The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

48) คำขอร้องของเมืองฟ้า..

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

อาราอิกลับมาจากถ่ายสารคดีชุดยาวที่ญี่ปุ่น ซึ่งต้องใช้เวลาในการถ่ายทำหนึ่งเดือนเต็มๆ  กลับมาไม่ทันได้พักก็รีบมาหาจุ๊ย 

จุ๊ยกำลังยืนขายของให้ชาวพม่าคนหนึ่งที่พูดแล้วก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง

“ตะปู..” จุ๊ยบอก

“ใจ่ๆ ลาบุ” หนุ่มน้อยชาวต่างชาติบอก

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ตะปู” จุ๊ยก็แย้งอีก

“ตาปุ” เด็กหนุ่มก็หัวเราะ

“เออค่อยยังชั่ว” จุ๊ยยิ้ม ห่อตะปูที่ชั่งน้ำหนักแล้วก็เอาใส่ถุง

“แล้วเอาอะไรอีกไหม” เขาถาม เด็กหนุ่มส่ายหน้า

“ยี่สิบ”

“ยี่สิ” เขาทวนคำ แล้วก็หยิบเงินส่งให้

จุ๊ยมองหน้า

“หล่อนะเราน่ะ” จุ๊ยชมเพราะหนุ่มพม่ามีหน้าตาคมคาย

เด็กหนุ่มเขิน

“พี่ก็น่าล่อ” เด็กหนุ่มตอบ

ป๊าที่อยู่ใกล้หันมามองหน้า

ซัวที่กำลังจัดเรียงของอยู่ไม่ห่างก็หัวเราะก๊ากออกมา

“ไอ้ซัว” จุ๊ยหันไปปราม

“เสียมารยาท”

เด็กหนุ่มทำหน้างง แถมเขินเพราะคงรู้ว่าเขาพูดไม่ชัด และคงพูดอะไรผิดไปอย่างแรง

“หล่อ... ไม่ใช่ล่อ” จุ๊ยตอบแล้วก็ตบบ่าแน่นๆแบบผู้ใช้แรงงานไปสองที  ปรากฏว่าเด็กหนุ่มหน้าแดง

เขาหันหลังไป เจออาราอิที่ยืนถือถุงใบใหญ่  มองแล้วก็มองอีก

“ดารา” เด็กหนุ่มหันมาชี้ให้จุ๊ยดู

จุ๊ยหัวเราะ

“เออดารา  น่าล่อไหมล่ะ” จุ๊ยถาม

เด็กหนุ่มก็พยักหน้า

อาราอิไม่รู้จะทำหน้ายังไง  ก็เลยยิ้มออกมา  เด็กหนุ่มก็ยิ้มตอบอย่างใสซื่อ

“ดารา..ค้านเด่(หล่อ)” เขาว่า

อาราอิเลยวางของบนตู้กระจก  ยื่นมือไปจับด้วย

เด็กหนุ่มก็จับสองมือแถมเขย่าด้วย

สักครู่ก็เดินออกไปจากร้าน

“ไอ้นี่มันท่าจะชอบเฮีย  เวลามันมาถ้าไม่เจอมันก็จะถามหาด้วยนะ  พี่ใจดีไปไหน” ซัวกล่าวแล้วลุกขึ้น

อาราอิมองหน้าจุ๊ย

“มองอะไร” จุ๊ยถามแล้วเดินมาเปิดถุงดู

“เอาอะไรมา  นี่ขนมาหมดญี่ปุ่นรึเปล่าเนี่ย”

“ก็เกือบหมด”  แล้วเขาก็หันไปยกมือไหว้ป๊าก่อนจะเปิดถุงแยกไว้อย่างดี

“อันนี้เป็นขนมไว้กินกับน้ำชานะครับ  แล้วก็มีชาญี่ปุ่น  อันเป็นอย่างดี  ต้องชงพิเศษ เดี่ยวผมจะบอกวิธีกับจุ๊ยเอาไว้”

“โอ้โหเอาใจน่าดู” ซัวเข้ามาแซวใกล้ๆจุ๊ยเพื่อให้พอได้ยินสองคน

“ไหนดูสิมีอะไรบ้าง” ซัวทำท่าจะเปิดถุง

แต่จุ๊ยตีมือเสียก่อน

“มึงนี่ไม่มีมารยาท  รอเจ้าของเขาแบ่งก่อนสิวะ”

 

อาราอิลงจากเครื่องบินแล้วยังไม่ได้พัก  พอมาถึงห้องจุ๊ยก็หลับไปคาตักจุ๊ย ทั้งที่บอกว่าขอพักสายตา แต่พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นจุ๊ยแล้ว ที่หนุนเป็นหมอน

พอลงมาข้างล่างก็ได้กลิ่นหอมๆของน้ำแกง

เลี้ยวเข้าครัวก็เห็นจุ๊ยกำลังลวกเส้นราเม็งที่เขาเอามา

“ทำเป็นด้วย” อาราอิกล่าวแล้วมายืนข้างๆ

“ก็มันมีวิธีทำอยู่ข้างกล่อง” จุ๊ยตอบ

“แค่อุ่นน้ำลวกเส้น ใครๆก็ทำได้” จุ๊ยตอบ

“นี่เป็นร้านดัง ฉันซื้อมาจากพิพิธภัณฑ์ราเม็งที่ โยโกฮาม่า” อาราอิบอกแล้วก็หันไปเปิดตู้เพื่อหยิบขามมาเตรียมให้ตามจำนวนคนในบ้าน

“สี่ใบพอ เฮียไปประจำโรงพยาบาลที่สระแก้วแล้ว พึ่งไปได้สองอาทิตย์”

อาราอิก็เก็บชามเข้าไปหนึ่งใบ

“ป๊าครับ ไอ้ซัว กินราเม็งครับผม” จุ๊ยตะโกน

 

“แปลว่าอ๊อดกับเมืองฟ้าก็เลิกกันไปในที่สุดสินะ” อาราอิสรุปที่จุ๊ยเล่าตอนเดินขึ้นมาบนดาดฟ้า

“น่าเสียดายนะ คบมาหลายปีเลยนี่”

จุ๊ยพยักหน้า  แล้วก็กด Reed ให้เข้าที่

“จุ๊ย ก็แปลกใจนะ กับท่าทีเมืองฟ้าที่อ๊อดเล่า.. ไม่รู้สิ ฉันว่าเมืองฟ้าเขาออกจะนุ่มนวล  ไม่น่าจะพูดออกมารุนแรงขนาดนั้น แถมพาแฟนใหม่มาเย้ยด้วย”

อาราอิยู่ปากเชิดจมูก พยักหน้า

“แล้ววันนี้จะฟังเพลงอะไรหล่ะ” จุ๊ยถาม

 “ขอหลายๆเพลงได้ไหม  คิดถึงเสียงแซกของจุ๊ยที่สุดเลย” อาราอิทำเสียงออดอ้อน

“ตามใจ  ก็เลือกมาสิ จะเล่นให้” จุ๊ยชี้แฟ้มที่อาราอิเป็นคนถือขึ้นมา

“แล้วขอหลายๆยกได้ไหม คิดถึงตัวจุ๊ยมากเลย  อยากมาก” อาราอิทำท่าเดิม

จุ๊ยยิ้มแล้วเขกหัวไปด้วยแซกโซโฟน

“ไอ้ลามก”

“อะไรอะ  แค่พม่ามาจีบจุ๊ยก็เปลี่ยนใจแล้วเหรอ..”

“เกี่ยวอะไรกับพม่า”

“อ้าวก็เห็นจุ๊ยชมว่าน่ารัก”

“จะบ้าแล้ว.. ยังเด็กอยู่เลยนะนั่น อายุน้อยกว่าจุ๊ยสองสามปีได้ น้อยกว่าซัวด้วยซ้ำ”

“แต่เขาบอกจุ๊ยน่าล่อนะ”

“ครับดารา... คานเด่  จะฟังไหมเพลงน่ะ เดี่ยวก็ไม่เล่นเสียเลย”

 

นี่ก็ราวๆเดือนกว่าๆแล้วอ๊อดกับเมืองฟ้าเลิกกัน  ในสายตาของฮ้อยที่อ๊อดขอไปพักอยู่ด้วยที่คอนโดมิเนียม เห็นอ๊อดดีขึ้นมากแล้ว จากอาทิตย์แรกที่ซึมกระทือ  ตอนนี้อ๊อดออกไปข้างนอกกับสรรค์ และกลับมาด้วยท่าทางอารมณ์ดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แล้วอ๊อดก็มาบอกกับฮ้อยว่าจะย้ายไปอยู่กับสรรค์

“แปลว่ามึงตกลงใจกับพี่เขาแล้ว” ฮ้อยถาม

อ๊อดนิ่งไป  แว่บหนึ่งนัยย์ตาลอย แล้วก็กลับมาเป็นปกติก่อนจะตอบ

“พี่เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรนี่หว่า  แล้วพี่สรรค์ก็รักกูด้วย  อีกอย่างอยู่กับมึงนานๆกูก็เกรงใจ”

ฮ้อยพยักหน้า  แต่ใจอยากจะถามว่า  พี่สรรค์รักมึง แล้วมึงล่ะ รักใคร...  แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป

 

จุ๊ย ต้องมามหาวิทยาลัยเพื่อลงทะเบียนเรียน ส่วนอาราอิก็ยังเหลือวิชาที่ดอร์ปไปสองตัวเพราะติดงาน ก็เลยต้องมาลงทะเบียนเรียนอีกเทอมหนึ่ง

พอลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็หาข้าวเที่ยงกินกันในโรงอาหารใกล้กับตึกทะเบียน

“เพื่อนจุ๊ย” เสียงเดฟดังมาแต่ไกล 

แต่พอมาถึงก็มากอดจุ๊ยจากด้านหลัง  แถมเอามือล้วงเข้าไปในเสื้ออีกต่างหาก

“เอามือออก” จุ๊ยเสียงเหี้ยม  แต่ยังไม่ตอบโต้เพราะมือข้างหนึ่งถือจานข้าวมันไก่ อีกข้างถือน้ำจิ้ม

“ไม่” เดฟปฏิเสธ แถมหันไปยิ้มท้าทายอาราอิด้วย

“อย่านะ  อย่าทำหึง  เดี่ยวคนเขาก็รู้หมดหรอก” แล้วก็ยิ่งลูบไล้จุ๊ย

อาราอิก็ส่ายหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

จุ๊ยกรอกตาขึ้นบน ก่อนจะกระทืบลงไปเท้าของเดฟอย่างแรง

“โอ้ย” เดฟร้องลั่น ก่อนจะถอยออกไป

“โอ้โหอาวุธรอบตัวเลยนะ  สมแล้วที่เป็นเมียนักคาราเต้” เดฟว่าแล้วก็ยกเท้าที่โดนเหยียบมาลูบๆ

อาราอิทำหน้าเย้ย แล้วกล่าว

“ทักษะการต่อสู้บางทีมันก็ถ่ายทอดทางเพศสัมพันธ์นะ”

จุ๊ยเหล่มอง

“อยากโดนด้วยไหมอาราอิ”

 

“ก็เลยเป็นอันว่าตอนนี้อ๊อดก็คบกับพี่สรรค์ไป  ส่วนเมืองฟ้าก็ไปอยู่กับสิทธิ” เดฟสรุปความจากเรื่องที่จุ๊ยเล่าให้ฟัง

“ความเอย ความรัก  ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ ใจขื่นขมระทมชั่วกาล”

จุ๊ยมองหน้าเดฟแล้วทำหน้าผะอืดผะอม

“ถุ๊ย” เขาทำท่าถมน้ำลาย

เดฟยักคิ้ว

“แต่... รู้รึเปล่าว่าจริงๆ แล้วสิทธิกับพี่สรรค์เป็นพี่น้องกัน” เดฟกล่าวให้ข้อมูลที่ทำให้จุ๊ยกับอาราอิมองหน้ากัน

“เฮ้ยจริงสิ” จุ๊ยกล่าวออกมา

“ครับ ผม... เป็นพี่น้องกัน  ท้องเดียวกัน  ผมยังแปลกใจว่าทำไมพี่สรรค์ถึงไม่รู้เรื่องอ๊อดกับเมืองฟ้า” เดฟกล่าว แล้วก็ตักกินน้ำแข็งใสคำหนึ่ง

“แล้วอีกอย่าง สิทธิกับเมืองฟ้าก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันตอนเรียนมัธยมต้น  เพราะสองคนเรียนที่เดียวกันมาก่อน  ตอนอยู่โรงเรียนเก่าสองคนนี้เขาสนิทกัน เหมือนจะกิ๊กกั๊กกัน  อันนี้ผมรู้มาจากเพื่อนคนหนึ่งของผมที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับเมืองฟ้ามาก่อน แต่พอขึ้นม.สี่เขาก็ย้ายมาที่โรงเรียนเรา"

"เพื่อนของผมตอนนี้อยู่คณะเดียวกับเมืองฟ้านั้นหล่ะ  เขาเล่าให้ฟังตอนผมผ่านไปที่ตึกวิทย์แล้วเจอเขา  แล้วบังเอิญเมืองฟ้ากับสิทธิกำลังติวกันอยู่สองคน  เขาก็เลยเล่าให้ฟัง”

“มันแปลกๆไหมเรื่องนี้” เดฟถาม

จุ๊ยขมวดคิ้วคิด 

“แปลก...มากเลยหล่ะ  กูจำได้ว่าอ๊อดเคยพูดถึงเรื่องที่พี่สรรค์บอกว่ามีเพื่อนคนหนึ่งของพวกเรา เรียนโรงเรียนเดียวกัน เป็นคนแนะนำอ๊อดให้พี่สรรค์รู้จักผ่านเฟสบุ๊ค" 

"แต่ ตอนหลังอ๊อดมันบอกว่าถามดู พี่เขาก็ไม่บอก บอกว่าเพื่อนคนนี้เขาไม่อยากจะให้อ๊อดรู้ เพราะเขาแอบชอบอ๊อดมาก่อน  เขาอายอะไรประมาณนี้”

อาราอิคีบเกี้ยวปลาจากชามตัวเองไปใส่จานจุ๊ย  ก่อนจะเขาจะแสดงความเห็น

“ถ้าจะโยงตัวละคร  ก็คืออ๊อดเป็นแฟนเมืองฟ้า  ต่อมานายXXX ก็ มาแนะนำอ๊อดให้รู้จักพี่สรรค์ ที่เป็นพี่ชายของสิทธิ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้นของเมืองฟ้า  คือถ้าคิดตามแบบนี้ คนที่มีความสัมพันธ์กับตัวละครที่ทุกตัวคือ  เมืองฟ้า เพราะเมืองฟ้าคือคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างสิทธิกับอ๊อด  แล้วพี่สรรค์เป็นพี่ชายของสิทธิก็อาจรู้จักเมืองฟ้าด้วย”

จุ๊ยกินเกี๊ยวปลา  แต่เดี่ยวอาราอิก็คีบลูกชิ้นปลามาให้อีกสองลูก

“เป็นไปได้ไหม ว่านายXXX คือเมืองฟ้า” จุ๊ยบอกข้อสันนิษฐาน

เดฟยักหน้าเห็นด้วย

“เป็นไปได้มากเลย...”

“แต่เขาจะทำไปเพื่ออะไร” อาราอิทำหน้างง  มือก็คีบเลือดกับปลาหมึกให้จุ๊ย

“ก็ไม่รู้หรอก” จุ๊ยกล่าวก่อนจะ หันมองหน้าอาราอิ

“นี่นาย ถ้าไม่กินเครื่อง ที่หลังก็สั่งเย็นตาโฟไม่ใส่เครื่องนะ ฉันไม่ใช่ถังขยะ  ตักใส่ ตักใส่อยู่ได้”

อาราอิยิ้มแหย่ๆ

“จริงแล้วฉันไม่ชอบเย็นตาโฟ  แต่อยากลองกินดู  เอาไปเลยทั้งชามเลยแล้วกัน เดี่ยวจะได้ไปซื้อใหม่”

 

จุ๊ยกับอาราอิเดินออกจากโรงอาหารมาก่อน  แล้วก็เห็นอัศวะเดินมาแต่ไกล  ทั้งคู่เลยหยุดทักกับอัศวะตรงกลางบันไดของทางต่างประดับที่ลงจากมาจากโรงอาหาร

“เฮ้ยเป็นไง  เดี่ยวนี้ดังแล้วนี่  งานรุ่งเลยไม่ใช่เหรอ” จุ๊ยถาม เพราะได้ยินว่าอัศวะกำลังจะออกอัลบัมสองเร็วๆนี้

“ก็พอไปได้  มีแฟนกลุ่มใหญ่อยู่แต่ไม่มากเท่าของโยชิหรอก” อัศวะกล่าว

อาราอิเลิกคิ้วแต่ไม่ได้ตอบ

ระหว่างนั้นเดฟเดินมาที่หลังเพราะแวะซื้อขนม  เขาหยุดชะงักตอนที่เห็นหน้าอัศวะ 

เดฟสูดลมหายใจแล้วเบือนหน้าไปทางหนึ่ง ก่อนจะก้าวลงบันได  อัศวะก็หันไปทางอื่นเหมือนกัน

ในความหมางเมินนั้น  กลับมีสัมผัสที่อาลัยอาวรณ์อยู่ 

เดฟก้าวลงบันไดมา และกำลังจะผ่านตัวอัศวะ  ในระยะประชิด  อัศวะอยากจะจับแขนนั้นไว้เพื่อหยุด  แต่..

โครม

“โอ้ย” เดฟเหยียบพลาดขั้นบันได เลยร่วงตกไปอยู่ขั้นสุดท้าย

“เดฟ” อัศวะรีบลงไปดูอาการ และประคองให้เดฟลุกขึ้นนั่ง

“เป็นไงบ้าง  เจ็บไหม”

สายตาทั้งคู่ประสานกันนิ่งนาน

“ห่าเอ้ยอย่างกับหนังเกาหลี” จุ๊ยกล่าวแล้วเดินลงมาช่วยดู

“เป็นไรไหมอย่าพึ่งรีบลุก  เผื่อขาแพลง”

 

 

ปรากฏว่าเดฟปวดข้อเท้าอย่างหนักมาก  อาราอิก็เลยตัดสินใจดามขาชั่วคราว แล้วก็พาไปโรงพยาบาล

 

ระหว่างที่นั่งรอเดฟอยู่หน้าห้อง  จุ๊ยก็ถามอัศวะตามตรง

 

“ตกลงมึงจะเอายังไงกับเดฟ”

 

อัศวะถอนหายใจยาว

 

“ไม่รู้สิ  กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

 

จุ๊ยสบตากับอาราอิ

 

“แล้วมึงรักเดฟจริงๆรีเปล่าหละ”

 

อัศวะเงยหน้ามองแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล 

 

“กู หาทางออกกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆวะ ด้านหนึ่งก็พ่อกู อีกด้านหนึ่งก็คนที่กูรัก  มึงจะให้กูทำยังไง  ในเมื่อกูเป็นลูกก็ต้องรักพ่อ  เหมือนกันใช่ไหม”

 

ทั้งจุ๊ยกับอาราอิก็เงียบไปด้วยกันทั้งคู่

 

แต่ระหว่างนั้นจุ๊ยก็สังเกตเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในโรงพยาบาล

 

นั้นคือสิทธิ  แต่พอเขาพ้นประตูโรงพยาบาลเข้ามา  ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางกระวนกระวาย

 

“เมืองเป็นไงบ้างสิทธิ”

 

นั้นเป็นระยะไกลพอสมควร  แต่จุ๊ยได้ยินเบาๆและจับชื่อเมืองฟ้าได้จึงหันพูดกับอาราอิ

 

 

 

“เมื่อวานก็อยู่กินข้าวกันอยู่พี่เขาก็บอกแน่นหน้าอก  แล้วก็ล้มไปเลย  ผมก็รีบพามาโรงพยาบาล” สิทธิเล่า

 

หญิงวัยกลางคนถอนหายใจแล้วจับบนมือลูกชาย  ตอนนี้ลูกชายผอมลงไปกว่าเดิม และซูบซีดกว่าเดิมมาก

 

“หมอบอกว่า  พี่เมืองอาจไม่ไหวแล้ว  จะผ่าตัดตอนนี้ก็คงไม่มีผลอะไร  เพราะร่างกายภายในของพี่เมืองแย่มากๆ”

 

มารดาทำใจมาตั้งแต่ที่เมืองฟ้าล้มเจ็บไปเมื่อราวเกือบสามเดือนก่อนแล้ว  เพราะจริงๆแล้วเมืองฟ้าก็เป็นคนอ่อนแอมาแต่เกิด  ที่ผ่านมาแม้จะใช้ทุกวิธีแล้ว  แต่เมืองฟ้าก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก  เพียงแต่ช่วงสองสามปีมานี้ดูเมืองฟ้ามีความสุขมาก  แต่กลับมาทรุดลงในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

 

“แล้ว อ๊อดไปไหนหล่ะ  เขารู้รึยังว่าเพื่อนสนิทไม่สบาย” เธอถาม เพราะเธอทราบว่าเมืองฟ้าพักอยู่กับอ๊อด และแม้เธอจะรู้สึกแปลกกับความสัมพันธ์นี้  แต่ทว่าเมื่อได้เห็นความสุขของเมืองฟ้าแล้วเธอก็ต้องยอมให้สองคนสนิทสนมกัน ต่อไป

 

“พี่ อ๊อดเขามีแฟนแล้ว  ตอนนี้ก็ย้ายออกไปอยู่กับแฟน ผมยังไม่ได้บอก  เพราะติดต่อพี่เขาไม่ได้ แล้วพี่เมืองก็บอกว่าอย่าบอกพี่อ๊อด  เพราะกลัวพี่อ๊อดจะเป็นห่วง” สิทธิตอบ  แต่ใครจะรู้ว่านั้นเป็นคำโกหกเกินกว่าครึ่ง

 

ประตูเปิดออก

 

“คุณแม่ของน้องเมืองฟ้าใช่ไหมคะ คุณหมอเรียนเชิญที่ห้องค่ะ” พยาบาลสาวกล่าว

 

 

 

แต่พอออกมามารดาของเมืองฟ้าก็เห็นชายหนุ่มสองคนยืนอยู่  คนหนึ่งเธอจำได้เพราะดาราดัง โยชิ  แต่อีกคนก็รู้สึกคุ้นๆแต่นักไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน

 

ทั้งคู่สวัสดีเธอ

 

“ผมเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกับเมืองครับ  ผมขอเข้าไปเยี่ยมเมืองหน่อยได้ไหมครับ” หนุ่มน้อยหน้าตาจีนๆกล่าว

 

 

 

สิทธิตกใจกับการมาเข้ามาของจุ๊ยกับอาราอิ  เพราะแม้จะไม่รู้จักกันเป็นส่วนตัว  แต่ก็รู้ว่าจุ๊ยเป็นเพื่อนสนิทขของอ๊อด  ส่วนดาราโยชิ.. อันนี้ไม่รู้ว่ามาด้วยกันเพราะอะไร

 

“พี่เขาเป็นโรคหัวใจโดยกำเนิด  พี่อ๊อดก็รู้ แต่ไม่รู้ว่าพี่เมืองอาการแย่ลงมาก ร่างกายก็ไม่ไหวแล้ว  เพราะพี่เมืองปิดบังอาการกับพี่อ๊อดมาโดยตลอด  ตอนที่อาการกำเริบเมื่อปีที่แล้วพี่เมืองเขาก็เริ่มวางแผนจะให้พี่อ๊อดไปคบ กับพี่สรรค์  เพื่อที่จะได้หาคนดูแลพี่อ๊อดต่อไป  พูดง่ายๆคือจริงๆ ที่พี่อ๊อดรู้จักกับพี่สรรค์ และพี่สรรค์สามารถเข้าถึงพี่อ๊อดได้ง่ายๆเพราะพี่เมืองนั้นหละครับ” สิทธิเล่าเสียงสลด

 

“แล้ว เธอเกี่ยวข้องอะไรกันแน่กับเมืองฟ้า” จุ๊ยถามตามตรง หันมาหน้าอาราอิที่นั่งประสานมืออยู่  ทั้งหมดสนทนาอยู่ที่ชุดพักผ่อนขนาดเล็กภายในห้องพักผู้ป่วย

 

“ผมเป็นญาติห่างๆของพี่เมืองครับ  เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ  ผมเห็นพี่เมืองเป็นพี่ เพราะพี่เมืองเรียนเก่งและมักจะช่วยติวให้ผมเสมอๆ”

 

“แปลว่าเธอกับเมืองก็ไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่อ๊อดมันเข้าใจ” จุ๊ยถาม

 

“ถ้าเรื่องร่างกายใช่ครับ” สิทธิตอบออกไปจากความจริง

 

“แต่ผมยอมรับว่าแอบชอบพี่เมืองมานานมาก  แต่ผมก็รู้ว่าพี่เมืองเห็นผมเป็นแค่น้อง”  สิทธิมองไปทางเมืองฟ้าที่นอนอยู่ด้วยแววตาเปี่ยมความอาทร

 

“พี่เมืองบอกให้ผมทำตัวให้พี่อ๊อดรู้สึกว่าผมจะมาชอบพี่เมือง  ผมก็ทำตามเพราะมันก็ไม่ได้ยากอะไรนี่ครับ  แค่ทำตามใจเรารู้สึก”

 

จุ๊ยต้องลอบถอนหายใจเบาๆอย่างสงสาร 

 

“พี่คิดว่าเราควรบอกความจริงกับอ๊อดนะ” จุ๊ยกล่าวออกมาในที่สุด

 

สิทธิหันมามอง

 

“ผมก็คิดอย่างนั้น  แต่พี่เมืองคงไม่ยอม”

 

“อย่านะจุ๊ย”

 

เสียงที่แหบแห้งกล่าวออกมา

 

 

 

“ฉันขอร้องจุ๊ย  อย่า.. เมืองอยากให้เมืองไปก่อนแล้วค่อยบอก  เมืองถ้าอ๊อดมาตอนนี้เมืองจะไม่สามารถทำใจกับความตายได้  มันเจ็บปวดเกินไป  เมืองตายไม่สงบแน่นอน  เมืองขอร้อง” เมืองฟ้าเอื้อมมาสัมผัสแขนของจุ๊ยที่มายืนอยู่ข้างเตียง

 

จุ๊ยสูดลมหายใจลึกๆ แล้วถอนอย่างยากลำบาก

 

“เมืองทำแบบนี้แล้วมันดีกับเมืองและอ๊อดแน่เหรอ  เมืองคิดบ้างรึเปล่าว่าอ๊อดอาจต้องการอยู่เคียงข้างเมืองในตอนนี้”

 

เมืองฟ้าหันมามองเพดานตรงๆ

 

“เมืองรู้  แต่ถ้าต้องทนเห็นอ๊อดเสียใจตอนเมืองตาย  เมืองคงแย่มากแน่ๆ  เมืองอยากให้เมืองไปก่อนแล้วค่อยบอกอ๊อด” เขากล่าว

 

“ที่ เมืองทำมันผิดเมืองรู้  แต่นี่เป็นทางเดียว  เมืองเป็นห่วงอ๊อด และรักอ๊อด แล้วก็แน่ใจว่าอ๊อดก็เหมือนกัน  แล้วถ้าเมืองตายโดยที่อ๊อดไม่มีใครดูแล แล้วยิ่งเห็นอ๊อตต้องมาร้องไห้เสียใจอยู่ข้างเตียง เมืองคงตายตาไม่หลับแน่นอน”

 

แล้วเมืองฟ้าก็มองหน้าจุ๊ย

 

“พี่ สรรค์อาจดูเหมือนเป็นคนเจ้าชู้ แต่จริงๆพี่สรรค์เขาเป็นคนจริงใจ  แล้วกรณีอ๊อด พี่สรรค์เขาชอบอ๊อดมากจริงๆ  เมืองแน่ใจว่าเมืองฝากอ๊อดไว้กับคนไม่ผิด “ แล้วเขาก็บีบแขนจุ๊ยด้วยกำลังที่อ่อนล้ามาก

 

"เมือง ขอร้องจุ๊ย  อย่าบอกอ๊อด อย่าเลย  ขอให้ความปรารถนาสุดท้ายของคนใกล้ตายเป็นจริงสักครั้งได้ไหมจุ๊ย  เมืองขอร้อง  รับปากเมืองได้ไหม”

 

จุ๊ย รู้สึกลำบากใจอย่างแสนสาหัส เพราะไม่เห็นด้วย  แต่แววตาของเมืองฟ้าที่หมองหม่นและเต็มไปด้วยน้ำตาก็เกินกว่าเขาจะทาน  จุ๊ยต้องหันมองหน้าอาราอิเพื่อขอกำลังใจ

 

อาราอิเข้าใจความหมายของจุ๊ย  จีงวางมือบนไหล่ของเขาอย่างอ่อนโยน

 

จุ๊ยถอนหายใจ

 

“ตกลง จุ๊ยจะไม่บอก”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา