นักรบจันทรา

7.0

เขียนโดย Sagestone

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  24.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2

                มันจะใหญ่ไปถึงไหนกันนะ

 

                ผู้กล้าแสงตะวัน ไบรอัน แบล็คสโตนกำลังยืนอยู่หน้ามหาปราสาท โครงร่างหอคอยนับร้อยสูงตระหง่านค้ำหัวเหมือนภูเขาขนาดใหญ่ สุดสายตาทั้งซ้ายและขวาคือปีกสองข้างที่ยาวไกลเป็นร้อยหลาสร้างด้วยหินสีเทาหม่นยิ่งใหญ่ราวกับไม่ใช่ผลงานของมนุษย์ ลวดลายต่างๆตามกำแพงเกิดมาจากความคิดของฝ่ายพระราชวัง คนไร้บ้านและตกงานนับพันล้วนถูกจ้างมาเพื่อเป็นลูกมือสร้างลวดลายประดับผนังส่วนต่างๆ บางคนทำจนกลายเป็นช่างไปเลยก็มี

 

                หลังจากปล่อยองครักษ์ที่เพิ่งจ้างมาไปเที่ยวในเขตนครหลวงเขาก็ใช้มนตร์เคลื่อนย้ายมาที่หน้ามหาปราสาททันที เหตุเพราะที่นี่ปลอดภัยพอจึงไม่ต้องการการคุ้มกัน และเพราะเป็นสถานที่เฉพาะจึงเป็นมารยาทที่จะไม่เคลื่อนย้ายเข้าออกเองโดยพลการ

 

                หวังว่ายายนั่นคงไม่รู้ว่าเขามานะ

 

                ผู้กล้าแสงตะวันสั่นกระดิ่งข้างทางเข้าซึ่งเป็นกรอบเหล็กดำใหญ่ ข้างๆมีโรงไม้ขนาดปานกลางมีรถลากเปล่าๆจอดเรียงกันเป็นระเบียบ ไม่ทันหายเหนื่อยก็มีเด็กรับใช้วิ่งออกมาจากด้านในประตู เสื้อกำมะหยี่หนาสีเขียวขลิบขอบฟ้าเลอะไข่กับกาแฟ บางทีคงกำลังทานอาหารอยู่

 

                “จะไปทำธุระที่จุดใดหรือขอรับ” เด็กรับใช้จัดเสื้อให้เข้าที่แล้วโบกมือ ลมหนาวเย็นเยือกพักกระหน่ำอยู่จุดหนึ่งแล้วหายไป ปรากฏร่างมังกรเขียวขึ้นมาผ่านการเรียกทางแหวนบนนิ้ว

 

                “เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ ข้าทำเรื่องเรียบร้อยแล้วตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ที่ท้องพระโรง แล้วก็รู้ด้วยว่ามีเวทมนตร์ตรวจสอบการจำแลงร่างหรือมายา ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายหรอก”

 

                รถลากเทียมมังกรวิ่งไปบนแผ่นพื้นหินสีเทาหม่นด้วยความเร็วสูง ผู้กล้าแสงตะวันแทบกระเด็นตกรถลากทุกครั้งที่ไปสะดุดกับแผ่นที่ยืดออกมาหรือเศษหิน เนื่องจากมหาปราสาทใหญ่จนแทบบรรจุปราสาทธรรมดาสิบหลังเอาไว้ได้ ทางมหาปราสาทจึงจัดจ้างพนักงานที่มีมังกรประจำตัวมาเพื่อรับส่งผู้คนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งและสร้างทางลาดระดับขึ้นชั้นบนให้มังกรโดยเฉพาะ ผู้คนในนครหลวงที่มีความเชื่อมโยงกับสายเลือดเก่าแก่จะสามารถขอมังกรประจำตัวและเรียกผ่านแหวนได้ จึงมีคนพร้อมทำงานนี้มากมาย

 

                ไม่ทันให้ซึมซาบความหนาวเย็นจากอากาศโดยรอบ รถลากก็มาจอดหน้าประตูห้องท้องพระโรง ประตูไม้บานคู่ใหญ่เหมือนกำแพงสูงตระหง่าน แก้วหลากสีถูกฝังบนบานประตูอย่างวิจิตรบรรจง บานหนึ่งเป็นรูปบุรุษกับวิหคอีกบานเป็นรูปสตรีกับมังกร ประตูห้องท้องพระโรงของเพียรซ์ก็เป็นแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะทำลายอย่างไรมันก็กลับคืนสภาพเดิมได้เสมอ อาจมีเพียงนางผู้หยั่งรู้ที่สืบสายเลือดตรงมาจากบรรพกาลเท่านั้นที่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร

 

                หลังจากผ่านการตรวจสอบทางเวทมนตร์ประตูก็อ้าออกให้เห็นภายในที่กำลังว่าความเมืองอยู่ ผู้กล้าแสงตะวันก้าวเข้าไปในห้องพร้อมรายงานความคืบหน้า...

 

 

                ทางด้านดาริอุสก็กำลังเริงร่าด้วยเงินที่ผู้กล้าแสงตะวันให้ยืมมา นครหลวงของซีเนียยิ่งใหญ่เสียจริงไม่ว่ามองทางไหนก็ตื่นตาไปหมด เขาไปดูตามในหนังสือแนะนำในรัศมีที่จะไปได้ มีทั้งโรงละครใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่านักแสดงที่มีชื่อเสียงทุกคนเคยมาทำการแสดง หอนาฬิกาเวทมนตร์ขนาดใหญ่ฝังอัญมณีเอาไว้ เมื่อเวลาเปลี่ยนอัญมณีภายในก็เปลี่ยนสีตามแทนที่จะเป็นกระจกแก้วตามปกติ โบสถ์แก้วที่ถูกสร้างด้วยคริสตัลใสแวววาวทั้งหลัง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของคนดูแลและแสงสว่างในฤดูร้อน ผนังทั้งสี่จึงถูกบุด้วยไม้เป็นช่วงๆไม่ให้แสงส่องผ่านได้ถนัดนัก

 

                นอกจากนี้เขายังไปดูหนึ่งในรูปปั้นสัตว์ในตำนานสิบสองตัวที่เรียงรายตามจุดต่างๆในนครหลวง ตัวนี้เป็นกวางทำท่าประหลาดที่ในความจริงไม่สามารถทำได้ ความจริงเป้าหมายหลักที่เขาอยากเห็นนั้นอยู่ไกลออกไปสุดสายตา เป็นเงาลางๆทะมึนดุจยักษ์โบราณ นั่นคือสถานที่ที่ผู้กล้านายจ้างของเขาปลีกตัวไปเสียแต่แรก มหาปราสาทของซีเนีย

 

                ไม่นานเขาก็หารถม้าขนส่งในตัวเมืองพบ รอบล่าสุดเพิ่งออกไปไม่ถึงนาทีเขาจึงเตร่รออยู่ในบริเวณที่รอรถม้า ด้วยความเบื่อจึงหันไปอ่านกระดานประกาศขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแผ่นกระดาษติดกาวไว้เป็นแถบ บางแผ่นเป็นประกาศรับสมัครคนงาน บางแผ่นประกาศตามจับคนร้าย บางแผ่นถูกใครบางคนฉีกไปจนเหลือเพียงครึ่งเดียว แผ่นที่ดึงความสนใจของเขานั้นใหม่เอี่ยมเขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่สีดำสนิทดูหรูหราแทบพุ่งออกมาจากกระดาน

 

                “ตามหาเจ้าชายมาเวอร์ริค มาเฮราสงั้นหรือ รางวัลตั้งพันเหรียญทองแน่ะ”

 

                ตามใบประกาศ ทางจักรวรรดิทั้งสองกำลังตามหาเจ้าชายที่สาบสูญอย่างเอาเป็นเอาตาย ชื่อของผู้สูญหายคือมาเวอร์ริคเป็นลูกชายของท่านหญิงคาริสซาแห่งเพียรซ์ อายุประมาณยี่สิบปี ผมสีเหลืองทองดวงตาสีน้ำผึ้ง เขาไม่เคยเห็นคนที่มีดวงตาสีน้ำผึ้งมาก่อนจึงไม่มีความเห็นเรื่องนี้ เป็นเจ้าชายคงหน้าตาดีและมองคนอื่นด้วยสายตาเหยียดหยาม อย่างน้อยคงก็มีเงินให้เที่ยวล่ะนะ

 

                “จะไปไหมนั่น” คนขับรถม้าขนส่งร้องเรียกเมื่อจอดส่งคนลง ดาริอุสละสายตาจากประกาศแล้วกระโดดขึ้นรถม้าทันที...

 

 

                “คำสั่งใหม่คือตามหาเจ้าชายมาเวอร์ริค จะใช้เวลานานแค่ไหนกันนะ”

 

                ผู้กล้าแสงตะวันรำพึงกับตัวเอง เผลอสบถเล็กน้อยเมื่อรถเทียมมังกรสะดุดหรือหักเลี้ยวจนล้อลอยเหนือพื้น หากเขาได้รับอนุญาตให้ใช้มนตร์เคลื่อนย้ายได้คงสะดวกกว่านี้ไม่น้อย แล้วรถลากก็วิ่งผ่านหญิงคนหนึ่งที่เดินอยู่ริมระเบียง เขาจำผมดำหางม้าของนางได้ตอนวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง

 

                ในไม่ช้าก็จะถึงเวลาปวดหัวของเขาแล้ว ไบรอันเร่งเจ้าของมังกรให้เพิ่มความเร็วขึ้นอีก หากเขาไปถึงทางออกก่อนก็จะหนีพ้น

 

                เจ้ามังกรลากรถไม่ทันทำตามคำสั่งนางก็ตามทัน มังกรเขียวสามเขาอีกตัวพุ่งแซงด้วยความเร็วสูงพร้อมหญิงสาวบนหลัง เมื่อสบจังหวะนางก็กระโจนมาหาเขาอย่างอาจหาญเยี่ยงชายชาตรี ผู้กล้าแสงตะวันไม่แปลกใจที่นางกล้ากระโจนจากหลังมังกรด้วยความเร็วขนาดนี้     

 

                “ไม่ต้องเร่งแล้ว ขอบคุณมาก” ไบรอันอดเก็บความรู้สึกประชดไว้ไม่ได้ เขาทำเป็นไม่เห็นหญิงสาวดวงตาสีอำพันที่นั่งอยู่ด้านข้าง มังกรสามเขากลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งกลับสู่แหวนของนาง

 

                “จะไม่ทักกันบ้างหรือ ไม่ได้เจอกันเกือบปีกระมัง” เสียงสูงต่ำเป็นทำนองตามภาษาพูดของคนแถบตะวันออกแทรกขึ้น

 

                “หากเจ้าไม่ชอบจับข้าไปทำอะไรแผลงๆก็อยากทักอยู่หรอก” ผู้กล้าแสงตะวันกลอกตามองผลึกแสงบนเพดานที่รวบรวมพลังงานแสงอาทิตย์มาเพื่อขยายให้ความสว่างตลอดเวลา พยายามไม่สนใจคนข้างๆ

 

                “อะไรกัน ยังโกรธอยู่อีกหรือ” หญิงสาวร้องเสียงสูงจนเกินพอดี “ข้าเห็นท่านผิวซีดเหมือนซากศพจึงอยากให้ออกไปรับแดดบ้างเท่านั้น”

 

                ด้วยการจับผูกกับหลังมังกรแล้วพาบินผาดโผนสิบห้าตลบนี่นะ

 

                “เจ้าจะทำตัวเป็นเด็กมากเกินไปแล้วนะไซเรน่า เมื่อไรจะโตเสียที”

 

                “จริงสิ ข้าได้ยินข่าวว่าท่านได้รับเลือกเป็นผู้กล้านี่นา ท่านเป็นผู้วิเศษ นักวิจัย ตอนนี้เป็นผู้กล้า แล้วในอนาคตจะเป็นอะไรล่ะ ราชบุตรเขยดีไหม”

 

                “ข้าก็อยากคุยกับเจ้าหรอกนะไซเรน่า ตอนนี้ข้ายุ่งหัวปั่นเลยไม่มีเวลามานั่งคุยด้วย”

 

                “รังเกียจข้าหรือ ใช่สิ! ข้าเป็นแค่เศษเดนของราชวงศ์นี่นา หากแม่ข้าไม่ได้ใช้ชื่อสกุลว่าฟราโกส์ คงถูกเนรเทศไปแล้ว”

 

                “เจ้าก็คิดมากเกินไป แม้จารีตของจักรวรรดิทั้งสองจะกล่าวเอาไว้ ว่าเจ้าชายและเจ้าหญิงในเมืองหลวงของจักรวรรดิจะต้องอภิเษกกับเจ้าชายหรือเจ้าหญิงที่มีฐานะเท่าเทียมหรือสูงกว่าเท่านั้น แต่ก็มีกรณีที่ผ่อนปรนเช่นกัน เจ้าเป็นกรณีผ่อนปรนนี่ละ”

 

                “แล้วทำไมไม่ให้ข้าควบคุมกองทัพของเขตนี้ล่ะ ให้ใครไม่รู้มาคุมจะดีหรือ”

 

                “ข้ามีวิธีเลือกของข้าน่า...ถึงทางออกแล้ว”

 

                ในที่สุดรถลากก็แล่นผ่านประตูออกไปยังลานกว้างด้านหน้า ไบรอันมอบสินน้ำใจให้พนักงานขนส่งเล็กน้อยแล้วหันไปลาเพื่อนหญิง ตอนนี้นางเดินเข้ามาเกาะแขนบอกว่าอยากคุยต่ออีกหน่อย พอดีกับมีกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมหาปราสาท ดาริอุสเพื่อนร่วมทางของเขาก็อยู่ในกลุ่มด้วย

 

                “ดาริอุส นี่ไซเรน่าสหายข้า นางเป็นรองแม่ทัพมังกรของซีเนีย” ผู้กล้าแสงตะวันร้องเรียกแล้วแนะนำให้รู้จักกันเอาไว้ “ไซเรน่า นี่ดาริอุสเป็นองครักษ์ของข้า ในนี้ปลอดภัยพอข้าจึงอนุญาตให้เขาเดินเที่ยวได้น่ะ”

 

                “โหย อย่างท่านต้องมีองครักษ์ด้วยหรือ สามทหารเสืออย่างเราไม่ต้องมีองครักษ์หรอก”

 

                “เจ้าต้องการอะไรไซเรน่า”

 

                “จูบข้าสิ”

 

                “ถามจริงๆ ประเดี๋ยวข้าต้องไปตรวจสอบกองทัพของทั้งสองจักรวรรดิอีก ไม่มีเวลาเล่นกับเจ้าหรอก” ไบรอันโบกมือให้ดาริอุสไปเที่ยวต่อได้ตามสบาย “ไปพบข้าที่โรงพักนอนก่อนตะวันตกดินนะดาริอุส เราจะคุยเรื่องแผนการเดินทางแล้วไปต่อพรุ่งนี้”

 

                “ท่านจะไปไหนต่อหรือ”

 

                “อันเธีย ข้านัดกับสายสืบเอาไว้ที่นั่น” ด้วยแววตาใสแจ๋วของหญิงสาวทำให้ผู้กล้าแสงตะวันใจอ่อน เขามักยอมอ่อนข้อให้นางเสมอ “พอใจแล้วก็ปล่อยเสียที ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องมีงานค้างอยู่ อย่ามองแบบนั้น ข้าไม่พาเจ้าไปด้วยเด็ดขาด”

 

                “ก็ได้”

 

                คราวนี้ดูหญิงสาวจะเชื่อฟังง่ายไปนิด ผู้กล้าแสงตะวันมองนางด้วยความระแวงอีกครั้ง ก่อนก้าวไปข้างหน้าแล้วใช้มนตร์เคลื่อนย้ายกลับไปโรงแรม...

 

 

                วันรุ่งขึ้นดาริอุสก็ทำตามแผนที่วางไว้ เมื่อวานมัวห่วงเที่ยวจนไม่ได้เอาของออกจากกระเป๋าย่ามส่งผลให้เตรียมตัวเดินทางได้เร็วกว่าที่คิดไว้ ตามหมายกำหนดการของผู้กล้าแสงตะวัน ตอนเที่ยงพวกเขาจะเดินทางไปที่เมืองอื่นเพื่อตามหาเจ้าชายมาเวอร์ริค เพราะเวลาของที่นี่กับเมืองดังกล่าวห่างกันถึงหกชั่วโมง เมื่อใช้มนตร์เคลื่อนย้ายย่อมไปถึงที่หมายทันเวลาอาหารพอดี

 

                ช่วงเช้าจึงไม่มีอะไรสลักสำคัญนัก นอกเสียจากผู้กล้าแสงตะวันแนะนำร้านอาหารที่อร่อยมากๆให้ลองไปทานดู

 

                จะว่าไป เขาก็ยังไม่ได้กินหญ้าครีบปลานึ่งแบบต่างๆกับแผ่นแป้งผสมดอกไม้ปิ้ง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่เลย ดาริอุสจึงขอตัวไปใช้เงินที่เหลือเติมกระเพาะตัวเองให้เต็มก่อนถึงเที่ยงวัน

 

                “ขอหญ้าครีบปลานึ่งเครื่องเทศกับแผ่นแป้งปิ้งผสมดอกหญ้า” ดาริอุสกวาดสายตาผ่านรายการอาหารบนแผ่นกระดาษ ระหว่างที่ตัดสินใจเลือกเครื่องดื่มก็มีหญิงผมดำคนหนึ่งเดินมานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

 

                “อย่างที่สองข้าว่าระบุไปเลยดีกว่า อย่างเจ้าน่าจะชอบดอกไลแลคนะ...ขอแผ่นแป้งผสมดอกไลแลคปิ้งสองที่ แล้วก็ชาผลไม้หนึ่งเหยือก”

 

                ดาริอุสมองหญิงที่มานั่งโต๊ะเดียวกันทั้งที่ตัวอื่นว่าง ดูจากอายุแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เสื้อผ้าสีดำสนิทรัดกุมมีตราปักสีน้ำเงินเข้มที่หน้าอกดูคล้ายเครื่องแบบของทหารในซีเนีย ใบหน้าตกกระกับผมหางม้าสีดำคุ้นตาอย่างประหลาด เขาต้องเคยเห็นนางที่ไหนมาก่อนแน่ๆ

 

                หญิงสาวกล่าวทักทายด้วยเสียงสูงๆต่ำๆเป็นจังหวะแปลกๆ นั่นเป็นเอกลักษณ์ของคนทางตะวันออกภายใต้การปกครองของซีเนีย ตอนนี้เขาอยู่ที่เมืองหลวงของซีเนีย หากได้ยินสำเนียงแบบนี้ก็ไม่น่าแปลก ราวกับชื่อของหญิงสาวชะงักค้างในลำคอทั้งที่เขาจำหน้าคนค่อนข้างแม่น

 

                “จำข้าไม่ได้หรือ หน้ามหาปราสาท แล้วก็ผู้กล้าแสงตะวัน”

 

                “ไซเรน่า ฟราโกส์ ข้านึกชื่อท่านออกแล้ว” ดาริอุสร้องอย่างยินดี เมื่อวานเขาอยากคุยด้วยทว่าต้องเดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวจึงไม่ได้คุยกันเลย “เป็นธรรมเนียมของซีเนียหรือ พอเดินไปเจอคนรู้จักกำลังทานอาหารอยู่ก็มานั่งทานด้วย ข้าเคยไปเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้มา ที่นั่นเขาถือว่าจะโชคดีหากได้ทานอาหารกับมิตรที่เพิ่งพบหน้าเป็นครั้งแรก”

 

                “ขอเรียกว่าดาริอุสนะ ข้าเป็นเพื่อนของหมอนั่น ไบรอัน แบล็คสโตน หรือจะเรียกว่าผู้กล้าแสงตะวันก็ได้”

 

                “ท่านคือรองผู้บัญชาการทัพมังกรจริงหรือ ข้าไม่เคยพบคนที่มียศสูงขนาดนี้มาก่อน นอกเสียจากเคยเป็นนักเรียนของพ่อข้า คงต้องทำงานหนักน่าดูกว่าจะได้ตำแหน่งนี้”

 

                “ไม่หนักหรอก เพราะพ่อข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับองค์จักรพรรดิจึงเหมือนมีเส้นสายคอยช่วย แต่หากข้าไม่มีฝีมือจริงๆคงโดนลดขั้นไปแล้ว เจ้าเชื่อไหมว่าการคัดเลือกเขาดูประสิทธิภาพของมังกรประจำตัวด้วย เขาเชื่อกันว่าลักษณะของนายจะส่งผลออกมาทางมังกรประจำตัวที่เรียกมาผ่านแหวน สังเกตจากตอนเรียกออกมาก็ได้ ระดับต่ำจะมีเพียงลมหนาว หากเป็นระดับสูงจะออกมาเป็นก้อนน้ำแข็งเลยละ เดี๋ยวข้าทำให้ดูไหม”

 

                ดาริอุสพยักหน้าอย่างยินดี การได้เห็นอะไรแปลกๆตามที่ต่างๆเป็นความต้องการส่วนหนึ่งของเขาเช่นกัน

 

                “จงออกมา ซีรีน” หญิงสาวชูมือข้างที่สวมแหวนขึ้น

 

                ลมหนาวเย็นเยือกพัดกรูขึ้นอย่างกะทันหัน จุดที่ความเย็นมารวมกันเกิดเป็นผลึกน้ำแข็งขึ้น มันขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แล้วแตกออกเผยให้เห็นมังกรเกล็ดเขียวเหลือบฟ้าเหมือนท้องน้ำที่เงียบสงบ เขาทั้งสามมีขนาดพอเหมาะสำหรับการแทงคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ดวงตาสีเหลืองน่ากลัวกว่าความเป็นจริง

 

                เมื่อหญิงสาวส่งเสียงเรียก เจ้ามังกรก็กระดิกหางรี่เข้าไปอ้อนเหมือนสุนัขที่ตัวโตผิดธรรมชาติ ดาริอุสเคยได้ยินว่ามังกรที่เรียกออกมาผ่านแหวนจะเชื่อฟังกว่ามังกรเลี้ยง หากเขาคิดไม่ถึงว่าจะเชื่องเหมือนลูกหมาแบบนี้

 

                “ทุกตัวเป็นแบบนั้นหรือ”

 

                “ไม่หรอก เป็นนิสัยเฉพาะตัวน่ะ มาแล้วแน่ะ ร้านนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและความอร่อยเลยนะ”

 

                ไม่ทันพูดจบบริกรชายก็ยกถาดแผ่นแป้งกับจานอาหารมาให้ กลิ่นหอมหวานของเครื่องเทศกับความหอมอ่อนๆของดอกไม้เรียกน้ำย่อยให้ทำงาน แม้หน้าตาจะต่างกับในหนังสือแนะนำทว่าก็ไม่เลวเสียทีเดียว หญ้าครีบปลาเขียวใสอวบอ้วนกลางน้ำปรุงเครื่องเทศควันกรุ่น ส่วนแผ่นแป้งดอกไลแลคก็ออกสีม่วงน้อยๆกำลังดี เขาไม่เคยกินดอกไลแลคมาก่อนจึงจินตนาการไม่ถูกว่ามันควรมีรสชาติอย่างไร

 

                “ประเดี๋ยวจะสอนวิธีกินหญ้าครีบปลาที่ถูกต้องให้ ข้าเคยเห็นนักเที่ยวบางคนมากิน พอกินไม่ถูกวิธีก็ไม่อร่อย แล้วก็พาลใส่หนังสือแนะนำอีกว่าเขียนไม่ถูกต้อง” หญิงสาวสั่งให้มังกรนอนหมอบรอคำสั่งข้างๆ ส่วนตัวก็หยิบมีดกับช้อนที่ทางร้านให้มาสองคู่ขึ้น “สังเกตไหมว่าเขาให้ช้อนแทนที่จะเป็นส้อม

 

                แล้วนางก็เริ่มต้นใช้ช้อนโลหะขูดเนื้อหญ้าครีบปลาออกมา จากนั้นก็เอามีดช้อนขุยเนื้อขึ้นมาทาบนแผ่นแป้งแทนที่จะตัดขึ้นมาแปะโดยตรง

 

                “ทำแบบนี้จะมีรสดีกว่า ยิ่งขูดละเอียดน้ำในเนื้อใบก็ยิ่งออกมาก ยิ่งอร่อยขึ้น”

 

                หมดหญ้าครีบปลาไปสองจานกระเพาะของเขาและหญิงสาวก็ถูกเติมเต็ม ความปรีดาในรสชาติแทบไหลล้นออกมาทางดวงตาอย่างหยุดไม่อยู่ เมื่อเรียกบริกรมาคิดเงิน ตอนแรกดาริอุสคิดว่าจะเลี้ยง หากหญิงสาวเอ่ยปากจ่ายแทนในส่วนของสองคน

 

                “เจ้ากับตานั่นไปพักอยู่ที่ไหนหรือ ข้าคิดว่าเขาให้ผู้กล้าแสงตะวันไปพักในมหาปราสาทเสียอีก”

 

                “หากมีใครถามห้ามตอบตามตรงหรือจำเพาะเจาะจงเด็ดขาดว่าพักที่ใด ทางไปทางกลับห้ามใช้ทางเดียวกันทั้งเส้น หากเป็นไปได้ให้อ้อมไกลในทางที่วกวนที่สุดเพื่อกันการติดตาม ข้าจะบอกเส้นทางไปสถานที่ต่างๆให้ทุกครั้งที่เข้าพักว่ามีทางใดบ้าง ส่วนใหญ่เราจะไปทางมนตร์เคลื่อนย้ายจึงไม่ต้องกลัวถูกตาม นอกเสียจากอีกฝ่ายจะเข้ามาในวงอาคมก่อนมันทำงานเท่านั้น นี่เป็นมาตรการป้องกันของเรา”

 

                ผู้กล้าแสงตะวันเจ้านายของเขาพูดเอาไว้อย่างนี้เมื่อได้ฟังว่าเขาไปที่ใดมาบ้าง ดาริอุสเป็นคนซื่อๆจึงต้องเค้นหาคำตอบอย่างหนัก แม้พวกเขากำลังจะจากไปอยู่แล้วก็ต้องทำตามคำสั่งไม่ใช่หรือ

 

                “แถวๆถนนกระบอกเหล็ก ข้าสังเกตแต่รูปหล่อทรงกระบอกจนไม่สนใจชื่อโรงแรมน่ะ แต่เราจะไปกันตอนเที่ยงอยู่แล้วนี่ ไม่เป็นไรกระมัง” แล้วดาริอุสก็สะดุดใจ หลักสำคัญคือการปิดบังข้อมูลสำคัญไม่ใช่หรือ แล้วเขาจะบอกทำไมว่าจะเดินทางตอนเที่ยงวัน

 

                “จะให้ไปส่งไหม ขี่เจ้านี่ไปนิดเดียวก็ถึง ตอนนี้ขอกินชาที่เหลือให้หมดก่อน” หญิงสาวชูแก้วชาไปทางมังกรที่นอนหมอบเหมือนแมวเชื่องๆ

 

                ดาริอุสรีบปฎิเสธแล้วกล่าวว่าจะแวะดูอะไรอีกสักนิดก่อนจึงกลับไปที่พัก แล้วเขาก็ขอตัวกลับอย่างไม่เร่งรีบ ทว่าเท้ากลับพาเดินไปทางตรงข้ามกับทางที่เดินมา...

 

 

                ปกติดาริอุสเดินเร็วอยู่แล้วจึงไม่ร้อนรนให้ทันเวลา แม้ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไมแต่เขาก็วนเวียนในตรอกแคบๆสองสามครั้ง แกล้งทำเป็นหลงทางหันไปมองด้านหลังอย่างสิ้นหวังเผื่อมีใครตามมา จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ควรเชื่อว่าเขาไม่ถูกตามแน่ๆ

 

                ลึกๆแล้วเขาคาดหวังให้ถูกตาม คงสนุกดีถ้ามีคนกำลังสะกดรอยตามในเมืองที่ไม่รู้จัก เขาก็อยากลองสะกดรอยตามใครสักคนเหมือนกัน เผื่อได้เห็นอะไรใหม่ๆอีก

 

                จนสุดท้ายก็ไปถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งเป็นอาคารสามชั้นสร้างเป็นรูปเกือกม้าจนเป็นเอกลักษณ์ อยู่ห่างจากถนนกระบอกเหล็กไปแค่สี่ช่วงอาคารเท่านั้น

 

                “เป็นอย่างไร อร่อยไหม” ผู้กล้าแสงตะวันเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มหนา ข้างเท้ามีกระเป๋าเดินทางใบย่อมๆของตัวเองอยู่ “ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวข้าแบกไปเอง เมื่อถึงหน้าประตูเราก็ใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปกันแล้ว แบกแค่ของตัวเองดีกว่า”

 

                “ขอบคุณที่ให้ข้ายืมเงินขอรับ” ดาริอุสโค้งขอบคุณ อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ

 

                “ข้าก็เพิ่งได้รับเงินค่าจ้างสรรหาทหารรับจ้างเหมือนกัน ชื่อผู้กล้าใช้เรียกเงินได้ดีจริงๆพับผ่าสิ” ทั้งคู่เดินคู่กันไปตามทางเดินหักมุม และลงบันไดเพื่อไปชั้นล่าง “เงินเพิ่งมาส่งเมื่อเช้าจึงไม่มีเวลาแบ่งให้ เอาไว้ไปถึงเบิร์นสเลย์แล้วข้าจะแบ่งให้ตามส่วน”

 

                “ไม่ใช่อันเธียหรือ เมื่อวานท่านบอกไซเรน่ากับข้าว่าจะไปอันเธียนี่”

 

                “ข้าหมายถึงหอคอยอันเธียในเบิร์นสเลย์ต่างหาก บังเอิญชื่อเหมือนกันน่ะ”

 

                อันเธียเป็นเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ แต่เบิร์นสเลย์เป็นเมืองทางตะวันออก ห่างกันเกือบข้ามทวีปทีเดียว

 

                จะว่าไป เมื่อวานตอนคุยกันไบรอันยังไม่ได้บอกสักคำว่าจะไปอันเธีย บอกแค่ว่าจะไปเมืองอื่นที่เวลาต่างกันหกชั่วโมงเท่านั้น คนที่ได้รับการบอกเล่าว่าตัวผู้กล้าจะไปอันเธียคือไซเรน่าต่างหาก พอเขาได้ยินด้วยก็คิดว่าจะไปอันเธียเช่นกัน เมื่อถามว่าจะเดินทางไปแห่งใดต่อ คำตอบน่าจะเป็นชื่อเมืองไม่ใช่หรือ

 

                ขนาดเป็นเพื่อนกันยังต้องปิดบังขนาดนี้เลยหรือ ดาริอุสคิดในใจ ชักลังเลเสียแล้วว่าเจ้านายตนเชื่อถือได้มากน้อยเพียงไร

 

                “ข้าทำแบบนี้เฉพาะนางเท่านั้นละ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก”

 

                ดาริอุสเลิกคิ้ว รู้สึกสังหรณ์ประหลาดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่

 

                “ผู้หญิงคนนั้น ไซเรน่า ฟราโกส์ นางพยายามกดหัวข้าให้เป็นลูกไล่ตลอด ข้าพบนางเมื่อมาศึกษาเรื่องเวทมนตร์เชิงวัตถุที่ซีเนียเป็นเวลาสองปี ตอนแรกก็ดีอยู่หรอก อาจารย์ขอให้ข้าช่วยแก้ปัญหาเรื่องคำสาปที่ดินให้นาง หลังจากนั้นนางก็กวนข้าตลอดจนไม่ได้พัก ลากข้าไปทานอาหารว่างเป็นเพื่อนตอนมีนัดสัมมนาบ้าง บุกเข้ามาในห้องอบรมเพื่อตามข้าไปดูดอกไม้ที่นางปลูกบานบ้าง วันดีคืนดีก็พาขึ้นหลังมังกรไปทำเรื่องพิเรนท์นับครั้งไม่ถ้วน เมื่อใดที่นางเจอข้าก็จะกระโจนเข้ามาด้วยเหตุผลต่างๆ ทุกครั้งก็เอามังกรมาขู่จนข้าต้องยอมตลอด ข้าคิดว่าเดี๋ยวคงเบื่อจึงปล่อยเลยตามเลย นางเก่งจริงแต่เป็นตัวปัญหาอันดับต้นๆเช่นกัน”

 

                “นางน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ เมื่อกี้ข้าทานอาหารกับนางมา เป็นคนคุยสนุกไม่เห็นจะเอาแต่ใจอย่างนั้นเลย”

 

                ดาริอุสทำให้ผู้กล้าแสงตะวันที่กำลังคืนกุญแจชะงัก ดวงตาสีมรกตหันมามองอย่างครุ่นคิด

 

                “เจ้าบอกว่าเมื่อกี้หรือ แล้วขากลับมีใครตามเจ้าอยู่หรือเปล่า”

 

                “ไม่มี ข้าวนรอบเขตนี้อยู่พักใหญ่เชียวนะ บอกนางไปด้วยว่าพักอยู่ถนนกระบอกเหล็ก มันอยู่ห่างไปไกลโขเลยนะ แถมมีโรงแรมอีกที่อยู่ใกล้ๆด้วย”

 

                พอได้ฟังผู้กล้าแสงตะวันก็หันไปเจรจากับบริกรขอใช้มนตร์เคลื่อนย้ายในตัวอาคาร เถียงกันอยู่สองสามคำเจ้าของผมหางม้าสีเหลืองก็ครางขู่ในลำคอด้วยความหงุดหงิดเต็มกำลัง

 

                “ย่องกริบเหมือนเสือ ฉับไวเหมือนแมว เจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก นั่นคือฉายาของนางล่ะ” ผู้กล้าแสงตะวันถ่มคำพูดออกมาโดยไม่ระวังภาพลักษณ์เช่นปกติ แสดงว่าร้อนใจมาก “เราจะออกไปทางหน้าต่างฝั่งโน้นแล้วเคลื่อนย้ายทันที ในเขตเมืองหลวงนี้ไม่มีใครลอบตามนางได้และหนีการตามของนางพ้น ส่วนจะสู้ชนะหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ข้าไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่”

 

                พวกเขาถือวิสาสะยืนบนเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งเพื่อปีนขึ้นขอบหน้าต่างพร้อมกัน ผู้กล้าแสงตะวันเอ่ยคำเตรียมพร้อมสร้างอาณาเขตเคลื่อนย้าย กรงแสงสีเหลืองปรากฏขึ้นรอท่าอยู่ตรงหน้า รอสัญญาณจากไบรอันให้กระโจนเข้าไปเพื่อทำการเคลื่อนย้ายทันที

 

                หากในวินาที่ที่พวกเขาพุ่งตัวลงไปจึงรู้ว่าพลาด กรงเล็บแกร่งตวัดช้อนตัวพวกเขาขึ้นไปบนอากาศเหมือนอินทรีโฉบกระต่าย ทิ้งวงอาคมย้ายที่ให้ทำงานต่อโดยไม่มีผู้โดยสาร ดาริอุสรู้ทันทีว่าถูกสัตว์บางอย่างจับตัวไว้ ไม่ต้องให้รางวัลเขาก็ทายถูกว่าเป็นฝีมือของใคร

 

                “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะไซเรน่า! เดี๋ยวก่อน! นี่มัน...” ผู้กล้าแสงตะวันคำรามอยู่ในอุ้งเท้าอีกข้างของสัตว์ยักษ์ พอดาริอุสเงยหน้ามองจึงรู้ว่าสิ่งที่จับตัวพวกเขาไว้ไม่ใช่มังกร คล้ายก็จริงแต่ไม่ใช่มังกรแน่

 

                สิ่งมีชีวิตที่กำลังจับตัวเขาและไบรอันอยู่นั้นมีอุ้งเล็บเหมือนมังกรก็จริง ทว่ามันมีหัวเหมือนจระเข้ ปีกนกอินทรีแผ่ลำแพนสองข้าง ลำตัวเหมือนลิงใหญ่เต็มไปด้วยเกล็ดสากๆเกือบทุกตารางนิ้ว หางเป็นหนามแหลมยาวโค้งตวัดไปมา ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งมองลงมาอย่างสงบจนเกินปกติ!

 

                “ข้าต้องการเชิญผู้กล้าแสงตะวันไปพูดคุยกันกับเหล่าจอมทัพของทางเรา ต้องขออภัยที่ใช้วิธีรุนแรง หากไม่ทำแบบนี้ท่านก็ใช้เวทมนตร์หนีไปเหมือนทุกครั้ง”

 

                พวกฝ่ายมืดอย่างนั้นหรือ ดาริอุสเร่งคิดหาทางช่วยเหลือตัวเองและเจ้านาย

 

                “นั่นคือเหยื่อของข้า! จะปล่อยดีๆหรือให้ใช้กำลัง”

 

                เสียงร้องอย่างกราดเกรี้ยวดังมาจากด้านบน ไซเรน่า ฟราโกส์อยู่บนหลังมังกรจริงๆ หอกแหลมชี้ลงมาอย่างเอาเรื่อง!...

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา