พี่ชาย...ที่รัก

7.0

เขียนโดย วีรนันท์

วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 07.52 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,223 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กันยายน พ.ศ. 2559 08.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) จุดเริ่มต้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ณ. สนามบินสุวรรณภูมิที่คราคร่ำไปด้วยฝูงชนเดินขวักไขว่ไปมาอย่างหนาตา ภีม ได้รับมอบหมายจากคุณหญิงรำไพ ผู้มีศักดิ์เป็น มารดาบุญธรรม ของเขา ให้มารับ รุ้ง รัตติกาล บุตรสาวอันเป็นที่รักยิ่งของเธอ ซึ่งมีกำหนดกลับเมืองไทยวันนี้ หลังจากที่คุณหญิงรำไพได้ส่งเธอไปเรียนต่อในระดับปริญญาด้านการบริหารไกลถึงสหรัฐอเมริกา เป็นเวลานานถึง 4 ปีเต็ม

ชายหนุ่มรู้ดีว่าคุณหญิงรำไพนั้น รักและหวงแหนในตัวบุตรสาวของเธอเป็นอย่างมาก เปรียบดั่งแก้วตาดวงใจเลยก็ว่าได้ ไม่ว่ารัตติกาลต้องการสิ่งใด ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่คุณหญิงจะขัดใจบุตรสาว นอกจากดาวกับเดือนแล้ว รัตติกาลมี ทุกอย่าง ที่เธอต้องการจริงๆ

"พี่ภีม! พี่ภีมคะ!"

ชายหนุ่มร่างสูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงคุ้นหูที่กำลังเรียกชื่อเขาอยู่ ชายหนุ่มเงยหน้าอันหล่อเหลา ที่ไม่ว่าหญิงใดได้เห็นเป็นต้องหลงไหลดั่งต้องมนต์ ดวงตาคมที่ประดับด้วยแพขนตาหนาสวยเกินชาย แต่ทว่านัยตาสีน้ำตาลเข้มนั้นส่องประกายความดุดันและจริงจังอยู่เกือบตลอดเวลา จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหนาได้รูปที่เม้มเข้าหากันอยู่ในเวลานี้เป็นอย่างดี

และก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้เอ่ยคำพูดใดออกมา เขาก็ถูก รัตติกาล โผเข้ากอดอย่างเต็มแรง จนชายหนุ่มที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เซไปตามแรงโถมของหญิงสาวเล็กน้อย

"รุ้งคิดถึงพี่ภีมที่สุดในโลกเลยรู้มั้ยคะ"


หญิงสาวร่างบางที่ตอนนี้โอบลำแขนเรียวงามไปรอบลำคอแกร่งของชายหนุ่ม พร้อมกับแหงนหงายดวงหน้าหวานที่ประกอบไปด้วยดวงตากลมโตที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขนตายาวงอนงาม ซึ่งขณะนี้จ้องมองชายหนุ่มในอ้อมกอดด้วยประกายตาที่สดใสระยิบระยับ จมูกโด่งรั้นช่างเข้ากับริมฝีปากอิ่มได้รูปที่ตอนนี้ถูกฉาบไว้ด้วยลิปสติกเนื้อดีสีแดงสด ตัดกับผิวขาวนวลเนียนของหญิงสาวเหลือเกิน

ชายหนุ่มทอดสายตาจ้องมองหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ และเอ่ยกับหญิงสาวว่า "ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับน้องรุ้ง" พูดจบชายหนุ่มก็ค่อยๆ แกะแขนเรียวงามของ น้องรุ้ง ออกจากลำคอแกร่งอย่างนุ่มนวล พลางบอกกับหญิงสาวว่า "เรารีบกลับบ้านกันเถอะครับ ป่านนี้คุณหญิงคงนั่งรอน้องรุ้งกลับบ้านแล้วล่ะ"

หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจอยู่ในลำคอ พร้อมกับยักไหล่ใส่ชายหนุ่มตรงหน้า "อะไรกันคะพี่ภีม เราไม่ได้เจอกันตั้งเป็นปีๆ พี่ภีมไม่ดีใจที่เจอรุ้งเลยเหรอคะ" พูดจบหญิงสาวก็ทำหน้างอใส่ชายหนุ่มทันที เธอไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมพี่ชายต่างสายเลือด จะต้องทำท่าทางเย็นชากับเธอ ไม่เปลี่ยน เขาไม่เคยเปลี่ยนเลย

หญิงสาวยังจำได้ดีเมื่อครั้งวัยเยาว์ วันแรกที่มารดาพาเด็กผู้ชายคนนึงเข้ามาแนะนำกับเธอ "รุ้งจ๊ะ มารู้จักพี่ภีมเขาสิลูก ต่อไปนี้พี่ภีมเขาจะมาอยู่ด้วยกับเรานะจ๊ะ รุ้งจะได้มีเพื่อนเล่นไง ไม่เหงา" เธอได้แต่สงสัยและมองหน้าเด็กชายในวันนั้น ดวงตาของเขาที่นิ่งและเย็นชา ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ

ชายหนุ่มลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ยังเอาแต่ใจเหมือนเดิม


"ดีใจสิครับน้องรุ้ง แต่คนที่ดีใจยิ่งกว่าเห็นจะเป็นคุณหญิงท่านนะครับ ท่านโทรมาตาม 4 รอบแล้วล่ะครับ ท่านตื่นเต้นมากที่จะได้เจอน้องรุ้งวันนี้" ชายหนุ่มเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาวตรงหน้าไปที่คุณหญิงรำไพ มารดาของเธอ

และก่อนที่หญิงสาวจะได้พูดอะไร ชายหนุ่มก็ดึงรถเข็นที่มีกระเป๋า 3-4 ใบของหญิงสาวไปไว้ในมือ พร้อมเอ่ยว่า "มาเถอะครับ พี่จอดรถไว้ตรงโน้น" พูดจบชายหนุ่มก็เข็นกระเป๋าเดินนำหญิงสาวไปโดยไม่หันมามองว่าหญิงสาวจะเดินตามมาหรือไม่

รัตติกาลได้แต่อ้าปากค้าง จ้องมองแผ่นหลังตั้งตรง ดูสง่างามของชายหนุ่มเพียงครู่ ก็ต้องรีบสาวเท้าก้าวตามหลังชายหนุ่มที่เดินนำห่างไปหลายเมตรด้วยท่าทีที่ขัดใจยิ่งนัก คนบ้า เขาไม่มีหัวใจหรือยังไงกันนะ ถึงได้เย็นชาขนาดนี้ หญิงสาวได้แต่คิด

 

ระหว่างทางจากสนามบินจนถึง คฤหาสน์ ตรีกีรติ รัตติกาลได้แต่หวังว่าเธอจะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับชายหนุ่มที่เธอเรียกเขาว่า พี่ชาย ให้หายคิดถึงลงบ้าง แต่เปล่าเลย ชายหนุ่มใช้เวลาเกือบจะทั้งหมดในรถคุยเรื่องงานที่ชายหนุ่มรับหน้าที่บริหารกิจการโรงแรมห้าดาวของมารดาของเธอที่อายุมากแล้ว งานส่วนใหญ่ชายหนุ่มจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบ อาจจะมีบ้างที่คุณหญิงรำไพต้องทำหน้าที่เซ็นต์เอกสารสำคัญในบางครั้ง

หญิงสาวได้แต่ลอบมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มข้างกายที่เธอรู้ดีว่า เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากเพียงใดเป็นระยะ เหมือนจะคอยโอกาสที่จะได้พูดอะไรกับเขาบ้าง แต่เธอไม่มีโอกาสนั้นเลย

และสุดท้าย ชายหนุ่มก็เลี้ยวรถคันหรูเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเหล็กแข็งแกร่งสีทองที่ประดับด้วยลวดลายสวยงามยิ่งนัก และเพียงชายหนุ่มกดปุ่มที่อยู่ภายในรถ ประตูตรงหน้าก็ค่อยๆ เปิดออกกว้าง เผยให้เห็นอาณาเขตอันกว้างขวางภายใน มีรั้วกำแพงสูงหนาล้อมรอบ ชายหนุ่มเคลื่อนรถเข้าไปตามทางที่ปูด้วยคอนกรีต ไม่ช้าหญิงสาวก็ได้เห็นตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เธอคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า

และเมื่อรถได้เคลื่อนตัวมาถึงบริเวณหน้าคฤหาสน์ รัตติกาลก็ได้เห็นหญิงชายสูงวัยยืนอยู่ด้านหน้า และกำลังมองมาที่รถของเธอด้วยใบหน้าตื่นเต้นดีใจจนเห็นได้ชัด หญิงสาวจำได้ดีว่าคนทั้งคู่นั้นคือ ป้าแจ่ม กับ ลุงชื่น แม่บ้านและคนรถที่ดูแลมารดาของเธอมานานหลายปีดีดักแล้ว จนคนทั้งสองเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเธอก็ว่าได้

ชายหนุ่มจอดรถลงตรงหน้าคฤหาสน์หลังงาม พร้อมทั้งเปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปทางฝั่งผู้โดยสารที่มีสาวน้อยนั่งอยู่ในนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย ชายหนุ่มเปิดประตูแล้วรอให้หญิงสาวก้าวออกมา แต่ทว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะลงจากรถแม้แต่น้อย ชายหนุ่มจึงเอ่ยกับเธอว่า "น้องรุ้งครับ ถึงบ้านแล้วครับ" หญิงสาวตวัดดวงตาคู่สวยไปสบกับสายตาเย็นชาของชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดกับเขาว่า "พี่ภีมช่วยดึงมือรุ้งขึ้นหน่อยสิคะ รู้สึกเพลียจังเลยค่ะ รุ้งไม่มีแรง" พูดจบหล่อนก็ส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมนั้นใส่ตาชายหนุ่มอย่างถือดี

ภูริภัทรรู้สึกอ่อนใจกับท่าทีของหญิงสาวตรงหน้าไม่น้อย แต่จำต้องยื่นมือหนาแข็งแกร่งของตนออกไปให้เธอ

รัตติกาลฉีกยิ้มให้ชายหนุ่ม "ขอบคุณค่ะพี่ภีม"

วินาทีที่เธอวางมือบอบบางน่าถนุถนอมนั้นลงบนมือแข็งแรงของชายหนุ่มพร้อมทั้งออกแรงดึงตัวเองเพื่อก้าวออกมาจากรถ เธอรับรู้ได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือนั้นและมันทำให้เธอรู้สึกวาบหวามในใจแปลกๆ ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งในระยะใกล้ชิดเพียงคืบเมื่อหญิงสาวก้าวออกมายืนเคียงคู่กับชายหนุ่มนอกรถ แล้วเป็นฝ่ายชายหนุ่มเองที่ชิงถอนสายตาไปเสียก่อน "ทำไมนะ ทำไมเราถึงรู้สึกดีแบบนี้ แล้ว เขา ล่ะ รู้สึกยังไงนะ"

หญิงสาวต้องหยุดความคิดนั้นไว้ เมื่อเสียงของป้าแจ่มที่เอ่ยทักทายและกำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้ม

"คุณหนู! คุณหนูของป้า โถ กลับมาสักทีนะคะ รู้มั้ยว่าทุกคนที่บ้านคิดถึงคุณหนูกันมากขนาดไหน" หญิงสาวส่งสายตาไปทาง พี่ชาย ของเธอเล็กน้อย เธออยากจะรู้จังว่า คำว่า ทุกคน ที่ป้าแจ่มพูด จะรวมถึง เขา ด้วยมั้ยนะ

"ก็คุณหนูน่ะ ไปอยู่ที่ต่างประเทศซะตั้งนานหลายปี ป้าดีใจมากเลยค่ะ ที่คุณหนูกลับมาแล้ว" ป้าแจ่มพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมทั้งเข้ามาสวมกอดหญิงสาวเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึง

"เข้าบ้านก่อนเถอะครับคุณหนู คุณหญิงท่านรอคุณหนูอยู่ในห้องรับแขกเป็นนานสองนานแล้วล่ะครับ" ลุงชื่นพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดีใจไม่แพ้ป้าแจ่ม พร้อมส่งยิ้มให้คุณหนูของบ้าน

รัตติกาลยิ้มและเอ่ยกับคนทั้งสองว่า "รุ้งขอบคุณป้าแจ่มกับลุงชื่นมากเลยนะคะ ที่อยู่ดูแลคุณแม่เป็นอย่างดี ถ้ายังงั้นรุ้งเข้าบ้านก่อนละกันนะคะ" พูดจบหญิงสาวก็ปรายสายตาไปทางภูริภัทรเล็กน้อย และเห็นชายหนุ่มกำลังเดินนำเธอเข้าไปยังตัวบ้าน

เมื่อหญิงสาวก้าวเท้าเข้ามายังบริเวณห้องรับแขกอันโอ่โถงที่มีโซฟาตัวสวยตั้งเด่นเป็นสง่า เธอก็เห็นเจ้าของร่างคุ้นตาของหญิงสูงวัยอยู่บนโซฟาตัวนั้น นั่นคือคุณหญิงรำไพ ประมุขของคฤหาสน์แห่งนี้นั่นเอง ทันทีที่คุณหญิงเห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามา เธอก็ถึงกับลุกขึ้นยืนและรีบสาวเท้าก้าวเข้ามาหาหญิงสาวร่างบางอย่างรีบร้อน แล้วหญิงต่างวัยทั้งสองก็สวมกอดกันและกันโดยทันที

"คุณแม่!" " ยัยรุ้ง"

ทั้งสองเสียงเอ่ยขึ้นแทบจะพร้อมกัน

"กลับมาแล้วเหรอลูก รู้มั้ยว่าแม่คิดถึงมาก ได้แต่นั่งนับวันรอว่าเมื่อไหร่ลูกจะกลับมา" คุณหญิงพูดพลางลูบไล้ฝ่ามือไปตามเส้นผมยาวสลวยเงางามของบุตรสาวด้วยความรักและเอ็นดู

"รุ้งก็คิดถึงคุณแม่มากเหมือนกันค่ะ แล้วก็ดีใจที่ได้กลับเมืองไทยมาหาคุณแม่สักที" หญิงสาวพูดพลางฉีกยิ้มพร้อมทั้งจรดจมูกโด่งๆ ของเธอลงบนแก้มของผู้เป็นมารดาเป็นการทักทายให้คลายความคิดถึง

"คุณหญิงครับ เดี๋ยวถ้ายังไง ผมต้องขอตัวกลับไปดูงานที่โรงแรมก่อนนะครับ มีอะไรต้องเข้าไปจัดการให้เรียบร้อยนิดหน่อยน่ะครับ" ชายหนุ่มแจ้งความจำนงค์กับคุณหญิงรำไพ

"อ้าว เหรอลูก" คุณหญิงตอบ "มีอะไรน่าเป็นห่วงมั้ยลูก" หญิงสูงวัยกว่าถามชายหนุ่มด้วยสีหน้าเจือความกังวลเล็กน้อย

"ไม่มีครับ เป็นเรื่องทั่วไปที่ผมต้องดูแลอยู่แล้วน่ะครับ" เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณหญิงจึงคลายหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเมื่อสักครู่ออกได้ พร้อมทั้งส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม

"ถ้างั้นก็ไปเถอะลูก แม่ฝากดูแลด้วยนะ" คุณหญิงรำไพเอ่ยอนุญาต "ครับ คุณหญิง"

คนถูกเรียกว่า คุณหญิง ได้แต่มองตามหลังชายหนุ่มที่มีฐานะเป็น ลูกบุญธรรม ของเธอไปจนลับสายตา พลันให้หวนคิดถึงวันนั้น วันที่เธอเห็นเด็กชายอายุประมาณ 13-14 ปี นั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพที่บรรจุร่างอันไร้วิญญาณของผู้เป็นบิดาและมารดาของเขาเอง คุณกำธรและคุณหญิงภีรดา คนทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทมากของคุณหญิงรำไพ ซึ่งคบหากันมาเนิ่นนาน โดยที่คนทั้งคู่เคยเป็นเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่ธุรกิจกำลังเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในสมัยนั้น แต่น่าเสียดายที่คนทั้งสองต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนต้องเสียชีวิตอย่างกระทันหัน ทิ้งให้ ภีม ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า

"แล้วยังงี้ใครจะเป็นคนดูแลเจ้าภีมมันต่อไปล่ะเนี่ย" เสียงของหญิงสูงวัยนางหนึ่ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของเด็กชายภีมดังเข้ามาในโสตประสาทของคุณหญิงรำไพ ซึ่งกำลังนั่งฟังพระสวดศพอยู่ในขณะนั้น

"หวังว่าคงจะไม่ใช่ฉันนะ เพราะลำพังตัวฉันเองก็มีภาระมากมายอยู่แล้ว" เจ้าของเสียงเดิมยังคงพูดต่อไป "ก็ไม่รู้สิ ก็รู้กันอยู่นะว่าพวกเราก็มีภาระต้องรับผิดชอบกันเยอะอยู่แล้ว" หญิงวัยไล่เลี่ยกันอีกนางหนึ่งตอบกลับมา คุณหญิงรำไพไม่แน่ใจว่าหญิงผู้นี้เป็นใคร แต่คิดว่าน่าจะเป็นญาติๆ ของเด็กชายภีมนั่นแหละ เมื่อคุณหญิงได้ฟังก็รู้สึกเวทนาเด็กชายภีมผู้เป็นลูกชายของเพื่อนรักของเธอเป็นอย่างมาก เมื่องานศพเสร็จสิ้นลงแล้ว คุณหญิงเธอเลยรวบรวมความกล้า พูดขอเด็กชายภีมจากผู้เป็นป้า เธอขออาสาส่งเสียเลี้ยงดูเด็กชายกำพร้าคนนี้เอง ส่วนผู้เป็นป้า เมื่อได้ยินเจตนาของคุณหญิง ก็แสดงท่าทีดีใจและโล่งอกในคราวเดียวกัน นางจึงตกลงยกเด็กชายภีมให้อยู่ในความดูแลของคุณหญิงรำไพอย่างง่ายดาย

คุณหญิงรำไพรับตัวเด็กชายภีมเข้ามาดูแลในฐานะลูกบุญธรรมของเธอ ตั้งแต่วันแรกที่ภีมเข้ามาอยู่ในบ้านจวบจนถึงกระทั่งปัจจุบัน จากเด็กชายตัวเล็กๆ วันนั้น กลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาในวันนี้ ทุกครั้งที่คุณหญิงสนทนากับภีม เธอจะแทนตัวเองว่า แม่ ทุกครั้ง แต่ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่บุตรบุญธรรมของเธอจะเรียกเธอว่า แม่ ภีมจะเรียกเธอว่า คุณหญิง ทุกครั้ง เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ ไม่เคยได้ถามชายหนุ่มแต่อย่างใด ด้วยเกรงว่าจะทำให้ชายหนุ่มนั้นเกิดความอึดอัดใจ

"คุณแม่คะ" เสียงเรียกของบุตรสาวทำให้คุณหญิงหลุดจากภวังค์ความหลัง แล้วหันมามองดวงหน้างามของรัตติกาล พร้อมกับถามว่า "ว่าไงจ๊ะลูก เหนื่อยมั้ย แม่ว่าลูกขึ้นไปพักผ่อนก่อนดีกว่ามั้ยจ๊ะ เดินทางมาตั้งไกล ไหนจะต้องปรับตัวเรื่องเวลาอีก" คุณหญิงพูดพลางกวักมือเรียกป้าแจ่มให้เข้ามาดูแลบุตรสาว

"แจ่มจ๊ะ เดี๋ยวช่วยขึ้นไปจัดการห้องนอนให้ยัยรุ้งทีนะ" คุณหญิงหันไปพูดกับแม่บ้านคนสนิทแล้วจึงหันมาทางรัตติกาล "ไปสิลูก พักผ่อนสักหน่อย แล้วเดี๋ยวช่วงเย็นเราค่อยมาทานข้าวด้วยกัน" "ค่ะแม่" หญิงสาวรับคำแล้วจึงเดินตามหลังป้าแจ่มขึ้นไปยังห้องนอนของเธอทางด้านบน ระหว่างทาง เธอกำลังจะเดินผ่านห้องๆ นึง ที่เธอจำได้ดีว่ามันคือห้องนอนของภูริภัทร พี่ชายต่างสายเลือดของเธอนั่นเอง

"ป้าแจ่มคะ พี่ภีมยังอยู่ที่ห้องนี้เหมือนเดิมใช่มั้ยคะ" หญิงสูงวัยหยุดฝีเท้าลงแล้วหันมาทางหญิงสาว พร้อมตอบเธอว่า "อ๋อ คุณภีมเธอย้ายลงไปอยู่ที่เรือนหลังเล็กด้านล่างแล้วล่ะค่ะคุณหนู"

คิ้วของรัตติกาลขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อได้ยินคำตอบจากป้าแจ่ม "ย้ายไปเรือนหลังเล็ก? ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?" หญิงสาวถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เจือความสงสัยเอาไว้อย่างชัดเจน "เอ... น่าจะประมาณอาทิตย์กว่าๆ แล้วล่ะค่ะ"

อาทิตย์กว่าๆ ยังงั้นเหรอ? นี่เขาจงใจย้ายก่อนที่เราจะกลับมาไม่นานเองนี่นา


เรือนหลังเล็กที่ว่า คือบ้านอีกหลังหนึ่งที่แยกตัวออกไป โดยที่ทางเข้าเรือนเล็กนั้นจะไม่ผ่านตัวคฤหาสน์หลังนี้เลย จะให้เธอคิดอย่างไรได้ นอกเสียจากว่าชายหนุ่มกำลัง หลบ อะไรบางอย่างอยู่

หญิงสาวคิดพลางหรี่ดวงตาคู่สวยลงเล็กน้อย แล้วเราจะได้เห็นกันค่ะ ว่าพี่ภีมจะหนีรุ้งได้จริงๆ หรือเปล่า

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา