[YAOI]Devil...The heart of mafia ดวงใจมาเฟีย

-

เขียนโดย WhiteWrite

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.45 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  6,806 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

บทที่1

 

"ไอ้เอ๋อ"เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะครืนตามมา ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าไอ้เอ๋อก้มหน้าก้มตาเดินผ่านเพื่อนในแผนกไป พยายามไม่ใส่ใจ มือเรียวดันแว่นหนาเตอะขึ้นจากดั้งเบาๆ ในขณะที่ขาพยายามก้าวเดินให้ถึงโต๊ะเร็วที่สุด

 

"เดี๋ยวนี้ร้ายนะไอ้เอ๋อ เมื่อวานฉันเห็นแกแอบไปคั่วกับเมียหัวหน้า กล้าไม่เบานี่หว่า"พูดจบคนอื่นๆก็พากันโห่ร้องเป็นการล้อเลียน ผู้ถูกเรียกว่า'ไอ้เอ๋อ'ก้มหน้าก้มตาอย่างอดทน ตั้งแต่เขามาทำงานที่นี่เขาก็โดนแกล้งไม่เว้นแต่ละวัน คงเพราะท่าทางติ๋มๆยอมคนไปเสียหมดของเขา

 

"ไอ้ผ้าปิดปากที่แกใส่ตลอดเวลาเนี่ย เพื่อบังเริมที่ปากรึเปล่าวะ ฮ่าๆๆ"ทุกคนในแผนกร่วมกันหัวเราะอย่างสนุกสนาน ไม่สนความรู้สึกคนที่โดนล้อแม้แต่นิด

 

"ผมไม่ได้คั่วกับแฟนหัวหน้านะครับ"เสียงสุภาพเอ่ยตอบผ่านผ้าปิดปาก

 

"หรอ แต่เมื่อวานฉันเห็นนายเข้าโรงแรมไปกับเธอนี่หว่า"

 

"ผมแค่ไปส่งเพราะเธอเมาครับ"ร่างโปร่งพยายามอธิบาย แต่เหมือนว่าคนอื่นๆจะไม่เชื่อเสียเท่าไหร่

 

"แล้วทำไมแกไปอยู่ตอนที่เธอเมาวะ"เมื่อเจอคำถามนี้ร่างโปร่งก็แทบจะไปต่อไม่ถูก เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่าหล่อนเป็นคนโทรมาหาเขาให้ไปส่งเธอ เพราะอธิบายไปชายหนุ่มก็มั่นใจว่าจะไม่มีใครเชื่อเขาอีกตามเคย

 

"พูดไม่ออกก็ยอมรับมาเหอะว่ะ ฉันล่ะอยากเห็นจริงจริ๊ง ว่าเมื่อหัวหน้าเห็นรูปนั้นแล้วจะทำยังไงกับแก"ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะที่ก้มหน้าอยู่เบิกกว้างอย่างตกใจ

 

"คุณบอกหัวหน้าหรือครับ"ร่างโปร่งเอ่ยถามไปเบาๆเพื่อนร่วมงานคนนั้นหัวเราะออกมาน้อยๆ

 

"บอกด้วยรูปเลยล่ะ หึหึ"คนที่นั่งก้มหน้าอยู่ได้แต่เหงื่อตก เขารู้ดีว่าหัวหน้าเขารักและหึงหวงแฟนของตนมาก ถ้าหากหัวหน้าของเขารู้ว่าเขาไปส่งแฟนของหัวหน้าที่โรงแรมเขาต้องโดนเล่นงานแน่นอน

 

"รู้สึกว่าหัวหน้าจะรีบตั้งหน้าตั้งตามาหาแกโดยเฉพาะเลยนะวันนี้ ดูสิ"ชายหนุ่มเงยหน้ามองตามที่อีกฝ่ายชี้และพบว่าหัวหน้าของเขากำลังเดินมาหาเขาด้วยใจหน้าถมึงทึงและโกรธจัด รองเท้าหนังกระแทกตามพื้นทางเดินเสียงดังและเมื่อพบชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่เก้าอี้ก็ตะโกนเสียงขึ้น

 

"คุณ! ตามผมไปที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้!"ร่างโปร่งค่อยๆลุกเดินตามเจ้านายของตนไป หากว่ากันตามจริงแล้วถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะเป็นคนที่ดูยอมคนไปเสียทุกอย่างและดูอ่อนแอ แต่เมื่อลุกขึ้นยืนชายหนุ่มกลับสูงกว่าทุกคนในแผนกรวมถึงหัวหน้าของเขาด้วย และเนื่องด้วยความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสี่ของเขานี่เองที่ยังทำให้คนอื่นแกล้งเขาได้ไม่เต็มที่ อย่างน้อยก็ไม่เคยมาแกล้งกันซึ่งหน้าหรือท้าชกต่อยตรงๆ

 

เมื่อเข้าไปยังห้องทำงานที่เป็นจุดหมายคนเป็นหัวหน้าก็เหวี่ยงกำปั้นเข้าที่ใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยผ้าปิดปากอย่างแรงทันที แรงชกนั่นทำเอาร่างโปร่งเซไปเล็กน้อย เลือดซึมผ่านออกมา

 

"สนุกมากมั้ยที่ปั่นหัวฉันเล่น ฟรานเชส!"ชายหนุ่มสูงวัยกว่าตะโกนลั่น เขาทั้งโมโหและเสียใจในเวลาเดียวกัน

 

"ผมไม่ได้แย่งแฟนหัวหน้านะครับ!"ฟรานเชสอธิบายแต่เหมือนว่ามันเป็นแค่ข้อแก้ตัวเท่านั้น

 

"แล้วที่ฉันเห็นแกพาแฟนฉันเข้าโรงแรมมันคืออะไร!"หัวหน้ากระชากคอเสื้อคนเป็นลูกน้องอย่างแรงจนแทบล้ม

 

"ผมแค่ไปส่งเธอตามที่เธอบอกเท่านั้นเองครับ!"ฟรานเชสยังคงพยายามอธิบาย หัวหน้าเหวี่ยงคอเสื้อที่กำอยู่ทำให้ชายหนุ่มที่สูงกว่าล้มลงไปกองกับพื้น

 

"แกคิดว่าฉันจะเชื่อชู้อย่างแกหรอ!"รองเท้าหนังชั้นดีเหยียบกระทืบลงมาที่ท้องอีกหลายครั้ง จนคนที่นอนอยู่ที่พื้นเริ่มกระอัก

 

"ผมไม่ได้ทำจริงๆนะครับหัวหน้า"ฟรานเชสได้แต่กุมท้องไว้โดยไม่รู้จะทำอย่างไร คนเป็นหัวหน้าเตะเขาอีกหลายทีจนเหนื่อย ร่างโปร่งไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการเอาแขนยกขึ้นมาป้องกันไว้

 

“นานหรือยัง?”เสียงของอีกฝ่ายถามอย่างเฉยชา

 

“อะ…อะไรนะครับ”

 

“แอบคบกันมานานหรือยัง!!!”คนเป็นหัวหน้าตะโกนลั่น

 

“ผมไม่ได้คบกับเธอนะครับ หัวหน้าเข้าใจผมผิดแล้ว!”ฟรานเชสรีบลุกขึ้นมาทันที ถึงความเจ็บปวดที่ท้องจะทำให้เขาลุกไม่สะดวกนัก แต่เขาต้องเคลียร์เรื่องนี้กับหัวหน้าของเขาเสียก่อน

 

“จริงๆนะครับ”ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรให้หัวหน้าเชื่อเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนในแผนกไม่เคยมีใครมองว่าเขาดีอยู่แล้วเสียด้วย การจะทำให้หัวหน้าของเขาเชื่อเขามากกว่าเพื่อนร่วมงานในแผนกของเขามันคงเป็นไปได้ยาก

 

ผลั่ว!!

 

แรงหมัดถูกส่งมาอย่างแรงอีกครั้ง ใบหน้าของฟรานเชสหันไปอีกทาง ตัวของเขาเซเล็กน้อยและแว่นหนาเตอะที่สวมอยู่หลุดกระเด็นไปไกล

 

“หลักฐานคาตา ยังจะมาทำไขสืออีกนะ!!!”คนสูงวัยกว่ายังคงโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เขาแค่รู้สึกอยากฆ่าอีกฝ่ายให้ตายคามือ โทษฐานมายุ่งกับแฟนของเขา

 

คราวนี้ฟรานเชสก้มหน้าไม่ตอบโต้อะไรอีก ทำเอาหัวหน้าของเขาชักโมโหขึ้นไปใหญ่ผลักอีกฝ่ายจนกระแทกโต๊ะทำงานด้านหลัง

 

อั่ก!

 

ถึงจะเจ็บหลังไม่น้อยแต่ก็ไม่ถึงกับล้มลงไป มือบางเกาะขอบโต๊ะด้านหลังไว้เป็นหลักยึดไม่ให้ตัวเองล้มทั้งความเจ็บที่หลังและที่ท้องรุมเร้าจนไม่อยากจะขยับตัวมากนัก

 

“ตอบโต้อะไรบ้างสิ เมื่อกี้ยังปากเก่งอยู่เลยไม่ใช่หรอ! ตอบ!!!!”ฟรานเชสรู้สึกได้ถึงมือที่กระชากคอเสื้อเขาอย่างแรงจนเสื้อหลุดออกจากกางเกง หัวหน้าที่เขาเห็นว่าเป็นคนสุขุมมาตลอดเวลาโมโหรุนแรงได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ

 

“หัวหน้าครับ..”เสียงแผ่วเบาเอ่ย เขาสัมผัสได้ว่าหัวหน้าเขาอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก

 

“ผม..มองไม่เห็น”ตั้งแต่แว่นเขาหลุดออกไปภาพที่เขาเห็นก็เบลอไปหมดจนแยกแทบไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร เขาสายตาสั้นมากจริงๆ หัวหน้าที่อยู่ใกล้แค่นี้เขายังมองไม่เห็นเสียด้วยซ้ำ

 

คนเป็นหัวหน้าไม่รู้จะตอบโต้อะไร ไม่ว่าจะชกต่อยซักเท่าไหร่ลูกน้องของเขาก็ไม่แสดงอาการเกรี้ยวกราดกลับมาซักนิด มีแต่เสียงที่เหมือนขอความเห็นใจจากเขา พลันพอมองไปที่ใบหน้าของลูกน้องเขาตรงๆก็ทำเอาเขาแทบอึ้ง

 

เขาไม่เคยเห็นหน้าของลูกน้องคนนี้มาก่อนเพราะเจ้าตัวมักจะใส่แว่นหนาๆและผ้าปิดปากอยู่เสมอแถมผมเผ้าก็รุงรังจนปิดหน้าปิดตา แต่ตอนนี้จากผลของการชกต่อยทำให้ผมคนตรงหน้าปัดออกไปจากใบหน้าและแว่นตาที่เพิ่งหลุดไปก็ทำให้เขาได้เห็นใบหน้าส่วนบนของฟรานเชสเป็นครั้งแรก

 

ดวงตาที่สวยขนาดนี้...เขาไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต

 

ดวงตารูปอัลมอนด์สีฟ้าสดที่รับกับขนตายาวแพหนาแบบชาวตะวันตก เพียงแค่มองครั้งแรกเขาก็รู้สึกเหมือนถูกสะกด ความโกรธแทบจะลืมไปหมดสิ้น มือจากที่กำคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างหาเรื่องเปลี่ยนมาลูบใบหน้าด้านข้างของฟรานเชส และปลดผ้าปิดปากออก

 

“หัวหน้า...ครับ?”ฟรานเชสเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ เขาตามอารมณ์หัวหน้าไม่ค่อยจะทันแล้ว เมื่อกี้ยังอยากจะฆ่าเขาอยู่เลยทำไมตอนนี้ถึงได้อ่อนโยนขึ้นมาเฉยๆเสียอย่างนั้น แถมยังจะมาปลดผ้าเขาออกไปอีก

 

ฟรานเชสมองไม่เห็นว่าหัวหน้าเขากำลังทำหน้าอย่างไรเมื่อผ้าปิดปากเขาโดนถอดออกไป เขารับรู้เพียงแค่ว่าหัวหน้าเขานิ่งไปพักใหญ่ๆจนเขาเริ่มอึดอัด แต่ถ้าฟรานเชสใส่แว่นอยู่เขาจะเห็นว่า คนตรงหน้ากำลังมองเขาด้วยสายตาที่ติดจะหลงใหลอยู่เล็กน้อย คนเป็นหัวหน้าจ้องมองใบหน้าภายใต้ผ้าปิดปากอย่างรู้สึกใจเต้นเล็กๆ ริมฝีปากบางและจมูกโด่งสวยบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนตรงหน้าเขาเป็นเชื้อสายตะวันตกแน่นอน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นฝรั่ง แต่เขาไม่คิดว่าฟรานเชสจะเป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อและสวยได้ขนาดนี้เขามีดวงหน้าราวกับรูปสลัก เครื่องหน้าทุกอย่างดูลงตัวพอดีราวกับเทพเจ้าสรรค์สร้าง และยิ่งมองตาสีฟ้านั่นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเหมือนโดนมนต์สะกดเท่านั้น

 

....

 

ไม่ได้นะ! ที่เราคิดอะไรอยู่! หมอนี่มันแย่งแฟนเราไม่ใช่หรอ!!

 

ชายหนุ่มสูงวัยกว่าอยากเอามือตบหัวตัวเองแรงๆทีหนึ่ง เขาลากฟรานเชสเข้ามาเพื่อจะเคลียร์เรื่องแฟนเขากะจะกระทีบอีกฝ่ายให้ตายคาที่สมกับที่มันบังอาจแต่ไหงเขากลับเป็นฝ่ายไปหลงหน้าตาของฝั่งนู่นได้!

 

“หัวหน้าครับ..?”ฟรานเชสเอ่ยขึ้นเบาๆ คนถูกเรียกมองริมฝีปากบางที่เอื้อนเอ่ยออกมา ยิ่งมองเขาก็ยิ่ง...

 

...อยากจูบ..

 

เห้ยๆๆๆๆ!! ชักจะไปกันใหญ่แล้ว!

 

ฟรานเชสไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้แค่ว่าหัวหน้าเงียบไปจนเขาสงสัย

 

“หัวหน้าครับ....คือ...คืนผ้าปิดปากผมเถอะครับ ได้โปรด”ร่างโปร่งขอร้อง

 

“ทำไม”เสียงห้วนเอ่ยถามทันที ถึงแม้ว่าอารมณ์ครุกกรุ่นของเขาจะน้อยลงแล้วแต่ใช่ว่าเขาจะหายโกรธคนตรงหน้า

 

“ผมทราบว่าหน้าตาผมน่าเกลียดมาก กรุณาอย่ามองได้มั้ยครับ คืนผ้าผมมาเถอะ”หัวหน้าไม่เข้าใจว่าลูกน้อยตัวเองกำลังพูดอะไร หน้าตาดีขนาดนี้บอกว่าตัวเองน่าเกลียดเนี่ยนะ?

 

“ใครบอกว่าหน้าตานายน่าเกลียด”

“ก็เวลาผมออกนอกบ้านทีไรมีแต่คนมองหน้าผมแล้วนินทากัน ถ้าไม่น่าเกลียดขนาดนั้น..เขาคงไม่นินทาหรอกครับ”เสียงร่างโปร่งอ่อยลงจนเขานึกสงสารอยู่ในใจแต่ประเด็นคือ ฟรานเชสกำลังเข้าใจผิดไปมากโข

 

เขามองหน้านายเพราะนายหน้าตาดีเกินมนุษย์ต่างหาก!

 

แต่คนเป็นหัวหน้าก็ขี้เกียจจะทักท้วงไป เลยส่งผ้าปิดปากคืนให้อีกฝ่าย

 

“ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว”อยู่ดีๆหัวหน้าก็ออกปากไล่คนที่เขาลากเข้ามาในห้องเองกับมือ

 

“อ้ะ...ครับ?”ฟรานเชสถึงกับงง ทำไมอยู่ดีๆหัวหน้าก็เปลี่ยนอารมณ์กะทันหัน

 

“ออกไป ...หรือว่าอยากจะโดนต่อยอีกซักรอบ”ฟรานเชสส่ายหน้าทันที เขายังเจ็บทั้งหลังทั้งท้องอยู่เลยเรื่องอะไรจะหาเรื่องเจ็บตัวซ้ำอีก

 

“หัวหน้าครับ... หยิบแว่นให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”ฟรานเชสเอ่ยขึ้น เขามองภาพเบลอๆอย่างอับจนหนทางถ้าไม่มีแว่นเขาคงเดินชนนู่นชนนี่อีกเยอะแน่ๆกว่าจะถึงประตู

 

“ขอบคุณครับ”เมื่อได้รับแว่นคืนมา ฟรานเชสก็ใส่กลับไปดังเดิมและรีบเดินออกไปทันที

 

เมื่อประตูถูกปิดลงคนเป็นหัวหน้าก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

นั่นมันศัตรูหัวใจ แต่เขาเกือบแล้ว..เกือบจะหลงหมอนั่น ทั้งๆที่มันก็เป็นผู้ชาย

 

ฟรานเชส...นายเล่นมนต์อะไรกับฉันกันแน่

 

 -----------------

 

“ไอ้เอ๋อ ไปเที่ยวกันมะ”เสียงเพื่อนร่วมงานคนเดิมที่เป็นคนฟ้องหัวหน้าเรื่องเขากับแฟนหัวหน้าดังขึ้นข้างๆ

“ไม่ครับ”ฟรานเชสตอบกลับไปเรียบๆ

“ไม่เอาน่า โกรธฉันหรอวะ ฮ่าๆๆโดนไปกี่หมัดล่ะ ที่ผ้าปิดปากของแกยังมีเลือดติดอยู่เลย"เสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ทำให้ฟรานเชสสะทกสะท้าน เขาเจอเรื่องแบบนี้มามากจนชินชาซะแล้ว

"ผมไม่ได้โกรธครับ"ฟรานเชส ตอบไปอย่างนั้น เค้าแค่ต้องการให้อีกคนหยุดพูดคุยกับเขาเสียที

"งั้นคืนนี้ก็ไปเที่ยวกันเถอะ"อีกฝ่ายยังคงไม่ละความพยายามที่จะชวนเค้าไปเที่ยว

"ขอปฏิเสธครับ"

"ทำไมวะในเมื่อก็ไม่ได้โกรธนิทำไมไม่ไปด้วยกัน"เพื่อนร่วมงานบ่นออกมายังหงุดหงิด

"ผมไม่ชอบเที่ยวกลางคืนครับ"ฟรานเชสตอบเสียงเรียบ

"ก็ลองไปเที่ยวสักครั้งหนึ่งถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาไง ยังไงคนติ๋มๆอย่างแกก็คงไม่เคยไปเที่ยวกลางคืนหรอกมั้ง ฉันจะเป็นคนแนะนำให้แกเอง"เพื่อนร่วมงานว่า พลางตบไหล่ร่างโปร่งเบาๆ

"ขอปฏิเสธครับ"ฟรานเชสยังคงยืนยันคำเดิม

"ไปด้วยกันเถอะไอ้เอ๋อลองไปสักครั้งนึงก็ไม่น่าจะเสียหายนี่หว่า"เพื่อนร่วมงานอีกคนที่อยู่ที่โต๊ะข้างๆว่า

ร่างโปร่งไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเพื่อนร่วมงานเขาพยายามชวนเขาไปเที่ยวกลางคืนให้ได้ ทั้งๆที่ปกติแล้วก็ไม่ได้แยแสกันด้วยซ้ำ

"น่านะครั้งเดียวไปกับพวกเราเหอะ"เพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างข้างพยายามชักชวน

ฟรานเชสไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อถูกกดดันมากๆเขาจึงจำเป็นต้องตอบตกลงไปอย่างช่วยไม่ได้

"ก็ได้ครับ"

------

เมื่อถึงเวลาเลิกงานทุกคนก็บอกว่าให้เค้ากลับไปที่บ้านเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนแต่ว่าฟรานเชสปฏิเสธ เขาบอกไปว่า เค้าจะไปด้วยชุดทำงานนี้แหล่ะมันก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร

"นายไม่อยากแต่งตัวหล่อๆให้สาวสาวมาติดหรอวะ"หนึ่งในก๊วนเพื่อนร่วมงานที่จะไปเที่ยวกันคืนนี้พูดขึ้น

"ไม่จำเป็นหรอกครับผมไม่ได้ต้องการที่จะไปหาสาว"ฟรานเชสปฏิเสธเขามองเพื่อนร่วมงานที่กำลังเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านไปเปลี่ยนชุด

"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกฉันจะมารับที่หน้าบริษัทนายก็รอถึงซักสามทุ่มก็แล้วกัน"

"ครับ"

เมื่อเพื่อนร่วมงานที่จะไปเที่ยวด้วยกันในคืนนี้กลับบ้านกันไปหมดเพื่อที่จะไปเปลี่ยนชุดกัน ฟรานเชสก็ทำงานที่คั่งค้างไว้ต่อ

"เย็นแล้วนะยังไม่กลับบ้านอีกหรอ"เสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลัง ทำเอาฟรานเชสสะดุ้งตกใจไม่น้อย

"หะ..หัวหน้า"ฟรานเชสยังจำได้ดีถึงกิริยาแรงโมโหของหัวหน้าเมื่อตอนเช้า แต่สีหน้าของหัวหน้าตอนนี้ดูไม่ได้โกรธเขาจัด นั่นมันทำให้ฟรานเชสโล่งใจไปเปราะหนึ่งว่าเค้าจะไม่โดนต่อยซ้ำเป็นครั้งที่สาม

 

...จะว่าไปแล้วเขายังปวดท้องกับหลังที่โดนหัวหน้าซ้อมอยู่เลย…

 

"ว่าไงทำไมเย็นขนาดนี้แล้วยังไม่กลับบ้าน"เสียงทุ้มของหัวหน้าดูอ่อนโยนแบบแปลกทำเอาฟรานเชสเริ่มขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

"ผมรอเพื่อนร่วมงานมารับนะครับ"

"หือ...มารับหรอ"หัวหน้าเดินมาข้างเขาแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ

"ครับวันนี้เพื่อนร่วมงานชวนผมไปเที่ยวครับ"ฟรานเชสตอบออกไปอย่างไม่ปิดบัง

"เที่ยว?... กลางคืน?"หัวหน้าเลิกคิ้ว

"ครับ"คำตอบของฟรานเชสทำเอาคนเป็นหัวหน้าแปลกใจไม่น้อยเพราะว่าเค้าไม่คิดว่าคนที่ดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่าง ฟรานเชสจะมีอารมณ์ไปเที่ยวกลางคืนกับเขาด้วย

"ถ้ายังไงก็อย่ากลับดึกแล้วกันเดี๋ยวพรุ่งนี้มาทำงานไม่ไหวแล้วก็อย่าดื่มเยอะ"คนเป็นลูกน้องพยักหน้ารับคำสั่งหัวหน้าของตนเป็นอย่างดี

"งั้นฉันกลับบ้านก่อนละวันนี้มีงานต้องทำอีกเยอะ"หัวหน้าพูดแล้วตบไหล่เขาสองสามที

"สวัสดีครับ"ฟรานเชสไม่ลืมที่จะไหว้ลาหัวหน้าของเค้า

ในขณะที่ หัวหน้าของเขากำลังจะเดินไป ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง และหันกลับมาพูดกับฟรานเชสว่า

"ต่อไปก็เรียกฉันว่าโอห์มนะ…”

 

...ฟรานเชสไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าหัวหน้าเขาต้องการอะไรกับการที่ให้เขาเรียกชื่อเล่นแบบนั้น 

อยากจะแสดงความสนิทสนมทั้งทั้งที่เพิ่งทำท่าจะฆ่ากันเมื่อเช้า?

 

ร่างโปร่งทำงานต่อไปเรื่อยๆอย่างใจเย็นเพราะเขายังมีเวลาอีกมากกว่าจะถึงสามทุ่ม บรรยากาศภายนอกเริ่มมืดสลัวลงเรื่อยๆจนในที่สุดราตรีก็เคลื่อนมาถึง

ฟรานเชสบิดตัวอย่างเมื่อยขบ ถอดผ้าปิดปากที่เลอะคราบเลือดเล็กน้อยออกด้วยความอึดอัด ใช่ว่าเขาอยากจะใส่ผ้าปิดปากตลอดเวลาเสียหน่อยแต่เพราะว่าเขาไม่ชอบให้ใครมามองหน้าเขาจึงใส่ปิดไว้ เขามั่นใจเลยทีเดียวว่าหน้าตาเขาคงน่าเกลียดมาก เพราะมีแต่คนซุบซิบกันเมื่อเจอเขา เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ทำให้เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวพอสมควร

 

ฟรานเชสถอดแว่นออกนวดขมับด้วยความเมื่อยล้า การใช้สมองหลายชั่วโมงติดทำให้เขาปวดหัวนิดหน่อยดวงตาสีฟ้าปิดลง เอนหลังกับพนักพิงและเงยหน้าขึ้น

 

"อ้ะ"ร่างโปร่งร้องด้วยความตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วชนอะไรบางอย่างเข้า ฟรานเชสหยิบแว่นขึ้นมาใส่และหันไปมอง

 

ผู้ชายในชุดสูทเรียบร้อยดูสุขุมกำลังยืนอยู่ด้านหลังเขา ฟรานเชสมั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อนต้องไม่ได้เป็นคนที่ทำงานในแผนกเดียวกับเขาแน่นอน

 

"ดึกป่านนี้แล้วทำไมคุณยังไม่กลับบ้าน"ชายในชุดสูทเอ่ยถาม

 

"ผมรอเพื่อนมารับครับ คุณเป็นใครหรือครับ"ร่างโปร่งถาม ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังด้านหลังชายคนนั้นซึ่งบ่งบอกเวลาสองทุ่มสิบห้านาที

 

“ผมเป็นเลขาของท่านประธานบริษัทครับ ส่วนคุณก็ควรจะกลับบ้านได้แล้วถ้าไม่อยากโดนข้อหาขโมยของทีหลัง”ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น ฟรานเชสคิดว่ามันก็จริงอยู่ที่ว่าถ้าเกิดมีของหายขึ้นมาเขาก็คงเป็นคนแรกที่ถูกสอบสวน

 

“ครับ แล้วผมจะรีบกลับ”ฟรานเชสบอก ชายหนุ่มในชุดสูทพยักหน้าสองสามทีแล้วหันหลังเดินออกไป

 

“เขาบอกว่ารอเพื่อนมารับครับนายท่าน”ชายหนุ่มรายงานต่อผู้เป็นเจ้านายทันทีเมื่อออกมา ดวงตาคมของคนเป็นประธานบริษัทจ้องมองผ่านประตูกระจกเข้าไปยังพนักงานบริษัทคนหนึ่งที่ยังก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ

 

“หน้าตาเขาไม่ดูมีพิษภัยอะไรนะครับ”คนเป็นเลขาว่าเมื่อเห็นเจ้านายของตนทำท่าไม่ไว้ใจชายหนุ่มคนนั้น

 

“อย่างมองคนแต่ภายนอก ไม่เคยได้ยินหรือไงเลโอ”เสียงทุ้มกล่าว

 

“จะให้ผมเฝ้าไว้จนกว่าเขาจะกลับไหมครับ”เลโอเอ่ยถาม มองไปยังใบหน้าของเจ้านายที่นิ่งสนิท

 

“นายไปตรวจงานกับฉัน ส่วนแอนโทนินนายเฝ้าคนนั้นไว้จนกว่าเขาจะกลับแล้วค่อยตามฉันไปทีหลัง”ชายหนุ่มร่างสูงพูด แอนโทนินคือคนสนิทของเขาอีกคนหนึ่งที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ด้านหลัง

 

“ครับ”เลโอและแอนโทนินก้มหัวเล็กน้อย รับคำสั่งเป็นอย่างดี

 

“ถ้ามีอะไรผิดปกติรีบรายงานฉันทันที ช่วงนี้สถานการณ์ระหว่างแก๊งไม่ค่อยดี ฉันไม่อยากให้มันต้องเป็นปัญหาเพราะความหละหลวมในการระวังตัวของฉัน”ชายหนุ่มพูดกับแอนโทนิน

 

“สองปีที่นายท่านเป็นหัวหน้าแก๊งมา นายท่านยังไม่เคยทำพลาด ผมมั่นใจว่าชายคนนั้นจะไม่เป็นปัญหาแน่นอนครับ”แอนโทนินรับปาก

 

เมื่อสั่งงานลูกน้องเสร็จแล้วชายหนุ่มร่างสูงก็ลงลิฟท์ไปพร้อมเลโอ แอนโทนินหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่ตั้งใจทำงานอยู่ในนั้นแล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปเพื่อทักทาย

 

“สวัสดีครับ ขอผมนั่งด้วยได้ไหม”แอนโทนินเอ่ยถามอย่างสุภาพ ซึ่งฟรานเชสก็หันมามองเขาอย่างงงๆ

 

“เชิญครับ”ร่างโปร่งไม่เข้าใจว่าคนข้างๆเข้ามาทำอะไร แต่ดูจากการแต่งตัวด้วยชุดสูทเรียบร้อยเหมือนคนก่อนหน้านี้ที่เข้ามาทักก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเป็นคนของท่านประธานบริษัทเหมือนกัน

 

...นี่ท่านประธานคนนั้นไม่ไว้ใจเขาอะไรนักหนาเนี่ย?

 

“ผมแอนโทนิน แบดริชครับ”แอนโทนินแนะนำตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ฟรานเชสเลยยิ้มตอบกับไปน้อยๆ

 

“ผมฟรานเชส เฟลิกซ์ครับ”ร่างโปร่งพูด แอนโทนินเกาแก้มเล็กน้อยเล้วเอ่ยขึ้น

 

“เอ่อ..หน้าคุณ..”

 

“อ้ะ!”ฟรานเชสรีบเอาผ้าปิดปากที่ถอดออกไปเมื่อกี้กลับมาสวมทันที ลืมไปเลยว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้ใส่ ทั้งแอนโทนินและคนเมื่อกี้คงเห็นหน้าเขาหมดแล้ว...หน้าตาเขามันคงน่าเกลียดจริงๆ

 

“คุณเอาผ้าปิดปากมาใส่ทำไมน่ะ”แอนโทนินถามอย่างสงสัย เมื่อกี้เขากำลังจะบอกว่าอีกฝ่ายหน้าตาดีจริงๆแต่ร่างโปรงก็ดันเอาผ้าปิดปากมาปิดเสียก่อน

 

“ผมรู้ว่าผมหน้าตาน่าเกลียดคุณอย่าดูเลยครับ”ฟรานเชสก้มหัวปะหลกๆเหมือนเป็นการขอร้องไม่ให้ชายหนุ่มตรงหน้าพูดเรื่องหน้าตาของเขา แอนโทนินถึงกับหน้าเหวอไปทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น

 

...คนอะไรเนี่ย หน้าตาดีขนาดนี้บอกว่าตัวเองหน้าตาน่าเกลียด?

 

“เฮ้ๆ นายเนี่ยนะหน้าตาน่าเกลียด ล้อฉันเล่นหรือเปล่าเนี่ย?”ชายหนุ่มในชุดสูทยิ้มกว้าง ตลกกับท่าทางที่ดูซื่อๆของอีกฝ่าย

 

“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ คุณอย่าพูดถึงมันอีกเลย”เมื่อเห็นฟรานเชสทำคอตก เสียงแผ่วเหมือนกับว่าไม่อยากให้เขาพูดเรื่องนั้นจริงๆแอนโทนินเลยพูดขึ้นมาว่า

 

“อ่าๆ อย่าเศร้าสิ ผมขอโทษ ผมจะไม่พูดแล้วๆ”ชายหนุ่มได้แต่ว่าไปตามที่อีกคนเข้าใจ ดูเหมือนว่าฟรานเชสจะปักใจมากว่าตัวเองหน้าตาน่าเกลียด ร่างโปร่งเงยหน้ามองอีกฝ่ายนิดๆแล้วชวนคุยต่อ

 

“คุณคงเป็นคนของท่านประธานบริษัทสินะครับ”แอนโทนินพยักหน้า

 

“ใช่แล้ว รู้ได้อย่างไรน่ะ”ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อยที่ฟรานเชสพูดถูกแต่นึกไปนึกมาอันที่จริงเมื่อกี้เลโอก็มาหาชายหนุ่มตรงหน้าเขาไปทีหนึ่งแล้วและอาจจะแนะนำตัวไปว่าเป็นคนของนายท่านจึงทำให้ฟรานเชสเดาได้

 

“ก็คนเมื่อกี้ที่เข้ามาเขาบอกว่าเป็นเลขาของท่านประธานบริษัท แล้วคุณก็แต่งตัวเหมือนคนเมื่อกี้แถมเข้ามาในเวลาที่ไม่ห่างกัน ผมคิดว่าท่านประธานคงไม่ไว้ใจผมกลัวผมจะขโมยของหรืออะไรทำนองนี้สินะครับถึงให้คุณมาอยู่เฝ้าผม”ฟรานเชสอธิบาย แอนโทนินอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าเขาเดาเรื่องถูกเกือบหมด จะไม่ถูกแค่ตรงที่ว่าไม่ได้กลัวจะขโมยของแต่กลัวจะเป็นไส้ศึกให้แก๊งอื่นต่างหาก

 

‘แต่ดูซื่อๆแบบนี้คงไม่ได้เป็นไส้ศึกหรอกมั้ง’แอนโทนินคิดในใจ ทันใดนั้นเสียงของนายท่านก่อนจะมอบหมายงานให้กับเขาก็ลอยเข้ามาในหัว

 

‘อย่ามองคนแต่ภายนอก ไม่เคยได้ยินหรือไงเลโอ’

 

…จะว่าไปมันก็ใช่ อืม..ยิ่งเมื่อกี้ถึงฟรานเชสจะดูซื่อๆแต่เมื่อกี้กลับเดาเรื่องถูกเสียหมดอีกด้วย...

 

สองความคิดตีกันอยู่ในหัวเลขาหนุ่มจนร่างโปร่งต้องสะกิดอีกรอบ

 

“แต่ก็ดีเหมือนกันครับ ผมจะได้มีเพื่อนนั่งด้วย”ฟรานเชสยิ้มตาหยี เขาเบื่อเหมือนกันที่ต้องนั่งรอเพื่อนมารับ งานที่ทำไปก็พร่องลงมากจนเกือบจะเสร็จแล้วด้วย

 

“คุณรอเพื่อนหรือครับ”แอนโทนินชวนคุย

 

“ครับ พวกเขาชวนผมไปเที่ยว”คำตอบนั้นทำให้คนฟังเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

 

“อย่างคุณน่ะหรอ เที่ยวกลางคืนเนี่ยนะ”ชายหนุ่มพูดอย่างไม่เชื่อหู ไม่คิดว่าคนอย่างฟรานเชสจะไปเที่ยวกลางคืน

 

“ครับ ก็แค่ลองไปดูน่ะ”ฟรานเชสตอบ หันหน้าไปทำงานต่อ

 

“ยังไงก็ระวังๆไว้บ้างนะครับ ไปครั้งแรกจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้”แอนโทนินเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง ยิ่งอีกฝ่ายหน้าตาดีแถมเมื่อกี้เขายังแอบเห็นดวงตาอีกฝ่ายที่เป็นรูปอัลมอนด์สวยมากอีกด้วย

 

“ขอบคุณครับ”

 

หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาใดๆอีกจากทั้งสอง ฟรานเชสก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้นจนลืมไปว่ามีอีกคนนั่งอยู่ด้วย ส่วนแอนโทนินก็ได้แต่สังเกตการณ์คนที่นั่งตั้งใจทำงานตรงหน้าเพื่อไปร่ายงานแก่นายท่านและอีกเหตุผลหนึ่งคือไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายนั่นเอง

 

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเวลาที่นัดหมายไว้กับเพื่อนๆของเขา ฟรานเชสวางงานที่เสร็จแล้วให้เป็นระเบียบพลางนึกในใจว่าโชคดีจริงๆที่ได้อยู่ดึกในวันนี้ เพราะงานที่สั่งสมมาหลายวันทำเสร็จหมดแล้ว

 

“จะไปแล้วหรือครับ”แอนโทนินถามขึ้น ร่างโปร่งตกใจเล็กน้อยเพราะลืมไปว่ามีอีกคนอยู่ด้วย

 

“ครับ ถึงเวลานัดแล้วน่ะ”ฟรานเชสว่าพลางเก็บสัมภาระของตน

 

“เดี๋ยวผมลงไปส่ง”

 

ทั้งสองคนลงมาถึงด้านหน้าของบริษัทพอดีกับที่รถโตโยตาสีดำมาจอดเทียบฟุตบาท เพื่อนร่วมงานของเขาก็ลงมาจากรถ แล้วเรียกเขาขึ้นไป

 

“ผมไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ”ฟรานเชสก้มหัวลาแอนโทนินเล็กน้อย ซึ่งชายหนุ่มก็ก้มหัวตอบรับฟรานเชส แล้วร่างโปร่งก็ก้าวขึ้นรถไป

 

“แกไปรู้จักกับเลขาประธานบริษัทได้ไงวะ”เพื่อนที่ลงไปตามเขาขึ้นรถถามขึ้น

 

“เขากลัวผมขโมยของตอนไม่มีใครอยู่น่ะครับ เลยมาเฝ้า”ฟรานเชสตอบไปตามที่ตนเองเข้าใจ

 

“อ่อ งี้นี่เอง ท่านประธานบริษัทนี่เข้มงวดจริงๆ”ชายหนุ่มพยักหน้ากับตัวเอง

 

"ช่างเหอะ เอาให้เต็มที่ไปเลยนะเว้ยวันนี้"เพื่อนร่วมงานช่างยุพูดขัดขึ้นโดยมีเสียงสนับสนุนจากเพื่อนอีกทั้งคันรถ

 

ฟรานเชสเริ่มมองเพื่อนทีละคน บางคนต่างจากตอนที่มาทำงานมาก ลุคที่ดูเรียบร้อยก็หายไปจนหมดสิ้น ทุกคนแทบจะอยู่ในคราบของชายหนุ่มเพลย์บอย

 

“ส่วนนายก็ไปนั่งเปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน”ฟรานเชสพยักหน้าให้กับคำพูดนั้นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ถึงจุดประสงค์ร้ายของเพื่อนร่วมงานที่ชวนเขามาดื่มเหล่าวันนี้เลย...

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา