The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

44) การตัดสินใจของเดฟ อัสเราเลิกกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

อัศวะเดินลงจากห้องนอน  แล้วเดินเลี้ยวไปหยิบกุณแจในห้องรับแขกแล้วกำลังจะออกจากบ้าน

“อัศ มานี่ก่อน” เสียงพ่อดังขึ้น

อัศวะจึงจำต้องถอยหลังกลับเข้ามาในห้องรับแขก

“แกจะไปไหน” บิดาของอัศวะ สินธุพับหนังสือพิมพ์แล้วมองหน้าลูกชาย

“ไปหาเพื่อนครับ” อัศวะตอบ

“เพื่อนที่ว่านี่ใคร” สินธุถามลึก

“ใช่ไอ้ดาราเกย์นั้นหรือเปล่า”

สินธุถอนหายใจยาวเหยียด

“ตอน แรกฉันก็นึกว่าเป็นเพื่อนกันเฉยๆ  แต่ดูแกตอนนี้สิ  มันเหมือนเพื่อนกันหรือเปล่า... ถ้าแกไม่เห็นแก่หน้าฉันก็เห็นแก่วงตระกูลเราด้วย อย่างน้อยเราก็เป็นเชื้อเป็นสายตระกูลใหญ่ ตระกูลขุนนางเก่า  ตระกูลเราไม่มีใครเป็นเกย์ ไม่มีใครเป็นตุ๊ด" สินธุกล่าว "แล้วยังจะงานของแกอีก  แกคิดบ้างไหมว่ามันจะเป็นยังไงถ้านักข่าวรู้แล้วมันเอาไปตีข่าวกันสนุกสนาน  มันไม่สนหรอกว่าจะเป็นยังไง  มันสนใจแต่ข่าว”

อัศวะนิ่งเงียบ  มองหน้าบิดา  นั้นยิ่งทำให้สินธุโกรธ

“ตกลงแกจะไม่เลิกใช่ไหม ไอ้นิสัยตุ๊ดของแกนั่นน่ะ” บิดาพูดไม่พูดเปล่าเอาหนังสือพิมพ์ปาใส่ด้วย

ไม่โดนอัศวะหรอก  แต่มันทำร้ายจิตใจของเขาโดยตรง

“ฉันไม่คิดจริงๆว่าจะมีลูกผิดเพศแบบนี้” สินธุลุกขึ้นยืน

“แกต้องเลิกติดต่อกับมัน  ถ้าไม่เลิกเราต้องเห็นดีกัน”

อัศวะไม่ได้ตอบโต้ไม่แม้แต่มองตามหลังพ่อที่เดินออกไปจากห้อง

เขาสูดลมหายใจลึกๆ  แล้วเดินลงฉับๆออกจากบ้านไป

 

เดฟสังเกตเห็นความผิดปกติของอัศวะ  เพราะตั้งแต่เข้ามาภายในร้านอัศวะก็นั่งเงียบ

ร้านนี้เป็นของเพื่อนรุ่นพี่ของเดฟ  เดฟมักจะใช้เป็นที่นัดพบกับอัศวะ เพราะที่นี่ปลอดภัยจากสายตาการสอดส่องของพวกนักข่าวบันเทิงที่จ้องจะเอา เรื่องของดาราไปตีแผ่  แถมตอนนี้อัศวะกำลังมีงานเพลง  และกำลังเริ่มเป็นที่นิยม เริ่มมีคนจำได้

“มีอะไรรึเปล่า” เดฟถามแล้วเลื่อนแก้วเครื่องดื่มไปให้

“หงุดหงิดนิดหน่อย” อัศวะตอบ  แล้วก็จิบเครื่องดื่ม  แต่เป็นการจับพรวดเดียวครึ่งแก้ว

 

“ร้านนี้เหรอ” จุ๊ยมองร้านอาหารกึ่งผับที่ซุกซ่อนตัวเองในย่านถนนสุขุมวิท

“เห็นเดฟบอกว่ามาบ่อยๆเพราะเจ้าของสนิทกัน  ที่นี่เขารักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้า  ขนาดมีป้ายบอกว่าห้ามถ่ายรูปดาราหรือเซเลปที่มานั่งที่นี่” อาราอิตอบ  แล้วก็เดินนำเข้าไปก่อน

จุ๊ยจึงเดินตามหลังเข้าไป

 

เข้ามาภายในร้าน บรรยากาศค่อนข้างมืด แต่ก็ไม่ทึบอับแต่อย่างไร  แต่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามและแต่ละที่นั่งจะมีเฟอร์นิเจอร์เช่นชั้นวางของหรือ ม่านบังตากั่นทำให้ดูเป็นสัดเป็นส่วน

“หน้าตาเหมือน.. บาร์โฮสที่ญี่ปุ่น” อาราอิกล่าวตอนนั่งลง

สักครู่บริกรก็เดินมาพร้อมเมนู

“ข้าวมันไก่ไม่มีนะจุ๊ย ไม่ต้องสั่ง” อาราอิดักคอเสียก่อน

“เฮ้ยฉันรู้” จุ๊ยตอบ  แล้วเปิดเมนูดู

“พี่ครับมีข้าวขาหมูไหมครับ”

บริกรทำหน้าเหมือนจะอึ้ง

อาราอิหัวเราะ

“มันพูดเล่น  ที่นี่อะไรอร่อย”

บริกรก็สาธยาย เป็นอาหารต่างชาติเสียส่วนมาก

จุ๊ยทำหน้าเหมือนตั้งใจฟังมาก

“ครับ” จุ๊ยกล่าวรับคำตอนบริกรเล่าจบ

“มีข้าวขาหมูด้วยใช่ไหมครับ”

บริกรเริ่มรู้ว่าจุ๊ยหยอกเลยหัวเราะเบาๆ

อาราอิโคลงหัว

“เดี่ยวก็ได้กินข้าวตีนบ๋อยแทนหรอก” เขากล่าวก่อนจะสั่งอาหารโดยเลือกจากเมนูที่ได้รับการแนะนำเมื่อสักครู่

 

อัศวะเล่าเรื่องพ่อให้เดฟฟังจนจบ  เดฟก็เงียบไปอยู่นาน

จนกระทั้งสักครู่หนึ่ง  เขาก็กล่าวขึ้น

“อัส... เราเลิกกันเถอะ” เดฟกล่าวเสียงเหมือนระเบิดโพล่งออกจากความอัดอั้น

อัศวะได้ยินเต็มสองหู แต่เขากลับไม่เข้าใจความหมาย

“นี่เดฟหมายความว่าไง”

เดฟต้องเอามือที่ซุกอยู่ใต้โต๊ะกำหมัดแน่นเพื่อเรียกกำลังใจ

“เรา ไปด้วยกันไม่ได้หรอกอัส  ฉันไม่อยากเป็นคนทำลายอนาคตของนาย  ในเมื่อพ่อของอัศรับไม่ได้  และอัสเองก็กำลังมีงานเพลง  เริ่มต้นใหม่ๆ มันยากนะอัส  นายอย่าเอาอนาคตตัวเองมาจมกับฉันเลยอัส”

อัศวะมองหน้าเดฟนิ่งๆ  แต่แววตากร้าวขึ้นเรื่อยๆ

“นี่มันแค่ข้ออ้างใช่ไหม  จริงๆแล้วเดฟยังลืมจุ๊ยไม่ได้ใช่ไหม”

เดฟแปลกใจที่อยู่ดีๆ อัศวะก็แปลความหมายไปพาดพิงถึงจุ๊ย

“นี่มันไม่เกี่ยวกับจุ๊ยเลยนะอัส  มันเป็นเรื่องของเราสองคน”

อัศวะหลับตาลงแล้วหันไปด้านข้าง

“เดฟ  ถ้าไม่ใช่เพราะอะไรหล่ะ  ทำไมนายถึงยอมแพ้ง่ายๆ  ทำไมนายไม่พยายามสู้เหมือนกับตอนที่ตามตื้อจุ๊ย  ที่จริงเรื่องของเรา ปัญหามันยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ  แต่นายก็ถอดใจแล้ว  แล้วจะให้คิดยังไง  ก็คงคิดแต่ว่าเพราะนายไม่สามารถรักฉันได้เหมือนจุ๊ย นายก็เลยพูดออกมาแบบนั้น”

เดฟถอนหายใจออกมาในที่สุด หลังจากเงียบไปนาน

“ถ้านายคิดอย่างนั้นก็ตามใจนายเถอะ  เอาเป็นว่าเป็นไปตามนั้น  แต่เราก็เลิกกันเถอะ  อย่าเจอกันอีกเลย”

แล้วเดฟก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินออกไป

อัศวะหลับตาลง ก่อนจะทิ้งกายกับพนักที่นั่งอย่างไร้เรียวแรง

 

เดฟเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย  นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น 

“ฉันทำไปเพราะรักนายนะอัส... นายจะเข้าใจยังไงก็เรื่องของนาย  แต่นี่หล่ะความรักของฉัน” แล้วเขาก็บิดกุญแจสตาร์ทรถ

 

เพราะอยู่ในร้านเดียวกัน  จุ๊ยกับอาราอิก็เลยได้รับฟังการสนทนาทั้งหมด 

จุ๊ยจะลุกไปหาอัศวะ  อาราอิจับมือเขาไว้

“ทำไมล่ะ ฉันจะไปอธิบายให้ไอ้อัสมันเช้าใจ”

อาราอิมองตาจุ๊ย

“ทำไมล่ะหรือว่า นายก็หึง”

“เปล่า” อาราอิส่ายหน้า

“นายไม่เข้าใจเดฟหรือไง  สิ่งที่เดฟทำก็คือการ... เสียสละไงหล่ะ”

จุ๊ยนั่งลงเหมือนเดิม เขาเริ่มเข้าใจ

“เพราะรักมากไงหล่ะ  รักจนสามารถเชือดตัวเองให้เจ็บได้เพื่อคนที่ตัวเองรัก  นี่ไม่ใช่นิสัยของเดฟอย่างนั้นเหรอจุ๊ย” อาราอิถาม

 

 

จุ๊ยนั้งเช็ดแซกโซโฟนแล้วกำลังจะเก็บ  อ๊อดก็ตรวจสอบสายไวโอลีนอยู่เหมือนกัน

 

“เป็นยังไงบ้าง” สรรค์เดินเข้ามาทั้งวางมือบนไหล่ของอ๊อด

 

“ก็ดีครับ” อ๊อดเงยหน้าขึ้นไปมอง

 

สรรค์นั่งลงข้างๆอ๊อด

 

“เดือนหน้าหลังสงกรานต์ พี่มีปาร์ตี้วันเกิด อยากจะให้เธอสามคนไปเล่นให้พี่หน่อยจะได้ไหม”

 

ฮ้อยกลับจากเข้าห้องน้ำก็เดินมายืนข้างจุ๊ย

 

“ก็ได้ครับ  เล่นให้ฟรียังได้” อ๊อดเสนอตัว

 

สรรค์วางมือบนไล่อ๊อด นิ้วแตะเบาๆตรงต้นคอ

 

“ขอบ ใจนะ  แต่พี่ไม่ให้เราเล่นฟรีๆหรอก  ค่าจ้างมีแน่นอน  โดยเฉพาะจุ๊ย  มีเพื่อนเป็นคอแจ๊ส เขาอยากฟังเพลงระดับตำนานจากจุ๊ย  พี่เอาไปโม้ไว้เยอะเลย อย่าให้พี่เสียหน้านะ”

 

ตอนนั้นนิ้วของสรรค์ไล่ไปบนหลังคอของอ๊อด  สร้างความรู้สึกกับระบบประสาทของอ๊อดอย่างจัง

 

ฮ้อยที่ช่างสังเกตถึงกับขมวดคิ้วกับกิริยาเพียงเล็กน้อยของคนทั้งคู่

 

 

 

ส่งอ๊ฮดเรียบร้อยก็ขับต่อมาส่งจุ๊ย  ก่อนจุ๊ยจะลงจากรถ ฮ้อยก็กล่าวขึ้น

 

“มึงว่าพี่สรรค์แม่งจะกินไอ้อ๊อดรึเปล่าวะ”

 

จุ๊ยหันมา

 

“ทำไมมึงคิดอย่างนั้น” จุ๊ยถาม

 

“ก็.. เมื่อกี้..” ฮ้อยจะอธิบาย  แต่ก็รู้สึกว่าเขาอาจคิดไปเอง

 

“เออ.. ช่างเหอะ กูอาจคิดมากไปเอง”

 

จุ๊ยนิ่งไปนิดหนึ่ง  แต่ก็ตอบออกมาเป็นเรื่องสนุก

 

“ห่ามึงก็อย่าคิดมาก เห็นอะไรนิดๆหน่อยก็จินตนาการไปไกล  หาแฟนซะนะมึง  จะได้ไม่มีเวลาจินตนาการ จะได้เงี่ยนน้อยๆหน่อย”

 

ฮ้อยเลยเขกกระบาลจุ๊ยไปสักทีก่อนจะไล่

 

“ไปเลยมึง ป่านนี้แฟนมึงเตรียมลับอีไต้ไว้ตอนมึงแล้วมั๊ง”

 

“กูไม่กลัว...” จุ๊ยทำท่ายั่วโมโห

 

“เพราะมันไม่อยู่ไปถ่ายละคร  มันทำอะไรกูไม่ได้”

 

 

 

เดฟนั่งอยู่คนเดียวท่ามบนสนามหญ้าอันกว้างใหญ่ของโรงแรมที่พัก  เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ประดับด้วยดวงดาว

 

เขา ดวงดาวแต่ละดวงเขารู้จักดี  ความชอบดูดาวของเขาทำให้เขาเคยคิดว่าสักวันจะเป็นนักดาราศาสตร์  แต่จังหวะชีวิตก็พัดพาเขาออกจากเส้นทางของนักดาราศาสตร์ คงเหลือแต่ความชมชอบในแสงสว่างระยิบระยับพรายที่แต่งแต้มท้องฟ้ายามราตรี

 

แม้จะมีดวงดาวอยู่ต่อหน้าตอนนี้  แต่เขาก็ไม่อาจสลัดดวงหน้าคมคายของอัศวะในตอนที่สนทนากันครั้งสุดท้ายได้เลย

 

เขานั่งอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้  กระทั้งมีใครคนหนึ่งนั่งลงข้างๆ

 

หันไปก็เห็นอาราอิ

 

“ดูดาวเหรอ” อาราอิถาม

 

“อืม” เดฟตอบ

 

“นายกับอัส  ตกลงจะให้มันจบไปอย่างนี้จริงๆรึ” อาราอิถามต่อ

 

เดฟเงียบไป  แล้วก็กวาดตามจนทั่วท้องฟ้า

 

“ฉันยังมีทางอื่นอีกเหรอ โยชิ” เดฟกล่าว

 

“เรื่อง ของฉันกับอัส ยังไงก็ต้องเป็นแบบนี้  ตอนนี้เขาพึ่งจะเข้าวงการ  นายก็รู้วงการนี้มันโหดร้าย  ถ้าเขามีปัญหาเพราะเรื่องของฉัน  ก็อาจดับเอาง่ายๆ  แล้วยิ่งมีปัญหากับพ่อของเขา ก็ยิ่งไม่ควรไม่ใช่เหรอ”

 

อาราอิเงยมองดูดาวบ้าง

 

“นาย นี่ท่าทางจะซาดิสต์ ชอบความเจ็บปวด  เมื่อก่อนก็รักไอ้จุ๊ยจนยอมเจ็บซ้ำซากๆ  ตอนนี้ก็มาเจอคนที่รักตัวเอง  แต่ก็ดันยอมเชือดเนื้อตัวเองเพื่อคนที่รักอีก”

 

เดฟยิ้มเหมือนเย้ยตัวเอง

 

“ก็ คงจะจริง  แต่มันก็จำเป็นไม่ใช่เหรอ  จริงๆแล้วตั้งแต่ฉันเลือกจะเปิดตัวเอง  ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าสักวันคงจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น  แต่จะให้ทำยังไงได้  ในเมื่อเส้นทางของเรามันไม่เหมือนชาวบ้าน  จะให้ทุกคนยอมรับหมดก็คงไม่ได้ใช่ไหมหล่ะ”

 

“ไอ้เรื่องงานก็เรื่องหนึ่งนะ  แต่ไอ้เรื่องครอบครัวนี่เรื่องใหญ่เลยหล่ะ  ฉันไม่อยากให้ใครมาแตกแยกกับครอบครัวเพราะฉันหรอกนะโยชิ”

 

อาราอิพยักหน้าช้าๆ แล้วก็ตบบ่าเดฟสองที

 

“บาง ที่เราก็ต้องทำใจในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้  แล้วก็ปล่อยให้เรื่องของพรุ่งนี้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้  โดยหวังว่าพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้”

 

เดฟนิ่งไป  มองลงต่ำแล้วหัวเราะหึๆในลำคอ

 

“นายนี่ท่าจะอยู่กับจุ๊ยมากไปนะ  พูดอะไรเหมือนเขาไม่มีผิด”

 

 

 

วันนี้ จุ๊ยออกจากบ้านพร้อมกับเฮี้ยตี้  ทำให้เขาเข้ามามหาวิทยาลัยด้วยประตูอีกด้านที่ต้องผ่านตึกเรียนของคณะที่เด ฟและ  อัศวะเรียนอยู่

 

จุ๊ย รู้สึกสองจิตสองใจ ที่จะเข้าไป ใจหนึ่งก็อยากจะเจอกับอัศ   แต่อีกใจก็กลัวอัศวะจะยังไม่เลิกคิดว่า  เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้   เดฟบอกเลิกกับอัศวะ

 

“เอาวะ” จุ๊ยตัดสินใจแน่วแน่แล้วจะเดินเข้าไป

 

“จุ๊ย” เสียงเรียกจากด้านหลัง

 

จุ๊ยหยุดหันมา

 

อัศวะยืนอยู่ในชุดนักศึกษา

 

“มาทำอะไร”

 

ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้ว  แต่จุ๊ยกลับโดนความคาดไม่ถึงที่เจออัศวะแบบกระทันหันเล่นงานจนใจฟ่อไป

 

“เอออ  กูปวดขึ้  มาเข้าห้องน้ำ” จุ๊ยตอบออกไป กลบเกลือนแบบไม่ค่อยเนียน จนเขารู้ตัวเอง

 

อัศวะเดินมายืนตรงหน้า

 

“ตึกคณะมึงไม่มีส้วมงั้นสิ  ถึงต้องมาขี้ถึงคณะกู”

 

“ก็กูเข้าประตูนี้มา  ปวดพอดีก็ต้องมาขี้ตึกนี้สิวะ เพราะมันใกล้ที่สุด” แล้วจุ๊ยก็ทำท่ากุมท้อง

 

“ไปก่อนนะเดี่ยวราด”

 

อัศวะดึงจุ๊ยเอาไว้

 

“เดี่ยวอย่ามาฟอร์ม  กูรู้ทันมึงไอ้จุ๊ย”

 

“รู้ทันเหี้ยอะไร” จุ๊ยย้อน ดิ้นรนให้พ้นการจับไว้ของอัศวะ

 

“อย่าดึงประเดี่ยวกูก็ราดตรงนี้”

 

“ก็ให้มันราด” อัศวะว่าแล้วล็อกคอจุ๊ย  ก่อนจะลากจุ๊ยไปเดินไป

 

“เฮ้ยไอ้อัส  นี่กูปวดจริงๆนะมึง”

 

“ตัวก็เย็น ขนก็ไม่ลุก  ปวดขี้เหี้ยอะไรของมึง  ไม่ต้องมาอ้าง  มาเลยมากับกู”

 

“ไอ้อัส  ก็บอกว่ากูปวดขี้”

 

“ไม่ต้องเลย กูหิวข้าว ไปกินข้าวกับกูก่อน”

 

“ไอ้เหี้ยกูปวดขึ้ เสือกจะไปแดกข้าว...ไอ้อัสมึง”

 

“เออ ไม่ต้องพูดมา มานี่มา”

 

 

 

“แปลว่ามึงได้ยินหมดแล้ว” อัศวะกล่าวแล้วก็ใช้ตะเกียบคีบเส้นบะหมี่ แล้วก็วางกลับลงไป

 

“เออ  ก็ได้ยินสิ... กูก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นพวกมึง  แต่ฟังไปฟังอ้าวมีชื่อกูด้วย เลยแอบฟัง” จุ๊ยตอบแล้วก็ตักข้าวมันไก่กิน

 

อัศวะถอนหายใจ

 

“กู พูดไม่ได้คิดน่ะจุ๊ย กูขอโทษ  กูกำลังเสียใจ  ตกใจด้วย คิดอะไรไม่ออกเลยโทษมึงไปก่อน  ก็มึงอะ เป็นที่รักของเดฟซะขนาดนั้น  กูก็คิดได้เป็นอย่างแรกเลยสิวะ”

 

จุ๊ยมองหน้าอัศวะ  ก่อนจะเอาช้อนตักเกี้ยวปลามาจากชามอัศวะ

 

“เฮ้ยนั่น” อัศวะท้วง

 

“ทำไม ก็มึงขอโทษ  แต่กูก็ต้องเรียกค่าปรับค่าเสียหายด้วยสิวะ” แล้วจุ๊ยก็เอาเกี้ยวปลาใส่ปากเคี้ยว

 

“ตอน นี้กูเข้าใจแล้วว่าเดฟมันต้องการอะไร  แต่เดฟมันก็ไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัดหลายวันกว่าจะกลับ  กูเลยไม่รู้ทำยังไง  โทรไปมันก็ไม่รับ” อัศวะถอนหายใจอีก

 

“นี่มันจะจบตรงนี้จริงๆเหรอวะ” 

 

จุ๊ยก็ถอนหายใจบ้าง

 

“ก็ ไม่รู้สิ... แต่กูว่าตอนนี้พวกมึงก็อาจต้องเป็นอย่างนี้กันไปก่อน  อย่างน้อยก็จนกว่ามึงจะหาวิธีคุยกับพ่อ  แล้วก็เคลียร์เรื่องงาน  ไม่อย่างนั้น... มึงก็รู้จักไอ้เดฟไม่น้อยกว่ากู  มันอมความทุกข์ได้มากอย่างเหลือเชื่อ  มันไม่มีทางยอมกลับมาคบกับมึงแน่ๆ แม้มันจะเจ็บปวดก็ตามเหอะ..”

 

มองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจออกมาพร้อมๆกันอีกรอบ

 

“เป็นเกย์นี่แม่งยากชิบหาย” อัศวะส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเอาตะเกียบแทงๆแทงลงในชาม

 

“เอากันก็ว่ายากแล้วนะ  จะอยู่ด้วยกันยิ่งยากยิ่งกว่าอีก  โอ้ย... ชิบหาย... ทำมันยากเย็นแบบนี้วะ”

 

“ไอ้อัศ” จุ๊ยกล่าวเสียงเย็นเหี้ยม

 

“ความยากของมึงน่ะ  เต็มหน้ากูเลย”

 

อัศวะยิ้มแหย่ๆ มองหน้าจุ๊ยที่มีน้ำแกงเปื้อนเป็นหย่อมๆ

 

“ขอโทษมันอิน”

 

“อินพ่อมึง... ดูดิ แม่งเผ็ดก็เผ็ด”

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา