MOUNTAIN DOOM ล่อมาชำแหละ

8.0

เขียนโดย องค์ชายแมว

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.36 น.

  3 บท
  0 วิจารณ์
  5,116 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 17.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) กับดัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2 กับดัก

          ใช้เวลาไม่นานทั้งหมดก็เดินทางมาถึงตีนเขาที่สูงใหญ่เทียมฟ้า พวกเขาจอดรถที่ร้านแฮมเบอร์เกอร์ในหมู่บ้านเล็กๆใกล้กับปากทางขึ้น ร่างของทั้งห้าคนนั่งอยู่บนเก้าอี้โลหะหน้าเคาน์เตอร์ หันหน้าเข้าหาพ่อครัวประจำร้านที่กำลังบรรจงทำอาหารอย่างปราณีต ทุกคนสั่งเมนูเหมือนกันหมดนั่นก็คือ…     

          เบอร์เกอร์หมูสไปร์ซี่มัสตาร์ด

          หน้าตาของอาหารถูกวางลงบนเคาน์เตอร์รับแขกจานแล้วจานเล่า ให้กับลูกค้าหลายคนที่นั่งรออยู่ก่อนหน้า แต่ไม่นานก็ถึงคิวของทั้งห้าคน โดยอาหารถูกเสิร์ฟให้กับพวกเขาในเวลาไล่เลี่ยกันจนครบห้าคน

          เก่งกินมากที่สุดในบรรดาเพื่อน เขากินสามชิ้นรวดติดต่อกันซึ่งเป็นปริมาณที่ควรจะเลี่ยนได้แล้ว แต่เขากลับยังเพิ่มเฟรนซ์ฟรายด์และไก่แซ่บมากินอีกอย่างละหนึ่งชุด ยังมีออฟชั่นเสริมอย่างเฟรนฟรายด์ มันบดและทูน่าสลัดวางข้างๆกันอีกด้วย

          ส่วนเพื่อนๆอีกสี่คนยอมแพ้ตั้งแต่เบอร์เกอร์ชิ้นแรกแล้ว กระเพาะพวกเขาไม่มีพื้นที่รองรับมากพอจะยัดเข้าไปถึงสามชิ้นเหมือนกับเก่งผู้มีกระเพาะสุดแสนทรหด

          น้ำอัดลมสีต่างๆจัดวางอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาตามจำนวนที่สั่ง ห้าแก้วพอดีคน ทั้งหมดดื่มมันเพื่อดับกระหายหลังจากเดินทางมาเป็นเวลานานเพราะบนรถบ้านเคลื่อนที่มีน้ำอัดลมเพียงขวดเดียว ที่เหลือเบียร์ล้วนๆ และมันเทียบไม่ได้กับความสดชื่นที่พวกเขาดื่มด่ำในตอนนี้เลย

          ลูกค้าคนอื่นที่อยู่ในร้านยังคงมีพฤติกรรมแปลกๆเช่นเดิม พวกเขามักเหล่ตามองกลุ่มของผู้มาเยือนอยู่บ่อยครั้ง จนแมนและเพื่อนๆรู้สึกได้ว่ามันมากเกินไปจนผิดปรกติ คนในหมู่บ้านนี้เป็นอะไรกันไปหมด

         “รสชาติเป็นไงบ้างละแคท”

          เสียงทุ้มใหญ่เอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม เขาคือลุงแมว เป็นพ่อครัวของห้องอาหารแห่งนี้ ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของลุงจะไม่ชวนพิศสมัยเท่าใดนัก แต่ก็ถูกลดทอนส่วนนั้นลงด้วยอาหารที่ทำออกมาได้หอมและหน้ารับประทานที่สุด

          ภรรยาของลุงแมวชื่อป้าเมิน มีหน้าที่เป็นแม่ครัวคอยเลือกวัตถุดิบ ล้างเนื้อ เลาะหนัง และแล่อย่างชำนาญ ก่อนจะนำมาเข้าตู้เก็บความเย็นของร้านเพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตอาหารต่อไปด้วยฝีมือปรุงรสของสามีเธอ

         “อร่อยเหมือนเดิมค่ะลุงแมว” แคทตอบกลับไปขณะใช้ทิชชู่ซับคราบซอสที่เลอะมุมปาก

         “พวกเพื่อนเธอที่มาด้วยคราวที่แล้วก็ชมแบบนั้นเหมือนกันนี่น่ะ” เขาพูดต่อ

         “อร่อยมากเลยครับลุง”เก่งรีบทำคะแนน หวังให้ลุงแมวปลื้มเผื่อจะได้ส่วนลดค่าอาหารลงบ้าง ขณะที่เชอร์รี่ทำหน้าตาไม่ค่อยถูกปากอยู่คนเดียว ลุงแมวหันมายิ้มให้เก่ง ก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้ภรรยาเธอ

         “เท่าไหร่ครับ” เก่งถาม

         “ลุงคิดราคาพิเศษให้ก็แล้วกันนะพ่อหนุ่ม เพราะเห็นว่าพวกเธอเป็นเพื่อนกับแคทนะเนี่ย เอามา 450 บาทพอ” ลุงแมวพูดก่อนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ขณะที่แคทและเพื่อนๆรีบยกมือไหว้ขอบคุณทันที

         “ขอบคุณค่ะลุง ไว้หนูจะพาเพื่อนมากินอีกบ่อยๆนะคะถ้ามีโอกาส” 

          แคทพูดทิ้งทวน ขณะที่เพื่อนๆทยอยลุกออกจากเคาร์เตอร์ เก่งรวบรวมเงินจากทุกคนก่อนจะนำไปยื่นให้กับมือลุงแมว แล้วเดินออกจากร้านด้วยความอิ่มเอม พวกเขาเดินกลับไปยังรถบ้านเคลื่อนที่ โดยให้ฮิวโก้เป็นคนขับเหมือนเดิม ส่วนเก่งและเพื่อนๆนั่งเล่นนอนเล่นยืดเส้นยืดสายบนโซฟาฆ่าเวลา

         รถบ้านเคลื่อนที่โดยสารพาพวกเขาไปยังปากทางขึ้นภูเขาโดยใช้เวลากว่ายี่สิบนาที บริเวณนั้นมีปั้มน้ำมันอยู่ข้างๆ พวกเขาแวะเติมตามคำแนะนำของแคท เพราะบนภูเขาไม่มีแม้แต่บ้านคน ฉะนั้นปั้มน้ำมันจึงอย่าหวังว่าจะเห็น

        “ดีเซลเต็มถังครับ”

         ฮิวโก้พูดกับเด็กปั้มขณะบิดกุญแจดับเครื่องยนต์ เพื่อนๆและตัวเขาเองลงมาบิดขี้เกียจและสูดอากาศบริสุทธิข้างล่าง ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ขณะที่เด็กปั้มรับเงินจากมือของฮิวโก้ สีหน้าของเขาก็พลันปรากฏสัญญาณเตือนบางอย่าง ดูเหมือนอยากจะพูดมันออกมาเต็มกลืนแต่ก็ทำไม่ได้

         “มีอะไรเหรอน้อง พี่เห็นน้องทำหน้าอ้ำอึ้งอยู่นานแล้ว” แมนรู้สึกเดือดดาลเมื่อเห็นท่าทางอันน่าสงสัยนั่น

         “มะ มะ ไม่มีครับพี่” เขาตอบ และดูเหมือนมันถูกบังคับจากอะไรบางอย่างให้พูดออกมาแบบนั้น

         ในที่สุดพฤติกรรมของเด็กปั้มก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของพวกเขาอีกต่อไป เพราะทั้งหมดต้องการขึ้นไปยังผาม่านเมฆให้เร็วที่สุดก่อนจะค่ำเสียก่อน

         รถขับเคลื่อนออกมาจากปั้มเล็กๆสุดเขตย่านชนบท ก่อนจะผ่านเข้าซุ้มที่ถูกเขียนเอาไว้ว่า ‘ผาม่านเมฆ’ พวกเขาเดินทางผ่านป่าทึบสองข้างทางเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรโดยพาหัวใจที่ชุ่มฉ่ำของตัวเองไปด้วย

         ชีวิตในเมืองที่ได้แต่กลิ่นควันรถจากท่อไอเสียทุกวัน เทียบไม่ได้กับโอโซนบริสุทธิที่นี่เลยสักนิด เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ทั้งหมดมีโอกาสได้ออกทริปเที่ยวป่าที่มีแต่สีเขียวขจีรอบด้าน

         พวกเขาเดินทางต่อขึ้นไปบนภูเขาซึ่งบางช่วงก็ลาดยางให้โดยสารผ่านไปได้ง่าย แม้บางช่วงก็มีลูกรังหรือเส้นทางขรุขระคอยขัดขวางอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้ต้องลำบากใจสักนิด เพราะรถคันโปรดของเก่งสามารถใส่เกียร์โฟร์วินได้ด้วย จึงไม่ต้องห่วงเรื่องทางลาดหรือทางทุรกันดารให้กวนใจ

        “คนหมู่บ้านนี้เป็นอะไรกันไปหมด ดูท่าทีแปลกๆหลายคนแล้วนะ” แมนเปิดเรื่องขึ้นขณะที่ทุกคนเกือบเคลิ้มหลับ

        “เออว่ะ…ตั้งแต่พวกเราเข้าหมู่บ้านมา รู้สึกว่าชาวบ้านสองข้างทางมองเราแปลกๆ รถที่ขับสวนไปสวนมาก็เหมือนกัน แถมในร้านเบอร์เกอร์ลุงแมว พวกคนที่อยู่ในร้านต่างก็เหล่มองพวกเราแปลกๆเหมือนต้องการสื่อสารอะไร” เก่งพูดสมทบเพื่อนเขา เพราะตัวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน

        “พวกนายจะกลัวอะไรกันนักหนา เป็นผู้ชายซะเปล่า” เชอร์รี่แย้งขึ้น ทำหน้าบูด

        “คราวที่แล้วที่ฉันพาเพื่อนๆมาก็เป็นแบบนี้นะ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร” แคทเธอรีนพูดปลอบใจให้เพื่อนๆรู้สึกดีขึ้น

        “เฮ้ ดูทางข้างหน้านั่นสิ” จู่ๆฮิวโก้ก็ร้องเรียกตัดบทสนนทนาของเพื่อน

         เมื่อทั้งห้าคนมองออกไปทางกระจกด้านหน้ารถ พบว่าเป็นทางแยกรูปตัววี กระหนาบไปด้วยต้นสนสองฟาก มีป้ายบอกจุดหมายตั้งตระหง่านอยู่กลางแยก

         ทางซ้ายไปผาม่านเมฆ  ส่วนทางขวาไม่ได้บอกเอาไว้

        “แล้วจะไปยังไงละเนี่ย” ฮิวโก้ขอความเห็นจากเพื่อนๆ

         ต้นสนขนาดใหญ่อยู่ในลักษณะทิ้งราบไปกับพื้นถนน กีดขวางเส้นทางที่พวกเขาทั้งหมดต้องใช้เดินทางไป ลำพังแค่พายุธรรมดาคงทำให้มันล้มลำบาก เพราะความแข็งแรงของรากและลำต้นที่สูงใหญ่ แต่มันกลับล้มเอาเสียดื้อๆในตอนนี้ ทั้งหมดเดินลงจากรถไปยังต้นไม้ต้นนั้นหวังตรวจดูสาเหตุ

        “มันถูกโค่นนี่หว่า ลองมองที่รอยตัดนั่นสิ”แมนชี้ไปยังตอไม้ข้างๆกัน

        “ใครกันที่ทำแบบนี้นะ พวกลักลอบตัดไม้เหรอ” เก่งพูดพลางเสยผมที่หล่นมาปรกข้างหน้า

        “เอาไงกันดี อีกทางหนึ่งไปได้ไหม” แมนหันไปถามแคท แล้วพูดต่อ “มาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้กลับไปเฉยๆก็เฟลแย่เลยสิ”

        “ฉันว่าอีกทางก็ไปได้นะ ลองดูมั้ย” แคทเสนอความเห็น

        “จะทำอะไรก็รีบๆทำ ฉันอยากกางเต๊นท์นอนจะแย่อยู่แล้ว” เชอร์รี่พูดแทรกขึ้นพลางเดินกลับไปนั่งรอบนรถ

         แมนทำท่าจะเดินตามไปด่า เพราะทีท่าของเธอมันไร้มารยาทสิ้นดีสำหรับเพื่อนคนนี้ แต่ก็ถูกห้ามปรามไว้โดยเก่ง และให้เหตุผลว่าไม่ควรทะเลาะกันในตอนนี้ รังแต่จะทำให้เที่ยวไม่สนุกเปล่าๆ

         หลังจากที่ทั้งหมดลงความเห็นว่าจะไปทางแยกอีกทางที่อยู่ข้างๆกัน จึงเดินกลับมาขึ้นรถ ขณะที่เก่งขอตัวไปทำธุระบริเวณทางลาดข้างทาง เขาหันไอ้จ้อนเข้าหาป่าแล้วปล่อยมันออกมาทันที ขณะที่เก่งทำธุระอยู่นั้น สายตาของเขาพิเรนทร์ไปเห็นวัตถุบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป มันไกลเกินกว่าจะจับใจความได้ว่าคืออะไร แต่ภาพประหลาดตรงหน้าก็ไปสะกิดต่อมอยากรู้ของเขา จึงเดินเข้าไปเพื่อดูใกล้ๆหลังทำธุระเสร็จ

        “เฮ้ย จะฉี่เป็นลิตรเลยรึไงวะ พวกฉันรอกันนานแล้วนะ” แมนเปิดประตูรถ แล้วตะโกนเร่งเพื่อนตัวเอง

         ขณะที่เก่งเดินเกือบถึงครึ่งทางแล้วก็ต้องหยุดชะงักตามเสียงตะโกนด่าของเพื่อน เขาหันไปหาแมนทีหนึ่งแล้วหันกลับไปหาวัตถุอันนั้นอีกที ในใจรู้สึกเสียดายหากไม่เดินเข้าไปดูให้เห็นกับตา แต่ก็เกรงใจกลัวเพื่อนจะรอนาน

         สุดท้ายหนุ่มร่างอ้วนก็ตัดสินใจหันหลังเดินกลับไปยังรถบ้านที่มีเพื่อนๆนั่งรออยู่บนนั้น และปล่อยให้มันเป็นความสงสัยในใจต่อไป เขากะว่าขากลับจะลองแวะมาดูอีกครั้งหนึ่งเผื่อมันยังอยู่ จะได้หายเคลือบแคลงใจเสียที เมื่อเก่งขึ้นรถเสร็จ ฮิวโก้ก็เหยียบคันเร่งพารถออกไปทางแยกอีกทางตามเสียงโหวตของเพื่อนๆ

         วัตถุที่เก่งเห็นในตอนแรกก็คือกวางตัวหนึ่ง

        ไม่สิ…เหลือแค่หัวของมันเท่านั้น เพราะศีรษะของกวางถูกหั่นออกจากร่างโดยไม่รู้สาเหตุ ลำตัวของมันหายไป เปลือกตายังอ้าออกเผยให้เห็นแววตาใสปริ่มน้ำตา

         มีเลือดบางส่วนกระเซนซ่านไปรอบบริเวณ เปรอะเปื้อนที่ศีรษะของกวางตัวที่โชคร้าย กลิ่นคาวฟุ่งตลบอบอวนไปทั่ว อีกทั้งยังมีแมงหวี่หลายตัวบินว่อนอยู่รอบซาก คราบเลือดหยดเลอะพื้นเป็นทาง เข้าไปในป่า และลึกเข้าไปอีกเรื่อยๆตามเส้นทางเดียวกันกับที่ผู้มาเยือนกำลังเดินทางไป

        ดูเหมือนว่ามีบางอย่างที่มีพละกำลังมหาศาลตัดศีรษะของกวางออก เรี่ยวแรงมันต้องเยอะทีเดียวเพราะรอยแยกระหว่างคอและลำตัวถูกสับให้ขาดสองท่อนเพียงครั้งเดียว เหล่านักเดินทางทั้งห้าคนไม่ทันได้สังเกตซากของกวางตัวนี้ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่พยายามจะเดินเข้าไปดู แต่กลับถูเพื่อนตะโกนเรียกขัดจังหวะเสียก่อน

        ไม่อย่างนั้นซากอันสยดสยองที่เหลือเพียงแค่หัวของกวางตัวนี้ คงจะเป็นตัวประกอบการตัดสินใจได้อย่างดีว่าพวกเขาควรไปยังผาม่านเมฆต่อหรือยกเลิกทริปแล้วเลี้ยวกลับลงไป

        ไม่ทันแล้ว พวกเขาเลือกจะไปยังหน้าผาที่ผู้คนต่างกล่าวขานว่ามันอันตรายที่สุด เพื่อทดสอบศักยภาพของตัวเองและคำสบประมาทต่างๆนานาถึงหน้าผานั่น

         รถบ้านเคลื่อนที่ไปตามทางลูกรังขรุขระตลอดทั้งสาย ฮิวโก้ต้องขับช้าๆเพื่อประคองเพื่อนในรถและกาแฟในถ้วยไม่ให้หกด้วย พวกเขาต้องอาศัยการเดาเส้นทางส่งๆ ซึ่งนับว่าเสี่ยงมากในป่าทึบอย่างนี้ แต่จะทำยังไงได้ละในเมื่อไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตสักขีด ฉะนั้นระบบจีพีเอสจึงหมดประโยชน์

         โชคดีที่ถนนมีเส้นเดียวให้วิ่ง ไม่ได้เป็นทางสลับซับซ้อนมากนัก จึงง่ายต่อการเข้าไปและกลับออกมาได้อย่างไม่ยากเย็น แต่กลุ่มนักเดินทางจะมีโอกาสรอดกลับออกมารึเปล่า

 

 

●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●●

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา