ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  64.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

21) แทมบูรีน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     “เอ้ยยย พวกมึงรู้ยังรุ่นพี่จะพาพวกเราออกค่ายเสาร์นี้แล้วนะโว้ยยย”

เสียงไอ้เดือนมหาลัยปีนี้ร้องตะโกนออกมาจากการที่มันไปประชุมกับรุ่นพี่ปีสองปีสามหลังเรียนภาคเช้าเสร็จ

“ออกค่ายที่ไหนวะไอ้โอม??”

“ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอก แถวๆเขื่อนอุบลรัตน์นี้แหละเชี่ยทุ่ง”

“อืมก็ดีนะ  แถวเขื่อนอุบลรัตน์ มีโรงเรียนที่ยังขาดอะไรตั้งเยอะแยะ  เราไปออกค่ายที่นั้นก็ดีเหมือนกันวะ”

ผมออกความคิดเห็นกับเพื่อนๆที่นั่งพูดคุยกันใต้ต้นไม้ข้างๆโรงปั้นซึ่งถือเป็นที่สิงสถิตของเด็กๆปีหนึ่งนั้นเอง

“เอ่อโอม  แล้วพวกเราต้องเตรียมตัวยังไง   เอาอะไรไปไหม??”

ไอซ์ เป็นคนถามโอมออกไปหลังจากที่ได้รับฟังข้อมูลคราวๆว่าจะต้องไปออกค่าย

“ก็ไม่มีอะไรน่ะ  แค่เสื้อผ้าชุดลุยๆ พวกงานทาสี  งานซ่อมแซมรั้วกำแพง หลังคา  แล้วก็กิจกรรมรับน้องเต็มรูปแบบแหละไอซ์”

“ว้าย   ตายแล้ววว แบบนี้ผิวสวยๆของเค้าก็ต้องเสียแน่ๆเลยโอมขา แล้วนี้ปูนิ่มจะต้องออกแดดตากลมจริงๆใช่ไหม???”

เสียงของสาวร่างบิ๊กไซส์แต่พูดออกมาเป็นเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างปูก็อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนโอมสุดฤทธิ์ ทำให้ทุกคนหันมามองยังต้นเสียงทันที

55555555555เสียงเพื่อนๆที่นั่งร่วมวงสนทนาต่างก็พากันหัวเราะชอบใจในความจริตจะก้านของเพื่อนนามว่าปู จีรภัทร

“โอ้ยยย ยายช้างน้ำ  หุ่นอย่างเธอ แถมผิวหยาบยังกะดินแตกเดือนห้า แสงแดดมันคงไม่สามารถทำอะไรเธอได้มากไปกว่านี้แล้วล่ะ”

เสียงไอ้เจได เพื่อนในเอกร้องตะโกนออกมาหลังได้ยินคำพูดของปู จีรภัทร ที่ออดอ้อนโอม ศักดิ์พินิจ เดือนมหาลัย ทำให้สาวร่างบิ๊กไซส์เกิดอาการตกมัน คว้าเอาดินในบ่อแช่ออกมาปาใส่เพื่อนๆทันที  โดยเฉพาะเป้าหมายหลักคือเจได หนุ่มร่างผอมผมยาว ทำให้เกิดศึกสาดโคลนกันอย่างสนุกสนานขึ้นมาทันที  ไอ้เจไดก็ฉลาดเป็นกรดรีบวิ่งไปหลบหลังไอ้โอมทันที

“ไอ้เจได มึงตาย  บังอาจมาว่ากู  มึงอย่าอยู่เลยยยยยยยยอ้ายยยยยยยกรี๊ดดดดดโอมขาปูนิ่มไม่ยอมนะ อีห่าเจได มันว่าเค้าอะตัวเอง”

จากนั้นวงสนทนาใต้ต้นไม้ก็เป็นอันแตกกระเจิงไปในพริบตา ด้วยฤทธิของช้างตกมัน ผมกับไอ้โอมนี้วิ่งหนีแทบไม่ทันเลยทีเดียว

“555555  ไอ้พวกห่านี้ มันก็เล่นอะไรกันแผลงๆตลอด  ดูสิเนี้ย  เสื้อกูโดนดินเลอะไปหมดแล้ววะโอม”

“เอ่อวะ อย่าว่าแต่มึงเลยเชี่ยทุ่ง  กูก็โดนไม่ต่างกันหรอก  เอาไงดีวะ??”

“นั้นสิ  นี้ก็ใกล้ถึงคาบเรียนแล้วว่ะ??”

ผมรำพึงกับไอ้โอมถึงเสื้อที่เปื้อนไปด้วยดินโคลน จากเหตุการณ์วิ่งหนีช้างน้ำมาเมื่อสักครู่

“เอาของพี่ไปใส่ก่อนไหม??”

เสียงทุ่มๆคุ้นๆฟังดูอบอุ่น ผมรีบหันไปมองต้นเสียงทันที  โอ้วววพระเจ้าโอปป้านั้นเอง

“พี่แดน  โอ้พี่  สุดยอดเลย  พี่เอาเสื้อมาจากไหนครับ??”

“พอดีพี่มีติดรถไว้น่ะ  เห็นพวกเราเล่นดินกัน  เลยคิดว่าทุ่งน่าจะได้ใช้”

จากนั้นพี่ชนแดน  อดีตเดือนมหาวิทยาลัย ก็ยื่นเสื้อช็อปของคณะสีน้ำเงินเข้มส่งมาให้ผมทันที  แต่ผมยังไม่ทันได้รับเสื้อจากพี่รหัสเลยก็มีเสียงเปรตโหยหวนขึ้นมาเสียก่อน

“อ้าววววพี่  ทำงี้ได้ไงว่ะ  ผมก็เป็นน้องพี่เหมือนกันนะเว้ย  แถมได้เป็นเดือนมหาลัยเหมือนพี่ด้วย  ทำไมไม่ได้เสื้อเหมือนไอ้ทุ่งละ??”

เสียงไอ้เชี่ยโอมร้องทักออกมาอย่างขวางๆในการกระทำของพี่รหัสผมทันที

“อ้าว  ก็มึงนะตัวยังกะควาย  กูไม่มีไซส์ให้มึงใส่หรอก  แล้วอีกอย่างในรถกูก็มีแค่ตัวเดียวเท่านี้  มึงไอ้โอมถือว่าโชคร้ายไปนะน้อง”

“อะไรวะ  ทำแบบนี้ก็ได้เหรอ  ไม่แฟร์นี้หว่า????  ไอ้ทุ่ง  มึงไม่ต้องเปลี่ยนเลย  กูเปื้อน มึงก็ต้องเปื้อนด้วย  ไม่ต้องใส่  เอาเปรียบกัน”

“อะไรของมึงวะไอ้ห่านี้  กูจะเอาไปเปลี่ยนเว้ยยยย  เอาเสื้อมานี้ไอ้เชี่ยโอม”

ผมรีบคว้าเอาเสื้อจากไอ้เชี่ยโอมทันที หลังจากที่มันกระชากมาจากมือของพี่รหัสสุดโอปป้าของผม

“เอามานี้  กูไม่ให้เว้ยยยย ไอ้สัสทุ่ง”

ขณะที่ผมกับไอ้โอมกำลังยื้อแย่งเสื้อช๊อปของพี่ชนแดนอยู่นั้น ไอซ์ก็มาคว้าเอาเสื้อไปหน้าตาเฉย

“พวกนายไม่ต้องแย่งกัน  เสื้อตัวนี้ฉันขอแล้วกันนะ  ขอบคุณโอปป้าสุดหล่อนะค่ะ  ที่ให้ยืมเสื้อช๊อป      เสื้อช๊อปตัวนี้ส้วยสวยเนาะ”

ไอซ์หันไปหาพี่ชนแดนทันทีหลังจากที่แย่งเสื้อไปได้แล้วววว

“เอ่อครับ  น้องไอซ์เอาแบบนี้เลยหรือครับ......คะคือ คือว่า...”

“ค่ะ  เสื้อไอซ์ก็เปื้อนโคลนเหมือนกัน  ไอซ์ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะค่ะทุกคนอิอิอิ”

“แห้วรับประทาน  ไอ้สัสโอม มึงนี้ตัวมาร  ขัดกูตลอด”

“อ้าวววว กูก็เปื้อนปะวะ”

ก่อนที่ผมกับไอ้โอมจะเปิดศึกกันอีกรอบ  พี่รหัสสุดหล่อก็ห้ามทัพเสียก่อน

“ไม่ต้องเถียงกันแล้ว  พี่ว่าเราสองคนไปล้างหน้าล้างตัวก่อนจะดีกว่านะ  พี่มีเรื่องจะคุยกับพวกเราทั้งหมดเลย”

“อ้าวเหรอพี่  โอเค  งั้นเดี๋ยวทุ่งไปล้างตัวแป๊บนะพี่เดี๋ยวกลับมาครับ”

หลังจากที่พวกเราทำความสะอาดร่างกาย หน้าตาแล้วก็มารวมกันที่ห้องลายเส้น เพื่อที่จะฟังคำชี้แจงจากพี่ๆปีสอง  ซึ่งวันนี้พี่รหัสของผมเป็นคนออกโรงเองเลย 

“เอาละครับ น้องๆทุกคน คงจะพอทราบข่าวแล้วนะ  ว่าเสาร์นี้เราจะไปออกค่ายอาสากัน”

“ครับ/ค่ะ”

“คือพวกพี่ได้ปรึกษากับอาจารย์แล้วว่าในการไปออกค่ายครั้งนี้ เราต้องมีงบประมาณในการทำกิจกรรมต่างๆ  ซึ่งทางพี่ๆก็ได้เห็นสมควรแล้วว่า เราจะมีการระดมทุน ในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสี อุปกรณ์การเรียน และสิ่งต่างๆมากมาย  ซึ่งการที่เราจะมีทุนได้เราต้องหา  นี้คือเหตุผลที่พี่มาแจ้งให้น้องๆทุกคนได้ทราบกัน”

“แล้วการระดมทุน เราต้องทำไงครับพี่แดน”

เสียงไอ้เจได เป็นคนถามพี่ชนแดนแทนทุกๆคนในชั้นปี

“เป็นคำถามที่ดีมากครับน้องเจได  คืองี้ จากมติของที่ประชุม เราจะไปหาทุนกันที่ถนนคนเดิน  ซึ่งเราจะมีกิจกรรมรับบริจาค  เราจะมีการวาดภาพ และเล่นดนตรีไปด้วยเพื่อแลกกับทุน  ซึ่งพี่จะให้น้องๆสมัครใจในการทำกิจกรรมครั้งนี้ ว่าใครจะอยู่วาดภาพ หรือร้องและเล่นดนตรี  เอาละถ้าน้องๆตัดสินใจได้แล้วก็ลงชื่อตามเอกสารนี้เลยครับ”

“เอ้ยยยไอซ์  แกจะไปอยู่ฝ่ายไหนวะ??”

“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันวะ  ถ้าวาดภาพฝีมือก็ยังไม่ถึงขั้น  เล่นดนตรียิ่งไปกันใหญ่ส่วนร้องนี้ไม่ต้องพูดถึงวะแก”

“แต่ฉันจะเป็นนักร้องนำว่ะ  นำตลอด  เสียงนำคีย์  ฮ่าฮ่าฮ่า  ”

“แหม่แก  ช่างกล้าเล่นนะมุขนี้  ฉันซื้อได้เปล่า  จะเอาไปโยนทิ้งยะ”

“555555555โอ้ยยไม่มีฝ่ายเสิร์ฟน้ำบ้างเหรอวะ ”

ขณะที่ผมกับไอซ์กำลังปรึกษากันอยู่นั้น ก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งยื่นมาตรงหน้าทันที

“น้องทุ่ง  สนใจจะอยู่การเงินกับพี่ไหมครับ”

“อ้าวพี่แดน  ไหนพี่บอกว่ามีแค่สองฝ่ายไม่ใช่เหรอครับ??”

“ก็ใช่  แต่การเงินพี่ก็อยากได้คนเพิ่มครับ  ทุ่งสนใจไหม”

หลังสิ้นคำชวนของพี่รหัสสุดโอปป้า ผมก็หันไปหาไอซ์ทันที เพื่อขอความคิดเห็น   แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ปรึกษาอะไรกับไอซ์ เสียงเปรตถูกน้ำร้อนก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะพอดี

“ไม่ได้หรอกพี่  ไอ้ทุ่งมันต้องไปช่วยผมเล่นดนตรี  ผมจะให้มันเล่น แทมบูรีน”

พอไอ้เชี่ยโอมพูดจบ  ผมนี้รีบหันหน้าไปมองมันทันที  ไอ้เครื่องดนตรีอะไรเกิดมาไม่เคยได้ยินชื่อ  แล้วจะให้ผมไปเล่นได้ไง???

“อ้าว  แล้วคนอื่นๆละไม่ว่างกันเหรอวะโอม”

เสียงพี่ชนแดน ถามไอ้โอมทันที  ที่รู้ว่าไอ้เชี่ยโอมจะให้ผมไปช่วยมันเล่นดนตรี

“คนอื่นไปวาดภาพกันหมดครับ  คือมันมีทั้งวาดภาพล้อเลียน ภาพเหมือนจริง ภาพการ์ตูน  ก็ต้องไปช่วยๆกันหลายคน  ส่วนทางดนตรีไม่ค่อยมีคนถนัด  ผมทั้งร้องทั้งเล่นก็ตายสิพี่”

“อืม  แบบนั้นก็ได้  งั้นไอซ์มาช่วยพี่กับพี่อัฐ อยู่การเงินนะ”

พี่ชนแดนพอได้ฟังเหตุผลของไอ้โอม ก็หันกลับไปชวนไอซ์ทันที

“อ้าว  ให้หนูไปช่วยพี่เก็บตังค์หรือค่ะ   อ่อได้ค่ะ  ไม่มีปัญหายินดีค่ะโอปป้า”

“โอเคงั้นก็ตามนี้เลยน่ะ  ทุกคน  วันนี้ขอบใจน้องๆมากนะครับ ที่ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อค่ายของพวกเราชาวศิลปะ แล้วเย็นนี้เจอกันที่ถนนคนเดินครับ”

จากนั้นพี่ชนแดนก็เดินออกจากห้องไปทันที  ปล่อยให้ผมนั่งงง ใบ้รับประทานเลยที่เดียว

“ไอ้เชี่ยโอม  มึงถามกูสักคำไหม  ว่ากูเล่นดนตรีเป็นหรือเปล่า”

“ของง่ายๆเด็กอนุบาลยังเล่นเป็นเลย  มึงอย่าปอดนักสิวะ”

“แล้วไอ้แทม แทม อะไรนี้ มันเป็นไงว่ะ??”

“เขาเรียกแทมบูรีน เว้ยยย แค่มึงเขย่าๆ เคาะๆไปตามจังหวะ แค่นี้เอง ง่ายจะตาย”

“จริงเหรอว่ะ???  แล้วกูจะไปเอาเครื่องดนตรีที่ว่านี้จากไหน??”

“มึงไม่ต้องกลัวเว้ย  เดี๋ยวเย็นนี้ผัวมึงก็หามาให้เองกูโทรบอกเรียบร้อยแล้ว  กลัวไรวะมีผัวรวยเสียอย่าง”

“ไอ้เชี่ยโอม  ไอ้ปากหมา  มึงกับไอ้เชี่ยสัสตรี นี้เหมือนกันขึ้นทุกวันแล้วนะเว้ยยปากหมาเหมือนกันเลย”

หลังจากที่ผมด่าไอ้โอมออกไป ปรากฏว่าไอ้โอมนิ่งไปสักพัก  ผมถึงกับแปลกใจในท่าทางของมัน

“เอ้ยยยไอ้โอม  มึงเป็นไรปะวะ  กูด่าแค่นี้ถึงกับจุกเลยเหรอ??”

“เปล่าๆ กูไม่เป็นไร  เอาตามที่กูว่านั้นแหละ  เดี๋ยวเย็นนี้ไอ้ป่าสักมันก็เอาแทมบูรีน มาให้มึงเองนั้นแหละไม่ต้องห่วง  ไปๆไปเรียนกันได้แล้ว  เลยเวลามาตั้งห้านาทีแล้ว”

“อ้าวจริงด้วยเว้ยยย  เอ้ยยยพวกมึงมัวแต่คุยกันอยู่นั้นแหละ ถึงคาบอาจารย์เฟื่องเกียรติแล้วเว้ยยยใครเข้าห้องช้าเดินเป็ดนะเว้ยยยย”

ผมพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปชั้นสองของอาคารทันที  เพราะใครๆต่างก็รู้ว่าอาจารย์เฟื่องเกียรติโหดขนาดไหน

     หลังจากที่เลิกเรียนแล้วผมก็ไปซ้อมกีฬาตามปกติ ถึงจะมีงานหรือมีกิจกรรมอย่างอื่นที่ต้องทำสิ่งสำคัญเลยที่ขาดไม่ได้คือต้องไปซ้อมกีฬาตามตารางของโค้ชผู้ฝึกสอนนี้คือข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัดของนักกีฬามหาวิทยาลัยอย่างพวกผม  มันจึงเป็นเหตุให้ผมไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆที่ถนนคนเดินช้ากว่าคนอื่นๆในเอกศิลป์  แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ป่าสักขับรถมาส่งที่ถนนคนเดินทำให้ไม่ได้เสียเวลาไปมากกว่านี้

“รถเยอะมากเลยวะทุ่ง  จอดแถวๆนี้คงได้นะ”

“อืมจอดตรงนี้ก็ได้เดี๋ยวกูเดินไปเองก็ได้ป่าสัก”

“อ้าว...มึงจะไม่ให้กูไปดูมึงเล่นดนตรีเหรอว่ะ”

“ไม่โว้ยยย กูอาย  กูเล่นห่าอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง แม่งไอ้เชี่ยโอมจับกูไปเล่นดนตรีกับมันเฉยเลย”

“เอาน่า  มึงก็อย่างวิตกไป แค่จับเคาะๆตีๆให้มันไปตามจังหวะแค่นี้ก็ได้แล้ว”

“พูดง่ายจังวะ”

“ฮึฮึ กูเชื่อว่ามึงทำได้ทุ่ง  เอางี้กูไม่ไปดูมึงก็ได้กูจะเดินเล่นรอมึงสักชั่วโมงก็แล้วกันนะ”

“ เอาแบบนั้นก็ได้วะ  เอ่อป่าสักช่วงนี้ไอ้สัสตรีเป็นไรไม่รู้วะ  มันไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเดิม?”

“มันคงเรียนหนักมั้ง  เมื่อวันก่อนเห็นไปทำแลปที่คณะวิทย์ด้วย”

“เอางี้มั้ย  มึงไปรับมันมาเดินเปิดหูเปิดตาสักหน่อยสิวะ  คือกูชวนมันแล้วแต่มันไม่ยอมมา   บอกว่าเหนื่อย”

“อืมงั้นเดี๋ยวกูลองโทรชวนมันก็ได้  หลังจากพวกมึงเล่นดนตรีเสร็จค่อยไปหาไรกิน”

“อืม  ตามนั้น  กูไปน่ะ”

“เดี๋ยวสิทุ่ง  มึงลืมแทมบูรีน”

“เอ่อขอบคุณนะป่าสัก  ลืมไปเลยว่าต้องใช้มัน”

“แค่ขอบคุณเฉยๆเหรอ???”

“อ้าวมึงจะเอาไรอีก”

“ก็ไม่รู้   แต่คนที่ให้ของขวัญก็ควรจะมีสิ่งตอบแทนเล็กๆน้อยๆบ้างป่ะวะ  ถึงจะถูก”

“ม่อตลอด  ไม่โว้ยยยคนเยอะแยะ  เห็นเบ้าหน้ากูอย่างนี้ก็อายเป็นนะ”

“อะไร  คิดอะไรอยู่เนี้ย  กูยังไม่ทันได้บอกเลยว่าให้มึงทำไร  คิดลึกนะทุ่งมึงอะ”

“ไอ้บ้า  กูรู้   มึงไม่ต้องเลย  คนอย่างมึงมันหน้าม่อ แค่อ้าปากก็เห็นถึงไส้แล้ว”

“55555       ทุ่งวันนี้มึงห้ามไปอ่อยใครนะ”

“อะไรของมึง  กูไปเล่นดนตรี  อีกอย่างเบ้าหน้าอย่างกูโดนรัศมีไอ้เชี่ยโอมบัดบังหมดแล้ว ไม่มีใครมองกูหรอก”

“ไม่รู้แหละ  ถ้ากูเห็นว่าไอ้หน้าวอกนั้นมาวอแวกับมึงเป็นเรื่อง”

“โอ้ยยยยไอ้ห่า    คิดได้เนาะ นั้นมันพี่รหัสกูเว้ยยยยย”

จากนั้นผมก็รีบลงจากรถคันหรูของป่าสักทันทีเพราะไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็เกรงใจเพื่อนๆที่มาทำกิจกรรมอยู่ก่อนแล้ว ผมเดินมาถึงบริเวณที่พี่ๆและเพื่อนๆทำกิจกรรมแต่ก็ต้องตกใจอย่างมากเพราะว่ามีผู้คนมากมายมารุมล้อมดูไอ้โอมร้องเพลงทั้งถ่ายรูป ไลฟ์สดทางเฟซ  โอ๊ะๆผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนอย่างไอ้โอมถึงได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัย  ก็ดูความฮอตของมันสิครับ สาวๆนี้มารุมล้อมบริจาคทรัพย์กันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว  โอม  โอมหล่อสุดๆเลย  โอม  โอมเล่นดนตรีเก๋งเก่ง โอมร้องเพลงเพราะมากๆเลย  อยากให้โอมไปร้องให้ฟังที่บ้านจังเลย  ต้องบริจาคเท่าไรค่ะ บลาๆๆๆๆๆๆ กว่าที่ผมจะฝ่าวงล้อมเข้าไปได้เล่นเอาเนื้อตัวเขียวชำไปหมดเพราะโดนแรงกระแทกจากเหล่าบรรดาแฟนคลับของเดือนมหาวิทยาลัย

“มาช้านะมึงไอ้เชี่ยทุ่ง  ปั้มลูกกับไอ้ป่าสักอยู่เหรอวะ”

“ไอ้ปากหมา  มึงอย่ากวนส้นตรีน  กูซ้อมกีฬาเว้ยย”

“จร้า กีฬาในร่มละสิอิอิอิ หน้าเหลืองมาเชียวนะมึง”

“มึงหยุดเห่าได้แล้วววว  ถ้ามึงไม่หยุดกูกลับ”

“เอ่อๆๆ ล้อเล่นแค่นี้ ทำเป็นงอน  ไอ้ห่ามาๆเริ่มเพลงต่อไปเลย”

จากนั้นไอ้เชี่ยโอมก็หันไปสนใจกับกีต้าร์ตัวโปรดของมัน พร้อมกับร้องเพลงเพื่อชีวิตเพราะๆขับกล่อมให้กับบรรดาแฟนคลับและเหล่าบรรดาผู้ที่มาเดินจับจ่ายซื้อของที่ถนนคนเดิน  ผมเหลือบไปมองกล่องพลาสติกใสที่ขอรับบริจาคนั้น ปรากฏว่าต้องตกตะลึงกับจำนวนเงินมากมายที่อยู่ในกล่อง  ตอนนี้พี่ชนแดนได้มาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกับไอ้โอมในการร้องเพลงซึ่งเอฟซีของโอปป้านั้นก็ไม่น้อยหน้าไอ้โอมเหมือนกัน ก็อย่างว่าละครับเดือนมหาวิทยาลัยด้วยกันทั้งคู่ งานนี้ได้เงินบริจาคมากมายเลยทีเดียว หลังจากที่พี่รหัสร้องเสร็จก็เปลี่ยนมาเป็นนักร้องหญิงบ้าง  ซึ่งทำให้ผมตกตะลึงไปเลยนั้นก็คือสาวร่างบิ๊กไซส์ ปู จีรภัทรนั้นเอง วันนี้นางมาแบบองค์แม่ทา ทา ยัง ใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น เสื้อยืดมัดชายเสื้ออีกข้าง แต่งหน้าจัดๆ ผมนี้นึกในใจว่านางจะไปเล่นงิ้วที่ไหนเสียอีก

“สวัสดีคร้าทุกคน  เปลี่ยนแนวมาฟังน้ำเสียงหวานๆกันบ้างนะค่ะ หลังจากที่เคลิ้มกับน้ำเสียงนุ่มๆบาดอารมณ์ของเดือนมหาลัยทั้งสองของเราไปแล้ว  วันนี้น้องปูนิ่ม  เอาเพลงสนุกๆนี้มาฝากค่ะ  ลองฟังกันดูนะคร้า กับผลงานเพลงผู้สาวขาเลาะ”

โอ้ววววฮิ้วๆๆๆๆกรี๊ดดดดดดเสียงต่างๆนา นา มากมายถาถมเข้ามาจนผมหูแทบจะดับเลยทีเดียว  จากนั้นเสียงกลองก็ให้จังหวะ ดนตรีก็บรรเลงขึ้นมาทันที ผมก็เคาะเจ้าแทมบูรีนไปตามจังหวะ ถูกบ้างผิดบ้างก็คงไม่มีใครรู้อิอิอิขนาดผมยังไม่ได้ยินเสียงเจ้าแทมบูรีนเลย มั่วแต่ตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจกับจำนวนคนที่มามุงดูและให้กำลังใจในการหาทุนออกค่ายของพวกเราชาวศิลปะ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรากิจกรรมของเราที่ถนนคนเดินก็เช่นกันแต่กว่าจะได้พักก็เล่นเอาทุกๆคนเหนื่อยไปตามๆกันเลยทีเดียว

“เชี่ยโอม มึงจะไปแดรกข้าวกับพวกกูเปล่า?”

“ที่ไหนว่ะ??”

“ยังไม่รู้เลย  ต้องรอถามป่าสักเดี๋ยวก็คงมา........นั้นไงมาแล้ว”

ผมพูดพร้อมชี้มือไปทางป่าสักที่เดินสวนทางกับผู้คนมาทางพวกเราสองคนที่ยืนรออยู่ลานเล่นดนตรีกลางแจ้ง

“ทุ่ง  กูซื้อน้ำมะพร้าวปั่นมาให้”

ป่าสักยื่นแก้วน้ำมะพร้าวปั่นที่น่าจะซื้อมาจากถนนคนเดินให้ผมทันทีที่มาถึง

“ขอบคุณน่ะ”

“เจ้านี้อร่อยนะทุ่ง  ลองชิมดูสิ”

ป่าสักพูดพร้อมกับเร่งให้ผมชิมน้ำมะพร้อมปั่นไปในตัวโดยการเอามือของมันดันก้นแก้วเข้าปากผม

“โอ้ยยยย ทำอะไรเกรงใจกูหน่อยเถอะไอ้เหี้ย  แล้วไหนของกูละไม่มีเลยเหรอวะป่าสัก”

เสียงของไอ้โอมดังขึ้นมาหลังจากที่มันยืนมองดูผมกับป่าสักกำลังกินน้ำ

“อ้าวไอ้เชี่ยตรีไปไหนแล้วละ  อยู่กับไอ้ตรี  ไอ้ห่านี้ไปไหนแล้ววะเมื่อกี้ยังเดินตามหลังกันมาติดๆเลย”

ป่าสักบ่นออกมาหลังจากที่ไม่รู้ว่าตรีภพหายไปไหนแล้ว เพราะตรีภพเป็นคนถือน้ำอีกแก้วมาให้โอม ศักดิ์พินิจ

“เอ้าแล้วกูจะได้แดรกไหมครับเนี้ย  หายทั้งน้ำหายทั้งคน??”

โอมศักดิ์พินิจบ่นออกมาพร้อมใช้มือปาดเหงื่อที่ไหลมายังใบหน้าเรียวๆ

“บ่นเป็นคนแก่ไปได้ไอ้สัส  กูไปซื้อผ้าเย็นมาให้เว้ยยย เอ้าเอาไปสิทั้งน้ำทั้งผ้าเย็น”

จู่ๆตรีภพก็โผล่มาด้านหลังของพวกเราพร้อมกับผ้าเย็นและแก้วน้ำที่ยื่นให้กับโอม ผมสังเกตเห็นแววตาของไอ้ตรีมองมายังไอ้โอมแปลกๆส่วนไอ้โอมก็รับแก้วน้ำจากไอ้ตรีแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ

“นี้ของไอ้เพื่อนทุ่งครับ ผ้าเย็นๆเช็ดหน้าจะได้ชื่นใจ  เล่นดนตรีเก่งนะมึง ลีลาพลิ้วเลยวะทุ่ง555555”

ตรีภพยื่นผ้าเย็นให้ผมแต่มันก็ยังปากหมาเหมือนเดิน  สงสัยไอ้ตรีภพคนเดิมกลับมาแล้ว มันแซวผมได้เหมือนเดิม

“สัสตรีมึงอย่ามาแซวกูเว้ยยย  เห็นเบ้าหน้ากูด้านๆแบบนี้กูก็อายเป็นเหมือนกันนะเว้ยยยย”

“หายเหนื่อยยังวะ ถ้าหายเหนื่อยแล้วเราไปหาอะไรทานกัน  นี้ก็ดึงมากแล้ววะ”

ป่าสักเป็นคนชวนหลังจากที่ผมกับไอ้โอมได้ดื่มน้ำและเช็ดหน้าด้วยผ้าเย็นๆจากไอ้ตรีภพแล้ว

“เดี๋ยววันนี้กูเลี้ยงให้กับนักดนตรีคนใหม่วะ55555555 เห็นลีลาแล้วสุดยอดจริงๆ เคาะบ้าอะไรก็ไม่เข้าจังหวะกลองเลยเว้ยยย”

คราวนี้ป่าสักเป็นคนแซวผมเองเลย เล่นเอาผมไปไม่เป็นครับ ก็มันไม่เคยนี้หว่าจะให้พลิ้วได้ไง นี้เป็นครั้งแรกที่ผมมาทำอะไรแบบนี้ แถมเล่นอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากซ้อมก็ไม่ได้ซ้อมอะไรกับเขาเลย ดำน้ำล้วนๆครับงานนี้ต้องปล่อยให้พวกมันแซวไปก่อน

“เอ้ยยยไอ้ป่าสัก งานนี้กูไม่กินกระจอกๆนะเว้ย  การที่กูเอาไอ้นักดนตรีใหญ่อย่างเชี่ยทุ่งมาร่วมวงได้ กูต้องใช้วิทยายุทธชั้นสูง”

“เอ่อมึงไม่ต้องพูดมาก  อยากแดรกไรบอกมา”

“โอเค งั้นเราไปไฮโซห้าดาวกัน”

“ได้สบายอยู่แล้ว  ไม่มีปัญหาเว้ยไอ้คุณโอมเพื่อนรัก”

จากนั้นไอ้โอมกับไอ้ป่าสักก็รีบเดินนำหน้าไปยังรถที่จอดไว้อีกฝั่งของถนนคนเดินปล่อยให้ผมร้องถามด้วยความสงสัยทันที

“เดี๋ยวๆๆไอ้ป่าสักไอ้โอม  แมร่งพวกมึงเล่นคุยอะไรกัน  แล้วมันเกี่ยวไรกับการที่กูถูกไอ้โอมยัดเหยียดมาเล่นแทมบูรีนว่ะ??”

ผมได้ฟังไอ้ป่าสักกับเชี่ยโอมคุยกันแล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องใช้เทคนิคอะไรที่ต้องให้ผมมาเล่นดนตรีกับไอ้โอม

“ช่างแมร่งเถอะทุ่ง  มึงก็อย่างไปขี้สงสัยอะไรนักเลย ไหนๆมึงก็ทำไปแล้วในโลกนี้มันมีอะไรซับซ้อนอีกเยอะที่อย่างเราๆไม่เข้าใจ”

“แหมวันนี้ทำเป็นมาพูด  ไอ้สัสตรี กูชวนมาไม่ยอมมาเลยนะมึง ไอ้ป่าสักไปทำอีท่าไหนวะมึงถึงยอมมาถนนคนเดินได้”

“ก็ไม่มีอะไรหรอกมึง  แค่กูอยากมาเห็นมึงเล่นแทมบูรีน55555”

“อืมไอ้สัส  ไอ้เพื่อนเลว  มึงหยุดล้อกูได้แล้วกูอายคน”

“ไม่เห็นจะหน้าอายเลยมึงก็เนียนจะตายเว้ย”

“ปากมึงกับปากไอ้โอมนี้  ปากหมาเหมือนกันขึ้นทุกวันเลยนะเว้ยยยยย.....อ้าวววกูด่าว่าปากหมาเหมือนกับไอ้โอมแค่นี้จุกเลยเหรอวะไอ้ตรี  เอ่อพวกมึงสองคนนี้แหม่งแปลกๆวะ พอกูพูดถึงมึงไอ้เชี่ยโอมก็มีอาการแปลกๆแล้วมึงอีกพอกูพูดถึงไอ้โอมแหม่งเสือกมีอาการเดียวกันเลย  เป็นไรปะวะพวกมึงสองคนเนี้ย???”

“ปะเปล่า  ไม่มีอะไร ไปๆรีบเดินเถอะเดี๋ยวไม่ทันไอ้หมอหมากับไอ้เชี่ยโอมกันหรอก”

จากนั้นก็มีเสียงร้องตะโกนดังๆจากไอ้โอมมาทันที

“อ้าวไอ้ตรีไอ้ทุ่ง พวกมึงสองคนจะแดรกข้าวไหมครับ  ตอนนี้ผมหิวมากแล้ววววววววเดินให้มันไวๆหน่อยสิว่ะ”

“เอ่อๆไปเดี๋ยวนี้แหละ  ปะทุ่ง รีบเดิน”

“ตรีมึงมานั่งรถกับกู”

โอม ศักดิ์พินิจพูดขึ้นมาหลังจากที่ผมกับไอ้ตรีเดินมาถึงรถของป่าสักแล้ว

“อ้าวทำไมกูต้องไปรถมึงวะโอม   ก็กูมารถไอ้ป่าสัก?”

“เอ้ามึงจะไปเป็นก้างเขาทำไม  อีกอย่างกูไม่มีเพื่อน”

“เกี่ยวไรกับกูวะ?”

“เกี่ยวสิมึงก็ช่วยกูถือกีต้าร์ไง  กูจะได้กินน้ำถนัดๆอีกอย่างกูเหนื่อยมึงจะได้ขับรถให้กูด้วย”

“เอ่อจริงอย่างที่ไอ้โอมมันพูดนั้นแหละไอ้ตรี ไอ้เชี่ยโอมมันทั้งร้องทั้งเล่น ให้มันได้นั่งพักสบายๆก็ดีวะ”

เสียงของป่าสักสนับสนุนความคิดของไอ้โอมขึ้นมาทันที

“อ้าวนี้กีต้าร์ถือให้ด้วยครับคุณตรีภพ”

พอสิ้นเสียงพูดโอม ศักดิ์พินิจก็ยื่นกีต้าร์ตัวโปรดของเขาให้ตรีภพไปถือทันที

“โอเคนะพวกมึง แล้วเจอกันที่ร้านอาหารไฮโซห้าดาว”

“อืม  ขับรถดีๆละเชี่ยตรี  ไม่ใช่เอาแต่เหม่อ”

“รู้แล้วเว้ยไอ้หมอหมา มึงไม่ต้องเห่าให้มันมาก”

“55555เอ่อๆ..................  ปะทุ่งเราไปกันเถอะ หรือว่ามึงจะมาขับรถแทนกูมั้ย??”

“ป่าสัก  มึงอย่าบ้าจี้ได้ปะ  กูขับรถยนต์ไม่เป็นเว้ยยยย”

“อ้าวเหรอ  เดี๋ยววันหลังสอนให้นะ  จะได้ขับเปลี่ยนกันไง”

“ไม่เอาวะ  กูกลัวรถหรูๆของมึงกลายเป็นเศษเหล็ก”

“กูไม่กลัวหรอกเป็นเศษเหล็ก  แต่ก็กลัวจะเป็นเศษใจของมึงต่างหาก”

“แหวะ  ทุเรศ  เสี่ยวขึ้นทุกวันนะมึงป่าสัก”

“ถึงจะเสี่ยว   แต่ก็ทำให้ใครบางคนหน้าแดงได้นะเว้ย”

“แดงเดิงที่ไหน  ไม่มี”

“จริงอะ  แล้วทำไมต้องเสียงสูงวะ”

“อ้าวที่มึงเห็นหน้ากูแดงๆอะสีมาจากแสงไฟทั้งนั้นไอ้บ้า”

“55555ให้มันจริงเถอะ  เขินแล้วน่ารักนะเรา อ้าวรีบขึ้นรถเชียว”

ป่าสักเข้ามาในรถแล้วก็จริงแต่ก็ยังไม่ยอมสตาร์ทรถเสียทีเอาแต่มองหน้าผมแล้วก็ยิ้มครับ ไม่รู้มันจะยิ้มอะไร ผมไปไม่เป็นเลยคราวนี้

“อ้าว  มึงจะมามัวยิ้มทำไม  สตาร์ทรถสิ  กูหิวข้าวแล้ว”

“ครับ  ครับคุณทุ่ง  ว่าแต่คุณทุ่งเวลาเขินแล้วชอบโวยวายอย่างนี้เหรอ??”

“เดี๋ยวเถอะมึงไอ้คุณป่าสัก   เดี๋ยวกูทุบด้วยแทมบูรีนนี้หรอก”

“โอเค  ไม่ล้อแล้วก็ได้  คาดเข็มขัดด้วยครับ”

ด้วยความที่ผมโดนป่าสักแซวมากๆก็ไปไม่เป็นทำอะไรไม่ถูกจับสายเข็มขัดนิรภัยก็ดึงไม่มา เงะๆงะ ขณะที่ผมกำลังสาระวนจัดการกับเจ้าสายbeltอยู่นั้นปรากฏว่าป่าสักก็โน้มตัวมาคว้าสายbeltเจ้าปัญหาให้ทันที

“มานี้เดี๋ยวกูช่วย  เล่นดนตรีแค่นี้มือไม้ไม่มีแรงเลยเหรอ??”

“เอ่อ เออ  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมดึงสายไม่ออกวะ”

“เขาต้องดึงอย่างนี้”

ป่าสักใช้จังหวะในการโน้มตัวมาดึงสายbeltพร้อมกับเอาใบหน้าหล่อๆของเขาเข้ามาใกล้ๆกับริมฝีปากบางๆของผมอย่างแผ่วเบา   ดวงตาของเขาช่างชวนฝัน หัวใจผมเต้นแรงขึ้นมาทันที  แพ้ครับ  แพ้สายตาแบบนี้ แพ้การกระทำอย่างนี้โอ้ยยยยหัวใจจะทะลุออกมาข้างนอกแล้วทุ่งธรเอ๋ยยยยยยยย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา