ลมหายใจ...แห่งรัตติกาล (dangerous man)

7.0

เขียนโดย sesom

วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.27 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,394 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2560 11.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ี 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      พลั๊ก!

 

      ตุ๊บ!

 

ร่างสูงใหญ่ล้มลงกลางเวทีที่ล้อมไว้ด้วยตาข่ายเหล็กหนา แสงไฟมีเพียงดวงเดียวที่ส่งแสงสีนวลเหนือศีรษะของคู่ต่อสู้บนเวทีมวยแปดเหลี่ยมแห่งนี้ เวทีที่ปราศจากความปราณีและมันพร้อมจะกลืนกินทุกดวงวิญญาณที่พลั้งพลาดเพราะมันตั้งอยู่ในที่แห่งนี้ เมืองดัฟ เมืองที่ไร้ซึ้งกฎหมายควบคุม ดินแดนป่าเถื่อนแถบตะวันตก ที่ที่แผนที่โลกไม่ได้จารึกไว้

 

ดวงตาคู่ดุดันฉายแววเหี้ยมเกรียมเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ร่างใหญ่ยักษ์ล้มลงกลางเวที รอยยิ้มที่ส่งออกมาดูโหดร้ายไม่แพ้ดวงตาดุจพญาเสือที่เห็นเหยื่ออันโอชะล้มลงอยู่ตรงหน้า ผู้ที่มีทีท่าว่าจะเป็นผู้มีชัยในครั้งนี้เดินเข้าใกล้ร่างชายฉกรรณ์ที่พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง

 

ตุ๊บ! แรงส่งจากเข่าอัดกระแทกไปที่หน้าอกของเขาที่พยายามจะลุกขึ้นนั่งต้องล้มลงนอนอีกครั้ง ก่อนมันจะเบิกตาโพลงเมื่อไอ้เสือร้ายที่ยิ้มเหี้ยมเกรียมนั่งคร่อมเขาพร้อมกดแรงอันมหาศาลลงบนลำคอของเขา

“เอาให้ตายเลย!” เสียงตะโกนเชียร์อยู่ด้านล่างเวทีที่มืดมิดนั่น

“ฆ่ามันเลยวินเซน” เสียงอึกกระทึกคึกคะนองรายล้อม ใบหน้าหล่อเหลาของผู้มีชัยชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เขาเสยะยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ เมื่อเห็นคู่ต่อสู่เริ่มหายใจรวยริน

“โฮ..โฮ” เสียงจากเหล่ากองเชียร์บ่งบอกถึงความขัดใจอย่างยิ่งที่ไม่ได้เห็นภาพตอบสนองกิเลสด้านมืดของตน ชายคนนั้นลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะถอยหลังเข้าไปในมุมมืดนั่น

“วินเซน วินเซน” เสียงเรียกผู้มีชัยดังก้อง ร่างสูงเดินวนรอบๆ เวที ก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง ใบหน้าของเขายังคงเฉยชา ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีสนิมดูดุดัน แม้จะหล่อเหลาเพียงใดแต่ไม่น่าเข้าใกล้นัก

“นี่ขนาดแกหายไปนาน” ทอม ชายหนุ่มวัยกลางคนโยนผ้าขนหนูผืนเล็กส่งให้ผู้ชนะที่เดินลงมาด้านล่าง เสียงผู้คนยังคงดังอื้ออึง เพราะคู่ต่อสู่คู่ต่อไปเตรียมขึ้นเวทีมรณะนี้อีกครั้ง เวทีที่เลือดสีแดงฉาดยังคงไม่จางหาย มันมีกลิ่นคาวของบาดแผล และดูดกินดวงวิญญานของใครหลายคนที่พ่ายแพ้ น้อยนักที่ผู้อ่อนแอกว่าจะรอดพ้นเฉกเช่นชายเมื่อครู่

วินเซนรับน้ำจากทอมพี่ชายคนสนิท เขาจิบน้ำเย็นจากขวดนั่นช้าๆ ดวงตาคู่ดุดันจ้องมองบนเวทีก่อนจะหันมามองหน้าพี่ชายคนสนิทนามว่า ทอม คนนี้ วินเซนเจอเขาครั้งแรกที่อเมริกา ชายหนุ่มที่มีมาดอันกวนประสาทและไม่รู้ว่าวันนั้นไปโชว์ความยียวนเข้าที่ไหนจึงถูกนักเลงเจ้าถิ่นไล่ตี โชคดีที่รถของวินเซนขับผ่านมาจึงช่วยไว้ได้ วินเซนได้รู้ว่าทอมเป็นเจ้าของเวทีมวยที่เมืองดัฟแห่งนี้ เมืองที่เขาเพิ่งรู้ว่ามันมีอยู่บนผืนโลก มันเป็นเขตรอยต่อระหว่างเมืองใหญ่ที่แสนร่ำรวย ทอดตัวยามตามตะเข็บชายแดนที่รายล้อมด้วยหุบเขาสูง

 

ครั้งแรกเขาเหยียบย่ำมาที่นี่เพราะการชักชวนของทอม เขาได้มาเห็นกับตาของตัวเองว่า คำว่าการจะทำให้ใครสักคนสูญหายจากโลกใบนี้มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด มาที่นี่คล้ายได้นั่งดูหนังฆาตกรรมที่ถ่ายทอดสด ที่ที่เม็ดเงินหลายต่อหลายพันล้านหมุนวนอยู่ ทุกอย่างเล็ดลอดกฎหมาย ทั้งยาเสพติด อาวุธ การค้าประเวณี

 

วินเซนจุดบุหรี่ขึ้นสูบ สายตาสีสนิมมองบนเวทีที่เจ้ายักษ์ใหญ่กำลังส่งเสียงคำรามหากันดังลั่น เมื่อครู่หากเขาจะกดแรงอีกสักนิดชายคนนั้นก็จะแดดิ้นและสิ้นชื่อในทันที แต่เหตุผลในการกระทำนั้นเล่า คืออะไร ตอบสนองด้านมืดของเหล่ามนุษย์ที่ส่งเสียงอื้ออึงด้วยความสะใจอย่างนั้นหรือ หรือสร้างความหึกเหิมให้ตัวเองเพื่อความยิ่งใหญ่ในโลกให้ต้องจารึกชื่ออย่างนั้น มันไม่มีเหตุผลสักนิดที่เขาจะต้องปลิดชีวิตใคร เขามาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมเยือนพี่ชายที่สนิท และทุกปีเขาก็จะมาลองฝีมือในเรื่องของมัดมวยที่ชื่นชอบนัก เพียงแค่ความชื่นชอบ ไม่มีเดิมพัน ไม่มีค่ายสังกัด ไม่มีเงื่อนไขหรือรางวัลใด ทอมเคยถามเขาว่า หากเขาตายขึ้นมาละจะทำอย่างไร เขาจำได้ว่า เขาหยุดชะงักเพียงเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุอานามขึ้นต้นด้วยเลขสามปลายๆ เขาไม่เคยตั้งคำถามให้ตัวเองเรื่องการตายสักครั้ง วินเซนอัดบุหรี่เข้าปอดอีกครั้งแล้วยังไงละเมื่อถึงคราตายมันก็ต้องตาย

“จะอยู่กี่คืนน้องรัก”

“พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว มีประชุมลูกน้อง” วินเซนนึกถึงธุรกิจที่ก่อเกิดมาจากน้ำพักน้ำแรงและมันสมองเขา บริษัทคาเตอร์ บริษัทที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดหุ้น โลกของเขาในความเป็นจริงต่างจากที่นี่นัก

“เรื่องนั้นละ ให้พี่ช่วยยังไง” วินเซ็น ชะงักมือที่กำลังคีบบุหรี่ เมื่อนึกถึง เรื่องนั้น...

“อย่าดีกว่าพี่ ฉันขอจัดการของฉันเอง” วินเซนอัดบุหรี่เข้าปอดอีกครั้ง ก่อนดีดลงพื้นบดขยี้เบาๆ ด้วยปลายเท้า และลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างสูงสง่าที่ยังคงเปลือยเปล่าท่อนบนมันเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างสวยงาม เขาหยิบเสื้อยืดที่พาดไว้บนเก้าอี้ขึ้นมาสวม ก่อนจะเห็นหญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาสมทบกับทอม

“วินเซนน้องชายที่รัก ชกเมื่อครู่ไม่มีของเดิมพัน ไม่มี่เงินรางวัลให้พี่จึงเตรียมเธอไว้ต้อนรับนายรับเธอไว้ซิเผื่อคืนนี้จะได้ไม่เหงา” วินเซ็นมองใบหน้าสาวผมทองรูปร่างเซ็กซี่ยั่วยวนสายตา เธอสวมชุดเดรสเกาะอกสีส้มบีบอัดทรวดทรงให้ล้นทะลัก ขาเรียวยาวที่โผล่พ้นกระโปรงสั้นจู๋ก้าวเข้ามาหาชายหนุ่มที่เพิ่งสวมใส่เสื้อยืดเมื่อครู่ เธอทันได้เห็นเรือนร่างสมส่วนน่ากอดนั่น หญิงสาวเดินเข้ามาหาเขาก่อนจะสัมผัสไปที่แผงอกกำยำนั่น ดวงตาสีสนิมจ้องมองหญิงสาว สายตาที่ไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดนอกจากความแรงปราถนาตามประสาของชายหนุ่ม

“ก็ไม่ว่ากันพี่ชาย”

 

สายลมยังคงพัดพาความหนาวมาระลอกแล้วระลอกเล่า เมืองดัฟยามค่ำคืนสุดแสนจะน่ากลัวคล้ายฉากหนังฆาตกรรมก่อนที่อาชญากรจะออกฉากมา ร่างเล็กของหญิงสาวนางหนึ่งนั่งอยู่ที่ม้านั่งริมถนน ใบหน้าอ่อนเยาว์ถูกซ่อนไว้ภายใต้ความมอมแมมและเสื้อผ้าตัวเก่า แจ็กเก็ตยีนส์สีหม่นตัวนั้น

“ สาม สี่ ห้า” มือเล็กบรรจงนับมวนบุหรี่ที่แกะออกมาจากซองใหญ่เพื่อมาแบ่งขาย เธอบรรจุเข้าถุงพลาสติกใส ก่อนจะใส่ลงไปในถุงผ้าใบเล็ก

“ขายไม่ดีเลย” เสียงบ่นกับตัวเอง ก่อนใบหน้ามอมแมมจะง้ำงอ เธอถอนหายใจเบาๆ มองไปทั่วบริเวณอันมืดมิด แสงไฟส่องสว่างกลางถนนสาดส่องให้เห็นไอหมอกขมุกขมัว อาคารเก่าๆ เรียงรายไปตามแนวถนนจนสุดโค้งด้านหน้า หญิงสาวสอดส่ายสายตาเพื่อมองหากลุ่มคนที่พอจะซื้อสินค้าของเธอได้บ้าง อย่างน้อยให้ได้ค่าข้าวมื้อเย็นบ้างน่าจะดี เพราะแม้มื้อกลางวันจะไม่ได้กินแต่มันก็เลยมานานแล้ว รวบเป็นมื้อเย็นเลยที่เดียว

“ซ่องมืด โรงเหล้า ร้านปืน ก็เดินมาหมดแล้ว” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิดก่อนสายตาจะมองเห็นกลุ่มคนเริ่มทยอยกันออกมาจากอาคารไม้แห่งหนึ่งบนโค้งถนนด้านหน้า

“เวทีมวย” ไวเท่าความคิด เธอรีบสวมหมวกแก็บใบเก่า ก่อนจะวิ่งออกไปทันทีเพราะกลัวจะไม่ทันเหล่าลูกค้าที่เริ่มทยอยเดินออกมา

 

สายลมพัดหวีดหวิว มันมาพร้อมความเหน็บหนาวและหดหู่ใจชอบกล มันเพราะความโดดเดี่ยวในดินแดนป่าเถื่อนแห่งนี้ หรือเพราะร่างกายที่เริ่มไร้เรี่ยวแรงกันแน่ ผู้คนเริ่มบางตาแล้วบุหรี่เธอเพิ่งขายได้แค่ซองเดียว หญิงสาวนั่งลงตรงบันไดทางเดินลง ก่อนจะนำเศษเหรียญออกจากถุงใบเก่าขึ้นมานับรอบที่สาม หวังจะให้มันเพิ่มขึ้นหรืออย่างไรกัน เธอถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ตัวเก่งของเธอ พลางคิดในใจว่า หากขายได้อีกซักซองน่าจะพอค่าบะหมี่สักซองและน้ำสักขวด แล้วความคิดก็หยุดลงเพียงเท่านั้นเมื่อเธอได้ยินเสียงคนเดินมาพร้อมเสียงพูดคุยกันของชายหญิง หญิงสาวรีบยืนขึ้นในทันที ก่อนจะตั้งท่าเตรียมรอลูกค้าที่จะเดินผ่านมา

“บุหรี่ไหมคะ” เธอเห็นชายหนุ่มร่างสูงกับแม่สาวผมทองชุดสีส้มเดินนัวเนียกันออกมา

“รับบุหรี่ไหมค่ะ แค่เหรียญเดียวเองค่ะ” เธอยื่นซองบุหรี่ที่แยกใส่ถุงพลาสติกออกมา เธอเห็นชายร่างสูงปรายตามองเธอเล็กน้อย มือใหญ่ที่โอบสาวผมทองยกมือขึ้นมาเป็นเชิงปฏิเสธ

“พี่รับบุหรี่...ซักซอง...” เสียงเธออ่อยลงเพราะชายหญิงคู่นั้นกำลังจะเดินเลยผ่านไป หญิงสาวรีบเดินเข้ามาดักด้านหน้าในทันที

วินเซนชะงักเท้าที่กำลังจะเดินตรงไปที่รถยนต์ของเขากับแม่สาวผมทองสุดเร้าใจคนนี้ ก่อนจะเริ่มรู้สึกหงุดหงิดใจกับการขายของของคนที่นี่ เขาว่าเขาปฏิเสธไปแล้ว

“ช่วยซื้อบุหรี่หน่อยค่ะ เหลือซองเดียวเอง” เสียงใสๆ แต่ดูอ่อนเพลียนักดังออกมาจากร่างเล็กของหญิงสาว วินเซนพยายามก้มมองแม่ค้าจอมตื้อ เธอยื่นซองบุหรี่มาตรงหน้าเขา แต่ไม่เงยหน้าขึ้นดู

“หนึ่งเหรียญค่ะ”

“ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะซื้อ” วินเซนจับถุงผ้าของหญิงสาวมาเทออก ซองบุหรี่หลายซองที่ถูกแบ่งไว้กระจายเต็มพื้น

“เธอบอกว่าเหลือซองเดียว และให้ฉันซื้อเพราะสงสารเธอ เธอโกหก บุหรี่ไม่ได้เหลือแค่ซองเดียว” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาทันที ดวงตาสุกใสฉายแววโมโหนิดๆ บุหรี่แค่เหรียญเดียวดูเขาจะจริงจังกับการใช้จ่ายนัก แต่แม่สาวผมทองนี่เขาซื้อมากี่เหรียญกันไม่เห็นบ่นสักแอะ เธอจ้องใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาของเขาจ้องเธอเขม็ง หญิงสาวก้มหน้าลงทันที “ฉันไม่ได้โกหก ฉันบอกว่าเหลือซองเดียว คือ คือ เหลือซองเดียวที่อยู่ในมือฉันต่างหาก” หญิงสาวยังคงก้มหน้านิ่ง วินเซนพยายามจะก้มลงมองใบหน้าเด็กสาวภายใต้หมวกแก็บนั่น เพราะอะไรกัน เมื่อกี้ที่เธอมองเขา แสงไฟจากถนนมันส่องให้ดวงตาของเธอดูมีประกายน่ามองอย่างประหลาด แต่คงได้เห็นแค่ครั้งเดียวนั่นแหละ เพราะเธอยังก้มหน้า หงุดยามพูดกับเขา ไม่แน่ใจว่ากลัวความผิดหรืออย่างไรกัน

“บุหรี่อะไร”

“โดโนเวน”

“เขาไม่สูบบุหรี่ ถอย..” สาวผมทองเริ่มหงุดหงิดรำคาญใจแทนที่ป่านนี้เธอจะถึงโรงแรมที่หมายและถูกเสือหนุ่มขย่ำอย่างเร่าร้อน แต่ก็ต้องมายืนรับลมหนาวและฟังการขายสินค้าจากเด็กสกปรกตรงหน้า

“ถอยไง” เมื่อเห็นยังยืนนิ่ง เธอจึงผลักไปที่ไหล่บาง หญิงสาวเซถลาเล็กน้อย ก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นมอง “ฉันไม่ได้ขายให้เธอ ฉันขายให้เขา ฉันรู้ว่าเธอไม่สูบบุหรี่เพราะฉันเห็นเธอเพิ่งอัพกัญชามาจากซ่องนั้นเมื่อครู่”

“...!” เสียงเถียงออกมาตามประสาคล้ายเด็ก แต่ทำให้คู่กรณีถึงกับหน้าซีดเผือดทันที เธอยืนค้างอยู่อย่างนั้นไม่สามารถต่อปากต่อคำได้ เธอได้ยินวินเซนหัวเราะเบาๆ

“ฉันเหมาหมดนี่” เสียงขรึมขณะเอ่ยคนตัวเล็กเงยหน้ามามองเขาในทันที ก่อนจะก้มหน้าลงชายหนุ่มจับหมวกหญิงสาวเพื่อเปิดออก แต่เธอก็ยังดึงไว้พร้อมแสดงเสียงเล็กๆ อย่างไม่พอใจ เธอก้มเก็บบุหรี่ที่ล่วงหล่นเมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน

 

“ยี่สิบเหรียญ” วินเซนจับเสียงนั้นได้ว่าเธอตื่นเต้นและดีใจนัก ก่อนจะรับเงินจากเขาใส่กระเป๋าเสื้อยีนส์ตัวเก่า

“รถอยู่ไหนฉันไปส่งให้” วินเซนเดินนำหญิงสาวออกมาโดยมีสาวผมทองเกาะเกี่ยวต้นแขนกำยำแน่น เขาไปหยุดยืนที่รถยนต์สปอร์ตสีดำ เขาเห็นหญิงสาวที่เกี่ยวกระหวัดแขนเขาตาลุกวาวเมื่อเห็นพาหนะที่เขาขับขี่พร้อมกระชับแขนเขาแน่นขึ้นเพราะรถยนต์เพียงห้าคันในโลกมันทำให้เธอตื่นเต้นนัก แต่แม่สาวน้อยแม่ค้าบุหรี่กับยืนนิ่งเฉยเธอวางบุหรี่ลงที่เบาะหลัง

“ขอบใจ” เขาเอ่ยมองใบหน้าหญิงสาว อย่าว่ามองใบหน้าเลยวินเซนคิดเช่นนั้น มองหมวกแก็บดีกว่า เพราะเขาไม่ได้เห็นหน้าเธอสักนิด เห็นแค่ช่วงแรกแว้บเดียวเท่านั้น

 

วินเซนขึ้นประจำที่นั่งคนขับพร้อมแม่สาวผมทองที่นั่งเคียงข้าง เขาสตาร์ทรถยนต์แต่แม่ค้าบุหรี่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน เหมือนคิดอะไรบางอย่าง เพียงเสี้ยววินาทีเธอก็ปราดมาเคาะกระจกรถเขา

“พี่กำลังจะไปโรงแรมใช่ไหม แถวนี้โรงแรมโกโรโกโสนัก เตียงนี่ก็เยินเชียว” เธอชะโงกหน้ามาพูดกับเขา หมวกไม่ปิดหน้าแต่เผอิญว่าเธอยืนหันหลังให้แสงไฟ เขาจึงเห็นใบหน้าหญิงสาวไม่ถนัดนัก

“ไม่เป็นไร ฉันใช้โซฟาก็ได้” เขาเห็นหญิงสาวอึกอักไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยขึ้น

“ฉันมีโรงแรมแนะนำ ไม่ไกลหรอกสะอาด สวย เงียบสงบ เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน” หญิงสาวอธิบายพร้อมพยักหน้า

“ฉันจะพาคุณไป” เสียงเธอร้อนรน

“แต่สิบเหรียญนะ” วินเซนเลิกคิ้วสูง เขารู้แผนการวิธีการหาเงินของเด็กจอมแก่นนี้ เพียงแต่ว่าอยากรู้เธอจะไปได้สักกี่น้ำ เขาพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะสะบัดหน้าเป็นเชิงให้เธอขึ้นมาบนรถ

 

รถยนต์แล่นตามคำบอกกล่าวของหญิงสาวด้านหลัง เธอกระชับหมวกแน่นตลอดเวลา และเหมือนจะคลำดูเงินยี่สิบเหรียญที่กระเป๋าเสื้อบ่อยครั้งคล้ายกว่าว่ามันจะหล่นหาย

เขาจอดรถลงที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งก่อนจะถึงทางออกนอกเมือง เขามองโรงแรมที่พักที่ดูยังไงสภาพก็ไม่ต่างจากในตัวเมืองนัก

“สิบเหรียญ” เธอยื่นมืออกไปรับเงินจากเขา ก่อนแม่สาวผมทองจะปรายตามองเธอ

“ขอบใจนะ แม่ค้าบุหรี่แค่นี้ก็หากินได้นะคนเรา” หญิงสาวผมทองน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ก็ยังดีกว่าขายตัวละกัน” ดวงตาสีสนิมจ้องมองหญิงสาวที่เปิดประตูรถลงจากทางด้านหลัง ก่อนเธอ จะวิ่งแจ้นหายไปในความมืด

 

สองเท้าเริ่มผ่อนแรงลงเมื่อคิดว่าไกลออกมา วันนี้เธอได้ยี่สิบห้าเหรียญจากการขายบุหรี่ สิบเหรียญจากค่าอะไรดีละ ไม่น่าจะใช่ไกด์นำเที่ยวหรอกน่า เพราะเธอหลอกเขามาใช้โรงแรมแถวนี้ เพราะมันใกล้บ้านพักของเธอมันประหยัดค่ารถไปอีกวัน แถมยังได้เงินใช้ฟรีๆ อีก

 

หญิงสาวก้าวเท้าเข้าใกล้เขตที่พักที่เป็นเพิงพักเล็กๆ แถวชานเมือง มันรกทึบด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ก่อนเธอจะเอะใจบางอย่างที่บริเวณบ้านเธอที่เป็นชุมชนขนาดเล็กประมาณสิบกว่าหลังคาเรือน ที่พักถูกสร้างเหมือนกันหมดคือเป็นเพิงขนาดเล็กมีฝารอบด้านด้วยไม้ค่อนข้างผุผัง ไฟฟ้าที่เคยส่องสว่างมันดับสนิท เธอเห็นกลุ่มคนเดินวนเวียนอยู่แถวที่พักของเธอ หญิงสาวเบิกตาโพลงทันที

 

“อย่าบอกนะว่าพวกมันมา”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา