Chocolate & Despair

7.7

เขียนโดย [NNS]

วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.30 น.

  13 chapter
  1 วิจารณ์
  13.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 17.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) Secrets

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

          ในวันนั้นผมตื่นแต่เช้ารีบแต่งตัวเพื่อไปหาเรย์ผมขึ้นจากสถานีมาที่ลานกว้างเพื่อมาหาเรย์ตามนัดพบ

            “10.57”ผมอ่านตัวเลขที่ได้จากนาฬิกาข้อมือผมมาถึงก่อนเวลานัดสามนาทีผมกวาดตามองหาเขาแต่ก็ไม่เจอผมยืนรออยู่ตรงนั้น

            ผ่านไปประมาณแค่10นาทีผมก็มองเห็นเด็กผู้ชายผมสีดำกำลังมองผ่านตู้โชว์กระจกไปในร้านแห่งหนึ่ง มันเป็นร้านขายสัตว์เลี้ยง ผมคิดว่าเขาคือเรย์เลยหรอกเดินไปทัก

            “เรย์”

            เขาหันกลับมาเป็นเรย์จริงๆแฮะแล้วมายืนทำอะไรตรงนี้

            “นายมาช้า”เรย์หันมาแล้วพูดอย่างนั้น

            “หา???ช้าอะไรละคนที่ช้ามันนายต่างหาก”

            “ชั้นมาตังแต่10.40แล้วแล้วก็ยืนอยู่ตรงนี้ตลอด”

            “ชั้นมาตอน10.57...แต่นายเล่นหันหน้าจ้องในร้านอย่างนั้นใครจะเห็นละ”

            “ช่างมันเถอะ ชั้นหิวแล้วไปหาอะไรกินก่อนเถอะ”เขาพูดแบบนั้นแล้วเดินไปตามทางทันที

            “เดี๋ยวสิรอก่อน”ผมรีบตามเขาไปทันที

            “นายกินอะไรไม่ได้บ้าง”เขาถามผมมา

            “ชั้นไม่ได้เลือกกินอะไรหรอกกินได้หมดแหละ”

            “เหรอ”เขาเดินเข้าไปในร้านอาหารครอบครัวร้านหนึ่ง

            “...”ผมเดินตามเขาเข้าไป

            เราสองคนนั่งลงบนโต๊ะริมกระจกเขานั่งดูดน้ำส้มไม่พูดอะไรระหว่างรออาหาร

            “เพลงนั้นนะ”ผมจึงเริ่ใชวนคุยก่อน

            “เพลงอะไร”เขามองออกไปนอกร้านไม่ได้หันมาหาผมเลย

            “เพลงที่นายร้องบนดาดฟ้าไง”

            “...”เขาทำสีหน้าตกใจและหันมามองผมทันทีเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าอื่นของเขานอกจากหน้านิ่งเรียบและหน้าอาฆาต

            “ได้ยิน...ด้วยเหรอ”เสียงของเขาแผ่วลงทันที

            “อืม  The lost one’s weeping สินะเพลงของ Vocaloid”

            “ใช่แต่ชั้นไม่รู้หรอกว่าของใครแค่ไปเจอเข้าแล้วจำเนื้อได้แค่นั้น”

            ในตอนนั้นอาหารก็โดนยกมาเสริฟพอดีผมสั่งแพนเค้กส่วนเขาสั่งสปาเก็ตตี้

            เราเริ่มกินโดยไม่พูดจาอะไรกันแต่แล้วเขาก็พูดออกมาคำหนึ่งซึ่งทำให้ผมทำส้อมในมือหล่นทันทีเลย

            “จะไปไหนต่อดีละ”เขามองผมแล้วถามผมออกมา

            “หา!!!”

            “ชั้นไม่รู้จะไปไหนดีแล้ว”

            “นายเรียกชั้นออกมาโดยไม่มีแผนอะไรเลยเนี่ยนะ”

            “ชั้นไม่ค่อยมาเดินในเมืองนี่”

            “ว่าไปอากาศเริ่มร้อนแล้วชุดแบบนั้นนายไม่ร้อนเหรอ”

            ใช่เสื้อของเขาเป็นเสื้อยืดสีดำทับด้วยแจ๊คเก็ตมีฮู้ดสีน้ำเงินตัดลายสีฟ้ากางเกงยีนส์สีดำรองเท้าสีดำตัดลายสีน้ำเงินเป็นการแต่งตัวเรียบแต่อากาศแบบนี้ไม่ค่อยมีคนใส่แจ๊คเก็ตแขนยาวแล้ว

            “ช่างเถอะเดี๋ยวชั้นพสเดินเองแล้วกันกินเสร็จแล้วไปคาราโอเกะกัน”

            “ก็ไม่ได้รังเกียจ”

            พอเราทั้งคู่กินเสร็จก็จ่ายเงินแล้วเดินไปที่ร้านคาราโอเกะ

            “ชั้นเลี่ยงเองละกันนะ”ผมเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ส่วนเรย์ก็ยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ตรงนั้น

            “เพิ่งเคยมาครั้งแรกเหรอ”ผมที่จ่ายเงินรับไมค์และน้ำดื่มมาแล้วเดินมาถามเขา

            “อืม”

            “....”ไม่รู้จะพูดอะไรดีเลยยังไงก็พาเขาไปที่ห้องก่อนละกัน

            ผมบอกเขาวิธีเลือเพลงการใช้งานอะไรต่างๆเขาฟังอย่างเงียบๆไล่ชื่อเพลงที่รู้จักเพลงที่เขาร้องมีแค่สองเพลงคือ Rolling Girl กับ The lost one’s weeping

            จากนั้นเขาก็บอกว่าเจ็บคอผมเลยออกมากันก่อนเวลาหมด

            “ไปไหนต่อดี”ผมถามเขาแต่ผมก็ได้คำตอบที่คาดไม่ถึง

            “นายอยากไปไหนละ”ใช่เขาให้ผมพาเขาไปในที่ๆผมอยากไปอาจเป็นแค่เรื่องปกติหรือเรื่องเล็กๆสำหรับคนอื่นแต่กับเด็กหนุ่มที่เหมือนน้ำแข็งคนนี้แล้วเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก

            “งะ งั้นไปเกมเซ็นเตอร์ไหมละ”

            “เกมเซนเตอร์...ก็ได้นะ...แต่ชั้นไม่เคยไปมาก่อนเลย”

            “งั้นเหรองั้นไปหาอะไรเล่นกันให้สนุกเลย”

            ผมพูดยังงั้นแต่

            70 นาทีต่อมา

            เราโดนทางร้านขอให้เลิกเล่นเนื่องจากเรย์ไปเล่นคีบตุ๊กตาของทางร้านเกือบทุกตู้แล้วหยิบตุ๊กตาในตู้มาได้หมดทุกครั้งรวมๆแล้วก็น่าจะอยู่ที่20-30ตัวเลยด้วยซ้ำทางร้านเลยขอให้เราเลิกเล่น

            “ไปที่ไปรษณีย์กันเถอะ”เรย์พูดขึ้นมากำผมที่ซึมเพราะมัวแต่ดูเรย์เล่นเลยไม่ได้เล่นอะไรสักอย่างเลย

            “ไปทำไมเหรอให้เขาเอาของไปส่งไงเยอะขนาดนี้ถือเดินไปด้วยไม่ได้หรอก”เรย์หันมาพูดโดยที่มีตุ๊กแมววางอยู่บนหัว

            “....”ผมต้องกลืนน้ำลายทันทีเรย์ที่กอดตุ๊กตาหลายตัวแล้วมีตุ๊กคาแมวบนหัวมันช่างน่ารักมากจนผมทนแทบไม่ไหวเลย

            “อะ อืม ปะ ไป สิ”ผมเผลอพูดเสียงสั่น

            “???”เขาเอียงคอสงสัยทำให้เขาดูน่ารักกว่าเดิมอีก

            เราให้เขาส่งของไปที่บ้านของเรย์ให้จากนั้นเราก็เดินไปกันต่อแต่ผมไม่มีที่ๆพิจะพาเขาไปได้แล้วแต่ในตอนนั้น

            “ไปสวสวนสาธารณะกัน”

            “หืม”เขาชวนผม

            “อะ อืมไปสิ”

            เราสองคนได้เดินเล่นกันในสวนสาธารณะ

            “นายนั่งรออยู่นี่ก่อน”เขาพูดแบบนั้นแล้ววิ่งหายไปประมาณ5นาทีเขาก็กลับมาแล้วยื่นของในมือของผม

            “เครป???”

            “ซื้อมาให้นะ”

            “ขอบคุณ”

            “มิกส์เบอร์รี่กอนได้ไหม”

            “อ่า อืม กินได้”

            “ว่าไป”ผมมีเรื่องคาใจเรื่อหนึ่งอยู่และต้องถามเขาให้ได้

            “อะไร???”เขากินเครปมองออกไปยังกลุ่มคนที่เดินอยู่โดยไม่หันมามองผม

            “ทำไมนายเรียกชั้นออกมาเหรอ???”

            “....”เขานิ่งเงียบหยุดกินเครปแล้วไม่ตอบอะไรกลับมาเลย

            “ถ้าเป็นเรื่องที่ชั้นชอบนายนะ...นาย”

            “ไม่ได้รังเกียจหรอก”เขาพูดก่อนผมจะพูดต่อ

            “หา!!!”

            “ไม่ได้รังเกียจนายหรอก...แต่”

            “แต่”

            “มีเรื่องจะบอกนะ”

            “เรื่องอะไรเหรอ”

            “ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ขอชั้นเตรียมใจก่อน”

            “...เข้าใจแล้ว”

            เราเดินเล่นไปเรื่อยๆโดยไม่ได้แวะที่ไหนจนเริ่มมืดคนเดินเริ่มหายไปจู่ๆเรย์ก็หยุดเดิน

            “เรย์???”

            “ชั้นนะจริงๆแล้ว”

            ในตอนนั้นเองฝนก็เริ่มตกลงมาเราสองคนวิ่งไปใต้ชายคาร้านค้าเพื่อหลบฝน

            บ้าจริงตกอะไรตอนนี้เนี่ย

            “ฝนไล่ช้างละมั้ง”

            “คะ คงงั้น”เมื่อกี๊เขาจะบอกผมแล้วสินะสิ่งที่เขาอยากบอก

            “ไปมั้ย”เขาชี้นิ้วไปที่ตึกสูงๆฝั่งตรงข้าม

            “ไปไหม”ใจผมเต้นเล็กน้อย

            “บ้านชั้นอยู่ในนั้น”

            “!!!”

            นั้นเป็นคอนโดที่ใหญ่และดีที่สุดในเมืองนี้ตั้งใจกลางเมืองพอดีและเป็นจุดศูนย์กลางถนนและรถไฟทำเลดีมากแน่นอนว่าราคาต้องแพงลิ่วแน่นอน

            “ไปมั้ย”เขาถามซ้ำ

            “อะ อืม ตะ แต่พ่อแม่นายไม่ว่าเหรอ”

            “ชั้นอยู่คนเดียว”

            คนเดียว!!!ในคอนโดหรูแบบนี้เนี่ยนะ

            “ตามมา”เขาไม่พูดอะไรแล้วเดินออกไปกลางฝน

            “ระ รอก่อนสิ”ผมเดินตามเขาไปทันที

            ไม่นานเราก็มาถึงห้องของเขาห้องเขาอยู่ที่ชั้น5เขาใช้กุญแจเพื่อไขเข้าไปในห้องทันที

            “โห”ไม่แปลกที่ผมจะตกตะลึงห้องเป็นแบบสองชั้นมีห้องครัวโซฟาทีวีชั้นบนมีห้องถึง4-5ห้องข้างในตกแต่งอย่างสวยงามเลยทีเดียว

            “นะ นายเช่าอยู่คนเดียวเหรอ”

            “ปล่าวซื้อเรียบร้อยแล้วนะ”

            ซื้อ!!!!!!!!!!!!!!

            “ทะ เท่าไหร่เหรอ”

            “ก็ @!#??/”?!@/”

            เป็นตัวเลขที่เยอะมากจนผมฟังไม่อกเลยทีเดียว บ้านนายทำงานอะไรกันเหรอครับถึงได้รวยขนาดนั้น

            “พะ พ่อแม่นายทำงานอะไรเนี่ย”

            “ทนายนะทั้งคู่เลย”

            “ท่าทางจะเก่งนะถึงได้มีเงินเยอะขนาดนั้น”

            “ครอบครัวพวกเขารวยล้นฟ้าแต่แรกแล้วละเงินซื้อห้องนี้แค่เดือนเดียวก็ได้เกินพอแล้ว”

            เดือนเดียว!!!!

            “ห้องน้ำอยู่ทางนี้นายจะอาบก่อนไหม”

            “ไม่เป็นไร...นายก่อนเลย”ผมต้องปรับอารมณ์ให้หายชิอกก่อน

            “เหรอ นี่ผ้าขนหนูเช็ดตัวซะ”เขายืนผ้าขนหนูให้ผมแล้วเขาก็เขาไปอาบน้ำ

            ผ่านไปสักพักเขาก็อาบน้ำเสร็จแต่

            “เหวอ ทำไมนายถึงนุ่งผ้าขนหนู่ออกมาละ”

            “ไม่ได้หยิบเสื้อเข้าไปนะสิ”

            เขาเดินขึ้นไปชั้นสอง

            “เสื้อผ้าใส่เครื่องแล้วกดซักได้เลยนะเดี๋ยวชั้นหาเสื้อผ้ามาให้”

            “อ่า”

            เขาเดินหายไปที่ชั้นสองผมเลยเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำห้องอาบน้ำของเขากว้างพอสมควรมีอ่างอาบน้ำกับฝักบัวอยู่เรียบร้อยในห้องขาวสะอาดทุกจุดมีดอกไม่วางประดับอยู่ตรงมุมเล็กๆเป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายดีผมเริ่มอาบน้ำอย่างรวดเร็ว

            “เสื้อผ้าชั้นวางไว้ให้แล้วนะ”

            “อ่าอืม”

            พอผมอาบน้ำเสร็จแล้วออกมาแต่ก็เจอปัญหาจนได้

            “เอ่อ เรย์”ผมเรียกเขา

            “มีอะไร”มีเสียงตอบกลับทันที

            “คือเสื้อผ้านายมันเล็กไปนะชั้นใส่ไม่ได้หรอก”

            “อืมปกตินายใส่ไซส์อะไรละ”

            “L”

            “เดี๋ยวไปซื้อให้”

            “เดี๋ยวๆไม่ต้องก็ได้”

            “ผมนุ่งผ้าขนหนู้เปิดประตูออกไปเพื่อห้ามเขาแต่เขาใส่รองเท้าเรียบร้อยอยู่หน้าประตูแล้ว

            “ชั้นจะไปซื้อของพอดีไม่เป็นไรรอหน่อยละกัน”

            “อ่า อืม ก็ได้แต่...นายใส่แว่นด้วยเหรอ”ใช่เขาใส่แว่นอยู่แว่นกรอบหนาทำให้มองไม่เห็นตาของเขาเลย

            “...”เขาไม่ตอบแล้วออกไปทันที

            ผมจึงไปนั่งรอเขาที่โซฟาผ่านไปสัก20นาทีเขาจึงกลับมา

            “นี่เสื้อ”

            “ขะ ขอบใจ”ผมรับไว้แล้วเดินไปเปลี่ยนทันทีส่วนเรย์ก็เดินเข้าไปในครัวพอผมใส่เสื้อผ้าเสร้จจึงออกมาแล้วก็

            “ว้าว”มีอาหารอยู่บนโต๊ะดูน่ากินมากเลย

            “ชั้นทำเองไม่รับประกันรสชาตินะ

            “ดูน่าอร่อยดีออก”

            “ขอบใจ”เขาเบือนหน้าหนีสงสัยคงเขินละมั้ง

            อร่อย!!!อาหารฝีมือเขาอร่อยไม่แพ้หน้าตาที่ดูน่ากินจริงๆ

            เรากินกันโดยไม่พูดอะไรเมื่อเขาเก็บจานล้างเสร็จแล้วจึงมานั่งที่โต๊ะตามเดิม

            “ค้างที่นี่ไหม”

            “หืม”

            “จะค้างไหม”

            “ไม่เป็นไรหร...”

            “มีห้องว่างเยอะไม่ต้องเกรงใจ”

            “งะงั้นรบกวนหน่อยละ”

            “อืม...ไม่โทรไปบอกที่บ้านก่อนละ”

            “ชั้นย้ายมาคนเดียวนะ”

            “เหรอ”เรย์นิ่งไปสักพักจากนั้น

            เขาลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วเปิดม่านออกกว้างเปิดประตูจกจนลมพัดเข้ามาในห้องอย่างแรงเขาถอดแว่นแล้วโยนออกไปหันกลับมาทำให้ผมเห็นสิ่งนั้นสิ่งนั้นที่เป็นประกายสีฟ้าน้ำเงินสวยงามผมดูมันเปมือนเปล่งได้ในท่ามกลางความมืดของห้อง

            “ตะ ตานาย”

            “สีแปลกใช่ไหมละ”

            ใช่ตาของเขาไม่ใช่สีแบบทั่วไปไม่ใช่สีฟ้าแบบพวกคนตะวันตกแต่มันเป็นสีน้ำเงินปนฟ้าเหมือนสีของแซฟไฟร์มันกลมโตสวยงามพอมองในความมือดมันเหมือนเปล่งแสงได้ราวกับอัญมณีล้ำค่าอย่างหนึ่ง

            “เพราะตาคู่นี้”

            “ทำให้ชั้นเป็นแบบนี้”เขาเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง

            “ชั้นเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกท้งไว้ที่หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำร้าตอนยังเป็นทารกชั้นโตขึ้นมีแต่เด็กบอกว่าสีตานี้ของชั้นดูน่ากลัวแม้แต่คนดูแลก็ไม่เข้ามาใกล้พวกที่มาหาเด็กรับเลี้ยงพอเจอชั้นก็นำเรื่องของชั้นไปเผยแพร่จนวันนึงก็มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งมารับฉันไป”

            “นั้นคือพ่อกับแม่ของฉันในตอนนี้แต่สาเหตุที่รับฉันไปเลี้ยงเพราะพวกเขาไม่สามารถมีลูกเองได้และถ้ารับชั้นไปจะได้รับชื่อเสียงทางสังคมพอชั้นมาอยู่ก็ส่งชั้นเรียนทั้งเรียนเสริมอะไรต่างๆมากมายแล้วพอฉันจบมัธยมต้นวันนั้นก็มาถึง”

            “วันนั้น???”

            “วันที่ชั้นจะได้แยกกับพวกเขา”

            “พวกเขาสองคนมีปัญหาร้าวฉานกันอยู่แล้วตกลงจะหย่ากันส่วนฉันก็จะได้รับเงินจำนวนหนึ่งจากพวกเขาแล้วแยกกันอยู่”

            “แต่ก็เกิดเรื่องขึ้น”

            “....”ผมไม่สามารถพูดอะไรได้ พูดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

            “รถของพวกเราประสบอุบัติเหตุกับรถบรรทุกเข้า”

            “!!!”

            “ชั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไรแต่พ่อกับแม่เสียชีวิตทั้งคู่”

            “มีคนมาจะอุปการะชั้นไปเลี้ยงแต่ชุ้นปฎิเสธชั้นได้รับมรดกต่อจากพ่อแม่เป็นเงินที่ดินจำนวนหนึ่ง”

            “เรื่องบ้านกับที่ดินชั้นให้พวกญาติของเขาจัดการกันเองไปแล้วนำเงินมาซื้อคอนโดนี่และใช้จ่ายต่างๆแต่ท่านปู่เหมือนจะรักชั้นมากพอท่านตายก็ยกมรดกให้ชั้นอีก”

            “แน่นอนชั้นรับมาแค่เงินส่วนที่ดินก็ให้พวกเขาแบ่งกันเองที่นั้นทางนั้นกับชั้นก็ตัดขาดกันไปชั้นไปเปลี่ยนนามสกุลซะที่นี้ชั้นก็อยู่คนเดียวเงินที่เขาให้มาก็เพียงพอที่ชั้นจะใช่เรียนจบได้เลยเลยไม่ต้องดิ้นรนหางานพิเศษทำ”

            “ส่วนสาเหตุของเรื่องทั้งหมดก็แค่มาจากตาคู่นี้ของชั้น”

            ผมลุกขึ้นเดินไปสัมผัสที่ใบหน้าของเขาลูบมันไปมาลูบเส้นผมของเขา

            “นายนะเป็นคนแรกเลยนะ”

            “เป็นคนแรกที่มาอ่อนโยนกับชั้นไม่ได้มาหาชั้นเพราะตาคู่นี้”

            ผมดึงเขาเข้ามากอดกอดเขาและจะคอยอยู่กับเขาไม่ให้เขาต้องเจอเรื่องเลวร้ายอีกในครั้งนี้เขาไม่ได้อยู่นิ่งๆเหมือนเดิมมือเล็กๆของเขากอดผมมือที่เ,กแต่ต้องรับภาระอะไรมากมายกำลังโอบกอดผมอยู่เป็นครั้งแรกที่เขายอมเข้าหาผมผมได้แต่หวังว่าความรู้สึกของเราจะเป็นยังงี้ต่อไปไม่มีวันเปลี่ยน

            “ตาของนายนะ”

            “ปกติใส่คอนแทคเลนส์สีดำนะ”

            “ไม่ต้องใส่ดีกว่านะ”

            “...จะลองดูละกัน”

            วันรุ่งขึ้นเขามาส่งผมที่หน้าแมนชั่นแล้วกลับไปข้างในพรุ่งนี้ก็เริ่มเรียนแล้วจะทักเขายังไงดีนะ

            วันถัดมา

            “ไม่มา”

            ใช่เรย์ยังไม่มาเวลานี้ปกติเขาต้องมาถึงแล้วแน่นอนผมเองทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่นั่งรอเขา   

            อีกสักพักก็โหมรูมแล้ว

            ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกผมยิ้มอย่างดีใจแต่

            “โทษทีๆวันนี้โฮมรูมเร็วหน่อยนะ”

            อาจารย์ทานากะยิ้มหน้าบานทักทายคนในห้อง

            โฮมรูมใกล้จะจบแล้วเรย์คงไม่มาละมั้งเรียนเสร็จไปเยี่ยมหน่อยดี...

            “ขอโทษที่มาช้าครับ”

            เรย์เขามาแล้ว แต่ในตอนนั้นเสียงซุบซิบใน้องก็ดังขึ้นมาทันทีใช่เขาใส่แว่นแว่นกรอบบางที่ไม่สามารถปิดตาสีแซฟไฟร์ของเขาได้

            “เรย์คุงเธอ”อาจารย์เองก็ตกใจกับสีตาอันนั้นเหมือนกัน

            เรย์ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้อาจารย์อาจารย์อ่านแล้วมองหน้าเรย์สลับไปมา

            “สีตามธรรมชาติเหรอเข้าใจแล้วไปนั่งที่เถอะ”

            เรย์เดินมาที่นั่งของตัวเองท่ามกลางเสียงพูดคุยผมเองก็ฟังไม่ค่อยชัดแต่มีคำที่ว่า

            สีตามธรรมชาติเหรอโกหกน่า

            ใส่คอนแทคสีหรือเปล่า

            ปลอมเอกสารมาแหงเลย

            คำพูดพวกนั้นทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันทีแต่ก่อนที่อารมณ์ของผมจะเกินทน

            “ฉันทำตามที่นายบอกแล้วนะ”

            “อะ อ่า”

            “พวกนั้นไม่ต้องใส่ใจหรอก”เรย์หันข้างเหลือบตามองคนในห้องแล้วหรี่ตาเล็กน้อย

            คนในห้องทุกคนเงียบแล้วก้มหน้าที่โต๊ะตัวเองอย่างลุกลี้ลุกลนทันที

            “กลางวันนี้ไปเจอกันที่เดิมนะ”เขาพูดจบแล้วเดินไปนั่งที่ทันที

            ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มลืมความหงุดหงิดต่อคนในห้องไปทั้งหมดเลยผมชอบหมอนี่จริงๆ

                                                                                                                                                                                                        *แซฟไฟร์=ไพลิน

                                                                             Chapter 4 End (ยังไม่จบนะ)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา