ภรรยาสายแข็ง

7.7

เขียนโดย tidadin

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.53 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,375 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 18.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ตอนที่ 4 ชะตากรรมอีเย็น 2 nc20+

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 4 ชะตากรรมอีเย็น 2

 

    ปรัตถกรเริ่มรู้ทัน เมื่อรู้สึกแปลกๆ เพราะมือที่โอบรัดเอวเขาไว้มันแน่นเข้าไปทุกที แทบยังซบหน้าลงกลางหลังเขาอีกต่างหาก เสียงของเธอมันก็ไม่เหมือนกลัวรถล้มเลยสักนิดมันเหมือนเสแสร้งแกล้งทำมากกว่า เขาจึงหยุดส่ายรถจักรยานไปมาแล้วขี่ไปตามปกติ แต่… 

“คุณกรคะ ฉันกลัว ขี่ดีๆสิคะ”

“คุณเอิ้นขวัญครับ รถมันหยุดส่ายตั้งนานแล้ว คุณจะกลัวอะไรอีก ช่วยปล่อยมือออกจากเอวผมด้วยครับ”

เอิ้นขวัญยิ้มแหยๆ พลางปล่อยมือออกจากเอวของเขาทันที “สงสัยฉันจะกลัวเผื่อไว้คราวหน้ามั้งคะ”

ปรัตถกรได้แต่ส่ายหน้าจะยิ้มก็ยิ้มไม่ได้ ครั้นจะด่าก็สงสารเพราะเธออุตส่าห์มีน้ำใจช่วยสอนเขาขับจักรยาน จึงตั้งหน้าตั้งตาถีบเพื่อหวังจะได้กลับบ้านเร็วๆ แต่เอิ้นขวัญก็บอกให้จอดตรงนั้นที ตรงนี้ทีอ้างว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้เพราะมันสวยดี กลัวจะถีบจักรยานวนกลับมาถึงบ้านพระอาทิตย์ก็ตกดินพอดี

“กลับมาแล้วเหรอลูก ไปถึงไหนกันกลับเสียมืดค่ำเชียว”

“เกือบทั้งไร่ครับคุณย่า ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เหนื่อยมาก” ปรัตถกรบอกก่อนแยกตัวกลับห้อง

“เอิ้นก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ เหนียวตัวมาก”

เอิ้นขวัญบอกก่อนเดินผ่านผู้สูงวัยไป ทว่าเธอก็ต้องชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนโต๊ะ เธอเดินตรงไปหยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมาดู

“คุณย่า เด็กในรูปนี้ใช่คุณกรหรือเปล่าคะ”

คุณนายรุ้งแก้วชะโงกหน้ามองรูปในมือว่าที่หลานสะใภ้ “อ๋อ ใช่จ้ะ นั่นตากรกับตานนท์น้องชาย ภาพนั้นถ้าย่าจำไม่ผิดตากรกำลังหัดจักรยานให้ตานนท์”

หัดจักรยานให้ตานนท์ คำพูดนี้ทำให้เอิ้นขวัญหันขวับมองผู้สูงวัยอย่างงงๆ “คุณกรปั่นจักรยานเป็นด้วยเหรอคะ”

“เป็นสิลูก ขี่ได้ตั้งแต่เด็กๆด้วยซ้ำ”

ขี่ได้ตั้งแต่เด็กๆ เอิ้นขวัญได้แต่ยืนแยกเขี้ยว คุณปรัตถกรไอ้ว่าที่สามีตอแหลแห่งชาติ โกหกว่าปั่นจักรยานไม่เป็นหลอกให้เธอถีบจนขาลาก รางวัลตอแหลอวอร์ดปีนี้ที่เธอมั่นใจว่าเธอได้มาครองแล้วถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา หูของเธอแว่วได้ยินเสียงผู้ประกาศรางวัลบอกว่า ขอโทษค่ะคุณเอิ้นขวัญเราประกาศชื่อผิดผู้ที่ได้รับรางวัลตอแหลอวอร์ดได้แก่คุณปรัตถกรค่ะ เชิญคุณพาหนังหน้าลงเวทีไปรวมกับคุณเรยา คุณลำยอง คุณอรอินทร์ ที่เดินลงไปก่อนหน้านี้ค่ะ

                   “ธรณีนี่นี้                          เป็นพยาน

          เธอหลอกฉันถีบจักรยาน            ขาปั้น

          โกหกกันหน้าชื่นตาบาน              จริงแท้  พ่อเอย

          แค้นนี้กี่วันผ่าน                          จักต้องคืนสนอง

 

เจ้เจ๊สสิการ์เหลียวมองดาราในสังกัดที่เดินวนไปเวียนมาในมือถือโทรศัพท์โทรหาใครบางคนด้วยท่าทางร้อนรน เรื่องของเรื่องคือมนธิราโทรหาปรัตถกรแต่ฝ่ายชายไม่ยอมรับสายก็เลยทำให้เธอเดือดเนื้อร้อนใจนั่งไม่ติดกดโทรหาชายหนุ่มยิกๆอยู่แบบนี้ อดไม่ไหวก็เลยเอ่ยขึ้น

“นี่มนหยุดเดินไปเดินมาได้แล้ว เจ้เวียนหัวแล้วเนี่ย”

“ก็มนเครียดนี่คะ กรไม่รับโทรศัพท์มนเลย ไปหาที่บ้านก็ไม่อยู่”

“เรื่องที่มนต้องเครียดไม่ใช่เรื่องที่โทรหาผู้ชายไม่ติด เธอควรจะเครียดเรื่องนี้ที่เจ้พึ่งได้ข่าวมา”

มนธิราหยุดชะงัก หันมองผู้จัดการส่วนตัวพลางเลิกคิ้วสูงก่อนจะเดินกลับไปนั่งข้างๆผู้จัดการชายหัวใจหญิง “มีเรื่องอะไรเจ้”

“เจ้ได้ข่าวจากน้องที่ทำงานฝ่ายละครของช่องว่าละครฟอร์มยักษ์เฉลิมฉลองครบรอบสี่สิบปีบทนางเอกจะไม่ใช่ของมนเหมือนที่เราคาดไว้”

“ได้ไงคะ มนเป็นเบอร์หนึ่งของช่อง ถ้ามนไม่ได้เล่นแล้วจะเอาใครมาเล่นล่ะ”

“อินทิราไงมน อย่าลืมนะว่าชื่อเสียงของหล่อนตีคู่มากับมน แถมปีเนี่ยทั้งกระแสละคร ทั้งภาพลักษณ์การวางตัวล้วนได้รับการชื่นชมจากแฟนคลับกันทั้งนั้น แฟนคลับของอินทิราก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

แตกต่างจากมนธิราที่แม้ฝีมือการแสดงจะไม่เป็นสองรองใครและเคยถูกยกย่องให้เป็นเบอร์หนึ่งมาโดยตลอด แต่ปีนี้หล่อนไม่ยอมรับละครเพราะมัวเอาเวลาไปรับงานอีเว้นท์ทำให้กระแสแผ่วลง ประกอบกับเริ่มมีพวกสื่อมวลชนมือมืดเริ่มแฉพฤติกรรมที่ไม่น่ารักของหล่อนจนผู้คนเริ่มขุดคุ้ยทำให้ภาพลักษณ์ของมนธิราไม่ได้สวยงามเหมือนที่เคยเป็น บรรดาแฟนคลับแฟนละครรวมถึงสื่อมวลชนจึงหันไปสนใจอินทิรานางเอกสังกัดเดียวกันที่มีชื่อเสียงพอๆกับหล่อน แถมยังนิสัยดีจนทำให้มีคนเปรยๆว่าทางช่องจะดันอินทิราขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งแทนหล่อนนั่นเอง

“นี่ทางช่องจะหักหลังมนด้วยการดันนังอินทิราขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งแทนมนเหรอ”

“เจ้ก็ได้ยินแว่วๆมาว่าเป็นแบบนั้น”

“มนไม่ยอมเด็ดขาด มนทำงานสร้างเม็ดเงินให้กับทางสถานีมามากแค่ไหน จู่ๆจะหักหลังมนด้วยการดันคนอื่น มันเลวเกินไป มนไม่ยอมแน่ๆ” มนธิราลุกขึ้นขึงขังคว้ากระเป๋ากำลังจะเดินออกไปจนเจ้เจ๊สสิการ์ต้องรีบร้องทัก

“จะไปไหนมน”

“มนจะไปคุยกับเสี่ยวิชัยให้รู้เรื่อง”

 

หนึ่งชั่วโมงถัดมามนธิรากับผู้จัดการส่วนตัวก็มาถึงสถานีโทรทัศน์ที่เธอสังกัดอยู่ ถือว่าโชคเข้าข้างเธอเพราะวันนี้เสี่ยวิชัยผู้บริหารสูงสุดของทางสถานีไม่ได้ออกไปธุระที่ไหน จึงสามารถเข้าพบเพื่อเคลียร์ปัญหาได้

“มาหาผมถึงที่นี่มีอะไรหรือเปล่าหนูมน”

“มนพูดตรงๆเลยนะคะ มนได้ข่าวมาว่าละครฟอร์มยักษ์เฉลิมฉลองครบรอบสี่สิบปีของช่อง มนจะไม่ได้เล่นเป็นนางเอก แต่จะเอาคุณอินทิรามาเล่นแทน”

“ทำไมข่าวรั่วไปเร็วจัง”

“หมายคามว่ายังไงคะ อย่าบอกนะว่ามันเป็นเรื่องจริง”

“ก็เราทำธุรกิจนี่หนูมน ใครที่มีกระแสมากกว่าทางสถานีก็ต้องเอาคนนั้นมาสร้างความน่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ชม แล้วปีนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสคุณอินทิรามาแรงมาก เอาน่าอย่าคิดมากเลย ถือว่าแบ่งๆกันทำงาน ทุกปีคุณก็ได้เล่นโปรเจคใหญ่ๆทั้งนั้น ปีนี้เปลี่ยนคนบ้าง เดี๋ยวผมจะหาละครที่ฟอร์มใหญ่ไม่แพ้กันให้แทน โอเคไหมครับ”

“ไม่โอเคค่ะ การที่ทางสถานีเอาคนอื่นมาเล่นแทนมนมันหมายถึงการดันคนอื่นให้ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งแทนมน ซึ่งมนยอมไม่ได้”

เสี่ยวิชัยนิ่งไปพักหนึ่ง “ผมขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว”

มนธิราหันไปพยักหน้ากับผู้จัดการส่วนตัว เจ๊สสิการ์จำต้องออกไปนอกห้องเมื่อกลายเป็นส่วนเกิน “มีอะไรคะ”

“ผมอนุมัติไปแล้วว่าจะให้คุณอินทิราเล่นละครโปรเจคนี้ แต่ถ้าคุณอยากให้ผมเปลี่ยนแปลงมันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย”

“ข้อแลกเปลี่ยน…อะไรคะ”

เสี่ยวิชัยยิ้มเจ้าเล่ห์ ตวัดสายตาจ้องมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำเอาฝ่ายหญิงถึงกับขนลุกซู่

 

เย็นของวันเดียวกัน

มนธิราลุกเดินเข้าไปนั่งคร่อมร่างเสี่ยใหญ่เอาไว้ก่อนจะจัดการเสื้อผ้าบางๆของตัวเองออกจนหมดแล้วหันไปจัดการเสื้อผ้าของเสี่ยใหญ่จนเหลือแค่ร่างเปลือยเปล่า เสี่ยวิชัยขนลุกซู่ชูชันกับการโดนจู่โจม แม้ว่าเขาจะผ่านสนามรบแห่งตัณหามาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ทว่าก็ยังคงตื่นเต้นทุกครั้งที่สงครามลักษณะนี้จะเปิดฉากขึ้น ยิ่งสาวๆสวยๆที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อนเสียด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ตื่นเต้นเสียจนใจสั่นเลยทีเดียว

   

ร่างเปลือยของทั้งคู่แนบชิดติดกัน มนธิราจู่โจมทันทีลากลิ้นเลียไปตามลำตัวของเสี่ยอย่างช่ำชอง ปลายลิ้นดุนดันนมเม็ดเท่าเม็ดข้าวโพดจนทำให้เสี่ยครางรับตอบสนอง มันสยิวซาบซ่านสุดรัญจวนใจ ไม่เพียงเท่านั้นลิ้นบางอันซุกซนยังคงไล้เลียขึ้นไปผ่านลำคอระหงไปประกบที่ปากของอีกฝ่าย ก่อนที่ปลายลิ้นบางจะแทรกสอดเข้าไปในโพรงปาก ปลายลิ้นของทั้งคู่ตวัดกวัดแกว่งกันอย่างดูดดื่ม อย่างมิได้นึกรังเกลียดซึ่งกันและกัน เวลานี้ดูโพรงปากของแต่ละคนช่างแสนหอมหวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า

            ทั้งคู่ต่างแลกลิ้นสัมผัสกับความหอมหวานของโพรงมากอยู่นานพอสมควร ก่อนที่มนธิราจะถอนปลายลิ้นของตัวเองออกก่อนจะไล้เลียไปตามใบหน้าของชายหนุ่ม เพียงชั่วครู่เท่านั้นปลายลิ้นอันช่ำชองก็เลื่อนต่ำลงจนมาถึงบริเวณหน้าท้อง กลิ่นความเป็นชายฟุ้งเข้าเตะจมูกดึงดูดเอาเลือดแห่งตัณหาราคะของเธอให้วิ่งพล่านทั่วร่างกาย ปลายลิ้นไล้เลียบริเวณหน้าทองสัมผัสกับเส้นขนบางๆ

            “ยอดเยี่ยมเลยที่รัก อา..” เสี่ยใหญ่ตอบสนองการสัมผัสของเธออย่างพึงพอใจในผลงาน

            มือเรียวของหญิงสาวตวัดขึ้นสัมผัสกับลำแก่นกายที่ชี้ชันแข็งแกร่ง ความอ่อนนุ่มของเนื้อเนียนถูกเคลือบแฝงไปด้วยความแข็งกร้าว ขนาดท่อนลำแก่นกายมหึมาจนมือข้างเดียวของเธอไม่สามารถครอบครองเอาไว้ได้จำต้องใช้มืออีกข้างยื่นมากอบกำช่วยอีกแรง หญิงสาวเคลื่อนมือขึ้นลงช้าๆ แต่ทว่ากลับเพิ่มความเสียวซาบซ่านให้กับบุรุษที่นอนนิ่งถึงกับเกร็งไปทั้งตัว

            “โอวว…ยอดเยี่ยม” เขาครวญครางด้วยน้ำเสียงกระเส่า

            มนธิราค่อยๆโน้มศีรษะลงหาแก่นกายก่อนที่จะส่งลิ้นบางไปสัมผัสรสชาติของท่อนลำแก่นกายนั้นเบาๆ ความชุ่มฉ่ำของปลายลิ้นที่สัมผัสลงกับจุดที่อ่อนไหวที่สุดในร่างกายของบุรุษเพศทำให้เสี่ยวิชัยถึงกับขากระตุกอย่างทรมาน

            ปลายลิ้นที่ค่อยๆไล้เลียลงไปตามแก่นกายอย่างช้าๆ แปรเปลี่ยนมาเป็นโพรงปากครอบหงำแก่นกายจนมิดลำ วินาทีนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเหมือนมีนางฟ้ามาฉุดเสี่ยวิชัยให้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ เสียงครางกระเส่าที่ดังขึ้นไม่เป็นภาษาผสานกับเสียงลมหายใจหอบถี่ได้อย่างลงตัว ในขณะที่เชิดหน้าขึ้นสูง หลับตาปี๋จมอยู่ในห้วงความสุขที่เกินจะบรรยาย และมันยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อเธอขยับโพรงปากเข้าออกอย่างช้าๆก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นรัวถี่ยิบ

            “อา อา ซี๊ดดด”

            การโดนจู่โจมครั้งนี้มันทำให้เลือดแห่งบุรุษแล่นพล่านจนไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป เสี่ยใหญ่พยุงตัวให้ลุกขึ้นยืน ในขณะที่มนธิรายังคงนั่งปฏิบัติภารกิจพิศวาสกับท่อนแก่นกายอยู่ เขายื่นมือจับศีรษะของเธอให้หยุดนิ่งก่อนที่จะขยับสะโพกเข้าออก แก่นกายขยับไปมาในโพรงปากแคบของเธอ และมันยิ่งเร็วรัวมากขึ้นในขณะที่สะโพกของชายหนุ่มขยับเข้าออกถี่รัว

            การจู่โจมในโพรงปากเป็นไปเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่เสี่ยวิชัยจะประคองร่างบางขึ้นไปนอนราบบนเตียงนอน พร้อมกับโน้มตัวลงซอกไซ้ตามซอกคอระหง แล้วเคลื่อนต่ำลงมายังหน้าอกของเธอ สัมผัสกับสองเต้าขนาดมหึมา เสี่ยวิชัยอดที่จะแปลกใจไม่ได้ของขนาดของสองเต้าที่มันใหญ่โตเกินกว่าที่เขาเห็นเมื่อก่อนหน้านี้ หรือว่าตอนที่เห็นจะถูกเสื้อผ้าปิดบังไว้

            “ซ่อนรูปไม่เบานี่หนู”

            เอ่ยจบก็อ้าปากครอบหงำเต้างามข้างหนึ่ง ก่อนใช้ริมฝีปากเม้มยอดปทุมถัน ในขณะที่มืออีกข้างกอบกำบีบเคล้นสัมผัสกับความนุ่มนิ่มของเต้าอีกข้าง มนธิราส่งเสียงครวญครางถี่รัวรู้สึกถึงความทรมานในความรู้สึกอยากที่จะปลดปล่อยมันเต็มที

            “เสี่ย อา..อย่าทรมาน ซี๊ดด.. หนูแบบนี้สิค๊า”

            ริมฝีปากบางเผยอขึ้นรับกับความสุขอันรัญจวนใจ

            “อืม” เขาครางรับในลำคอในขณะที่ยังคงใช้ริมฝีปากคลึงเคล้นทั้งสองเต้าสลับกันไปมาอย่างเมามันส์ ความนุ่มนิ่มมันทำให้เขาเพิ่มแรงกดดันในการบีบเคล้นให้มากขึ้นไปทุกขณะ

            ปลายลิ้นหนาถอนออกจากเต้างาม ไล้เลียลงต่ำผ่านทรวดทรงอันโค้งเว้า ความหอมของกลิ่นกายโชยเข้าจมูกของเขาอยู่ทุกวินาทีปลุกปั่นแก่นกายให้ผงกชี้ชันแข็งแกร่งจนแทบจะระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในขณะที่หญิงสาวก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างจากกันเลยสักนิด

            ปลายลิ้นที่เลียต่ำลงมาจนถึงกลางลำตัว จุดสำคัญที่บรรดาผู้ชายปรารถนามากที่สุดในตัวของผู้หญิง มือหนาถูกยื่นไปสัมผัสกับเนินเนื้อผ่านไรขนบางๆที่ปกคลุมอยู่ สัมผัสได้ถึงความโหนกนูนของเนินสวาท นิ้วทั้งห้าถูกลูบไล้ไปมา ในขณะที่หญิงสาวเกร็งไปทั้งตัว กัดนิ้วของตัวเองเอาไว้เบาๆ

            แล้วเธอก็เผลอกัดนิ้วตัวเองอย่างแรงจนเสียวแปล๊บเมื่อรู้สึกว่ามีความชุ่มฉ่ำของปลายลิ้นสัมผัสลงที่เนินสวาท ไล้เลียผ่านไรขนบางๆไปรอบๆอย่างมิได้นึกรังเกียจ ชายหนุ่มจับขาทั้งสองของเธอแยกออกจากกันก่อนจะส่งปลายลิ้นดุนดันเข้าไปสัมผัสกับเกสรแรกแย้ม

            “โอวว อา ยอดเยี่ยมค๊าเสี่ย..โอวว”

            เธอส่งเสียงครวญครางฟังไม่ได้สรรพเมื่อปลายลิ้นละเลงรัวไปที่เกสรกุหลาบจุดที่อ่อนไหวที่สุดในร่างกายของสตรี การตอบสนองของหญิงสาวมันยิ่งทำให้ชายหนุ่มกระหยิ่มยิ้มย่องในท่วงท่าและลีลาที่เขาสามารถปรนเปรอความสุขให้กับเธอได้อย่างเต็มที่ ปลายลิ้นหนาจ้วงลึกเข้าไปด้านในเท่าที่จะทำได้นั่นยิ่งปั่นป่วนอารมณ์ของคนถูกกระทำให้ล่องลอยสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่า

            “อา เสี่ย ขะ ขา มน ไม่ไหวแล้ว”

            “เสี่ยก็ไม่ไหวแล้ว เสี่ยขอละนะ”

            เอ่ยจบก็ไม่ได้รีรอยื่นมือจับแก่นกายจ่อไปที่เนินสวาทก่อนจะถูไถไปมาเบาๆอยู่ชั่วครู่ แล้วมือหนาก็จับเรียวขาทั้งสองข้างแยกออกจากกัน พร้อมกับดุนดันท่อนลำเข้าไปอย่างแรงจนมิดลำ เสี่ยใหญ่อดแปลกใจไม่ได้ว่าเหตุไฉนมันถึงได้เข้าออกง่ายดายเช่นนี้ นั่นก็แสดงว่าเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์เหมือนที่คิดเอาไว้น่ะสิ แต่เขาก็คงไม่มัวมานั่งคิดหรอกนะ เพราะเวลานี้อารมณ์ที่คุกรุ่นไปด้วยแรงพิศวาสอยากที่จะปลดปล่อยกามตัณหาออกมาเต็มที

            สะโพกหนาค่อยๆขยับเลื่อนเข้าออกไปมา สัมผัสได้กับการถูกเนื้อในของเธอบีบรัดท่อนลำจนทำให้เขาถึงกับเชิดหน้าเผยอปากรับความสุขอันแสนรัญจวน ไม่ต่างจากเธอที่นอนบิดตัวไปมาแทบจะขาดใจกับทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหวสะโพกไปมาเช่นกัน

            “มันวิเศษมากเลยค๊าเสี่ย ซี๊ดด”

            เสียงเนื้อปะทะเนื้อดังป๊าบๆสลับกับเสียงครวญครางของทั้งคู่ที่มันยิ่งดังขึ้นดังขึ้นไปทุกขณะ ทุกครั้งที่เขาเพิ่มความรัวเร็วของสะโพก ตอนนี้เธอซึ่งเป็นฝ่ายรับนึกสนุกอยากจะเป็นฝ่ายรุกขึ้นมาบ้าง ไม่รอช้าพลิกตัวขึ้นมาก่อนจะผลักร่างเสี่ยจนล่มนอนราบกับพื้น

            “ขอหนูเป็นฝ่ายรุกบ้างนะค่ะ”

            “ชีวิตเสี่ยเป็นของหนูแล้ว” เขาตอบหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นรัว

            เมื่อเสี่ยใหญ่อนุญาตมีมนธิราก็ไม่รอช้า เธอพยุงตัวเองให้ยืนขึ้นก่อนที่จะยื่นขาข้างหนึ่งข้ามร่างของเสี่ยแล้วค่อยๆนั่งลงบริเวณกลางลำตัวของเขา  แล้วเนินสวาทของเธอก็สัมผัสลงกับท่อนลำที่ชี้ชันรออยู่แล้ว เธอค่อยๆย่อตัวนั่งลงช้าๆในขณะที่สิ่งแปลกปลอมค่อยๆคืบคลานเข้าภายใน

            “เริ่มละนะคะ อา”

            มนธิราขยับตัวขึ้นลงช้าๆ ก่อนที่จะขยับเพิ่มความเร็วและความแรงมากขึ้น มากขึ้น แรงขยับของร่างกายทำให้สองเต้าที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารกระเพื่อมไปมา เสียงหายใจอันหอบถี่ของเธอดังขึ้นแข่งกับเสียงครางของชายหนุ่ม เหงื่อเม็ดเป้งเริ่มผุดขึ้นตามใบหน้าของทั้งคู่

“อืมมม…ยอดเลยสุดที่รัก” เสี่ยใหญ่โก่งตัวขึ้นด้วยความเสียวซาบซ่าน “เปลี่ยนท่าบ้างนะ เสี่ยขอเป็นฝ่ายรุกบ้าง”

เสี่ยใหญ่ยิ้มหวานดันร่างบางจนราบไปกับเตียงก่อนจะจับขาเรียวของเธอพาดขึ้นที่บ่าในขณะที่พยายามดุนดันแก่นกายลำมหึมาเข้าไปภายใน ขยับเข้าออกเพียงไม่กี่ครั้ง แก่นความเป็นชายก็หายเข้าไปในซอกหลืบจนมิดลำ

            “โอวว…พร้อมแล้วนะครับ…คนดี”

            มนธิราถึงกับต้องซุกใบหน้างามลงบนหมอนเมื่อเขาขยับสะโพกไปมา ทุกท่วงท่าลีลาของเขาชวนให้เธอรู้สึกสยิวและมีความสุขจนหาคำอธิบายไม่ได้ จากที่เขาขยับสะโพกเบาๆมันก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นถี่ยิบ สองเต้าที่ตั้งชูชันเบ่งบานกระเพื่อมสั่นสะท้านไปตามแรงของชายหนุ่ม

            “อ..า..  ชู่ว..” เสียงครางของทั้งสองดังขึ้นสลับกัน

            ใบหน้าของชายและร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ถึงแม้ว่าเครื่องปรับอากาศจะทำงานอยู่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เสียงลมหายใจหอบถี่ สั่นรัวดังขึ้นสลับกับเสียงครางกระเส่า ในขณะที่สะโพกหนาของชายหนุ่มยังเคลื่อนที่ไปมาถี่ยิบ กล้ามเนื้อในของกลีบกุหลาบบีบรัดท่อนลำของแก่นกายจนแน่นขนัด เพียงไม่กี่นาทีเสี่ยใหญ่ก็เกิดอาการเกร็งไปทั้งตัวเมื่อใกล้เดินทางถึงจุดหมาย มนธิราซึ่งรับรู้ดีว่ามนคืออาการอะไรรีบผลักเข้าออกห่างเพื่อไม่ให้หลั่งในป้องกันการตั้งครรภ์ ก่อนจะยื่นหน้าอ้าปากเข้าไปใกล้แก่นกายพร้อมกับใช้มือจับแก่นกายขยับขึ้นลงอย่างรัวเร็ว เพียงชั่วครู่เท่านั้นสายธารอันขุ่นข้นก็หลั่งไหลออกมาท่ามกลางเสียงร้องครวญครางของชายหนุ่ม

            “โอวว…ซี๊ดดดด” เสี่ยใหญ่กลืนน้ำลายลงคออย่างรวดเร็ว ในขณะที่แหงนหน้าเชิดมองเพดาน แต่หลับตาไว้ปี๋ เผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย หยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างไว้เพียงเท่านั้น เพื่อเปิดทางให้สายธารแห่งตัณหาได้ไหลหลั่งออกมา ไหลรินเต็มโพรงปากของหญิงสาว ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังอ้าปากครอบหงำแก่นกายนั้นอีกครั้ง สัมผัสกับรสชาติของสายธารอันขุ่นข้น

          เมื่อเพลงแห่งตัณหาถูกบรรเลงจนจบลง ทั้งสองร่างก็นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงอย่างหมดแรง เสี่ยใหญ่พยุงตัวลุกขึ้นก่อนจะจูบพรมไปทั่วเนื้อเนียนของเธอ

          “หนูทำให้เสี่ยมีความสุขมาก เสี่ยจะตอบแทนหนูอย่างงามเลยทีเดียว”

          “ขอบคุณค่ะเสี่ย อย่าลืมนะคะละครฟอร์มยักษ์ฉลองสี่สิบปีของช่องมนต้องได้เป็นนางเอก”

          “ไม่มีปัญหา เสี่ยสัญญา”

         

เอิ้นขวัญนอนพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ มีหลายเรื่องอยู่ในหัวให้เธอคิดและตัดสินใจ สุดท้ายเมื่อไม่สามารถเอาชนะความกังวลที่เกิดขึ้นได้ หญิงสาวจึงลุกขึ้นไปเปิดไฟก่อนจะเปิดประตูไปเคาะห้องมารดาเพื่อปรึกษาปัญหาในใจ อุไรเห็นสีหน้าลูกสาวก็พอเดาได้ว่าหล่อนคงมีเรื่องไม่สบายใจอยู่แน่นอน

“นอนไม่หลับเหรอเอิ้น”

“ค่ะแม่ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” หญิงสาวล้มลงนอนหนุนตักมารดา ในขณะที่อุไรลูบศีรษะลูกสาวเบาๆ

“เรื่องแต่งงานหรือเปล่า เอิ้นไม่อยากแต่งงานเหรอลูก”

“ไม่ใช่ว่าเอิ้นไม่อยากแต่งนะคะ เอิ้นขอพูดแบบไม่อายเลยว่าเอิ้นอยากแต่งงานกับคุณกร เขาเป็นดาราที่เอิ้นชอบตั้งแต่แรก ยิ่งได้มาอยู่ใกล้เอิ้นก็ยิ่งรู้สึกดี” เธอก็ไม่รู้ว่าเธอโรคจิตหรือซาดิสหรือเปล่า ก็รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายไม่ชอบแถมยังกลั่นแกล้งเธอสารพัด แต่ทำไมหัวใจยังรู้สึกดีกับเขาลงได้

“แล้วกังวลเรื่องอะไร”

“คุณกรเขาไม่ได้อยากแต่งงานกับเอิ้นนี่คะแม่ ซึ่งเอิ้นก็รู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ที่สำคัญคุณกรเขาเป็นดาราดัง ถ้าคนอื่นรู้ว่าเขามีภรรยาที่หน้าตาอัปลักษณ์แบบเอิ้น เขาก็คงอายคนอื่น เอิ้นว่าเราไปคุยกับคุณย่ารุ้งดีไหมคะแม่ว่าให้ยกเลิกงานแต่งนี้เถอะ เอิ้นสงสารคุณกร”

          “แม่ก็พอดูออกตั้งแต่แรกว่าคุณกรเขาไม่อยากแต่งงาน ซึ่งแม่ก็คุยเรื่องนี้กับคุณนายแล้ว แต่คุณนายก็ยังยืนยันว่าต้องจัดงานแต่งเพื่อรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณย่าของเรา แถมคุณนายยังบอกอีกว่าเอิ้นเป็นคนที่เหมาะสมกับคุณกรมากที่สุด แม่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะก่อนที่คุณย่าเอิ้นจะเสียท่านก็กำชับเรื่องนี้กับแม่เช่นกัน”

“ไม่มีทางอื่นเลยเหรอคะแม่” 

อุไรส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “แม่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง” ไม่ใช่ว่าเธอสงสารแค่ปรัตถกรคนเดียวเท่านั้นที่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก คนที่เธอสงสารไม่แพ้กันก็คือเอิ้นขวัญผู้เป็นลูกสาว แม้พอจะมองออกว่าหล่อนรู้สึกดีหรือบางทีอาจจะรักปรัตถกรไปแล้ว แต่การรักเขาข้างเดียวมันไม่ได้มีความสุขอย่างแท้จริง ยิ่งการแต่งงานที่มีรักเกิดขึ้นเพียงฝ่ายเดียว คนที่รู้สึกก็ย่อมเป็นคนที่ทรมานที่สุด

เอิ้นขวัญอยู่คุยกับแม่จนสบายใจขึ้น เกือบห้าทุ่มจึงกลับห้อง แต่รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาก็เลยเดินลงไปชั้นล่างมุ่งหน้าไปยังห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ไฟที่ห้องครัวยังเปิดอยู่มีใครลงมาดื่มน้ำหรือว่าน้อยลืมปิด หญิงสาวเดินตรงไปชำเลืองเข้าไปก็เห็นปรัตถกรกำลังดื่มน้ำอยู่หน้าตู้เย็น พลันวีรกรรมความตอแหลของเขาเมื่อตอนหัวค่ำก็บังเกิดขึ้นในหัว

 ‘แค้นนี้กี่วันผ่าน จักต้องคืนสนอง’

เอิ้นขวัญยิ้มเจ้าเล่ห์ กวาดสายตาหาอุปกรณ์เพื่อแก้แค้นคืนให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำกับเธอ เห็นผ้าแขวนอยู่ก็รีบเดินไปหยิบขึ้นมาคลุมตัว แล้วเดินไปรอที่ข้างๆประตูห้องครัว รอจนแสงไฟดับลงฟังเสียงเท้าที่กระทบพื้นดังเข้ามาใกล้ ก็ได้เวลาหลอกผี!

“แฮ่!”

“ผลั้ว!”

“โอ๊ย!”  

กำปั้นใหญ่ๆซัดลงที่เบ้าตาข้างหนึ่งเต็มๆหมัด ร่างทั้งร่างของเอิ้นขวัญทรุดฮวบลงไปกองที่พื้นอย่างหมดท่า ฝ่ายคนตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องขึ้นก็รีบเดินไปเปิดสวิซต์ไฟจึงได้เห็นว่าที่เจ้าสาวนอนตาตูบตาบวมกองอยู่ที่พื้น

“เกิดอะไรขึ้นตากร เสียงใครเป็นอะไร” คุณนายรุ้งแก้วรีบลงมาดูเมื่อได้ยินเสียงคนร้องขึ้น ไม่ต่างจากทุกคนในบ้านก็รีบลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น “ว้าย! หนูเอิ้นเป็นอะไรลูก” ผู้สูงวัยรีบปรี่เข้าไปดูว่าที่หลานสะใภ้ที่กองอยู่ที่พื้น เห็นตาข้างซ้ายเขี้ยวคล้ำก็ยิ่งเป็นห่วง “นี่ตากรแกทำอะไรน้อง แกต่อยน้องเหรอ”

ปรัตถกรหน้าซีดตกในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะบอกว่าไม่ได้ต่อยก็ไม่ได้ ในเมื่อเขาก็ต่อยจริงๆแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตามเถอะ

“ครับคุณย่า” คำสารภาพทำเอาทุกคนจับจ้องอย่างตำหนิ แม้แต่บดินทร์ที่ออกตัวว่าอยู่ข้างลูกชายก็ไม่เห็นด้วยที่ทำร้ายผู้หญิง ถึงจะไม่ชอบหน้าแค่ไหนก็ตาม

“แต่ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ ก็..”

“แกไม่ต้องมาแก้ตัวเลยตากร เป็นผู้ชายทำร้ายผู้หญิงแบบนี้ได้ไง ใครสั่งใครสอนแก” คุณนายรุ้งแก้วเดือดดาลโกรธจัดจนหน้าแดงกร่ำ เอิ้นขวัญเห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบเอ่ยแทรกขึ้น

“คุณย่าคะอย่าไปว่าคุณกรเลยค่ะ เรื่องนี้เอิ้นผิดเอง คือเอิ้นแกล้งหลอกผีคุณกร เขาก็เลยตกใจเลยชกหน้าเอิ้น แล้วมันก็มืดมากด้วย คุณกรเขามองไม่เห็น”  

อนิจจาว่าจะเอาคืนเขากลับโดนเขาจัดหนักตีเบ้าตาจนเขียวคล้ำ หมีแพนด้าที่เชียงใหม่คงมีคู่แข่งก็งานนี้ เธอถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ในใจก็คร่ำครวญสงสารตัวเอง

‘เย็นเอ๊ย! ชะตาเอ็งกับข้าก็ไม่ต่างกันนักหรอก เอ็งโดนผัวสั่งเฆี่ยน ส่วนข้าโดนว่าที่ผัวตีเบ้าตา อนาจแท้ชีวิตเราสองคน’

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา