ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  64.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) แผนร้ายแผนรัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ในระหว่างที่ป่าสักและทุ่งธรกำลังนั่งทานข้าวเช้าที่โรงอาหารสามเส้าอยู่นั้น จู่ๆสายตาของป่าสักก็ไปปะทะเข้ากับร่างสูงของโอม ศักดิ์พินิจเข้า  จึงสะกิดให้ทุ่งธรดูอาการเหม่อลอยของอีกฝ่าย

“ทุ่ง  มึงดูนั้นสิ  ใช่เพื่อนเราหรือเปล่าวะ?”

“อ้าว  นั้นไอ้โอมนี้  ทำไมมันดูเหมือนซากศพเดินได้จัง?”

“หรือว่ามันจะรู้เกรดเฉลี่ยแล้ว  ไม่แฮปปี้วะ”

“ใช่เหรอ?  ไอ้เชี่ยโอมมันเรียนเก่งกว่ากู อย่างน้อยๆเกรดมันต้องไม่ตำกว่าสามแน่ๆ   คงไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนหรอก”

“ถ้าไม่ใช่เรื่องเรียนแล้วจะเรื่องไรวะ?”

“เอ่อนั้นนะสิ  ไอ้ตรีก็มีอาการเดียวกันเลย”

“กูว่าสองคนนี้ชักจะยังไงๆแล้ววะทุ่ง”

“มึงก็ลองเรียกมันมาถามสิ”

“เอาอย่างนั้นเหรอวะ”

“โอ้ยยมัวแต่เกรงใจเพื่อนอยู่นั้นแหละ  เดี๋ยวกูเรียกเอง”

หลังจากนั้นทุ่งธรก็กวักมือพร้อมตะโกนเรียก โอม ศักดิ์พินิจ ทันที เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้โต๊ะอาหารที่พวกเขาทั้งสองนั่งอยู่ก่อนแล้ว

“เอ้ยไอ้โอมทางนี้มึง”

“อ้าวพวกมึง  ตัวติดกันตลอดเลยนะ”

โอม ศักดิ์พินิจ  ทักเพื่อนกลับมาอย่างเฉื่อยๆ ดูแล้วไม่ประปี้กระเปร่าเลย  มันขัดกับมาดกวนๆที่เคยเห็นจริงๆ

“เอ่อมึง มานั่งด้วยกันสิวะ”

ป่าสักเป็นคนชวนให้เพื่อนมาในฝั่งเดียวกันกับเขาทันที ที่โอมเดินมาถึงโต๊ะ

“อืม ขอบใจวะมึง  นี้พวกมึงแดรกไรกัน?”

“ก็โจ๊กวะ  ง่ายๆสะดวกดี  แล้วมึงจะเอาโจ๊กด้วยไหม  เดี๋ยวกูไปสั่งให้”

ทุ่งธร เป็นคนถามโอมและรีบอาสาไปสั่งโจ๊กให้เพื่อนทันที

“เอ่อ เอาไรก็เอามาเถอะ  ช่วงนี้แมร่งแดรกไรไม่ค่อยลงวะ”

“อืม  งั้นกูไปสั่งให้แล้วกันนะ  แล้วมึงจะแดรกน้ำไรวะโอม ?”

“น้ำส้มเหมือนมึงก็ได้  บางทีมันอาจจะทำให้กูใจชื้นขึ้นมากับเขาบ้าง”

“เออๆรอแป๋บแล้วกัน”

จากนั้นทุ่งธรก็รีบลุกจากโต๊ะอาหารของโรงอาหารสามเส้าเพื่อไปสั่งโจ๊กให้โอม ศักดิ์พินิจทันที เขาปล่อยให้ป่าสักและโอมได้คุยกันตามลำพัง เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานคงจะพอพูดเปิดใจกันได้ แต่ถ้าขืนเขาอยู่ด้วยโอมอาจจะไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยก็เป็นได้ 

“เออ  โอมมึงเป็นไรปะวะ  มีเรื่องไรปรึกษากูได้นะมึง”

ป่าสักถามโอม ออกไปหลังจากที่ทุ่งธรเดินห่างออกไปจากโต๊ะอาหารแล้ว

“คือ  ... คือ   คือกูมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยวะมึง”

“เกี่ยวกับไอ้ตรีใช่ไหม?”

“อืม  กูไม่รู้จะเริ่มต้นไงดีวะป่าสัก”

“กูเข้าใจ  เอาเท่าที่มึงอยากเล่าให้กูฟัง   กูรับฟังเสมอ  อย่าลืมนะว่ากู ไอ้ตรี.. และมึงเป็นเพื่อนกัน”

“เฮ้อ!   ก็เพราะเหตุนี้ไง  กูถึงจะตายอยู่นี้”

โอมระบายความในใจออกมาสุดที่จะอดกลั้นเอาไว้ได้  ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันเหมือนมีก้อนอะไรหนักๆมาทับไว้ตรงหัวใจของตัวเอง

“ใจเย็นๆมึง  ทุกอย่างมันย่อมมีทางแก้ไข”

“คือกู  ผิดคำพูดกับไอ้ตรีวะ   ผิดมาตลอดเลย  ไม่เคยทำตามสัญญาที่ให้กับมันได้เลยสักครั้ง”

“ใจเย็นๆมึง ลองตั้งสติดู  ว่าเรื่องมันร้ายแรงมากไม๊”

“กูก็ไม่รู้ว่าร้ายแรงเปล่า   แต่กูรู้สึกผิดต่อมันวะ”

“กูว่าเรื่องคงไม่ได้เลวร้ายหรอก  ยังไงความเป็นเพื่อนมันก็น่าจะช่วยให้อะไร อะไรมันง่ายขึ้นอยู่น่ะ”

“จริงหรอ?”

“อืม    หาเวลาเคลียร์กันสักวันเถอะมึง  อย่าปล่อยให้เวลามันเนินนานไปกว่านี้เลย  เดี๋ยวอะไรๆมันจะสายเกินไป”

“กูพยายามแล้ว  แต่แม่งไอ้ตรีไม่รับสายกูเลย  ไปหาก็หลบหน้าตลอด”

“เอางี้เดี๋ยวเย็นนี้กูนัดให้ตอนไปซ้อมกีฬา”

“เอางั้นเหรอวะ?”

“อืม  เชื่อกูสิ  รับรองไม่พลาดหรอก”

ป่าสักรับปากเพื่อน  เพื่อให้คนที่กำลังจะตายได้มีความหวังขึ้นมาที่จะได้เคลียร์ปัญหากับเพื่อนอีกคน

“แล้วมึงจะไม่ถามกูเหรอวะป่าสัก  ว่ากูจะเคลียร์ปัญหาอะไรกับไอ้ตรี?”

“ไม่หรอก  กูเชื่อว่าถ้าวันไหนมึงพร้อมจะเล่าให้กูฟัง  มึงก็จะเล่าเอง”

“ขอบใจมึงมากน่ะไอ้หมอหมา ที่เข้าใจกูเสมอ”

ในขณะที่โอมและป่าสักกำลังคุยกันอยู่นั้น  ทุ่งธรก็ถือถ้วยโจ๊กและน้ำส้มคั้นใหม่ๆมาถึงโต๊ะพอดี

“โจ๊กร้อนๆมาแล้วเว้ย  อ้าวไอ้โอมแดรกสะมึง  จะได้มีชีวิตชีวาขึ้นมากะเขาบ้าง  ไม่ใช่เหมือนซอมบี้แบบนี้”

ทุ่งธรพูดเสร็จก็ยื่นถ้วยโจ๊กและขวดน้ำส้มคั้นใหม่ให้เพื่อนทันที  พร้อมกับนั่งลงตรงข้ามกับป่าสัก

“ขอบใจมึงมากนะเว้ยทุ่ง”

“คิดไรมากวะ มึงก็เพื่อนกู   ทำให้เพื่อนแค่นี้สบายมาก”

“มิน่าละ ไอ้หมอหมามันถึงไปไหนไม่รอด”

“เอ้ยยยไอ้บ้าเกี่ยวไรกันวะ?”

“ก็ไอ้ป่าสักมันมีมึงคอยดูแลดีแบบนี้ไง”

“อะไรของมึงวะเชี่ยโอม  มึงนี้เป็นงูเห่าแท้ๆ  แว้งกัดกูจนได้”

“ฮ่าฮ่า พวกมึงอย่าตีเนียน  กูไม่ใช่คนหูหนวกตาบอดนะเว้ย  ที่จะไม่รู้อะไรเลย”

“เหรอวะ?  มึงก็คิดว่ามึงมีตาอยู่ฝ่ายเดียวนะไอ้โอม  กูนี้ไม่มีลูกตาเลยเหรอ  อย่าให้กูพูดนะเว้ย  ว่าไอ้อาการเหมือนผีดิบของมึงนั้นนะ เกิดมาจากอะไร?”

ทุ่งธรรีบขัดโอมทันที  เขาไม่ยอมให้เพื่อนเล่นอยู่ฝ่ายเดียว  เพราะดูจากสีหน้าของโอมตอนนี้แล้ว  คิดว่าน่าจะได้พูดคุยหรือระบายเรื่องไม่สบายใจให้ป่าสักฟังแล้วแน่ๆ

“เอ่อมึงเก่ง  กูยอมแพ้แล้วก็ได้”

โอมรีบตอบกลับทุ่งธรทันที  เพราะไม่อยากให้เรื่องของเขากับตรีภพแพร่หลายไปมากกว่านี้ เพราะที่นี้มันเป็นโรงอาหาร

“ไอ้หมอหมา  เอาเข็มมาเย็บปากเมียมึงด้วย  กูรู้สึกเหมือนจะโดนกัดวะ”

“อ้าวไอ้โอม  ไอ้เนรคุณ”

“โอม  แล้วเกรดมึงเป็นไงบ้างวะ?”

ป่าสักถามโอมออกไปหลังจากที่นั่งทานข้าวด้วยกันสักพัก 

“อืม  ก็โอเคนะ สามหน่อยๆ”

“เทอมนี้ถ้ามึงไม่ยุ่งอะไร  กูฝากช่วยติวให้ทุ่งหน่อยนะ  เกรดเทอมแรกไม่ค่อยดีเลยวะ”

ป่าสักวานเพื่อนให้ช่วยติวทุ่งธรอีกที  เพราะว่าทั้งโอมและทุ่งธรเรียนคณะเดียวกันเอกเดียวกัน

“อ้าว?? ไอ้ทุ่งมึงได้เกรดเท่าไรวะ?”

โอมหันไปถามทุ่งธรทันที  หลังจากฟังคำขอร้องของป่าสัก

“เกรดกูเหรอ?  ก็ปกติสำหรับกูนะ  ไม่มากไม่น้อยจนน่าเกลียด อิอิ ได้แค่สองกว่าๆเอง”

“อืม  นั้นนะสิ  เกรดไอ้ทุ่งมันก็ไม่ได้ต่ำอะไรนี้”

“มันก็ใช่แต่กูอยากให้มันขยับขึ้นมาอีกสักนิด  อย่างน้อยๆก็ให้แตะๆสามก็ยังดี”

ป่าสักบอกโอมออกไปทันที  หลังจากที่โอมแสดงความคิดเห็นเรื่องเกรดของทุ่งธร

“โอ้ยยยไอ้คุณหนู  ใครมันจะไปเก่งเหมือนมึงวะ  คนแต่ละคนมันก็มีข้อแตกต่างระหว่างบุคคลนะเว้ย  แล้วอีกอย่างเมียมึงไม่ต้องให้รู้มาก  เดี๋ยวตามมึงทัน”

“อ้าวไอ้โอม  ไอ้เชี่ย  ไอ้เวร  ไอ้เลว  มึงนี้จะแขวะกูตลอดเลยใช่ไหม?”

“เปล่า  กูพูดเรื่องจริง  ไอ้ทุ่งกูจะบอกให้มึงไม่ต้องเกรดดีก็ได้  มีผัวรวยเสียอย่างกลัวไรวะ”

“ไอ้โอม ไอ้ปากหมา  มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย  กูไปเป็นเมียไอ้ป่าสักตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ”

“ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า  นี้พวกมึงยังไม่ได้กินตับกันอีกเหรอวะ?”

“ไอ้ห่า  มึงพูดไรวะ  นี้มันโรงอาหารนะเว้ย”

ทุ่งธรตะโกนด่าโอมทันที  เขาไม่คิดว่าโอมจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะนั้นเอง

“เชี่ยโอม  มึงก็หยุดล้อทุ่งได้แล้ว  มันยิ่งอายๆอยู่  ส่วนเรื่องกินตับมึงไม่ต้องห่วงหรอก  อีกไม่นานเดี๋ยวกูจัดการแน่”

“อ้าวไอ้เวรนี้  แทนที่มึงจะห้ามมัน  กลับตามน้ำไปเฉยเลย  ...ดีงั้นน้ำสองขวดของพวกมึงไม่ต้องแดรก  กูลิบคืน”

พูดเสร็จทุ่งธรก็รีบคว้าขวดน้ำส้มและน้ำเปล่าของป่าสักและโอมมาทันที

“อ้าวไอ้นี้พาลวะ  เอาคืนมาเลยเว้ย  กูจะแดรกน้ำ”

โอมยื่นมือมาแย่งขวดน้ำส้มคั้นคืนจากมือทุ่งธรทันที  ตอนนี้เกิดการแย่งขวดน้ำกันไปมาในโต๊ะโรงอาหารสามเส้าเสียแล้ว

“พอๆเถอะพวกมึง  กูว่ารีบแดรกเถอะนี้ก็สายแล้วเดี๋ยวกูไปเรียนไม่ทัน”

ป่าสักเห็นท่าไม่ดีเลยรีบห้ามทัพเสียก่อน

“เออโอม  มึงอย่าลืมเรื่องติวให้ทุ่งด้วยนะ”

“เกรดเชี่ยทุ่ง  มันก็ไม่ได้ต่ำตมนี้หว่า?  มึงจะห่วงอะไรนักหนาวะป่าสัก?”

“นั้นนะสิโอม  ถึงกูจะได้แค่สองกว่าๆ แต่กูก็ภูมิใจอยู่นะเว้ย”

“เหรอ??แต่เมื่อเช้านี้กูเห็นใครไม่รู้ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายเรื่องเกรดอยู่เลย   แหมทีตอนนี้มาทำเป็นพูดดี”

ป่าสักได้ทีรีบขายทุ่งธรให้โอมฟังทันที  พอโอมได้ยินถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างสุดจะกลั้นไว้ได้  ทำให้ป่าสักและทุ่งธรพลอยดีใจไปด้วยที่เห็นเพื่อนยิ้มได้แล้ว ถึงจะไม่มากก็ตามที จากนั้นป่าสักก็แยกย้ายกลับไปเรียนที่คณะของตัวเอง  ปล่อยให้สองหนุ่มทุ่งธรและโอม ศักดิ์พินิจ เดินมาเรียนที่ภาคศิลป์ด้วยกัน  การเรียนวันแรกของภาคเรียนที่สองก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ทุ่งธรก็เตรียมตัวจะกลับหอพักเพื่อเตรียมตัวไปซ้อมกีฬาซึ่งตอนนี้เขานั่งรอกังวานไพรอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าโรงปั้นของภาคศิลป์ ที่ซึ่งเป็นสถานที่สิงสถิตของเด็กปีหนึ่งนั้นเอง

“ทุ่ง  แกจะให้ฉันไปส่งเปล่า”

เสียงไอซ์ ถามออกมาทันที  หลังจากที่อีกฝ่ายเดินตามออกมาจากอาคารเรียนทีหลัง

“ขอบใจวะแก  แต่ไม่รบกวนดีกว่านะ  พอดีนัดกับป่าสักไว้แล้ว”

“ฉันก็รู้น่ะว่าคงมีราชรถมาเกยถึงภาคศิลป์  งั้นก็เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้นะแก”

“เคร บาย”

จากนั้น  ไอซ์ก็แยกกลับหอปล่อยให้ทุ่งธรนั่งอยู่เพียงลำพัง

“หวัดดีครับน้องทุ่ง”

“อ้าวพี่แดน  หวัดดีครับ  เพิ่งเลิกเรียนเหรอพี่”

“อ่อ เลิกนานแล้ว  พอดีทำงานเพิ่งเสร็จนะ  แล้วนี้ทำไมทุ่งยังไม่กลับหอล่ะครับ?”

“คือว่าทุ่งรอเพื่อนมารับครับ”

“อืม  พี่อยากไปส่งน่ะ  แต่คิดว่าทุ่งคงไม่เต็มใจ”

ชนแดนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าๆน่าเห็นใจ  ทำให้ทุ่งธรเมื่อได้ฟังแล้วเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับพี่  เออ  คะคือว่า  ทุ่งเกรงใจพี่แดนนะครับ”

“เกรงใจพี่  หรือเกรงใจคนอื่นกันแน่?”

“ปะเปล่านะครับ  ทุ่งเกรงใจพี่แดนน่ะครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกพี่เต็มใจ   แต่ถ้าไม่ได้เกรงใจคนอื่น  วันนี้ก็ต้องให้พี่ไปส่งนะครับ”

ชนแดน ได้ทีก็รีบเดินแผนรุกทุ่งธรต่อเลย  ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ง่ายๆ

“คงไม่ได้หรอกครับพี่  พอดีวันนี้ผมจะไปส่งทุ่งเองครับ”

จู่ๆเสียงของโอม ศักดิ์พินิจก็แทรกขึ้นมา ระหว่างบทสนทนาของชนแดนกับทุ่งธร

“อ้าวไอ้โอม  มึงมีไรวะ?”

“ก็ไม่มีไรหรอกพี่  คือผมมารับไอ้น้องทุ่งของพี่ครับ”

“ทำไมต้องมารับด้วย  ก็กูกำลังจะไปส่งน้องทุ่งอยู่นี้ไง?”

“คือว่า  ผมมีเรื่องจะให้ไอ้ทุ่งมันช่วยนะครับ  เลยจะไปส่งมันที่หอ”

“ทำไมวะ  กูจะไปส่งน้องทุ่ง  นี้มันมีปัญหานักหรือไง”

“เปล่าเลยพี่แดน  อย่าอารมณ์เสียสิพี่  คือผมกับไอ้ทุ่งนัดกันแล้ว  ไม่เชื่อพี่ก็ลองถามมันดูสิ”

โอม ศักดิ์พินิจ โต้ตอบกับรุ่นพี่อย่างชนแดนแบบไม่เกรงกลัวในความเป็นรุ่นพี่เลย  เล่นเอาชนแดนนั้นต้องเก็บอาการไม่พอใจเป็นอย่างมากที่จู่ๆก็มีคนมาขัดจังหวะของเขาเสียก่อน  แต่คนอย่างชนแดนหรือจะยอมง่ายๆ

“จริงหรือครับน้องทุ่ง  ที่ไอ้โอมพูด”

“เออ  คะคือ  ว่าทุ่ง...”

“อ้าวไอ้ทุ่ง  จะอำๆอึ้งๆทำไมวะ  มึงก็บอกพี่เขาไปสิว่ากูจะให้มึงช่วยเรื่องม่อสาวนักกีฬาทีมมหาลัย”

โอม รีบบอกใบ้กับทุ่งธรทันที  เพราะกลัวว่าชนแดนจะจับโกหกของเขาได้เสียก่อนนั้นเอง

“คะครับ  คือว่า  พอดีไอ้โอมจะไปสนามกีฬาด้วยเลยอาสาไปส่งทุ่งครับพี่แดน”

“อืม  แบบนี้เอง  ไม่เป็นไรครับ  เอาไว้วันหลังเดี๋ยวพี่ค่อยไปส่งก็ได้  เอาไว้วันที่ไม่มีไม้กันหมานะครับ  งั้นวันนี้พี่กลับก่อนนะแล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ”

“ครับ”

พูดจบชนแดนก็เดินจากไปด้วยความโกรธ ที่พลาดโอกาสทองที่จะได้สานสัมพันกับทุ่งธร

“เชี่ยโอม  มึงเกิดบ้าไรวะ?”

ทุ่งธรรีบถามโอมกลับไปทันที  เพราะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่โอมต้องมาโกหกพี่รหัสตนแบบนั้นออกไป

“ก็ไม่มีไร  ตามนั้น”

“เชี่ยโอม  มึงบอกกูมาดีๆนะเว้ย”

“ก็ไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่กูจะไปส่งมึง”

“ได้  ถ้ามึงไม่บอกกู  งั้นกูโทรชวนปูนิ่มไปด้วยดีกว่า”

“เอ้ยยย  ไอ้ทุ่งมึงอย่าบ้านะเว้ย”

“มึงจะบอกเหตุผลกูได้หรือยังทีนี้”

“เอ่อ.... บอกก็ได้วะ   คือว่าไอ้หมอหมามันไม่ว่างมารับมึง  มันเลยให้กูไปส่งมึงที่สนามกีฬาแทน”

“ก็แค่นั้น  ทำเป็นลีลาตลอดเลยนะมึง”

“อืม  แค่นั้น  ปะกูว่าเรารีบไปเถอะนี้ก็ใกล้ได้เวลาซ้อมมึงแล้วนี้”

หลังจากที่โอม ศักดิ์พินิจมาส่งทุ่งธรที่สนามกีฬาแล้ว  เขาก็กลับทันทีซึ่งทำให้ทุ่งธรแปลกใจอยู่ไม่น้อย  เพราะปกติแล้วโอมจะเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเสมอ ชอบไปทักทายคนนั้นคนนี้ แต่ทำไมคราวนี้ถึงรีบกลับเร็วจังก็ไม่รู้  ทุ่งธรเดินเข้ามาในโรงยิมที่ใช้เป็นที่ฝึกซ้อมกีฬาวอลเลย์บอลก็ปรากฏว่าทุกคนในทีมมาครบกันหมดแล้ว  คงเป็นเพราะเขาเสียเวลาอยู่ที่ภาคศิลป์นั้นเองเลยทำให้มาถึงสนามซ้อมช้ากว่าคนอื่นๆ

“หวัดดีครับพี่ๆ  หวัดดีทุกๆคน  โทษทีนะวันนี้มาช้าไปหน่อย”

ทุ่งธรกล่าวทักทายรุ่นพี่และเพื่อนๆในทีมจากนั้นเขาก็ลงไปวิ่งอบอุ่นร่างกายรอบสนามวอลเลย์บอลทันที  ซึ่งตรีภพวิ่งอยู่ก่อนแล้วนั้นเอง

“เอ้ยไอ้ตรี  มึงมานานยังวะ”

“อืม”

“วันนี้กูไม่เห็นมึงไปแดรกข้าวที่โรงอาหารสามเส้าเลย.... มึงไปแดรกที่ไหนวะ?”

“กูไม่ค่อยหิว”

“อ้าวไอ้นี้  มึงไม่แดรกข้าวแล้วมึงจะมีแรงซ้อมเหรอวะ?”

“ก็ปกติน่ะ  กูก็วิ่งได้ดีอยู่นี้”

“เอ่อวะไอ้นี้  คนเขาถามดีๆ  กูนี้วาสนาไม่ดีจริงๆทำบุญกับใครก็ไม่ขึ้นเลย เมื่อเช้าก็ทีหนึ่งแล้วกับไอ้โอมสุดหล่อ  พอตอนเย็นก็มาเจอไอ้ตรีสุดบึ้ง”

“มึงว่าไงน่ะทุ่ง?”

“ปะเปล่า  ไม่มีไร  วิ่ง  วิ่งสิมึง  เดี๋ยวโค้ชด่านะเว้ย”

หลังจากที่นักกีฬาทำการอบอุ่นร่างกายเสร็จแล้ว  จากนั้นโค้ชก็เรียกให้ทุกคนรวมกันที่สนามทันทีเลย

“เอาละทุกคน  วันนี้โค้ชจะให้จัดทีมใหม่  เนื่องจากนักกีฬาคนเก่าในทีมมหาวิทยาลัยบางคนก็ได้จบการศึกษาไปแล้ว และบางคนก็ติดฝึกงานเพราะฉะนั้นโค้ชเลยจะลองให้ตั้งทีมใหม่ขึ้นมาลองดู  ซึ่งทีมใหม่นี้โค้ชจะใช้นักกีฬาปีสาม ปีสอง และปีหนึ่งผสมกันไป  เพื่อทดแทนพี่ๆที่จบไปแล้วนั้นเอง”

จากนั้นโค้ชก็แจ้งรายละเอียดของการเล่นในตำแหน่งต่างๆว่าใครเหมาะจะเล่นในตำแหน่งไหน  ตรีภพได้เล่นในตำแหน่งหัวเสาตามคาดแต่ก็ยังคงได้เป็นตัวรอง  ส่วนทุ่งธรโค้ชเห็นฝีมือในการรับบอลแต่ยังเสียดายในการตีบอลเร็วจึงให้ทุ่งธรหันมาฝึกรับบอลและบุกสามเมตรหลังแทนการตีบอลเร็วเพราะจะได้แก้เกมคู่แข่งได้นั้นเอง  เหตุนี้จึงทำให้พวกเขาต้องฝึกหนักเข้าไปอีก

“โอ้ยยยย  ไม่ตายงานนี้จะไปตายงานไหนวะ”

ทุ่งธรบ่นออกมาหลังจากเลิกซ้อมแล้วกำลังจะเดินออกมาจากโรงยิมกับตรีภพ

“แค่นี้ทำเป็นบ่นนะมึง”

“โอ้ยยใครจะถึกเหมือนมึงนะไอ้ตรี  นี้ขนาดไม่ได้แดรกข้าวนะ  ยังมีแรงขนาดนี้  ถ้าขืนมึงแดรกข้าวมา  รับรองแขนกูได้หักพอดี”

“มึงอย่ามาทำเป็นสำออย  กูก็เห็นมึงตบสามเมตรปังๆทุกลูกนี้”

“จริงเหรอ?  ลูกตบก็พอได้ไหมวะตรี”

“อืม  ก็ถือว่าใช้ได้นะ  กับการฝึกตีบอลสามเมตรของมึง”

“เอ่อมึงก็พูดดีนี้หว่า”

“กูก็พูดตามที่เห็น  ไม่ได้ชมอะไรมึงมากเกินความจริง”

ขณะที่ทุ่งธรและตรีภพกำลังเดินไปที่ลานจอดรถ จู่โทรศัพท์ทุ่งธรก็ดังขึ้น เขาจึงรีบรับสายทันที  ปล่อยให้ตรีภพเดินนำหน้าไปก่อน  สักพักทุ่งธรก็วางสายมือถือแล้วรีบวิ่งไปหาตรีภพ

“ไอ้ตรี  ไอ้ตรี”

“มีไรวะ  ผัวมึงติดธุระด่วนหรือไง?”

“เออมึงนี้แสนรู้วะ  คือว่าป่าสักเขามีงานด่วนที่คณะน่ะมึง  เลยรีบไปเขาเลยให้กูขอติดรถมึงกลับหอด้วย”

“ได้สิ  ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

“แต่ว่า.......คือกูหิวข้าว”

“กูต้องพามึงไปแดรกข้าวใช่ไหม?”

“ใช่แล้วเพื่อนรัก   วันนี้กูว่าเราไปหาลาบน้ำตกแดรก ที่โรงเตี้ยมดีไหม?”

“อืม  ก็ดีเหมือนกัน  ไหนๆก็ไม่แดรกไรตั้งแต่เช้าแล้ว  หาไรกินแซ่บๆก็คงฟินวะ”

จากนั้นทั้งคู่ก็ตรงไปยังโรงเตี้ยมทันที  เพราะถ้าขืนไปช้ารับรองไม่มีที่นั่งแน่ๆยิ่งช่วงหัวค่ำแบบนี้นักศึกษามากันเต็มร้านเลย

“เจ้ดิ้งคนสวย  เอาลาบน้ำตกแซ่บๆ เหมือนเดิม  โต๊ะเดิมมุมเดิมนะเจ้”

ทุ่งธรเป็นคนสั่งอาหารกับเจ้าของร้านทันทีที่มาถึง  โชคดีที่วันนี้ยังพอมีที่นั่งว่างให้ได้นั่งมุมเดิมอยู่

“โอเคเลยค่ะคุณน้อง  เปิดเทอมใหม่หน้าตาสดใสนะค่ะ  ปิดเทอมได้น้ำดีใช่ไหม?”

“โอ้ยยเจ้ก็พูดไป น้ำเนิ้มอะไรน่าเกลียด”

“อ้าวน้องตรี  ทำไมดูเศร้าๆอย่างนั้นละจ๊ะ  หน้าตาบอกบุญไม่รับเหมือนคนอกหักเลย”

เจ๊ดิ้งเจ้าของโรงเตี้ยมหันไปทักทายตรีภพหลังจากที่ทุ่งธรสั่งอาหารเสร็จแล้ว

“เปล่านี้เจ้  ก็ปกตินะ”

“หรือจ๊ะ  ปกติก็ปกติ  เดี๋ยวจัดให้นะ  นั่งรอสักครู่”

จากนั้นทั้งทุ่งธรและตรีภพก็เข้าไปนั่งในที่ประจำ  จู่ๆโทรศัพท์ของทุ่งธรก็ดังขึ้นมาอีก เขาจึงรีบกดรับสายทันที

“เอ่อ  ว่าไงป่าสัก...  อะไรน่ะ  เอ่อๆๆได้ๆๆ”

ทุ่งธรคุยกับปลายสายสักสองสามประโยคก็วางสาย  จากนั้นก็หันมาคุยกับตรีภพทันที

“ไอ้ตรี  พอดีรถของป่าสักเสียวะ  เดี๋ยวกูยืมรถมอไซค์มึงไปรับมันหน่อยสิ”

“ไปตอนนี้เลยเหรอวะ?”

ตรีภพถามออกไปทันที  ที่เห็นท่าทางของเพื่อนรีบที่จะไปรับป่าสัก

“อืม  มันบอกว่าอยากจะมากินข้าวด้วยเลยให้กูไปรับตอนนี้ที่คณะ”

“เอ่อๆนี้กุญแจรถ  มึงก็อย่าขับเร็วน่ะเว้ย  อาหารกูไม่กินหมดก่อนหรอก”

“ขอบใจวะตรี  เดี๋ยวกูมานะมึง  แต่ถ้ามึงหิวก็ไม่ต้องรอกู  กินก่อนเลย  กูเข้าใจ”

“เข้าใจอะไรของมึง  ไหนบอกว่ารีบ  ก็ไปสิวะ”

“เอ่อวะ  กูรีบ  ไปนะมึง   แดรกข้าวให้อร่อยละ”

จากนั้นทุ่งธรกับรับกุญแจแล้วรีบเดินออกจากโรงเตี้ยมทันที  ปล่อยให้ตรีภพนั่งรออาหารตามลำพัง  สักพักก็มีคนเอาอาหารมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ

“ลาบ  น้ำตกรสแซ่บได้แล้วครับ”

“ไอ้โอม   !!!!!!!!!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา