บันทึกป่วน วิญญาณนิสัยแย่

8.0

เขียนโดย Broskev

วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.31 น.

  20 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.55K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บอกรักเพียงแรกเจอ แต่งงานกันเถอะอาฮัว!!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แต่เช้า หลังจากรับประทานอาหารเป็นเพื่อนแม่ใหญ่  และแจ้งความประสงค์จะเรียนวิชา ต่อสู้ ขี่ม้า  ยิงธนูแล้ว

ข้ามุ่งหน้าไปเยี่ยมท่านแม่เป็นรายการต่อไป

ไม่บ่อยนักที่ข้าจะไปเยี่ยมท่านแม่ เทียบกับแม่ใหญ่ยังน้อยกว่ามาก 

ทั้งหลังๆมานี้ที่ข้าต้องศึกษามากขึ้น จึงยิ่งเว้นการเยี่ยมเป็นเวลานานมากขึ้นไปอีก 

ทุกคนเห็นข้ามุ่งมั่นเล่าเรียนเพียงนั้น ก็ไม่ตัดพ้อต่อว่า

เพียงส่งยาบำรุงกำลังที่หน้าตา รสชาติดีพอๆกับน้ำแกงยายเมิ่งมาให้ข้า 

อย่างสม่ำเสมอเท่านั้น

 

ความเป็นมารดานั้น หลายครั้งก็น่าทราบซึ่งใจจริงๆ

กล่าวอย่างจริงใจ ... ขอเพียงน้ำใจประเสริฐกว่า

 

เป็นที่แน่นอนว่าข้านั้นเป็นนายที่จิตใจงดงามราวพระโพธิสัตว์

 บ่าวชาย หญิงรับใช้จึงอ้วนท้วนสมบูรณ์ 

หน้าตาเปล่งปลั่งได้รับประทานยาบำรุงกำลังเสริมสุภาพราคาแพงเป็นนิจ

 

ทุกคนล้วนยินดีปรีดา ปรีดาเป็นอย่างยิ่ง 

ถึงขนาดทุกวันต้องจับฉลากหาเหยื่อ (แก่งแย่ง)เป็นผู้โชคดีกันเลยทีเดียว

 

เรือนตะวันตกมีข้าเป็นนายผู้เดียว บ่าวรับใช้จึงไม่จำเป็นต้องมากมาย

ทั้งข้าไม่ชอบความวุ่นวาย ผู้คนจึงยิ่งน้อยลงไปอีก 

ความเป็นไปได้ในการจับฉลากจึงวนเวียนในหมู่คนไม่มากนัก

 

อย่างวันนี้ผู้โชคดีเป็น อาก่วนจากหน่วยจัดการทั่วไป 

หรือจะเรียกว่าพวกทำความสะอาดเรือนนั่นแหละ 

มันก็เป็นคนหนึ่งที่มีคำต่อท้ายว่า “อีกแล้ว” ท้ายชื่อเหมือนกับข้า 

 

ต่างเพียงข้า “มีการเกิดที่บัดซบอีกแล้ว” ต่อหลัง

มันกลับเป็นคนที่มีดวงจะ

“แข็งแรงอย่างน่าบัดซบอีกแล้ว”  ต่อหลังเท่านั้น

 

ไม่ว่าจะเพราะดวงก็ชั่ง ถูกโกงก็ดี

 เกือบอาทิตย์แล้วที่มัน(เป็นผู้โชคดี)จับฉลาดได้เป็นตัวแทนทานยาบำรุง

ถ้วยยาถูกประคองใส่มือมันที่หน้าเขียวหน้าเหลืองมองชามยา เหงื่อกาฬชุ่มหลัง

กลืนน้ำลายก็หลายอึก เหลือบหาผู้ช่วยชีวิตอย่างสิ้นหวัง

สายตารอบตัวกำลังบอกส่งศพมันด้วยความเบิกบานในคราเคราะห์ผู้อื่น

 

นึกถึงความ “บังเอิญ” ของตัวเอง หมายมาดว่าคราหน้าต้องถึงทีของมัน

ก่อนกระดกชามยานั้นลงไปทั้งน้ำตาอาบแก้ม

แล้ววิ่งหนีกลับห้องตัวเองด้วยความชอกช้ำสุดทน

หน้าตาอัดอั้นตันใจของมันทำเอาข้ารู้สึกปลอดโปล่งไปได้หลายชั่วยามเลยที่เดียว

  ท่านแม่ของข้าเป็นสาวงามอีกนางหนึ่ง แม้ไม่ได้งดงามล่มเมืองผิดจากข้า หากกลับเป็นความสง่างามอ่อนหวาน นางมีเสน่ห์ของหญิงสาวในห้องหอที่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งทะนง นางผู้ไม่สนใจอำนาจ ไม่แย่งชิงความโปรดปราน และไม่ต่อสู่กับใคร

เป็นโชคดีของนางมากที่นางมีข้า ไม่อย่างนั้น นางคงโดนกลั่นแกล้งอย่างสาหัส

การคงอยู่ของข้าทำให้สถานะของนางในบ้านดีมาก. ทั้งยังเป็นน้องสาวของแม่ใหญ่.

นางจึงมีชีวิตที่สงบราบรื่นมาได้จนทุกวันนี้.

ท่านแม่ยิ้มต้อนรับข้าให้เข้ามาในอ้อมกอดอ่อนโยนหอมหวานของนาง

 แม้นางจะคิดถึงข้ามาก นางก็ไม่ได้แสดงมันออกมามากนัก 

เพียงกอดข้าให้แน่นหน่อย เท่านั้น

และข้าเองก็ยังทำหน้านิ่งเรียบ เฉยเมยไม่ยินดียินร้ายของข้าเหมือนเดิมเป็นการตอบแทน

ข้าที่หน้าตาอย่างนี้มิได้กำลังเสแสร้งแกล้งดัดอะไร ไม่ได้เสียสติต้องการแสดงบทบาทพระเอกหนังสือกำลังภายในหน้าหยก

 

จิตใจข้าเซื้องเซื่อยเฉื่อยชา ไม่คิดยินดียินร้าย หรือรู้สึกอะไรกับใครอีก

ทั้งเหนื่อยหน่ายกับการแสแสร้งอันไร้ค่า 

 

ดังนั้น หน้าของข้าจะเรียกว่า

ห่อเหี่ยวยิ่งกว่าสุกรตาย ยังไม่เกินเลย

 

หน้าเสียดาย..ข้าหน้าตางดงามเกินไป 

หน้าสุกรจึงถูกคนมองเป็นความเย็นชาราวผลึกน้ำแข็ง เปล่งประกายเยียบเย็นสะท้านใจ

ไม่ว่าภายใต้เสียงเทียน ประกายแดด ยังประกอบด้วยเสน่ห์ที่รัดรึง 

ราวหมอกยามเช้าที่ราวจับต้องได้แต่ไม่อาจจับต้อง

น่าขัน เหล่าผู้ใช้เป็นแต่ดวงตาในการมอง

   

ท่านแม่เป็นอีกคนที่ทนกับสีหน้าไม่สนโลกของข้าได้  อาจเป็นเพราะนางเป็นแม่ของข้าก็ได้

วันนี้ข้ามองรอบห้องของท่านแม่เป็นพิเศษ

 

ห้องของท่านแม่เรียบง่ายกว่าของแม่ใหญ่มาก 

แต่ก็จัดว่าเป็นห้องที่ดีกว่าห้องของอนุคนอื่นหายขุม.

โทนสีเขียวและน้ำตาลของห้องทำให้คนที่เข้ามารู้สึกผ่อนคลายสบายใจ.

ท่านแม่พึ่งทานอาหารเช้าเสร็จไปไม่นาน ข้ากวาดตามองไปตามจานอาหารทุกจาน

มองพวกมันเพียงครู่และละสายตา มายังชาน้ำดอกไม้ของโปรดของท่านแม่.

 

สำหรับอาหารแล้ว ถ้าไม่เข้าไปดูตอนปรุงล่ะก็ คงไม่ทราบว่ามีอะไรที่ผิดปรกติได้โดยง่าย

 

"ท่านแม่ ให้ข้าลองชิมชาน้ำดอกไม้ของท่านได้หรือไม่"

ท่านยิ่มบางไม่ตอบคำ เทชาหอมกรุ่นใส่ในถ้วยว่างอีกใบยื่นส่งให้ข้าแทน

ไอร้อนลอยอ้อยอิ่ง เป็นควันจางๆที่หอมหวาน ดอกไม้เล็กๆสีสดใส ขับให้ชาถ้วยนี้น่ารัก น่าทาน

ค่อยๆจิบ ค่อยๆละเลียด  รสชาติหวานหอมแปลกติดที่ปลายลิ้น 

ข้ามองท่านแม่ นางยังคงส่งยิ้มบางเบาให้ข้า แต่สายตากลับเลื่อนลอยมองผ่านไปแสนไกล

ข้าไม่เคยสังเกตมันมาก่อน ชั่งเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความในใจอันหนักอึ้ง

ชานี้เป็นท่านแม่นำดอกไม้ ไปตากและปรุงเองกับมือ

เป็นท่านแม่เองที่ตั้งใจสินะ

"ท่านแม่ ชาดอกไม้นี้ดีอยู่ ทั้งหอม และหวานติดลิ้น แต่ลูก ได้ลองศึกษาการทำชาใหม่มา

 ว่ากันว่าทั้งหอมและรสดียิ่ง ทั้งยังบำรุงร่างกายคงความงามแก่ผู้รับประทานเป็นประจำ

 จะลองปรุงมาให้ท่านแม่ชิมดู ขอท่านแม่ติชม ได้ผลดีอย่างไร 

จะเอาไปให้ท่านพ่อชงดื่ม ให้คลายความเครียดจากการตรากตรำทำงาน"

ข้าจิบชาดอกไม้ของท่านแม่อีกคำแล้วคืนถ้วยแก่นาง

"เจ้าช่างกตัญญูจริงๆ ฮัวฮัว ไปศึกษาการปรุงชาจากที่ใดหรือ" 

นางยิ้มรับถ้วยไปเก็บที่ถาด หันมองข้าอย่างสนอกสนใจ

 ท่านแม่ข้าคนนี้เป็นคนที่หลงใหลศาสตร์แห่งชาคนหนึ่ง  

แม้ยังไม่จัดว่าเก่งกาจเป็นเอก แต่ก็สามารถอวดโอ้ได้อยู่

 

"เป็นเอกสารเกี่ยวกับการค้าชา ทำให้ข้าสนใจขึ้นมา 

ไว้ถ้าได้ความสำเร็จใดจะเอามาแสดงความทุเรศให้ ท่านแม่ติ

 อย่างไรท่านแม่มีความสามารถด้านนี้กว่าลูก เพียงหวังท่านแม่ไม่บ้วนทิ้งแต่คำแรก

 ลูกก็ดีใจมากแล้ว  อีกประการ เมื่อเช้า ลูกขอแม่ใหญ่จัดหาอาจารย์สอน

 การต่อสู้ ขี้ม้า ยิงธนู หวังเรียนรู้ให้มีความสามารถเพียงป้องกันตัวเองยามค้าขายได้ 

ขอท่านแม่เห็นชอบ"

 

มองท่านแม่พยักหน้ารับ แล้วลูบผมสีน้ำตาลทองของข้า ที่เหมือนท่านเบาๆ

ท่านไม่เคยขัดใจข้าจริงๆจังๆสักครั้งข้าดีใจที่ได้ผมสีนี้จากท่านแม่ ในบรรดาอนุทั้งหมด 

เส้นผมของท่านแม่ งดงามที่สุด สีน้ำตาลมะฮอกกานี เป็นลอนกำลังพอดี 

รับกับใบหน้าเรียวสมส่วน  นุ่มลื่นมือราวใยไหม

ท่ามกลางแสงอาทิตย์ เส้นผมนั้นขับกับสีผิวของท่านแม่ 

ดึงความสดใสนุ่มนวลของเจ้าตัวจนเปล่งประกายกว่าเดิม

"เจ้าอยากเรียนสิ่งใดก็เรียนเถอะ เพียงแต่อย่าหักโหม 

ทำให้ตัวเองเจ็บตัว มารดามีเพียงเจ้าเท่านั้น ไม่อาจเสียไป "

 

"ถ้าเช่นนั้น ทำไมท่านแม่ไม่มีน้องให้ลูกอีกคนเล่า 

ข้าอยู่คนเดียวที่เรือนตะวันตก เหงานัก"

ท่านแม่หยุดมือที่ลูบผมข้า มองข้านิ่งนาน เห็นท่านไม่อาจตอบได้ ข้าก็ไม่ดึงดัน

ลุกขึ้นทำความเคารพแล้วจากมา

 

การเรียนของข้ายังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ตกบ่ายแม่ใหญ่ก็ให้คนไปตามข้าไปยังห้องโถงรับแขก ที่นั้นมีผู้ใหญ่ที่ข้าไม่เคยพบหน้าอยู่สามคน

 ล้วนเป็นผู้ชายท่าทางนอบน้อมในชุดเรียบร้อย ดูมีฐานะ

ข้างหลังของคนเหล่านั้นมีเด็กชายหน้าตาท่าทางดี คนหนึ่ง อายุคงพอๆกับข้า 

ทุกคนหันมามองข้าที่เข้ามาใหม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ราวคาดหวังอันใด

 

ข้าเดินเลยคนเหล่านั้นไปทำความเคารพแม่ใหญ่ ที่ตำแหน่งประธาน 

"ฮัวเออร์ มาๆ มารดาจะแนะนำให้รู้จัก 

เหล่านี้เป็นลูกพี่ลูกน้องท่านพ่อของเจ้าจากบ้านสายรอง นี่ลุงตง ลุงจาง และอาลั่ว "

 

"คำนับท่านลุงตง ท่านลุงจางและท่านอาลั่ว"

 

ข้าคำนับทุกคนอย่างนอบน้อม สีหน้าเรียบเรื่อย 

ทำเอารอยยิ้มประจบสอพลอของคนเหล่านั้น จางลงไปสามส่วน 

สุดท้ายแม่ใหญ่ก็แนะนำเด็กน้อยนั้นกับข้า

 

"นั่นคือลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่างๆของเจ้า แซ่ จู ชื่อ เจียงเย่  

เป็นลูกของภรรยาหลวงของลูกคนที่แปดที่เกิดจากอนุ ของน้อยชายของบิดาเจ้า ที่บ้านฝ่ายมารดาทำการค้าข้าวสาร เป็นเด็กฉลาดเฉลียว และนิสัยดี ตั้งแต่นี้ต่อไป เด็กคนนี้จะเป็นเพื่อนเรียน เพื่อนเล่นของลูกฮัว  มานี่สิอาจู นี่คือ ฉี ฮัวเหลียน "

  

ข้ามองจูเจียงเย่ผู้นี้ตั้งแต่เท้าจรดศีรษะ แล้วมองตั้งแต่ศีรษะลงไปใหม่ โดยไม่พูดอะไร

 

 

เด็กคนนี้ดูเป็นเด็กซื่อๆคนหนึ่ง หน้าตา ผิวพรรณ ใช้ได้ 

สมเป็นลูกหลานของผู้มั่งมี ปากแดง ฟันขาว ตาดำโตเหลือบเขียว 

ผมดำเป็นเงาถูกรวบไว้อย่างดีที่บนศีรษะ

ท่าทางโตไปจะต้องหล่อเหลาเป็นแน่

ความเรียบร้อยของมันเมื่อเทียบกับข้าแล้ว ข้ากลับดูเป็นเด็กเสเพลไป

 

เนื่องเพราะข้าใส่ชุดโปร่งสบายสำหรับอยู่บ้านในหน้าร้อน คอเสื้อเปิดให้ลมเข้าได้ผมยาวก็รวบไว้หลวมๆที่กลางหลัง ทำให้ปอยผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีไล้เลียออกมาข้างแก้ม  ดูเหมือนคนพึ่งตื่นนอนมากกว่าพึ่งออกจากห้องหนังสือ พบปะอาจารย์ผู้ทรงภูมิ

 

แต่ถึงแม้ข้าจะแต่งกายแย่กว่านี้ก็ไม่มีใครกล้าดุว่าข้าเหล่าอาจารย์ แม้จะไม่พอใจในคราแรก

 แต่เมื่อข้าทำให้พวกเค้าพอใจกับความก้าวหน้าในการเรียนของข้า 

เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้จึงถูกลืมเลือนไป

 

 

เจียนเย่คนนั้นก้าวขึ้นมามองข้าด้วยความสนใจมากกว่าเดิม

 ตากลมโตเหลือบเขียวเป็นประกายสดใส หน้าของมันค่อยๆขึ้นสีเป็นแดงก่ำ 

ดูลุ่มหลง เมามายบอกไม่ถูก สุดท้ายมือเท้ายังจัดวางอย่างเก้งก้าง 

ท่าทางประหม่าอย่างยิ่งหากไม่ทันไร เด็กนั่นก็จู่โจมเข้ามาหาข้าก่อนที่ใครจะทันแปลกใจ 

"อะ อาจูไม่เคยเจอใครที่สวย สวยมาก อย่างอาฉีมาก่อน 

ทะ ถ้าโตขึ้นแล้วเรามาแต่งงานกันเถอะ!!"

พร้อมกับดึงมือทั้งสองของข้าไปกุมกับอก สีหน้าแววตาจริงจังนั้น

 ทำเอาข้าต้องนึกชื่นชมความใสซื่อจนบื้อของมัน

 

เด็กน้อย นกกระจอกตัวเองยังไม่รู้วิธีการใช้งานคิดจะแต่งข้าเข้าบ้านรึ ดวงตาที่กลมโตขึ้นของข้ายังไม่เท่าของพวกผู้ใหญ่และคนรับใช้ในเหตุการณ์ 

ห้องโถงเหมือนกลายเป็นถูกแช่แข็ง

น่าสนุกจริงๆ 

"อาจู เจ้าพูดจริงหรือไม่ ทำไมเจ้าถึงอยากแต่งกับข้าล่ะ" 

เป็นข้าที่ทำลายความเงียบก่อนใคร ไหนๆเด็กคนนี้ก็ต้องการแต่งกับข้า 

งั้นข้าจะเล่นกับเค้าเสียหน่อย

"แน่ใจสิ  แต่เด็กเจ้าก็งดงามปานนี้ โตขึ้นเจ้าต้องมีผู้คนแย่งชิงมากมายอย่างแน่นอน 

หากข้าไม่คิดการณ์ไกลแย่งชิงเจ้ามาก่อน ถึงตอนนั้นเจ้าก็อาจถูกผู้อื่นมาฉกไป "

 

น่าเลื่อมใสๆ นับว่ายังเป็นลูกพ่อค้า วิสัยทัศน์ยาวไกล

อาจูยังจับมือให้เหตุผลกับข้าอย่างจริงจัง 

ตาดวงน้อยเป็นประกายความหวัง หน้าแดงคอแดง

 ข้ารู้สึกได้ถึงอุณหภูมิ ที่สามารถผลิตจากร่างกายเด็กน้อยผู้นี้ได้ยังมีรอยยิ้มอายๆที่เหมือนดอกลิลลี่นั่นอีก เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

 

ข้าถอนมือออกจากการกุมนั้น เชิดหน้า มองตาของอาจูไปด้วย 

"เจ้าตัวเหม็นที่มีเนื้องอกตรงหว่างขา หน้าตาก็แย่ยิ่งอย่างเจ้า

 คิดว่าข้าจะแต่งกับเจ้างั้นหรอ งี่เง่า" 

 

คำตอบเย็นชา และโหดร้ายอย่างที่สุด 

พร้อมกับเช็ดมือกับกระโปรงของสาวใช้คนหนึ่งอย่างโหดร้าย 

สร้างรอยด่างพร้อยในใจแก่เด็กผู้หนึ่งมั่นใจได้เลยว่าชาตินี้ อาจูจะไม่มีทางลืมมันได้อย่างแน่นอน จิตใจที่เปราะบางเอ๋ย เจ้าไม่น่ามาเจอข้าเลยนะ เจียงเย่เย่ คงทำกรรมในชาติก่อนมาไม่น้อยสินะ

"อึก แงงงงง อาฉี ใจร้าย!!!!" เด็กน้อยน่ารักร้องไห้จ้า วิ่งออกไปจากห้องโถงทันที

และก่อนที่ใครจะทันได้เอ่ยอะไร ข้าก็คราวะขอตัวไปศึกษาเล่าเรียนต่อ

 

ก้าวย่างเนิบๆออกไปอย่างสง่าผ่าเผย สบายใจ

ทิ้งให้ผู้คนที่เหลือทำหน้าตกตะลึง บ้างปากอ้า บ้างตาค้าง

 บ้างทำหน้าประหลาดพิกล รู้สึกไม่ถูกต้องกับคำพูดเมื่อครู่อยู่บ้าง 

หากแต่ก็ไม่แน่ใจว่าไม่ถูกต้องที่จุดใด  

วันนี้ถือว่าได้แกล้งคนแล้วรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ

เจ้าอาจจะถามข้านะ ว่าไปเอานิสัยแย่ๆนี้มาจากไหน

ความจริงแล้วมันเป็นวิธีการที่ข้าใช้เวลาหลายชาติคิดค้นมาเลยทีเดียวเชียวหละข้าภูมิใจมากอีกด้วยนะ

 

หลายสิบชาติก่อน ความทรงจำทั้งดี ร้าย นั้นอัดแน่นในหัวจนข้าไม่อาจทนทานรับได้

ข้าเสียสติมากขึ้นทุกที

ความรัก ความฝัน ความหวัง ตัวตนที่ช่วยพยุงให้ข้ามีชีวิตทั้งหมด ทั้งมวลขาดสิ้น

ข้าไม่อยากจำอะไรอีก ไม่อาจยอมเกิด มีชีวิตและตายอีก 

วนเวียนอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ช่วงนั้นข้าเกิดและฆ่าตัวตายทันที ติดต่อ กันหลายชาติภพนอกจากพยายามฆ่าร่างเนื้อของตัวเองแล้ว

ข้ายังพยายามฆ่าจิตวิญญาณของตัวเองด้วย 

ข้าพยายามศึกษาวิธีการต่างๆเพื่อทำทุกวิถีทางให้วิญญาณดับสูญ 

 

ด้วยความบ้าคลั่งเสียสติข้าเกลียดชีวิต เกลียดตัวเอง เกลียดคนทุกคน เกลียดสัตว์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้นสวรรค์และนรก

ข้าอยากทำลายมันให้หมดหลายชาติอีกเหมือนกันที่ข้าเกิดเป็นจอมมาร จอมปีศาจ 

ทั้งประมุขฝ่ายอธรรมที่ต้องการล้างโลกให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป

 หรืออาจบางที ใครก็ตามที่ทำให้ข้าต้องมีชีวิตแบบนี้จะได้สำนึกเสียใจเสียบ้างว่า

ได้สร้างตัวหายนะต่อโลกอะไรขึ้นมา

 

แต่ก็เหมือนใครบางคนได้รอคอย เฝ้ามอง

 ที่จะขัดขวางข้าอยู่ตลอดเวลา จะต้องมีบางสิ่ง 

หรือหลายอย่างทำให้มันล้มเหลวในท้ายที่สุด

 

การเกิดที่ข้าไม่อาจดิ้นรนขัดขืนได้ครั้งนึงกลับทำให้ข้าใจเย็นลงได้บ้างครั้งนั้น ข้าได้รังแกคนผู้นึงระบายอารมณ์เล่น

 เป็นการระบายอารมณ์เบาๆเหมือนแหย่ลูกหมา ลูกแมวเท่านั้นคนผู้นั้นเพียงรู้สึกไม่ยุติธรรมเท่านั้นแต่ใบหน้าของมันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยบางสิ่งในอกออกไปได้บ้างข้าได้ค้นพบมันแล้ว อย่างน้อยเพื่อบรรเทาตุ้มถ่วงที่หนักอึ้งในใจของข้า 

นี่แหละ คือสาเหตุของนิสัยแย่ๆที่ชอบการรังแกผู้คนของข้า

ถ้าวันใดข้าไม่ได้ข่มเหงคนล่ะก็ ข้าจะรู้สึกอึดอัด 

หายใจไม่ออกจนอยากฆ่าตัวตายไปอีกอย่างแน่นอน

 

ที่ห้องหนังสือ อาจารย์สอนกฎหมายกำลังสัปหงกรอข้าความคิดชั่วร้ายลอยเข้ามาในหัว

ข้าค่อยๆเลื่อนจานหมึกไปใต้หน้าที่กำลังต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงนั้น 

รอคอยอย่างใจเย็นให้เคราสีขาวของอาจารย์กลายเป็นสีดำจากหมึกต่อมาก็รออย่างใจเย็นให้ศีรษะหนักๆนั้นไม่อาจทนรับน้ำหนักของตัวเองได้

และจุ่มลงไป ในหมึก

ระหว่างที่รอ ข้าเขียนรายการสิ่งที่อยากทำลงในกระดาษและแบ่งออกเป็นชุดๆ

ในกระดาษ สองแผ่นข้าเขียนรายการสั่งยาแล้วให้คนรับใช้ออกไปซื้อมาให้อย่างละ ห้าเทียบ 

ทั้งยังกำชับไม่ให้ซื้อจากร้านเดียวกันทั้งห้าเทียบ

อีกรายการมอบให้หัวหน้าคนสวนจัดสวนส่วนหลังของตึกตะวันตกเป็นแปลงสมุนไพร 

แปลงผัก และเรือนเพาะชำเห็ดโดยรายการพืชที่ข้าต้องการให้อยู่ในแต่ละแปลง

 ข้าก็ได้เขียนมอบให้เขาไปซื้อหา หรือขุดมาจากไหนก็ได้ 

วันนี้ได้เจอเด็กที่น่ารักคนนั้นทำให้นึกถึงเรื่องความงามขึ้นมา ข้าเดินไปยังหน้ากระจก

มองเงาที่สะท้อนร่างที่งดงามมากร่างหนึ่ง แม้จะยังอ่อนเยาว์เส้นผมยาวสลวยที่ได้จากท่านแม่ ขนตายาวเป็นแพ 

ดวงตากลมโตสีฟ้าน้ำทะเลประกายดาวดูหวานหยดย้อยผิวขาวอมชมพู ปากอิ่มแดงระเรื่อ 

เค้าโครงหน้าได้สัดส่วน 

เมื่อประกอบไปบนหน้าของคนผู้หนึ่งก็ขับเด่นให้ใครก็ตามที่ได้ยลไม่อาจละสายตาได้

จะว่าไปข้าก็สวยมาทีเดียว โตไปต้องเป็นสาวงามล่มเมืองไม่เกินเลยเพียงสีหน้าเฉยเมยของข้าทำให้รู้สึกเยียบเย็นเข้าถึงยากเท่านั้น

นอกนั้นก็มีอีกปัญหาข้าไม่ได้เกิดเป็นผู้หญิง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา