Don't forget me จะได้ไม่ลืมกัน

-

เขียนโดย ด้วยรัก

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 16.10 น.

  3 chapter
  1 วิจารณ์
  4,471 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 16.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ 1 ด้วยรัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ใครบอกว่ามัธยมปลายมันสนุก ฉันไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย น่าเบื่อ! การที่ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อมาเข้าแถวให้ทัน ขับรถอย่างกับชิงชัยกันบนถนน ข้าวเช้าก็ทันบ้างไม่ทันบ้าง มาเข้าแถวตากแดดเพื่อฟังผู้อาวุโสพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ แล้วไปจบด้วยหลับในห้องเรียน อะไรมันจะเพลิดเพลินขนาดนั้น เหอะ ๆ  

วันนี้ฉันมาโรงเรียนเช้าเป็นพิเศษ เพราะเป็นวันเปิดเทอมวันแรก ฉันแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนตามระเบียบเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็ยังไม่วายโดนอาจารย์ฝ่ายปกครองลงโทษเพราะถุงเท้าสั้นไป นี่มันกฎบ้าบออะไรเนี่ย  

“รัก” 

“…” 

“ด้วยรัก!” เสียงเรียกชื่อของฉันมาพร้อมฝ่ามือที่ฟาดเต็มแรงเข้าที่ไหล่  

"อะไร ?" 

"เห้ย ทำไมพูดซะเหินห่าง นี่เพื่อนเอง" 

"..." 

"ไปเที่ยวกัน" 

"..." ฉันเหลือบมองเพื่อนตัวดีนิดหน่อย แต่ก่อนที่จะได้ตอบอะไร อีพก็พูดขึ้นมาก่อน 

"โดดกัน ก็แค่ปฐมนิเทศน์แหละหน่าา ไม่มีอะไรหรอก น่าเบื่อ" 

ใช่ น่าเบื่ออย่างที่อีพว่าแหละ  

อีพกับฉันเรารู้จักกันตั้งแต่อนุบาล อีพเป็นผู้หญิงสูง หุ่นดี เป็นนักกีฬาเทควันโดของ รร. สนิทที่สุดก็มันนี่แหละ  จะเลิกคบก็ไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามันดีอะไรหรอกนะ แต่รู้ไส้รู้พุงกันหมด จะเลิกคบเลยก็ต้องคิดหนักหน่อย 

"ไปด้วย" 

ยังไม่ทันได้ตอบอะไรก็มีเสียงไอ้ตัวแสบอีกคนขัดขึ้นมา แบมวิ่งเข้ามาเกาะแขนฉันพร้อมยิ้มแป้นแล้น คนนี้ก็ในแก๊งเดียวกัน มารู้จักตอนขึ้น ม.ปลาย เรียกว่าเป็นมันสมองของกลุ่ม ตัวเล็กน่ารัก อวบนิด ๆ รวม ๆ แล้วจัดว่าหน้าตาดี แต่ขี้แงไปหน่อย  

ขนาดนี้แล้ว ฉันเลือกอะไรได้อีกไหมละเนี่ย 

และฉันก็มาโผล่ที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง พวกเราเลือกที่จะดูหนังกัน ฉันทำหน้าที่ไปซื้อตั๋ว ส่วนอีพกับแบมก็ไปซื้อขนมกับน้ำ  

ข้างหน้าฉันมีกลุ่มเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกับฉัน ฉันยกยิ้มในใจอย่างนึกขำ ใครกันนะช่างกล้าโดดเรียนตั้งแต่วันแรกเลย 

"แจ่มวะ นมใหญ่ชิบหาย" 

"เอ้อ นั่นดิ หื้มมม พูดแล้วมันขึ้น" 

"จัดดิ ๆ" 

เสียงผู้ชายสองคนพูดคุยกัน พร้อมทั้งชี้ไปทางหนึ่งในเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนที่อยู่ข้างหน้าฉัน ท่าทางหื่นกระหาย ช่วยไม่ได้ เธอมันขี้อวดเอง ยัยเบอะเอ้ย 

ถึงจะบอกว่าไม่สนใจ แต่พอเห็นพวกนั้นทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้ ฉันก็แทรกตัวเข้าไปชิดผู้หญิงข้างหน้ามากขึ้นจนเธอรู้สึกตัวแล้วหันมามอง ตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโตภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะ นัยน์ตาเป็นประกาย ปากกระจับได้รูป จมูกเชิดรั้น บวกกับผิวที่ขาวอมชมพู นี่มัน... 

"น่ารัก" 

"คะ ?" 

"คะ อะ...เอ่อ เปล่าค่ะ" 

เธอยิ้มให้ก่อนหันกลับไป ยัยแว่นนี่...แปลกจังไม่ได้สวยเลิศเลอแต่น่ามองดีนะ โดยเฉพาะจุดที่พวกผู้ชายเมื่อกี้พูด ฉันนึกขำในใจ นี่ฉันก็ไม่ได้ต่างกับพวกนั้นเลยนี่แล้วยังมีน่าไปว่าคนอื่น 

จะว่าไปตั้งแต่ตอนนั้น... ก็ไม่เคยรู้สึกกับใครอีกเลย มีแค่คบไปวันๆ 

"เหม่อ อะไรของแก หะ" เป็นเสียงของอีพดังขึ้น 

"เปล่า" 

"ฉันเห็นนะ อื้มมม ก็สวยดี" 

"อะ... อะไร ?" ฉันพยายามพูดแบบปกติ แต่ก็รู้ว่าพิรุธเยอะสุดๆ 

"น้องแว่นนั่นไง" 

"..." ฉันมองตามปากของอีพที่ทำท่าชี้ไปที่กลุ่มเด็กนักเรียนที่กำลังจะเดินเข้าโรงหนัง C 

"แหมมม ๆ ๆ คนเก่ายังไม่เคลียร์ ในสต๊อกยังไม่พออีกหรอ" 

"บ้า ไม่มีอะไร" 

"ให้มันจริง" 

"..." ฉันได้แค่ยักคิ้วให้อย่างไม่แยแส  

"แกไม่เอา งั้น ฉันเอานะ"  

"ตามสบาย แต่น้องเขาไม่เอาแกหรอก" แม้จะบอกว่าไม่สนใจ แต่ในใจมันก็หวาด ๆ กลัวอีพมันจะเอาจริง เอาจริงๆี่ฉันก็เล็งอยู่เหมือนกัน หน้าอกหน้าใจขนาดนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆนะ  

หลังจากนั้นพวกเราก็เข้าดูหนังกันจนจบ เนื้อเรื่อง คือ นางเอกอายุมากกว่าพระเอกอายุ แล้วนางเอกก็รู้สึกว่าพระเอกไม่เหมาะสมที่จะคบด้วย ไม่มีความมั่นคงให้นาง จากคำบอกพูดของเพื่อนฝูง และสังคมที่ตัวเองอยู่ เลยทำให้มีปัญหาไม่ได้รักกัน มากับประโยคเด็ด "คำก็เด็กสองคำก็เด็ก เด็กมันไม่มีหัวใจรักใครไม่เป็นหรือไง" แต่สุดท้ายก็ได้รักกัน จบแบบแฮปปี้แอนดิ้งงง เหอะ! 

"ดูนั่นนน ๆ ๆ ๆ" อีพสะกิดแล้วชี้ไปที่ร้านเครื่องสำอาง ในนั้นมีเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนกลุ่มเดิมที่เจอที่โรงหนังกำลังวุ่นกับการลองเครื่องสำอาง  

"แล้ว...?" ฉันถามหน้าเฉย ก็แค่เด็กแว่น อกตูม ตูดงอน เอ้อ ก็แค่นั้น 

"แบมมมม แบมจ๋า แบมช่วยเค้าหน่อยสิ" เป็นอีพที่หันหน้าเมินฉันแล้วหันไปเกาะแขนทำท่าที่คิดว่าน่ารักสุดชีวิต ออดอ้อนแบมอยู่  

"ให้เราช่วยอะไร" 

"ช่วยไปขอเบอร์น้องแว่นคนนั้นให้หน่อย" เหอะ ฝันไปเถอะ ขนาดฉันขอแบมยังไม่เคยช่วยเลย ฝันปะ... 

"ได้สิ แต่ต้องมีของมาแลกนะ" 

"เห้ยย เดี๋ยว!" ยังไม่ทันได้คิดอะไรปากมันก็ลั่นออกไปก่อนแล้ว บ้าหรอทำไมไปช่วยง่าย ๆ แบบนั้นละ 

"อะไรของแก" อีพถามพร้อมยกยิ้มอย่างเยาะเย้ยอยู่ในที 

"ก็แบมอะ ทีเราขอแบมยังไม่เคยช่วยเราเลยนะ ไม่รู้แหละ ถ้าแบมช่วยอีพ แบมก็ต้องช่วยเราด้วย" ฉันหันไปเกาะแขนแบมเขย่าเบาๆ หึ แหงหล่ะ ไม่มีทางที่แบมจะ... 

"ตกลง" อ้าวเห้ย เดี๋ยวนะ ไม่ใช่แบบนี้สิ 

ตอนนี้แบมกำลังเข้าไปในกลุ่มเด็กผู้หญิงพวกนั้นและกำลังเจรจาพาทีอะไรกันสักอย่าง พร้อมทั้งมีหันมามองที่ฉันกับอีพเป็นระยะๆ 

'บ้า บ้าที่สุด ไอ้อีพ ไอ้เพื่อนเฮงซวย' ในใจนี่อยากจะตบมันให้กระเด็น  

"กัดฟันจนกรามขึ้นหมดแล้ว" 

"อะไรของแก มโน" 

"ชอบหรอ ฉันถามแกจริง ๆ นะ ถ้าชอบจะได้ไม่ยุ่ง"  ถ้าปกติคงจะสวนไปง่าย ๆ แต่สีหน้าจริงจังของอีพมันทำให้ฉันต้องชะงัก ชอบหรอ ? ไม่รู้สิ แค่อยากได้เหมือนทุกทีนั่นแหละมั้ง ฉันมันพวกใจไว ไม่รักใครได้จริงๆหรอก 

"ไม่" ตอบออกไปแล้ว  

"ก็ดี คนนี้ฉันเอา" คนร่างสูงยิ้มหน้าแป้นแล้น ดูเหมือนพอใจกับคำตอบ 

แบมเดินกลับมาพร้อมกับโบกโทรศัพท์ในมือไปมา ในนั้นเป็นอะไรไปไม่ได้ คงมี contact ยัยแว่นนั่นอยู่ ใช่ ต่อไปนี่ฉันจะเรียกเธอแบบนี่แหละ 'ยัยแว่น' แว่นหนาอย่างกับอะไร ใครจะไปชอบ 

อีพรีบคว้าโทรศัพย์ในมือแบมไปอย่างไว  

"น้องสเมิร์ฟของเค้าาาา" ไม่พูดเปล่าอีพใช้มือไปดึงแก้มแบมจนย้วยออกมา 

"น้องชื่อเมล อยู่ ม.4/1 พึ่งย้ายมาปีนี้ อ้อ อย่าลืมลิปดี ๆ สักแท่งนะ คนกันเอง" แบมยิ้มหวานพร้อมทั้งตบไหล่อีพเบา ๆ 

"ไหน คนไหนของรักที่จะให้เราช่วย" แบมหันมาพูดกับฉันบ้าง คนไหนอะไรเล่าา ยัยสเมิร์ฟบ้า 

"เดี๋ยวเจอแล้วจะบอก" 

"โอเค แต่..." แบมเว้นวรรคอย่างตั้งใจ แล้วหันมายิ้มให้อย่างมีเลศนัย 

"..." 

"แต่ถ้ามีปัญหากับพี่มีนอะไรนั่นเค้าไม่เกี่ยวนะ" พูดจบแบมก็หันไปหัวเราะคิกคักกับอีพยกใหญ่  

"อะไรเล่าาา ก็แค่คุย ๆ กัน ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย" ฉันกอดอกอย่างป้องกันตัวเอง ฉันกับพี่มีนคุยกันมาได้สักพักแล้ว แต่ก็แค่คุยยังไมได้ตกลงเป็นอะไร แบบนี้ก็แสดงว่าฉันยังโสด ก็เห็น ๆ กันอยู่  

"บ้าหรอแบม พูดอะไรแบบนั้นละ เดี๋ยวด้วยรักก็โกรธหรอก พี่มีนแค่คุย ๆ กัน แต่น้องน้ำผึ้งนี่สิ ไม่รู้ชิมกันไปถึงไหนแล้ว"  

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ" เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นพร้อมกัน สองเพื่อนตัวแสบหันหน้าเข้าหากันแล้วหัวเราะชอบใจที่แหย่ฉันได้  

"รู้ดีจังนะ ไม่ได้ชิมหรอก แต่...กินไปหมดทั้งตัวแล้ว" ฉันตอบออกไปอย่างไม่หยีระ สมัยนี้แล้วใครเขาสนเรื่องแบบนี้กันละ 

ฉันกลับมาบ้านตัวเองในตอนเย็น บ้านหลังใหญ่ที่มีคนอยู่ 5 คน ป้าแม่บ้านอีก 2 คน บ้านที่คนเยอะแต่ทำไมดูเหงา ในนี้ฉันไม่รู้จักใครเลยและก็ไม่มีใครรู้จักฉัน แม่แต่พ่อ 

“กลับมาแล้วหรอคะคุณหนู รับอะไรไหมคะ” ป้าชมถามฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ป้าชมเป็นแม่บ้านเลี้ยงฉันมาตั้งแต่ฉันจำความได้ เป็นเหมือนแม่คนที่สอง จะว่าไปก็มีแค่แม่บ้านนี่แหละมั้งที่ยังจำได้ว่าฉันก็อยู่ในบ้านหลังนี้  

“ไม่เป็นไรคะป้าชม รักทานมาแล้ว” ฉันตอบป้าชมไปพร้อมรอยยิ้ม แล้วเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสองของบ้าน 

หายไปไหนกันหมด… 

“หึ กลับมาแล้วหรอไอ้เลือดผสม” คิดว่าตัวเองอยู่ในฮอกวอตหรอ หรือฉันสวยแบบเฮอร์ไมโอนี หรือยังไง 

คำพูดถากถางแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…โบนัส หญิงสาวร่างเล็กผมสีน้ำตาลอ่อน พี่สาวคนละแม่ของฉัน ตอนนี้เรียนคณะแพทยศาสตร์ ปี 3 มหาวิทยาลัยดังที่มีศูนย์การเรียนเป็นโรงพยาบาลชั้นนำของไทย และข้างๆเธอก็ยังมีหญิงสาวร่างหนาอีกคน เฟื่องฟ้า น้องสาวของโบนัส และแน่นอน เธอเป็นพี่สาวคนละแม่ของฉัน พ่วงด้วยตำแหน่งรุ่นพี่ที่โรงเรียน เธอเรียนอยู่ ม.6 โรงเรียนเอกชนที่ขึ้นชื่อเรื่องค่าเทอม  

โบนัสกับเพียงฟ้าเดินออกมาจากห้องที่อยู่ด้านซ้ายของบ้านซึ่งเป็นห้องของไบนัส ถัดมาเป็นห้องของเพียงฟ้า  ตรงกลางจะเป็นห้องของคุณพ่อกับคุณป้า ส่วนห้องของฉันอยู่ขวาสุดของบ้าน ฉันไม่ได้ตอบคำถามพวกเธอ เพราะคิดว่าเธอไม่ได้ต้องการคำตอบจริงๆจากฉันหรอก 

“เดี๋ยวนี้พี่พูดด้วยก็ไม่พูดด้วยหรอคะ เสียมารยาทไปหน่อยไหม ?” เพียงฟ้าพูดพร้อมกับเดินเข้ามาขวางทางฉันไว้ หน้าตาและรอยยิ้มที่สื่อออกมามันไม่ได้ทำให้คำพูดคะ ขา เมื่อสักครู่มันดูอ่อนโยนขึ้นได้เลย 

“ยังไม่กลับมั้ง ที่ถามนี่มองไม่เห็นถูกไหม” พูดจบฉันก็เดินหลบเข้าห้อง โดยไม่ลืมกระแทกไหล่เพียงฟ้าอย่างจงใจ  

“ระวังตัวไว้ดี ๆ เถอะ!!” เสียงเพียงฟ้าตะโกนไล่หลังตามมา   

ปึง! 

“เฮ่อออ…” เสียงปิดประตูตามมาด้วยเสียงถอนหายใจ ทำไมคนพวกนี้ชอบหาเรื่องนักนะ อยู่กันดีๆ ไม่ชอบหรือไง ชีวิตมันสบายไปใช่ไหม  

“ตืดด ตืดด ตืดด ตืดด” เสียงโทรศัพย์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ฉันล้วงหยิบโทรศัพย์ในกระเป๋านักเรียนออกมา บนจอโชว์สายเรียกเข้าเป็น 'มีน' ฉันกดรับสายอย่างเบื่อหน่าย มีนดีกับฉันเสมอ ดูเข้าอกเข้าใจไปทุกอย่าง ที่สำคัญมีนใจเย็นมาก รู้ว่าฉันชอบไม่ชอบอะไร รู้ว่าฉันขี้หงุดหงิด ขี้ลำคาญแค่ไหน ฉันพยายามจะรักเธอ แต่มันก็รู้สึกมากกว่าเพื่อนไม่ได้จริง เรามักจะพบกันแล้วจบลงที่เตียง ต่างฝ่ายต่างได้ วินวินทั้งคู่ เพราะงั้นฉันก็เลยคุยกับมีนได้นานกว่าคนอื่นๆ ที่ผ่านมา ที่สำคัญเรื่องบนเตียงคนนี้จัดว่าเด็ดใช่ย่อย  

“ว่าไง” ฉันกรอกเสียงลงไปตามสายอย่างไร้อารมณ์ จริงๆ มันก็คือน้ำเสียงปกติของฉัน  

“แค่คิดถึง  โทรหาแฟนไม่ได้หรอ” ปลายสายตอบมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนติดขึ้นจมูกนิดหน่อย 

“เรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เริ่มมีอารมณ์ขุ่นเคืองขึ้นมา  

“แล้วเป็นอะไร ขนาดนี้แล้วยังไม่เป็นอะไรกันอีกหรอ!” คราวนี้เป็นมีนที่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ  

“ถ้าจะโทรมาพูดแบบนี้ก็วางไปเลยดีกว่า” 

“…” ไม่มีเสียงตอบกลับของปลายสาย มีแค่เสียงหายใจที่ฟังดูแรงกว่าปกติแทรกเข้ามา คงกำลังโกรธสินะ  

“งั้นแค่นี้นะ”  

“เดี๋ยว…! มาหามีนหน่อย” 

“…” 

“นะ น้าาาา มีนไม่สบาย มาหามีนหน่อย” ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ป่วยจริง ‘มีนตรา' 

แต่ก็ดี จะไปหาหน่อยก็ได้ อย่างน้อยวันนี้ก็มีอะไรให้ทำแล้วละนะ 

"ดิ่งด่อง ๆ” เสียงออดดังขึ้นเมื่อฉันกดมือลงไป ฉันขับรถมาไม่ถึง 30 นาทีก็โผล่มาอยู่ที่หน้าบ้านมีนตราแล้ว สักพักเจ้าตัวก็โผล่ออกมาเปิดประตูพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม 

“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” ไม่พูดเปล่า เธอเดินเข้ามาเกาะแขนฉันแน่น หน้าอกขนาดที่ใหญ่เข้ากับตัวของเธอแนบเข้ากับแขนแล้วถูไปมา 

“เห็นว่ามีคนป่วยหนิ เลยแวะมาดูหน่อย” ถึงจุดสนใจจะอยู่ที่จุดสัมผัสที่แขน แต่นี่ฉัน คือ ด้วยรัก  การแสดงออกเยอะเกินไปมันอันตราย ฉันคิดว่าการแสดงออกน้อยมันคือกลไกป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งของมนุษย์ 

“น่ารักจัง” เธอพิงซบมาที่หัวฉันอย่างต้องการเอาใจ เอ่ออ… คือฉันตัวเล็กมากอะนะ 159 ซม. ส่วนมีนก็คงซัก 165 ซม. มั้ง ไม่รู้อะ  

“เข้าบ้านไหม หรือจะคุยกันตรงนี้” 

“ขึ้นไปคุยกันบนห้องดีกว่า มีนอยาก…คุยด้วยหลาย ๆ รอบ” รอยยิ้มยั่วยวนถูกส่งออกมาพร้อมกับประโยคที่จบไป  

“เอารถเข้าบ้านก่อนไหม” เธอถามพลางชี้ไปที่รถที่จอดแอบไว้ที่หน้าบ้าน  

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวรบกวนคนในบ้าน นี่ก็ค่ำมากแล้ว” เอาไว้ข้างนอกนี่แหละดีแล้ว ตอนกลับจะได้ออกง่าย ๆ 

ประตูห้องถูกเปิดออก ฉันดันตัวคนตัวโตกว่าเข้าไปและไม่ลืมที่จะกดล็อคประตู 

ฉันประกบปากเข้าที่ตำแหน่งเดียวกันกับเธออย่างหิวกระหาย ค่อยๆ ขบแม้มปากคนสูงกว่าเบาๆ ลิ้นเริ่มซุกซนสอดเข้าไปซึ่งอีกฝ่ายก็เปิดรับอย่างง่ายดาย ความหวานในปากส่งต่อถึงกัน นี่มันไม่ใช่ความรัก แต่มัน คือ ความอยากล้วน ๆ  

ฉันดันตัวอีกฝ่ายจนติดกับผนังห้อง ปากและมือทำหน้าที่ได้อย่างดี ในขณะที่ปากยังจูบอย่างดูดดื่มอย่างไม่มีใครยอมใคร กระดุมชุดนอนก็ถูกปลดไล่ลงมาทีละเม็ดๆ เผยให้เห็นอกอวบอิ่ม ตอนนี้ชุดนอนถูกปลดออกไปหมด เหลือเพียงบลาลูกไม้กับแพนตี้ตัวจิ๋วที่ปกปิดจุดสำคัญไว้  

เป็นฉันที่ผละออกก่อนเพราะรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศ 

“ไหนบอกไม่สบาย?” ฉันหยุดการกระทำอย่างต้องการจะแกล้ง 

“เพราะงั้นเลยต้องให้คุณหมอฉีดยาให้ไงคะ” แววตายั่วยวนถูกส่งออกมา เธอใช้มือสองข้างมาคล้องที่คอฉันไว้ อีกนิดหนึ่งหน้าฉันก็มุดที่นมเธอได้แล้วนะ เบื่อความแคระเกร็นของตัวเอง 

“เข็มหมอใหญ่นะหนู” 

“ใหญ่แค่ไหนคะ” 

“จะเอากี่เข็ม หนึ่ง…สอง…หรือสาม...เข็ม” ฉันพูดพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาตามจำนวน ฉันรู้ว่าเธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร 

ไม่รอคำตอบฉันดันร่างสูงกว่าลงไปที่เตียง ค่อยๆ ถอดชุดตัวเองออกช้าๆ ตอนนี้ฉันรู้สึกหน้ามืดตาลายไปหมดแล้ว  

ฉันขึ้นไปคร่อมบนร่างคนสูงกว่าแล้วเริ่มซุกไซ้ที่ซอกคอ มืออีกข้างเอื่อมไปปลดตะขอบลาด้านหลังแล้วปลดเปลื่องออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นยอดถันที่กำลังตั้งชูชัน ปากค่อยๆ จูบไล่ลงมาจนถึงอกอวบ  

“วันนี้หมอจะฉีดยาให้หนู หลายๆ รอบเลย”  

 

 

 

[Cut Scene ติดตามอ่านต่อใน E-Book]

 

เสียงร้องระงมดังไปทั่วห้องในที่สุดก็หยุดลง เหลือเพียงเสียงหายใจหอบถี่ ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาตี 4 แล้ว ฉันควรจะนอนได้แล้ว  

“มีนรักด้วยรักนะ” เธอบอกรักฉันเหมือนทุกครั้งที่เราทำอะไรแบบนี้ด้วยกัน ฉันนอนคว่ำมีเพียบผ้าห่มคลุมกายไว้เท่านั้น แกล้งหลับไปเพื่อเลี่ยงการสนทนาที่อาจทำให้ฉันอึดอัด  

“จุ๊บบบ ฝันดีนะคะ” เธอจุ๊บที่แก้มของฉัน แล้วแทรกตัวเข้ามาในอ้อมกอด จนฉันต้องขยับตัวให้เธอจัดท่าได้ง่ายขึ้น  

เมื่อคืนฉันเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ เมื่อเช้าฉันออกจากบ้านมีนตราตั้งแต่เช้าตรู่ รีบบึ่งกลับบ้านตัวเองกะจะแอบเข้าห้องตอนที่ทุกคนยังหลับอยู่ แต่ก็ไม่พ้นสายตาป้าชมที่อุส่าห์เห็นฉันตอนย่องเข้าบ้านตัวเอง ไม่ต้องห่วงป้าชมทีมฉัน  

“กลับเช้าเลยนะคะคุณหนู” น้ำเสียงที่ถามมามีทีท่าหยอกเย้ามากกว่าจะดุ ฉันได้ยิ้มเหยเกกลับไปให้  

ฉันอาบน้ำแต่งตัวลงมาทานข้าวเช้าตามปกติ แล้วบทสนทนาบนโต๊ะอาหารก็เริ่มขึ้น 

“ด้วยรัก เมื่อคืนไปไหนมา” เป็นคำถามจากพ่อ ซึ่งฉันรู้ว่าพ่อรู้ เพราะนิสัยพ่อก็ไม่ได้ต่างไปจากฉันนักหรอก 

“บ้านเพื่อนค่ะ” 

“หึ บ้านเพื่อนหรือบ้านเมีย” เสียงหัวเราะต่อกระซิกกันระหว่างเพียงฟ้าและโบนัสทำให้ฉันต้อง ผละจากจานข้าวแล้วหันไปมอง  

“ฟ้า!” เสียงปรามจากคุณป้า คุณป้าใจดีเสมอ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ ขนาดสามีทำร้ายจิตใจขนาดนี้ยังทนอยู่ได้ 

“พามาให้พ่อรู้จักบ้างสิ” 

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” ฉันตัดจบเพราะลำคาญที่จะอธิบายในความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่  

“…”  

ไม่มีเสียงใดๆ ขึ้นมาอีกระหว่างเราทานข้าว นอกจากเสียงช้อนกับจานกระทบกัน  

ความรู้สึกมันด้านชา ฉันเบื่อครอบครัวตัวเอง ฉันเกลียดพ่อ เกลียดแบบไม่คิดว่าตัวเองจะเกลียดใครได้ขนาดนี้มาก่อน ฉันอาจจะดูเป็นลูกอักตัญญู แต่ฉันคือผลผลิตของเขา เขาคือคนที่สร้างฉันให้เป็นฉันอย่างทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นถ้าจะโทษใคร ก็คงเป็นเขา คนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้  

“ไง เมื่อคืนดึกหรอ” เสียงกวนประสาทแบบนี้เป็นใครไม่ได้นอกจาก ไอ้อีพ ไอ้เพื่อนที่ไม่ว่าจะด่าอย่างไรมันก็ไม่ได้กระทบจิตใจมันได้แม้แต่น้อย  

ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในคาบเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของอาจารย์ผู้ชายดรีกรีดอกเตอร์ที่สอนด้วยการหันหน้าเข้าโปรเจคเตอร์แล้วคุยกับมัน โดยไม่สนว่าใครจะเข้าใจด้วยหรือไม่ ให้ตายสิ นี่ฉันมานั่งทำอะไรอยู่นี่เนี่ย เซ็ง! 

“ไม่ดึก… แต่เช้า” ฉันหันไปยักคิ้วให้อีพเบาๆ 

“แกมัยร้ายยยย ยัยเตี้ย” เกลียดดดด ฉันเกลียดแก มาเรียกฉันเตี้ยได้ไง เอ่อ ถึงมันจะจริงก็เถอะ  

“จิ๊” ฉันจิ๊ปากใส่อย่างอารมณ์เสีย 

ในที่สุดพักเที่ยงก็มาถึง ฉันกับเพื่อนตรงไปที่โรงอาหาร หิวไส้แทบขาด ฉันกับแบมเดินไปซื้อข้าว พอกลับมาที่โต๊ะก็พบว่ามีรุ่นน้องนั่งรวมอยู่ด้วย แก๊งน้องแว่นนั่นเอง ไอ้อีพนี่ก็ร้ายไม่เบานะเนี่ย คุยกันไม่กี่วันนี่พามาเปิดตัวซะแล้ว  

“สวัสดีค่ะ” น้องๆ ยกมือไหว้ฉันกับแบมตามมารยาท 

“สวัสดีค่ะ” แบมรับไหว้ ส่วนฉันแค่ยิ้มๆกลับไป 

วันนี้ที่โต๊ะมีเสียงพูดคุยกันไม่ขาดสาย ฉันไม่ได้พูดอะไรด้วยเท่าไหร่ เพราะปกติก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ยิ่งกับคนที่ไม่รู้จักแบบนี้ฉันเลยเงียบไปใหญ่ ระหว่างนั้นก็แอบมองสำรวจคนนั้นที คนนี้ที แล้วก็มาสะดุดที่เด็กแว่นหน้าดุ ที่พูดจ้อกับอีพไม่หยุด อัธยาศัยดีจังเลยนะ เฟรนลี่จริงๆ ชิ! แล้วนี่ฉันจะไปยุ่งกับเขาทำไมละเนี่ย หน้าอกเกินขนาดนี่น่าจะคัพซี หรือคัพดี ตัวบางจังเลยนะ ไหนจะบอกสีชมพูอวบอิ่… 

“ด้วยรัก!” ยังคิดไม่ทันจบก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงของอีพที่เรียกชื่อฉัน  

“…” ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า มีอะไร 

“มองขนาดนี้เอาน้องเขากลับบ้านเลยไหม?” น้ำเสียงประชดประชัน ฉันชักสงสัยว่าสองคนนี้ความสัมพันธ์ไปถึงไหนกันแล้วนะ แค่สงสัยเฉยๆ ฉันหันไปมองน้องแว่นที่ตอนนี้ก็มองมาสบตากับฉัน  ฉันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ในหูอื้อไปหมด ภาพรอบข้างดูมัวๆ พึ่งได้สบตาและมองหน้าชัดๆ ครั้งแรก ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหนา รอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้า ทำให้บรรยากาศรอบข้างสดใสขึ้นได้ง่ายๆ  

“ขอโทษ” ฉันพูดอะไรออกไป บ้าจริง ในหัวมันอื้ออึงจนคิดคำพูดไม่ออกขนาดนี้เลยหรอ  

“อะไรกันรัก อีพก็แค่แซวเล่นเฉยๆ” แบมหันมาพูดกับฉันพร้อมหัวเราะออกมาน้อยๆ  

ไม่เลย เมื่อกี้ฉันต้องขอโทษถูกแล้ว ดูจากสีหน้าและน้ำเสียงของอีพเมื่อสักครู่ วูบหนึ่งที่มันแปลกๆ มีแค่ฉันกับอีกที่รู้ว่ามันไม่ปกติ ไม่ใช่การแซวกันเล่นแบบธรรมดาๆ 

วันนี้ฉันทำหน้าที่เป็นสาระถีขับรถพาอีพกับแบมไปส่งที่บ้าน โดยข้างๆ ก็มีมีนนั่งมาด้วย 

“น้องอีพเป็นไงมีแฟนยัง พี่เห็นน้าาา” มีนเอ่ยแซว คงพูดถึงยัยแว่นนั่นสินะ 

“บ้าพี่มีนก็ น้องเขายังเด็ก” อีพตอบพร้อมทำท่าเขินอายแบบโอเวอร์จนฉันอยากเคาะกระบานสักที 

“แฟนหรอ”  

“ยังหรอกค่ะ แต่น่าจะเร็ว ๆ นี้แหละ” ฉันเผลอสบตากับอีพผ่านกระจกมองหลัง ฉันรีบหลบตาเพราะรู้ว่าที่ทำอยู่มันไม่ถูกต้อง และอีพไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่…  

'ชอบงั้นหรอ ? ฉัน คือ ด้วยรัก ฉันไม่ได้มีหัวใจใว้เพื่อใครอีกแล้ว' 

***โปรดติดตามตอนต่อไป!*** 

 

ติชมกันได้นะคะ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของนางเอก แต่เป็นเรื่องของตัวร้าย มาดูกันว่าด้วยรักจะร้ายได้แค่ไหน 

 

นิยายเรื่องนี้เราจะอัพลงให้อ่านจนจบนะ จะทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยปิด สำหรับใครที่ติดตามก็จะได้อ่าจนจบอย่างแน่นอน

สำหรับฉากไหนที่ดูดุเดือดหน่อยก็จะตัดออก สามารถติดตามอ่านได้ทาง E-Book ซึ่งออกวันไหนเดี๋ยวจะแจ้งอีกทีหนึ่งนะคะ ใน E-Book ก็จะมีตอนเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ลงในเว็บให้อ่านกันด้วยนะ

ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา