angelic ภาค หัวใจสีขี้เถ้า

9.3

เขียนโดย zusuran

วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 20.50 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) แย่งชิง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

“เสด็จพี่ ทำไมท่านถึงไปอยู่ที่โลกมนุษย์ ตอบคำถามข้ามาสิพะย่ะค่ะ เสด็จพี่!”

เสียงทุ้มหวานดังก้องกังวานหลายต่อหลายประโยค ทุกๆคำถามล้วนมาจากแกรนเชลล์ที่ยังคงไม่ละความพยายามที่จะตามโทรเฟ่นทุกฝีก้าวไม่ว่าจะเดินไปทางไหนที่ไหนภายในราชวัง เพียงเพื่อคาดคั้นหาคำตอบ แต่จนแล้วจนรอดโทรเฟ่นก็ยังคงเงียบและตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไปโดยไม่หันกลับมาเผชิญหน้ากับน้องชายที่ยังเดินตามต้อยๆ

“ถ้าท่านไม่ตอบ ข้าจะไปถามเฮเลียสด้วยตัวข้าเอง”

กึก!

จังหวะการก้าวเท้าพลันหยุดชะงักทันทีที่จบประโยคสุดท้าย และเป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับขึ้นมายังแดนเทพที่โทรเฟ่นได้หันไปเผชิญหน้ากับน้องชาย แกรนเชลล์มีแววตาอันใสซื่อแต่ก็แฝงไปด้วยความดื้อรั้นสารพัด และตอนนี้ความรู้สึกต่างๆก็เริ่มที่จะแสดงออกมาผ่านดวงตาสีเงินสุกใส…อีกครั้ง

“ข้าเองก็มีคำถามจะถามเจ้าสักข้อ แกรนเชลล์”

“เอ๊ะ!?”

“เจ้าลงไปที่โลกมนุษย์ทำไม จะบอกว่าลื่นล้มตกบันไดสวรรค์ลงไปก็คงจะเชื่อยากไปสักหน่อยนะ ว่าอย่างนั้นไหม”

“ข้าไปตามหาสัตว์เลี้ยงให้เมเด้น...คู่หมั้นของเสด็จพี่”

คำพูดท่อนสุดท้ายแผ่วเบาพร้อมกับใบหน้าที่ออกจะขึ้นสีระเรื่อ โทรเฟ่นไม่ได้เซ้าซี้หรือจะซักไซ้ต่อ คำตอบก็รู้ๆกันอยู่แล้วถ้าจะปะติดปะต่อก็ง่ายนิดเดียว นั่นก็คือความบังเอิญ เทพหนุ่มผมสีม่วงหันหลังเดินต่อไป แต่แล้วฝีเท้าก็มีอันต้องหยุดชะงักอีกรอบ เมื่อได้ยินคำพูดที่ออกจะแข็งกร้าวจากคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง

“นางเป็นคู่หมั้นของข้ามาตั้งแต่ก่อน และจะเป็นตลอดไปไม่มีเปลี่ยนแปลง เสด็จพี่ได้ยินหรือไม่ ว่าเฮเลียสเป็นของข้า!”

“เฮเลียสเป็นเพียงอดีตสำหรับเจ้า! แกรนเชลล์ ชีวิตของนางในฐานะมนุษย์ได้จบสิ้นลงไปแล้วจะไม่มีวันหวนคืน เจ้าไม่มีสิทธิ์แม้จะคิดว่านางเป็นของเจ้าอีกต่อไป!”

นี่อาจเป็นครั้งแรกที่สองรัชทายาทแห่งราชันย์มีปากเสียงกัน ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มและส่งเสียงร้องคำรามเหมือนบอกข่าวคราวให้รับรู้ โทรเฟ่นยอมรับกับตัวเองไปนานแล้วว่าหลงรักมนุษย์นางนั้น เพียงแต่เขาในตอนนี้ยังไม่แน่ใจและยังกำหนดชะตาของใครไม่เป็นเพราะสายเลือดนักรบที่รักอิสระยิ่งชีพทำให้เขาต้องการเวลาปรับตัว ส่วนแกรนเชลล์ เขาได้รับคำว่าความรู้สึกกลับมามากมายเพราะการได้พบกับคู่หมั้นที่ได้จากไปไกล ความรู้สึกเหล่านั้นบอกกับเขาว่าจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ทว่า…ที่ตรงนั้นกลับมีพี่ชายต่างสายเลือดของเขายืนอยู่เสียแล้ว

“เสด็จพี่…ท่านรักนางรึ”

“….!”

“เพราะอย่างนี้พระองค์จึงไม่สนใจไยดีต่อคู่หมั้นของตัวเอง เพราะนางหรอกรึ”

“ข้าไม่เคยรักเมเดอร์โนอาร์ และไม่คิดจะใส่ใจกับใครนอกจากสงคราม ตัวข้าคือขี้เถ้า ทำไมข้าต้องใส่ใจกับคนรอบข้างกัน”

“แต่ท่านก็มีชีวิตอยู่นี่อย่างไรเล่า! เรามีชีวิตก็ต้องมีหัวใจไม่ใช่รึ และอีกอย่าง หากท่านปฏิเสธการแต่งงานกับเมเด้น…อ๊ะ! เจ้าหญิงเมเดอร์โนอาร์ แล้วราษฎรเหล่าเทพเล่าจะทำเช่นไร มิต้องพบกับสงครามหรอกรึ”

“ข้าคือราชันย์แห่งสงคราม ไม่มีสงครามใดที่ข้าเอาชนะไม่ได้!”

คำตอบเด็ดขาดไร้การสั่นคลอน แต่ทว่าในจิตใจของเทพนักรบตอนนี้กลับไม่ได้เด็ดขาดเหมือนอย่างปากว่าเสียแล้ว เพราะบางอย่างที่ได้เข้ามาสะกิดหัวใจสีขี้เถ้าที่เด็ดเดี่ยวจนอ่อนยวบลงอย่างไม่รู้ตัว เรื่องที่แกรนเชลล์น้องชายมีคู่หมั้นเขาเองก็รู้มาก่อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเธอคนนั้น เธอคนนั้นที่เขาเองก็ไม่ยอมให้ตกไปอยู่ในมือของใครเช่นกัน

ตึก!

“อึก!”

“เสด็จพี่?”

จู่ๆหัวใจก็กระตุกแรงขึ้นเหมือนอยากจะทะลวงอกออกมาข้างนอก รู้สึกเจ็บเหมือนโดนมีดกรีดแทง ยิ่งหัวใจเต้นแรงมากขึ้นเท่าไหร่ความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีคูณออกมาจนสติแทบดับ

ตึกกกกกกกกก!!!!

“อ๊ากกกกกกกก!!!”

ร่างสีดำทมิฬดิ้นพล่านแอ่นตัวไปด้านหลังพร้อมเสียงร้องลั่นที่สุดจะทรมาน รู้สึกเจ็บกลางอก ร้อนเร่าเหมือนโลหิตภายในกายกำลังเดือดพล่าน และราวกับว่ามีมีดหลายพันเล่มกำลังเชือดเฉือนตรงส่วนที่เรียกว่าหัวใจ

“เสด็จพี่! เสด็จพี่พะย่ะค่ะ….เสด็จพี่!!!!”

เสียงแกรนเชลล์น้องชายค่อยๆห่างหายออกไป ทั้งที่สีหน้าของเขาในตอนนี้ดูจะตื่นตะลึงลนลานจนหน้าซีดแท้ๆ ภาพเบื้องหน้าคือเพดานและใบหน้าของน้องชายที่กำลังเรียกเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย รู้ได้อย่างเดียวก็คือตอนนี้เขาได้นอนราบบนพื้นโดยมีวงแขนของแกรนเชลล์น้องชายช้อนศีรษะเอาไว้ ไม่นานทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าก็กลายเป็นสีเทาหม่น

“เสด็จพี่ท่านเป็นอะไรไป!…ได้ยินเสียงข้าหรือเปล่าพะย่ะค่ะ!!”

ความโกลาหลเกิดขึ้นในราชวังแดนกลาง เมื่อว่าที่ราชาที่กำลังจะขึ้นครางราชย์เกิดล้มป่วยกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ

“อาการของเสด็จพี่เป็นอย่างไรบ้าง”

แกรนเชลล์เอ่ยถามหมอหลวงที่เป็นถึงเทพรักษ์หลังจากที่เข้าไปตรวจอาการของโทรเฟ่นเป็นรายที่สิบ และคำตอบจากหมอหลวงก็เหมือนเดิมถึงสิบรอบเช่นเดิม

“กระหม่อมจนปัญญาแล้วพะย่ะค่ะ อาการเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในหมู่เทพมาก่อน ไม่ว่าจะใช้เวทมนตร์สายใดก็มิอาจทำให้อาการดีขึ้นเลยพะยะค่ะ”

เมื่อได้ฟังคำรายงานแกรนเชลล์ก็ถึงกับหลับตาถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย อาการเจ็บป่วยของโทรเฟ่นแตกต่างไปจากเหล่าเทพทั่วไปเหมือนชาติกำเนิดของเขาที่ได้ถือกำเนิดมาจากกองขี้เถ้า แม้เทพรักษ์ที่เป็นหมอหลวงโด่งดังจากแคว้นต่างๆนับสิบก็ยังจนปัญญา

แล้วต้องทำเช่นไร…

“มาอยู่ที่นี่เองหรือ”

เสียงอ่อนหวานดังมาจากด้านหลัง ทำให้แกรนเชลล์สะดุ้งหลุดจากความคิด เสียงแบบนี้เขาไม่มีวันลืมได้ภายในไม่กี่วัน

“เมเด้น!”

“หม่อมฉันมารบกวนพระองค์หรือเปล่า”

“ไม่หรอก”

จากความตื่นตะลึงกลับกลายเป็นความกลัดกลุ้มเหมือนเดิม ตอนนี้สำหรับแกรนเชลล์มีเพียงเรื่องของโทรเฟ่นเท่านั้น แม้ใบหน้างดงามของเทพธิดาที่ยืนอยู่เคียงข้างก็ยังไม่มีกะใจจะเหลียวแลแม้แต่น้อย

เมเดอร์โนอาร์เดินเข้ามาเกาะขอบระเบียงข้างๆและมองออกไปยังทิวไม้สูงที่อยู่ไกลลิบลิ่ว ต้นไม้ต้นนั้นคือที่ตั้งของดินแดนตะวันออกซึ่งถูกปกครองโดยมนุษย์ ถึงแม้ว่าตอนนี้อาณาจักรแห่งนั้นจะล่มสลายไปแล้วแต่ต้นไม้ที่เกิดขึ้นมาจากดินก็ยังคงเติบโตและทะลุกลีบเมฆขึ้นมาถึงแดนเทพ

“งดงามจริงๆนะ ความงามที่อยู่ท่ามกลางความโสมมนั่น เหมือนอัญมณีที่ยังไม่มีใครมองเห็นเลย”

“อะไรรึ”

“นางยังมีชีวิตอยู่สินะ เจ้าหญิงแห่งแดนตะวันออกน่ะ”

“เจ้ารู้!...”

“ข้าได้ยินท่านพูดกับท่านพี่โทรเฟ่นโดยบังเอิญน่ะ”

“อย่างนั้นรึ”

แล้วอย่างไรล่ะ จะมีประโยชน์อันใดเล่าในเมื่อนางไม่เหลือเยื่อใยต่อเขาแล้ว

นางได้ข้ามขอบเขตของมนุษย์ไปนานแล้ว นางไม่ใช่มนุษย์ผู้บอบบางอย่างที่เขาเคยรู้จัก

“อาการของเสด็จพี่โทรเฟ่นยังไม่ดีขึ้นซ้ำยังทรุดลงไปเรื่อยๆ ทั้งที่ข้าร่ำเรียนมาก็มากมายแต่ข้ากลับบรรเทาความเจ็บไข้ของพี่ชายข้าไม่ได้เลย ช่างน่าสมเพชนัก”

“อย่ากล่าวโทษตัวเองอีกเลย ใช่ว่าจะไร้หนทางเสมอไป”

“เจ้าหมายถึงสิ่งใด”

“สัตว์เลี้ยงของข้า…นางเป็นคนช่วยเอาไว้สินะ”

“ก็ใช่”

“แล้วทำไมไม่ให้นางลองรักษาท่านพี่โทรเฟ่นดูเล่า”

“…!!!”

นั่นสิ ทำไมถึงได้ลืมไปเสียสนิทเลยนะ เฮเลียส ใช่!...นางต้องช่วยโทรเฟ่นได้แน่!

เหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับคนที่ใกล้ตายเต็มแก่ จู่ๆความทรงจำที่ขาดหายก็กลับมาพร้อมกับคู่หมั้นที่ยังอุตส่าห์มาพบกัน พบเจอทั้งการตามล่าและความไม่เข้าใจหลายต่อหลายเรื่อง

เหน็ดเหนื่อย…เหน็ดเหนื่อย อยากหลับไปอย่างนี้ไม่อยากลืมตาขึ้นมาอีกแล้ว

เฮเลียส…

เสียงนั้นร้องเรียกอีกแล้ว เป็นเสียงที่คุ้นหูจริงๆ คุ้นมากเสียจนอยากลืมตาขึ้นมองเจ้าของเสียงนั้นอีกครั้ง

“ขยับแล้ว”

เสียงห้าวๆดังขึ้นใกล้ๆ เฮเลียสคลี่เปลือกตาอย่างเชื่องช้า  และภาพแรกที่มองเห็นก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่

“เจ้าเองรึ”

“ก็ข้าน่ะสิ”

ไลน์ขานรับอย่างขอไปที ตาสีขี้เถ้ามองร่างบอบบางอันระทวยที่พิงกับรากไม้ใหญ่อยู่นิ่งๆ

“ใจร้ายจริงๆเลยนะ เล่นหนีมาคนเดียวแบบนี้”

“ข้าต้องขอโทษเจ้า”

“เอาไว้ไปพูดกับคนที่ห่วงเจ้าจริงๆเถอะ”

พยัคฆ์หนุ่มตัดบทไปเสียดื้อๆ

เฮเลียสมองออกไปเบื้องหน้า ที่นี่ไม่ใช่ลานกว้างแต่เป็นป่าทึบที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปี

“เราอยู่ที่ไหนกัน”

“เขตแดนของเผ่าพยัคฆ์ เจ้าหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ ข้าเลยแบกเจ้ามาที่นี่”

“แล้วคนอื่นๆ”

“ข้าเองก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้เจ้าควรพักผ่อนจนกว่าพี่ข้ากับเจ้าปีศาจจอมโวยนั่นจะมาถึง ข้าจะออกไปดูลาดเลาข้างนอก”

พยัคฆ์หนุ่มว่าพลางลุกขึ้นยืดตัว เฮเลียสสังเกตเห็นถุงผ้าคุ้นตาที่ถูกเหน็บไว้กับเข็มขัดหนังของชายหนุ่มที่สะกิดขึ้น

“ถุงนั่นเป็นของข้า”

“ข้ารู้ แต่ข้าไม่ให้ เพราะถ้าให้ไปเจ้าก็จะกินมันแล้วเจ้าก็จะหนีไปอีก”

ไลน์ดักทางอย่างรู้ความคิด

“เพราะฉะนั้นข้าจะเก็บมันเอาไว้เอง เจ้าจะได้ใช้มันก็ต่อเมื่อทรมานจนทนไม่ไหวเท่านั้น”

“เจ้าเป็นพ่อข้ารึ ส่งมันมาให้ข้า!”

“ขอปฏิเสธ พักผ่อนซะแล้วข้าจะรีบกลับมา”

พูดจบก็จรลีหายไปราวกับพายุ เฮเลียสไม่สามารถขยับไปที่ไหนได้เพราะร่างกายนั้นหนักอึ้งเหมือนหินศิลา หากนับวันและครั้งที่ดื่มยาเข้าไปแล้ว ที่เหลืออยู่ในถุงนั่นก็คงเหลือแค่สามขวด ตอนนี้คงทำได้แค่พักตามที่พยัคฆ์หนุ่มบอกและรอจนกว่าเขาจะกลับมาจากการดูลาดเลา

ศีรษะงามพิงรากไม้อย่างคนสิ้นแรง ดวงเนตรสีพระจันทร์เหม่อมองขึ้นไปยังผืนฟ้าที่มีกิ่งก้านของต้นไม้บดบังมากกว่าครึ่ง พลันใบหน้าของเทพหนุ่มถึงสองคนปรากฏเป็นมโนภาพขึ้นมา

สิ่งที่จำได้ก่อนสติทั้งหมดจะเลือนหายไปก็คือ แกรนเชลล์เรียกโทรเฟ่นว่าพี่

พวกเขาทั้งสองเป็นพี่น้องกันสินะ

กร๊อบ….

“กลับมาแล้วรึ ไลน์”

เฮเลียสทักออกไปเพราะคิดว่าเป็นพยัคฆ์หนุ่มที่กลับมา แต่ทว่า

“ในที่สุดก็เจอตัวจนได้ เจ้าหญิงเฮเลียสผู้งดงาม”

“อะ! เจ้า!”

“ตกใจรึ”

เบื้องหน้าตอนนี้คือร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลและดวงตาสีโลหิต

“โอแลมป์!”

“ดีใจจริงที่อุตส่าห์ยังจำกันได้”

ร่างสูงโปร่งออกจะเพรียวบางสวมชุดสีดำประดับด้วยโซ่หลากหลายจนรุงรังน่าปวดหัว รอยยิ้มบาดหมางบนใบหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนที่เคยพบเจอเลยแม้แต่น้อย สองเท้าค่อยๆย่างเข้ามาทีละก้าวอย่างไม่เร่งรีบ ใกล้ร่างบอบบางไร้เรี่ยวแรงจะหลบหนีเข้ามาเรื่อยๆ

ดวงตาสีแดงจับจ้องมาที่เฮเลียส เท้าสาวเข้ามาใกล้เฮเลียสที่ขยับตัวไม่ได้ ทุกย่างก้าวของชายที่มาจกแดนมิคสัญญีเต็มไปด้วยความอำมหิตแผ่ขับไล่สัตว์น้อยใหญ่ให้หนีหาย เฮเลียสนอนนิ่งไม่ต่างจากผักปลา มองผู้ชายที่จัดว่าอันตรายยิ่ง กำลังเยื้องย่างเข้ามาใกล้และตอนนี้ก็กำลังถึงเนื้อถึงตัวเธอ

มือเรียวขาวซีดประดับด้วยเล็บสีดำข้างหนึ่ง ค้ำกับรากไม้ต่างกรงกักขังหญิงสาว ในขณะที่อีกข้างใช้ลูบไล้ใบหน้าเนียนขาวออกซีดของเธอดวงตาสีแดงจ้องลึกเข้ามาราวกับจะกลืนกินพร้อมกับรอยยิ้มเหยียด

“ดูๆไปแล้ว เจ้างดงามใช้ได้เลย สมแล้วที่เป็นเจ้าหญิงแห่งแดนตะวันออก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเคโอเรสเตอร์ถึงได้รักเจ้านัก”

“ฮึ!”

“หยิ่งยะโสแบบนี้สิถึงน่าสนใจ ข้าจะละเลียดเจ้าให้สมคุณค่าเลย เจ้าหญิง”

ใบหน้าที่จัดได้ว่าคมคายหล่อเหลาของปีศาจหนุ่ม ค่อยๆโน้มเข้ามาใกล้เฮเลียสเรื่อๆ จนริมฝีปากเกือบแนบชิด เสียงทรงพลังเสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามา

“อย่าบังอาจแตะต้องนาง เจ้าปีศาจชั้นต่ำ”

“หา? อั๊ก!!!”

พลังลมสลาตันราวกับหมัดหนักๆที่มองไม่เห็น อัดร่างปีศาจหนุ่มกระเด็นทะลุต้นไม้ไปนับสิบต้น

พรึ่บ!

ชายผ้าคลุมสะบัดอยู่ตรงหน้าเฮเลียสที่กลอกกลิ้งได้เพียงลูกตา ดวงตาไล่มองขึ้นไปจนเห็นเรือนผมสีขี้เถ้ายาวประบ่า ถึงร่างนั้นจะหันหลังให้ แต่เฮเลียสก็จดจำได้ดี จากคฑารูปกริซสีมรกตนั้น

“โวเลนธาร์”

“ว่ายังไงเจ้าหญิง ท่าทางคำสาปจะทำให้เจ้าตกต่ำเกือบเสียท่าให้ปีศาจเสียแล้วสิ”

คำพดเหน็บแนมจากชายตรงหน้า ทำให้ความโกรธพุ่งทะยาน หากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนนิ่งและสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างฉุนเฉียวเท่านั้น

“จะไม่ขอบคุณกันหน่อยรึ”

“………”

“เอาเถอะ ถ้าทำแบบนั้นก็คงจะแปลกๆอยู่สักหน่อยล่ะ เอาไว้ข้าจะทำให้เจ้าเต็มใจพูดมันออกมาในวันที่เจ้าเป็นของข้าเต็มตัวแล้วกัน”

“เจ้าพ่อมดสารเลว”

“หึ เหมือนแม่เจ้าจริงนะ ทั้งหน้าตา ทั้งนิสัย ยกเว้นซะแต่…….”

โวเลนธาร์มองดวงตาสีอำพันของเฮเลียส และพูดต่อ

“ดวงตาของเจ้า ที่มันดันเหมือนมนุษย์สามหาวคนนั้น”

“อย่าบังอาจมากล่าวหาพ่อข้า เจ้าพ่อมดชั้นต่ำ”

“ปากดีเข้าไปเถอะ ในวันที่เจ้าเป็นของข้า ข้าจะควักลูกตาของเจ้าทิ้งไปซะ”

“ฮึ!”

“อ้าวๆ อะไรกัน จู่ๆก็มาอัดข้าแล้วยังไปขู่สาวน้อยน่ารักน่ากลัวๆแบบนั้นอีก โรคจิตรึไง ตาเฒ่า”

เสียงยียวนกวนประสาทดังมาแต่ไกลพร้อมกับร่างของปีศาจหนุ่มที่เพิ่งโดนอัดกระเด็นกำลังเดินกลับมาในสภาพที่ไร้รอยขีดข่วน

“เจ้าปีศาจชั้นต่ำ”

“หืม….ใครกันแน่ที่ชั้นต่ำ เจ้าเฒ่าตัณหากลับ”

ต่างคนต่างก็มีคำพูดยั่วให้อีกฝ่ายโมโห

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา