าพ่อกับน้าทิพย์อาจชอบกันนะ  แต่ท่านสองคนก็ไม่เคยเกินเลยจากความเป็นเพื่อน   แม่ก็รู้ดีก็เลยให้น้าทิพย์ไปลองคุยดู  ปรากฏว่าพ่อยอมรับความช่วยเหลือนั้น  แต่ก็พูดอยู่สองวันกว่าจะใจอ่อน”

พอดีหัวหอมทอดมาเสริพ อาราอิเลยตักให้ฮ้อยก่อน 

“แล้วไปหาหมอมาบ้างหรือยัง” จุ๊ยถาม

ขนมปังกระเทียมก็มาเสริพ  จุ๊ยก็เลยตักใส่จานฮ้อยไปอีกอัน

“ก็ไปล่าสุดนี่หล่ะ  ก็บอกว่าไม่มีอะไรคืบหน้า  เนื้อร้ายยังอยู่ในปริมาณเดิม”

แล้วลาซานย่าก็มา  ทั้งจุ๊ยและอาราอิก็พร้อมใจกันตักลาซานญ่าใส่จานฮ้อย

“แต่ก็นัดเข้าทำการรักษาครั้งแรกเดือนหน้า  ฉันก็อยากจะไปดูท่านนะ  แต่คิวมันเต็มเอี๊ยดเลย”

อาหารจานสุดท้าย ก็ยกมาคือซีซาร์สลัด  จุ๊ยทำท่าจะเอื้อมไปตัก

“เฮ้ยๆ” ฮ้อยร้องห้าม

“มึงดูจานกูบ้าง  นี่กูแดรกสปาร์เก็ตตี้อยู่ มึงสองคนตักใส่เอาใส่เอา  ดูสินี่ มึงดูสิว่ากูจะกินยังไง”

ทั้งคู่หันมาดูจานฮ้อยที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด

“อ้าวก็ฉันกลัวนายเกรงใจ” อาราอิกล่าว

“กูก็กลัวเพื่อนจะอด” จุ๊ยว่าบ้าง

ฮ้อยส่ายหัวแต่ก็เลือกกินทีละอย่าง

 

พอออกมาจากร้าน ฮ้อยถึงกับต้องลูบท้องด้วยความอิ่ม

“มากับพวกมึงบ่อยๆรับรองกูกลายเป็นหมู”

“อย่างมึงจะกลัวอะไร  ขนาดหุ่นดีสเลนเดอร์..” จุ๊ยกล่าวลากเสียง

“อะแน่นอน” ฮ้อยทำท่าเบ่งกล้าม

“สาวแม่งยังเมิน  อ้วนไปก็ไม่ได้ต่างหรอกวะ” จุ๊ยต่อ เล่นเอาฮ้อยเหี่ยวไปทันตา

อาราอิกำลังถ่ายรูปกับแฟนละครใจกล้าที่เดินเข้ามาทักก่อนออกจากร้าน

“มึงจะคบกันแบบนี้ไปเรื่อยๆเหรอวะ” ฮ้อยกล่าว

จุ๊ยถอนหายใจ

“ก็ต้องทนเอานะ  บางทีเราก็ต้องทำใจใช่ไหมหล่ะ  ในเมื่อก็หลวมตัวไปแล้วนี่หว่า”

รอยยิ้มของจุ๊ยเมื่อมองอาราอิช่างมีความหมาย  เป็นรอยยิ้มเดียวกับที่ฮ้อยเคยเห็นมาก่อน  เป็นรอยยิ้มที่จุ๊ยไม่เคยให้ใครนอกจากพี่ไตร

 

อาราอิต้องเอาแว่นดำมาสวมอีก แล้วก็ใส่หมวกก่อนจะเดินไปจับจุ๊ยเพียงสองคนเพราะฮ้อยขอตัวกลับไปก่อนแล้ว

ระหว่างอาราอิกำลังยืนดูโมเดลเรือรบอยู่นั้นเอง จุ๊ยก็หันไปหันมาจนกระทั้งไปเจอหน้าคนคุ้นเคย

“นั้นแฟนเฮียตี้นี่หว่า” จุ๊ยกล่าว

“หือ” อาราอิส่งเสียงแล้วหันมา

“อ้อเจอคนรู้จักน่ะ แฟนพี่ชายจุ๊ย เดี่ยวมานะ”

อาราอิพยักหน้าแล้วก็กลับมาดูโมเดลเรือต่อ 

“จะซื้อดีไหมน๊า กลัวไม่มีเวลาต่อ” อาราอิพึมพำ

จุ๊ยเดินไปเกือบถึงตัวหญิงสาวที่ยืนอยู่คนเดียว  ทว่าเขาก็หยุดเสียก่อน  เมื่อมีผุ้ชายวัยกลางคนเดินมาสนทนาด้วยอย่างสนิทสนม

จุ๊ยจำได้แม่นยำว่าเขาคนนั้นคือใคร  จุ๊ยไม่มีทางลืมแน่นอน แม้จะไม่ได้เจอกันเกือบสิบปีแล้ว

เขาหยุดตรงนั้นเหมือนโดนแช่แข็ง

อาราอิที่ตัดใจจากเรือรบได้แล้วก็เลยเดินมาหา

พอเห็นจุ๊ยอาการแปลกๆก็เลยถาม

“เป็นอะไรน่ะจุ๊ย” อาราอิถาม

จุ๊ยสะดุ้ง  แล้วหันมาปฏิเสธก่อนจะดึงอาราอิให้เดินออกจากตรงนั้น

 

 

จุ๊ยอยู่ในห้วงความคิดของเขากระทั้งถึงบ้าน  อาราอิจอดรถลงตรงลานจอดสาธารณะ กดล๊อกรีโมทล๊อกประตู

 

“เห็นไหม  เอารถอย่างนี้มาขับประหยัดกว่าตั้งเยอะ  แถมเวลาไปไหนมาไหน คนก็ไม่มอง  คนก็จำไม่ได้ด้วยว่าเป็นรถของนาย” จุ๊ยว่าแล้วมองรถคันใหม่ของอาราอิที่เป็นเก่งซีดานสี่ประตูสีดำสนิท

 

“แล้วไปเอามาจากไหน”

 

“ก็พอเอารถไปคืน  ป้าเพลงก็ให้คันนี้มาใช้แทน” อาราอิตอบ

 

จุ๊ยพยักหน้าแล้วเดินไปด้วยกัน

 

 

 

อาราอิสัมผัสได้ว่าเหตุการณ์ที่เขาเจอจุ๊ยยืนมองหญิงสาวและชายวัยกลางคนนั้น ต้องไม่ใช่ธรรมดา  เพราะตอนที่จุ๊ยกลับถึงบ้าน เขาก็เหมือนมีอะไรจะพูดกับป๊า แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

 

“อาราอิ นี่ลื้อไม่ต้องซื้อมาทุกครั้งก็ได้นะ  ไม่มีของมาฝากอั๊วก็ให้เข้าบ้าน” ป๊ากล่าวตอนที่นั่งลงที่โต๊ะอาหารมองกับข้าวสารพัดอย่าง

 

“ก็เห็นว่ามันน่ากิน  ผมก็เลยซื้อ  ถ้ากินไม่หมดก็เอาเข้าตู้เย็นไว้ก็ได้นะครับ กินได้หลายมื้อ” อาราอิตอบ  แล้วก็ตักขาหมูให้ไฮ้จุ๊ง

 

“อันนี้เป็นสาขาของร้านดัง  เขาพึ่งมาเปิดในห้าง ป๊าลองชิมดูครับว่าอร่อยไหม”

 

ไฮ้จุ๊งก็ตักชิม

 

“อร่อยนะ  แต่ไม่เหมือนที่เคยไปกินที่ร้านตรงบางรัก”

 

อาราอิยิ้ม

 

หันมาจุ๊ยพึ่งตักข้าวให้ตัวเองเสร็จ  นั่งลง

 

“พรุ่งนี้มีเรียนไหม” ไฮ้จุ๊งถามลูกชาย

 

“ไม่มีครับ  แต่ต้องไปงานตอนบ่าย แต่เย็นๆก็น่าเสร็จแล้ว”

 

“แล้วลื้อหละอาราอิ”

 

อาราอิต้องเอาโทรศัพท์มาเปิดตารางงานดู

 

“ไม่มีครับ ไม่มีงานด้วยครับ ป๊าจะให้ผมทำอะไรเหรอครับ”

 

“ก็วันครบรอบวันตายแม่ไอ้จุ๊ยยังไง  คงไม่ได้ลืมใช่ไหม” ไฮ๊จุ๊งหันมามองหน้าจุ๊ย

 

“ครับไม่ได้ลืม  ผมก็คิดจะเอาไว้ว่าจะซื้อของไหว้ตอนเช้าอยุ่แล้ว” จุ๊ยตอบแล้วก็กินข้าวไปเงียบๆ

 

 

 

พอจัดเรียงอาหารที่ซื้อมาจากตลาดบนโต๊ะแล้ว จุ๊ยก็หยิบธูปมาจุด  อาราอิก็เลยหยิบบ้าง

 

“อ้าวจะไหว้เหรอ” จุ๊ยถาม

 

“อ้าวทำไมหล่ะ  ก็ไหว้แม่จุ๊ยนี่” อาราอิทำหน้างง

 

จุ๊ยมองหน้าอาราอิ

 

“แล้วนายจะบอกแม่ฉันว่ายังไง ไหว้ฐานะอะไร”

 

อาราอิลากเสียงว่าก้ออ

 

“แฟนจุ๊ยไง” เขากระซิบข้างหู

 

จุ๊ยส่ายหัวอ่อนใจ

 

พอนั่งลงไหว้เสร็จแล้ว  อาราอิลุกก็ปักธูป  หันมาจุ๊ยยังคงพนมมือถือธูปไว้อย่างนั้น  ดวงตาหม่นหมองมองหน้ารูปถ่ายของแม่

 

อา ราอิไม่กล้าจะถาม  แม้จะรู้ว่าจุ๊ยผิดปกติ  แถมเมื่อคืนจุ๊ยยังเล่นแซกโซโฟนส่งเสียงเศร้าสร้อยออกมาในหางเสียงอย่างขัด เจน นอนก็นอนไม่ค่อยหลับ  ลุกไปนั่งที่โต๊ะหนังสืออยู่นาน กว่าจะกลับมานอนอีกครั้ง

 

จุ๊ยยังอยู่ในท่านั้นจนกระทั้งซัวเดินลงจากมาขั้นบน

 

“อ้าววันนี้ไหว้เหรอ” ซัวถามเอาจากอาราอิ เพราะจุ๊ยกำลังอยู่ในอาการอธิษฐาน

 

“อืม” อาราอิก็หันไปหยิบธูปมาจุดแล้วส่งให้

 

“ขอบใจนะเฮีย” ซัวกล่าว  ตอนนี้ซัวเรียกอาราอิว่าเฮียไปอีกคนหนึ่งแล้ว

 

พอซัวคุกเข่าลงจุ๊ยก็หันมามอง  ก่อนจะลุกไปปักธูป

 

จุ๊ยจุดธูปอีกชุดส่งให้

 

“ไหว้แทนเฮียด้วย  เฮียติดเคสกลับมาไม่ได้”

 

 

 

วันนี้แม้จะมีเรื่องให้คิดตลอดแต่เสียงแซ็กโซโฟนของจุ๊ยก็ยังคงคุณภาพ  เรียกเสียงปรบมือดังสนั่นเหมือนเคย

 

เมื่อลงจากเวที  เขากลับสังเกตได้ว่ารุ่นพี่ดูผิดปกติไป

 

“เฮ้ยเป็นอะไรพี่ๆ  ทะเลาะกัน  แย่งพริ๊ตตี้กันหรือไง” จุ๊ยถามขณะเก็บแซกโซโฟนลงกล่อง

 

ฐามองหน้าเพื่อนๆ

 

“จุ๊ย” ฐาเดินมานั่งข้าง

 

“ปีหนึ่งผ่านมาเนี่ย  พวกกูก็ยอมรับนะว่าวงของเรามีรายได้มาก  มันเพราะมึงนั่นล่ะดูดงานเข้ามา”

 

จุ๊ยมองหน้ารุ่นพี่ที่ละคน

 

“นี่พี่จะไล่ผมออกเหรอ” จุ๊ยถามตามใจคิด

 

“เปล่า”  ปานเดินมากอดคอ   โย่งก็นั่งข้างๆ

 

“พวกเราจะเลิกแล้วว่ะจุ๊ย” ฐาอธิบาย

 

“คือปีนี้พวกเราเรียนหนัก แล้วก็มีโปรเจคคอนเสริ์ตด้วย  พวกเราก็คงไม่มีเวลามาเล่นแล้ว  งานนี้ก็งานสุดท้ายแล้วนะ”

 

จุ๊ยพยักหน้าเข้าใจ

 

“แต่ไม่ได้ห่วงนะเฟ้ย  พวกเราก็ไม่ได้ทิ้งมึง  พวกเราหางานใหม่ให้แล้ว  พวกเราไปปรึกษากับพี่สรรค์ พี่แกก็กว้างขวางในวงการอยู่แล้ว  แกก็เลยแนะนำว่ามึงกับไอ้อ๊อด แล้วก็ฮ้อยน่าจะรวมวงกัน  เพราะพวกมึงเล่นด้วยกันมานานมาก  น่าจะเข้าขากันดี” ฐากล่าวต่อไป

 

“เดี่ยวพี่เขาก็คงโทรติดต่อมา  ส่วนอ๊อดมันก็คุยกับไอ้ฮ้อยเรื่องนี้อยู่ ส่วนมึงก็รอเฉยๆ  เพราะมึงน่ะลอยตัวอยู่แล้วใครๆก็อยากได้มึง”

 

“ขอบคุณมึงมากนะเว้ย  มึงทำให้พวกเรามีงานเยอะขนาดนี้  แล้วก็ช่วยพวกกูพัฒนาด้วย  เล่นกับมึงนี่มันสุดๆ  กว่าพวกกูจะเอาอยู่นี้พวกกูรู้สึกเก่งขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ” โย่งกล่าว “ขอบใจนะเฟ้ย”

 

จุ๊ยยิ้ม มองพี่ๆทั้งสามที่ละคน

 

“ผมก็เหมือนกันพี่  ผมก็เรียนรู้เพิ่มขึ้นมากเหมือนกันครับ”

 

 

 

“อืม ก็สลายวงไปสินะ” อาราอิสรุปความ

 

“อืม... น่าเสียดายเนอะเราเล่นกันเข้าขาดีแล้วแท้ๆ” จุ๊ยถอนหายใจ

 

“แต่เขาก็ฟอร์มวงใหม่ มีอ็อด มีฮ้อย  พวกนี้ไม่เข้าขากับจุ๊ยดีกว่าเหรอ” อาราอิถาม

 

“มันก็เข้ากันได้ดีอยู่แล้วแล้วหล่ะ ปัญหาคือไอ้ฮ้อยจะเอาด้วยไหมเท่านั้น  ฮ้อยบ้านมันมีฐานะ  ไม่ต้องดิ้นรนเหมือนพวกเรา” จุ๊ยตอบ แต่ไม่วายจะยิงมุก

 

“ไอ้ฉันมันก็มีฐานะ... แต่ฐานะยากจนนะ  เลยต้องดิ้นรน”

 

อาราอิยิ้ม

 

“เฮ้ย ใจเย็นๆ  บางทีฮ้อยเองก็อาจอยากลองก็ได้นะ  แต่เพราะจุ๊ยไปกับพวกฐา ส่วนอ๊อดก็ไปเล่นกับวงอื่น  ตอนนี้จะเอามารวมตัวกัน  เขาอาจจะสนใจก็ได้”

 

จุ๊ยหันมามองหน้าอาราอิ

 

“แต่ถ้าไม่เล่น จุ๊ยก็ขาดรายได้เลยนะ  เดี่ยวเงินไม่พอใช้ต้องยืนขายตัวแถววังสราญรมภ์เลยนะ”

 

อาราอิหัวเราะสั้นๆดังหึๆ

 

“งั้นฉันจะไปเหมาทุกคืนเลย”

 

“อ้าวแล้วถ้านายไม่มาทำไง  เจอเกย์กล้ามเป็นมัดๆจุ๊ยไม่แย่เหรอ”

 

“เอาน่า จะได้คล่องๆ”

 

“ขี้คล่องล่ะไม่ว่า..”

 

“อ้าวไม่ชอบเหรอ”

 

“ก็ชอบนะ  แต่กลัวประเภทขอให้หมู่อะไรอย่างนี้  เคยดูหนังโป๊ไหมสองอันหนึ่งรู... ตายๆๆ ไม่อยากจะคิด”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา