พิเศษ…ใส่รัก

-

เขียนโดย Annakan

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 11.44 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  3,911 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 กันยายน พ.ศ. 2560 11.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอน 3-4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 3 ลูกที่แม่ไม่รัก

     วันนี้ต้นกล้าลูกชายสุดที่รักของเตชิตอายุครบสิบขวบเต็มสองพ่อลูกนั่งทานมื้อเย็นด้วยกันอย่างมีความสุข คนพ่อพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้ลูกไม่นึกถึงมารดาที่ยังไม่ปรากฏตัวสักทีทั้งที่นัดกันไว้ดิบดีแล้ว

        “เราตัดเค้กกันดีกว่าเนอะ” สามทุ่มครึ่งแล้วมาหยาก็ยังไม่ถึงบ้าน ลูกต้นตาใกล้จะปิดเต็มทีแล้วเขาจึงคิดว่าไม่ควรรอให้เสียเวลา

        “อธิษฐานก่อนเป่าเทียนด้วยนะ” ในใจของเด็กชายขอพรแบบเดิมทุกครั้งคืออยากอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกบ้าง

        “ชิ้นนี้ของคุณแม่นะครับ” ต้นกล้าตัดเค้กชิ้นแรกส่งให้พ่อ ชิ้นที่สองใส่จานแยกไว้และสุดท้ายจึงตัดให้ตัวเอง

        “ฝันดีนะครับ พ่อรักต้นนะ” เตชิตพาลูกชายมาส่งห้องสองคนพ่อลูกกอดกันแน่น ต้นกล้าล้มตัวลงนอนและหลับแทบจะทันทีเพราะอิ่มมาก

        “นี่วันเกิดลูกนะหยา” เตชิตนั่งรอภรรยาด้วยความอดทนเกือบเที่ยงคืนเธอจึงเดินโซเซเข้ามา

        “แล้วหง่ะ” แม่สาวหน้าแฉล้มพูดไม่เป็นภาษาเพราะกำลังเมาได้ที่

        “คุณช่วยให้ความสำคัญกับลูกมากกว่านี้ได้ไหม”

        “ก็เบ่งมันออกมาให้แล้วจะเอาอะไรอีก”

        “หยา ทำไมพูดแบบนี้”

        “ลูกต้นครับ ลูกต้นขา น่ารำคาญจะโอ๋กันไปยันตายเลยไหม” มาหยาแผดเสียงดังลั่น ต้นกล้าได้ยินเสียงมารดาก็รีบวิ่งลงมาด้วยความดีใจโดยที่พ่อกับแม่ยังไม่รู้ตัวเลยว่าลูกตื่นแล้ว

        “มันไม่ใช่การโอ๋แต่มันคือความรักที่พ่อมีให้กับลูกมันผิดตรงไหน” เตชิตพยายามอธิบายให้ภรรยาเข้าใจ

        “กลับบ้านเร็วสักคืนเพื่อลูกมันลำบากหรอหยา”

        “ใช่ หน้าที่ของฉันคืออุ้มท้องมันหน้าที่ของแกคือเลี้ยงมันอย่ามายุ่งกับฉันอีก” พอถึงเวลาด่ามาหยากลับพูดได้ชัดถ้อยชัดคำไม่มีผิดเพี้ยน

        “หยา ทำไมพูดแบบนี้นั่นลูกนะ”

        “ลูกแกไม่ใช่ลูกฉัน ฉันไม่เคยอยากมีลูกไม่เคยอยากเป็นแม่”

        “คุณแม่พูดจริงหรอครับ” ต้นกล้าถือจานเค้กด้วยมืออันสั่นเทา น้ำตาหยดเล็กๆ เริ่มไหลออกมาเด็กน้อยได้ยินชัดทุกถ้อยคำจากปากมารดา

        “เออ ฉันพูดจริงฉันไม่อยากมีลูกไม่อยากเป็นแม่แก” มาหยาจิ้มหน้าผากเด็กชายด้วยความรำคาญ

        “หยุดนะหยา” เตชิตขึ้นเสียง

        “แม่เขาไม่ได้หมายความแบบนั้นครับต้นกล้าแม่พูดเพราะเมา” เตชิตนั่งยองๆ แล้วจับไหล่ลูกชายเอาไว้

        “ฉันเมาจริงแต่สติครบถ้วน ฉันไม่อยากเป็นแม่แกไอ้ตัวซวยดูสิตั้งแต่เบ่งแกออกมาหุ่นฉันเสียหมดหัวนมก็ไม่สวยเหมือนเดิมเพราะแกคนเดียวเลยไอ้เด็กเวร”

        “แม่” ปากเล็กๆ ของเด็กชายสั่นระริก หัวใจดวงน้อยแหลกสลาย

        “หยา พอแล้ว”

        “ทีวันเกิดฉันเคยมีเค้กให้สักชิ้นไหม ไม่เคย เพล้ง” มาหยาคว้าจานเค้กในมือต้นกล้าขว้างลงพื้นเต็มแรง

        “ฮือๆๆๆ” ทั้งบ้านมีแต่เสียงอันน่าเวทนา เสียงเด็กชายร้องไห้เสียงสาปแช่งก่นด่าของมารดาและเสียงร้องห้ามของผู้ชายคนนึงที่กำลังอ่อนแรงไปเรื่อยๆ

        “พอได้แล้วมาหยา” เตชิตร้องห้ามภรรยาเพราะเธอตั้งท่าจะตีลูกชาย

        “ทำไม เตะต้องไม่ได้เลยใช่ไหม” มาหยาตวาดกลับ

        “แล้วลูกทำผิดอะไร คุณจะตีลูกด้วยเหตุผลอะไร”   

        “ผิดที่มันเกิดมาไง”

        “ผมว่าคุณขึ้นไปนอนเถอะ คุยกันไปก็ไม่รู้” เตชิตจูงลูกชายกลับขึ้นห้อง

        “จะไปไหนอย่ามาเดินหนีฉันนะ” มาหยากระชากแขนเตชิตกลับมา

        “แกหลอกฉันแกทำลายชีวิตฉัน ไหนว่าบ้านรวยแล้วทำไมฉันไม่เคยได้มรดกอะไรจากแกสักชิ้นทั้งชีวิตมีดีแค่อย่างเดียวแค่เอาเก่ง”

        “มาหยา มันจะมากไปแล้ว”

        “ทำไม ที่อยู่กับฉันไม่ใช่เพราะชอบเอากันหรอเอากันตรงนี้เลยไหมล่ะ” มาหยาปลดเสื้อสายเดี่ยวออกจากไหล่

        “หยุดเลยนะ ทำบ้าอะไรเนี่ย” ทุกครั้งที่หลับนอนกันมาหยาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เธอจะออดอ้อนและยั่วยวนจนเตชิตใจอ่อนและจริงๆ ชายหนุ่มก็รักภรรยา เขาหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยสมานแผลต่อเติมเป็นความรักและให้ผลลัพธ์เป็นครอบครัวที่อบอุ่นในสักวัน ตั้งแต่มีมาหยาเป็นเมียเตชิตก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครอีกซึ่งต่างกับมาหยาลิบลับ

        “ใส่กลับไปที่เดิมเลยนะ” เตชิตพยายามเอาสายเสื้อเล็กๆ กลับไปอยู่ที่เดิม

        “ก็จะถอด” มาหยาก็ดิ้นรนจะถอดเสื้อผ้าตัวเองให้ได้

        “เออ ตามใจเลยจะถอดก็ถอดไป” เตชิตผลักไหล่ภรรยาแล้วเตรียมจะพาลูกขึ้นชั้นบน

        “แก กล้าผลักฉันหรอไอ้เต้” มาหยากระชากสามีกลับมาอีกครั้ง

        “ไว้คุยกันพรุ่งนี้หยา คุณเมามาก” เตชิตบอก

        “เพี๊ยะ” เสียงฝ่ามือฟาดไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มแรง

        “มาหยา” เตชิตย่างสามขุมเข้าหาภรรยา มือใหญ่เงื้อขึ้นสุดแขน

        “ตบสิ ลูกบังเกิดเกล้าของแกจะได้เห็นว่าพ่อมันชั่ว” มาหยายื่นหน้าไปให้สามี

        “ในที่นี้ไม่มีใครชั่วนอกจากคุณ” เตชิตกำหมัดแน่นพร้อมตะคอกใส่หน้าอีกฝ่ายแล้วหันหลังกลับอีกครั้ง

        “แก ไอ้ชั่ว ไอ้สารเลว” มาหยารัวกำปั้นใส่ทุกส่วนของร่างกายสามีด้วยความโกรธแค้น

        “คุณแม่อย่าทำคุณพ่อ ฮือๆๆ” ต้นกล้าเข้าไปห้ามมารดาให้หยุดทำร้ายบิดา

        “หลบไปไอ้เด็กเวร” มาหยาเหวี่ยงลูกชายไปอีกทางแล้วตบตีเตชิตต่อไป

        “โอ๊ย” ต้นกล้าล้มไปบนพื้นตรงที่เศษแก้วกระจัดกระจายอยู่

        “หยา หยุดนะ หยุดผมบอกให้หยุด ลูกโดนแก้วบาดเห็นไหม” เตชิตเอามือป้องหมัดจากภรรยา

        “ช่างมัน ตายห่าไปเลยยิ่งดี” มาหยาตอบ

        “คุณบังคับให้ผมทำแบบนี้นะหยา” เตชิตรวบแขนทั้งสองของภรรยาไว้แล้วลากไปขังในห้องน้ำ เขารีบมาตรวจดูบาดแผลของลูกชายและเห็นว่ามันลึกพอสมควร

        “ไปโรงพยาบาลนะต้น อดทนหน่อยนะลูก” เตชิตอุ้มลูกชายแล้วพาไปที่รถทันที

        ชายหนุ่มนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินด้วยความร้อนใจเพราะด้านในมีแต่ความวุ่นวายเขาจึงไม่อยากไปยืนเกะกะขวางการทำงานของหมอและพยาบาล ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ลูกชายของเขาก็ได้รับการทำแผลและเย็บไปหลายเข็มแถวต้นขาเพราะตรงนั้นแผลมันลึกมาก

        “พ่อครับ แม่เขาไม่รักผมหรอ” นั่นคือคำถามแรกที่หลุดออกมาเมื่อเจอหน้าบิดา

        “รักลูก” เตชิตตอบ

        “พ่อเคยบอกว่าการโกหกเป็นสิ่งไม่ดีไม่ใช่หรอครับ ผมรู้ว่าพ่อโกหกเวลาพ่อโกหกพ่อจะทำหน้าแบบเมื่อกี้”

        “บางคำถามเราก็ไม่อยากตอบออกมาเป็นคำพูดหรอกต้น ในเมื่อต้นรู้คำตอบอยู่แล้วพ่อขอถามกลับบ้างได้ไหม”

        “ได้ครับพ่อ”

        “ถ้าแม่เขาไม่รักต้นพ่อก็บังคับไม่ได้แต่พ่อรักต้นที่สุดต้นรับรู้ไว้แค่นี้ได้ไหมครับ”

        “ครับพ่อ” ต้นกล้ากอดบิดาและนาทีนั้นเด็กชายก็รับรู้ว่ามีแค่เพียงพ่อเท่านั้นที่รักเขาเพราะการแสดงออกของแม่มันชัดเจนแล้วว่าท่านไม่เคยต้องการเด็กคนนี้ในชีวิต ต้นกล้าไม่โกรธหรือเกลียดแม่เขาแค่เสียใจที่เกิดมาแต่กลับกลายเป็นลูกที่แม่ไม่รัก

 

ตอนที่ 4 แม่ค้าหน้าหวาน

     หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นเตชิตก็ออกมาจากชีวิตของมาหยา ลำพังแค่ตัวเขาเองเขาทนได้เธอจะด่าจะว่าจะตบตียังไงก็เอาให้สาใจแต่การมาพูดต่อหน้าลูกทำร้ายลูกแบบนั้นเขาจะไม่ทน อยู่ไปลูกก็จะได้รับรู้แต่สิ่งที่ปวดร้าวหัวใจในเมื่อเธอไม่ยอมไปเขากับลูกจะไปเอง

        “คุณพ่อต้องย้ายที่ทำงานเพราะผมใช่ไหมครับ”

        “แล้วไม่ดีหรอต้นเราจะได้อยู่กันสองคนพ่อลูก ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆ”

        “ดีครับพ่อ”

        ทั้งคู่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันข้าวของเงินทองเตชิตยกให้ผู้หญิงคนนั้นทั้งหมดเขาเอามาแค่เพียงสมบัติของลูกเสื้อผ้าตัวเองและรถยนต์หนึ่งคัน ดูเธอดีใจด้วยซ้ำที่จะได้ครอบครองบ้านทั้งหลังไว้คนเดียว

        “นอนกันดีกว่าลูก พรุ่งนี้เปิดเทอมวันแรก”

        สองพ่อลูกย้ายมาอยู่ที่ซอยเล็กๆ ของชานเมือง ยังดีว่าเขาพอมีเพื่อนฝูงอยู่บ้างจึงได้มาเป็นคุณครูที่โรงเรียนรัฐบาลแห่งนึงไม่ไกลจากบ้านพักมากนัก

        “พรุ่งนี้เช้าต้นอยากกินอะไรลูก”

        “ผมอยากไปกินโจ๊กที่หน้าปากซอยได้ไหมครับพ่อ”

        “ได้สิ พ่อไปส่งเข้านอนนะ” เตชิตพาลูกไปส่งที่เตียงแล้วห่มผ้าให้ บ้านหลังใหม่คือบ้านเดี่ยวท้ายซอยและมันเงียบสงบมาก เขาหวังว่าต่อจากนี้ชีวิตของเขาและลูกชายจะมีแต่ความสุขไม่ต้องพบเจอความปวดร้าวใดๆ อีก

 

        “ไม่ลืมอะไรแล้วนะต้น” เตชิตถามลูกชายก่อนจะออกจากบ้าน

        “ไม่ลืมครับพ่อ” สองพ่อลูกขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ เพราะบรรยากาศรอบตัวช่างสดชื่นเหลือเกิน ต้นกล้าเองก็จิตใจดีขึ้นหลังจากไม่ต้องรับรู้และพบเห็นพฤติกรรมอันไม่สุภาพของมารดา เตชิตตั้งใจว่าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกชายเขาจะเลี้ยงดูชีวิตน้อยๆ ให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้

        “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กผู้หญิงทำให้เตชิตไม่อาจเก็บรอยยิ้มไว้ได้

        แม่ค้าตัวน้อยไม่ใช่แค่ทักทายทางวาจาเท่านั้นเธอยกมือไหว้ด้วยท่าทางที่แสนน่าเอ็นดูพร้อมยิ้มหวานให้ลูกค้าที่เพิ่งมาใหม่ สายตาสดใสมองเขากับลูกชายสลับกันไปมาด้วยความตื่นเต้น

        “เรียนที่เดียวกับลูกครูเลย” เตชิตคุยกับแม่ค้าตัวน้อย

        “คุณเป็นคุณครูหรอคะ” ข้าวสวยถามชายหนุ่มแปลกหน้า

        “ใช่ครับ ครูสอนวิชาเลขนี่ลูกชายครูชื่อต้นกล้าอยู่ประถมสี่ครับ”

        “สวัสดีค่ะคุณครู สวัสดีค่ะพี่ต้นกล้า” ข้าวสวยไหว้ทั้งคู่อีกครั้ง

        “ขอโทษนะคะ ลูกสาวดิฉันกวนใจพวกคุณรึเปล่าคะ” ขวัญชีวันเห็นแล้วว่าลูกสาวคุยกับลูกค้าที่มาใหม่ เธอรีบตักโจ๊กที่คนสั่งกลับบ้านแล้วเดินมาหาลูกด้วยความร้อนใจเพราะบางครั้งข้าวสวยก็ช่างคุยเกินไป

        “ไม่ครับ เปล่าเลย” เตชิตเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับใบหน้าแสนหวานของแม่ค้าขายโจ๊ก แม่กับลูกปากนิดจมูกหน่อยน่ารักน่าชังเหมือนกันไม่มีผิดและดูจะสุภาพอ่อนน้อมกันทั้งคู่

        “เรียนที่เดียวกับข้าวสวยด้วยนี่น่า” ขวัญชีวันเพิ่งสังเกตชื่อโรงเรียนที่ปักอยู่ตรงหน้าอกของเด็กชาย

        “ใช่ค่ะคุณแม่ พี่ต้นกล้าอยู่ ป. สี่ ส่วนคุณผู้ชายเป็นคุณครูสอนเลขค่ะ”

        “ตายจริง ทำไมหนูไปซักถามเขาแบบนั้นข้าวสวย” ขวัญชีวันเอ็ดลูกเบาๆ

        “ไม่ใช่ครับ หนูข้าวสวยไม่ได้ถามครับผมบอกเองอย่าไปดุแกเลย”

        “หนูชื่อข้าวสวยใช่ไหมจ๊ะ” เตชิตถามเด็กน้อย

        “หนูชื่อข้าวสวยค่ะ ชื่อจริงเด็กหญิงขวัญมาตา อยู่ ป. สองค่ะ”

        “สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของข้าวสวยชื่อขวัญค่ะ รับอะไรดีคะ”

        “ต้นครับ สวัสดีน้าขวัญสิลูก”

        “สวัสดีครับน้าขวัญ” ต้นกล้ายกมือไหว้

        “ผมขอโจ๊กใส่ทุกอย่างครับ ต้นเอาอะไรสั่งเลยลูก”

        “ผมไม่เอาเครื่องในครับแต่ใส่ผักทุกอย่าง”

        ขวัญชีวันรีบเร่งกลับไปที่หม้อโจ๊กเธอคนข้าวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้าวแข็งติดกันเป็นก้อนจากนั้นจึงคีบไก่ที่หั่นเป็นเส้นๆ วางลงไปด้านบนแล้วตามด้วยผักกับซอสปรุงรสอีกนิดหน่อย ขวัญมาตายกโจ๊กชามใหญ่ของคุณครูมาก่อนแล้วเดินกลับมายกถ้วยที่เล็กกว่านิดหน่อยไปวางให้เพื่อนร่วมโรงเรียนของเธอ

        “เก็บเงินด้วยครับ” ผ่านไปยี่สิบนาทีโจ๊กหอมกรุ่นแสนอร่อยก็หมดเกลี้ยงทั้งสองชามและเตชิตไม่อาจละสายตาไปจากแม่ค้าหน้าหวานได้เลยสักนาที สองแม่ลูกช่างน่ารักเหลือเกินดูด้วยตายังรู้เลยว่าลูกสาวตัวน้อยคือแก้วตาดวงใจของเธอ

        “ของเด็กยี่สิบของผู้ใหญ่สามสิบห้ารวมเป็นห้าสิบห้าบาทค่ะ” ขวัญชีวันบอกราคา

        “ของต้นใส่ไข่ด้วยนะครับ” เตชิตท้วง

        “ของเด็กคิดยี่สิบหมดค่ะจะใส่ไข่หรือไม่ใส่ก็ยี่สิบ”

        “แล้วแบบนี้จะได้กำไรหรอครับแล้วแค่ไหนคือเด็ก”

        “อยู่ชั้นประถมก็นับว่าเป็นเด็กหมดค่ะ ฉันอยากให้เด็กๆ ได้กินอาหารดีๆ ปรุงสุกใหม่ๆ ในราคาไม่แพง กำไรก็ได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องสองคนแม่ลูกค่ะ” ขวัญชีวันตอบด้วยความภูมิใจ

        “ขอบคุณนะคะ” ขวัญชีวันรับธนบัตรสีแดงมาแล้วทอนกลับไปสี่สิบห้าบาท

        “แล้วหนูข้าวสวยไปโรงเรียนยังไงครับ”

        “ข้าวสวยไปรถโรงเรียนค่ะ”

        “สวัสดีค่ะคุณครู ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะคะพี่ต้นกล้า” ขวัญมาตาเอ่ยลาทั้งสองคน

        “น้องข้าวสวยพูดเพราะจังเลยนะครับพ่อ” ต้นกล้าคุยกับบิดาเมื่อกลับมาขึ้นรถ

        “เพราะคุณแม่เขาอบรมมาดี ลูกต้นของพ่อก็พูดเพราะเหมือนกันครับ”

        “เพราะพ่ออบรมผมดีไงครับ” ต้นกล้าบอกแล้วสองพ่อลูกก็ฉีกยิ้มให้กัน

        เตชิตมองท้องฟ้าสีครามด้วยความเบิกบานเขาไม่เคยสบายใจและมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว วันนี้เป็นวันแรกที่เมฆหมอกแห่งความหม่นหมองพัดผ่านไปจากจิตใจเขาเชื่อว่าที่มันเป็นแบบนั้นเพราะใบหน้าหวานๆ ของแม่ค้าขายโจ๊กเป็นแน่แท้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา