I'm BOY : ผมนี่แหละ สตรีมีหาง [Yaoi]​

-

เขียนโดย นนิรา

วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 15.13 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,328 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562 15.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บทที่ 6 : ของจากบัดดี้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 6 : ของจากบัดดี้

 


หลังจากผมทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ปีนขึ้นบนเตียงเตรียมตัวจะเข้านอน แต่แสงสว่างบนจอมือถือที่เพิ่งสว่างขึ้นทำให้ผมต้องหันไปหยิบขึ้นมาดูก่อนจะหลับตานอน

 

เมฆแอดคุณเป็นเพื่อนด้วยไอดีไลน์

 

เมฆ : เมื่อตอนเย็นพี่ยังไม่ได้ถามเลยว่าพี่เล่นดีป่ะ

 

เอาไลน์ผมมาจากไหนเนี่ย?

 

วิน : ก็ดีครับ

 

เมฆ : พี่ใส่เสื้อเบอร์ 9 เห็นเปล่า ๆ เลขนำโชคพี่เลยนะ ถือว่าก้าวหน้า


พี่เมฆบอกเองโดยผมไม่ต้องถามอะไรเลยสักคำ ใครอยากรู้เนี่ย?

 

วิน : พี่ไม่คิดเหรอว่าก้าวหลังลงคลองก็ได้...ผมนอนก่อนนะ

 

พิมพ์เสร็จผมก็รีบกดปิดเน็ตทันที ผมกลัวว่าพี่เขาจะตอบกลับมาอีก แล้วผมก็คงจะตอบกลับไป ผมไม่ชอบให้มีอะไรค้างที่หน้าจอน่ะ ไม่งั้นแสดงไฟกระพริบเตือนข้อความมันก็จะกระพริบอยู่อย่างนั้นทั้งคืนถ้าไม่กดเปิดดูให้จบ ๆ

 

เช้าวันนี้ผมมาถึงโรงเรียนค่อนข้างเร็วพอสมควรเพราะมีหลายวิชาต้องส่งการบ้านในตอนเช้า คุณครูเชื่อว่าเป็นวิธีการป้องกันนักเรียนลอกการบ้านกันแต่หารู้ไม่ว่าตอนเช้าก็สามารถลอกกันได้ หรือบางทีก็ส่งรูปภาพคำตอบของแบบฝึกหัดเข้าไปในไลน์กลุ่มเรียบร้อยแล้ว

 

“วิน วิน นายทำการบ้านเสร็จยัง” อลิษาที่วิ่งมาถามผมพลางหอบไปด้วยเพราะความเหนื่อยที่วิ่งเต็มกำลังจากประตู้โรงเรียนมายังม้านั่งแถวโรงอาหาร

 

“เสร็จแล้ว”

 

“ลอกหน่อย”

 

“แล้วเมื่อวานไม่ได้ดูในกลุ่มไลน์เหรอไง” ผมว่าเมื่อว่าผมก็ส่งเข้าในกลุ่มเรียบร้อยแล้วนะ เพื่อนคนอื่นยังพากันเปิดดูอยู่เลย

 

“เมื่อวานเราหลับก่อน เลยทำไม่ทัน เร็วขอลอกหน่อยนะ” อลิษาพูดจบก็วางกระเป๋านักเรียนลงบนโต๊ะก่อนรูดซิปกระเป๋าหยิบเอาสมุดวิชาเลขออกมา

 

“เดี๋ยว ถามไรก่อนแล้วจะให้ลอก”

 

“ว่ามาเลย เร็ว ๆ”

 

“ใครเป็นคนเอาไลน์ผมให้พี่เมฆ?” พอผมถามคำถามนี้ออกไปก็จับสังเกตของคนตรงหน้าได้ทันที ผมว่าผมได้คำตอบแล้ว “ไอ้ษา!”

 

“นายก็รู้แล้ว งั้นลอกนะ” อลิษาที่ไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำนำหน้าชื่อก็ดึงสมุดไปจากมือผมแล้วก็นั่งลงทันที โดยที่ปกติผมไม่เคยเรียก ‘ไอ้’ มาก่อน เพราะตอนนี้มีสิ่งเดียวที่ต้องรีบทำมากกว่าการมาใส่ใจคำเรียกคือลอก!

 

อลิษารีบจดคัดลอกตามอย่างรวดเร็วก่อนยื่นสมุดกลับมาให้ผม

 

“เสร็จแล้ว เราไปส่งพร้อมกันป่ะ ไอ้วิน!” อลิษาเน้นเสียงประโยคหลังเอาคืนผมก่อนหน้านั้น ก่อนจะเอามือมาโอบไหล่ผมพร้อมตบค่อนข้างแรง เห็นทีบัดดี้ลับ ๆ คนนี้ของผมจะไม่ได้เรียบร้อยเหมือนหน้าตาซะแล้ว

 

“วันนี้ในช่วงบ่ายจะไม่มีการเรียนการสอนนะครับ เพราะจะมีการเลือกชมรมกัน ใครชอบหรือถนัดอะไรก็ไปอยู่ในชมรมนั้น ๆ แล้วแต่จะชมรมจะมีการสนับสนุนสำหรับคนที่มีความสามารถโดดเด่นด้วย ขอให้สนุกกับชมรมที่จะอยู่นะครับ” หลังจากที่คุณครูบอกแบบนี้แล้วทุกคนก็ต่างพากันดีใจที่ช่วงบ่ายไม่ต้องเรียน ผมกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างพากันเดินดูซุ้มต่าง ๆ ของชมรมที่รุ่นพี่ในชมรมต่างพากันเรียกเด็กใหม่ให้มาอยู่ชมรมของตน ทั้งมีการบอกข้อดีหรือเอาผู้ชายหล่อ ๆ ผู้หญิงสวย ๆ มาหลอกล่อเพื่อหาจำนวนสมาชิกเพิ่ม

 

ใจจริงผมอยากอยู่ชมรมบาสนะ ผมชอบเล่นบาสกับเพื่อนที่โรงเรียนเก่าตอนเที่ยงบ้าง หลังเลิกเรียนบ้าง แต่เมื่อผมมาหยุดอยู่หน้าซุ้มชมรมแล้วเห็นพี่เมฆยืนอยู่แถวนั้นผมก็นึกได้ว่าพี่เขาน่าจะอยู่รมชมบาส งั้นผมเปลี่ยนชมรมดีกว่า ใช่ว่าผมจะชอบอย่างเดียวเสียหน่อย

 

“วิน กูไปก่อนนะ กูจะอยู่ฟุตบอล” ไอ้ตูนบอกผมก่อนเดินไปต่อแถวลงชื่อ ชมรมฟุตบอลอยู่ติดกับชมรมของพี่เมฆ งั้นผมเดินดูอย่างอื่นต่อดีกว่า

 

ตอนนี้เหลือแค่ผมกับมานพที่กำลังเดินเลือกชมรมกันอยู่ เมื่อครู่อลิษาเพิ่งขอแยกตัวไปยังชมรมเทควันโด

 

ในที่สุดผมก็มาหยุดยังชมรมดนตรี ผมชอบเล่นดนตรีพอ ๆ กับบาส ผมยืนรอคิวไม่นานก็ได้ลงชื่อ จากนั้นพี่ ๆ ก็พาผมไปยังห้องชมรม ส่วนมานพหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

 

ห้องชมรมถูกแบ่งออกเป็นสองห้อง ฝั่งดนตรีไทยและดนตรีสากล​ ซึ่งแน่นอนว่าผมเลือกฝั่งสากล

 

“น้องอยากเล่นอะไรเลือกได้เลยนะครับ ใครยังไม่มีพื้นฐานก็มีพี่ ๆ คอยสอนให้นะไม่ต้องห่วง”

 

อย่างที่พี่เขาบอกนั่นแหละครับว่าหากไม่มีพื้นฐานก็จะมีพี่ ๆ คนอื่น ๆ ที่ถนัดทางด้านนั้น ๆ คอยสอนให้ แต่ละคนมือโปรทั้งนั้นบางคนเป็นถึงแชมป์ก็มี ไม่ก็เป็นนักดนตรีของวงดังที่เป็นที่รู้จัก ส่วนผมก็คงเลือกเล่นในสิ่งที่เคยเล่นมาบ้างก็คือ ‘อิเล็กโทน’ ตอนเด็ก ๆ ผมเคยเรียนเปียโนน่ะครับ แต่ที่นี่มีแค่อิเล็กโทนซึ่งมันก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ เปียโนต่างแค่เสียงกังวาลและไม่มีลูกเล่นอะไรมากเท่ากับเจ้าคีย์บอร์ดตัวนี้ที่สามารถปรับแต่งเสียงหรือแทรกเสียงลงได้และเปิดไปพร้อมกับการบรรเลงของเราได้เลย

 

พี่ ๆ ยังบอกอีกว่าถ้าเรามีเวลาว่างช่วงเที่ยงหรือคาบไหนไม่มีเรียนก็สามารถมาที่นี่ได้ มีพี่คอยประจำชมรมอยู่แล้วแทบทุกเวลา

 

ผมนั่งลงบนเก้าอี้หน้าอิเล็กโทนก่อนจะลองมือว่าผมยังพอจำเนื้อได้หรือเปล่า มือจะทำตามที่สมองสั่งการไหม ผมไม่ได้เล่นมาตั้งนาน หลังจากที่ผมวางมือถูกตำแหน่งแล้วก็เริ่มกดนิ้วไปตามความเคยชินและผมก็เริ่มบรรเลงเพลงที่ผมชื่นชอบที่สุดทันที โชคดีที่รอยยักสมองผมยังสามารถจำเพลงนี้ได้อยู่ เมื่อผมเล่นเสร็จบรรยากาศภายในห้องก็เงียบไม่มีแม้แต่เสียงหายใจ ความจริงถ้าผมสังเกตสักนิดจะรู้ว่าเสียงหายไปตั้งแต่ผมเริ่มเล่นไปได้สักพัก

 

อยู่ ๆ ก็มีพี่ในชมรมคนหนึ่งเดินมาถามชื่อผม “น้องชื่อไรอ่ะ”

 

“วินครับ”

 

“สนใจมาร่วมวงกับพี่ไหม? พอดีมีแข่งแล้วพี่ต้องการมือคีย์บอร์ดพอดีเลย”

 

“ผมเหรอครับ?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงง ๆ

 

“ใช่ น้องนั้นแหละ”

 

“แต่ผม...ไม่ค่อยมั่นใจ” ผมตอบออกไปตามตรง ผมไม่มั่นใจเลยจริง ๆ เมื่อพี่เขาบอกว่าจะมีแข่ง ผมไม่เคยไปแข่งหรือขึ้นแสดงที่ไหนมาก่อนเลย

 

“โอ้โหนี่เรียกไม่มั่นใจเหรอ น้องเล่นเพลงลา ฟุล (La foule) ของเอดิต ปียัฟ (Édith Piaf) ได้นี่ก็สุดแล้วนะ ถ้าน้องไม่มั่นใจพวกพี่คงเรียกว่าเพิ่งหัดจับคอร์ดเลยมั้ง นะนะ”

 

พี่เขายืนทำตาปริบ ๆ จ้องผมด้วยความกดดันหน่อย ๆ ผมว่าผมลองดูก็ได้ สักครั้งในชีวิตที่จะได้ลองทำอะไรแบบนี้กับสิ่งที่ผมรัก

 

“ก็ได้...ตกลงครับ”

 

หลังจากที่ผมตอบตกลงไป พี่เขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอยู่สักพักก่อนจะรีบขอชื่อและเบอร์ติดต่อผมและรีบตะโกนบอกเพื่อนคนอื่น ๆ ในทีมทันที คงกลัวผมจะเปลี่ยนใจเสียก่อนจึงต้องรีบจัดการบอกทุกคนให้รับรู้

 

“เย็นนี้น้องว่างไหม? พี่จะแนะนำสมาชิกทั้งหมดในวงให้ว่าใครประจำเครื่องดนตรีอะไร”

 

“ว่างครับ”

 

“งั้นเลิกเรียนเจอกันที่นี่เลยนะ”

 

เมื่อผมนั่งฟังรายละเอียดของชมรมบวกกับตกลงเข้าร่วมวงเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมายังห้องเรียนเพื่อมาเก็บสมุดหนังสือเข้ากระเป๋าเตรียมตัวทำความสะอาดห้องก่อนจะเลิกเรียน

 

“ตกลงแกอยู่ชมรมอะไรวะ?” ไอ้ตูนที่นั่งอยู่ในห้องอยู่แล้วก็ถามขึ้นเมื่อเห็นผมเดินเข้ามา

 

“ดนตรี” ผมบอกมันพลางเก็บของใส่กระเป๋าและยกเก้าอี้ขึ้นบนโต๊ะ “แกก็ยกเก้าอี้ขึ้นได้แล้ว เราจะได้กวาด” ผมหันไปบอกไอ้ตูนให้ยกเก้าอี้เพราะกว่าผมจะคุยธุระที่ชมรมเสร็จและเดินกลับมาก็เลยเวลาไปพอสมควร เพื่อน ๆ ในห้องส่วนวใหญ่คือออกไปกันหมดแล้ว

 

“รีบไปไหนเนี่ย?” ไอ้ตูนมันบ่นผมแต่ก็ยอมลุกขึ้นและทำตามที่ผมบอกแต่โดยดี

 

“แล้วสองคนนั้นไปไหนแล้วอะ?” ผมถามหามานพและอลิษาในขณะที่กวาดพื้นไปด้วย

 

“พวกมันกลับแล้ว”

 

ผมพยักหน้าบอกว่ารับรู้ก่อนลงมือทำความสะอาดห้องต่อ เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาไม้กวาดไปเก็บที่เดิมก่อนจะเดินมาสะพายกระเป๋าก็เหลือบไปเห็นโน้ตสีฟ้าขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมีลูกอมฮาร์ทบีทรสสตรอเบอร์รี่วางไว้ข้าง ๆ ด้วย ผมจึงหยิบโน้ตขึ้นมาอ่าน

 

‘กินลูกอมแล้วอย่าลืมอ่านข้อความข้างในนะ’

 

ผมอ่านโน้ตเสร็จก็แกะลูกอมกินทันทีและไม่ลืมที่จะทำตามข้อความในกระดาษที่เขียนไว้ ผมคลี่เปลือกลูกอมออกก็เจอข้อความว่า ‘หาหมอต้องไม่สบาย หา 'คนข้างกาย' ต้องมาหาเรา’

 

ข้อความในห่อลูกอมจำเป็นต้องเลี่ยนขนาดนี้เลยเหรอ?

 

ว่าแต่ใครเอาลูกอมกับกระดาษมาใส่ไว้ใต้โต๊ะผมหรือว่าบัดดี้ของผมเริ่มทำงานแล้ว งั้นผมต้องเก็บสองอย่างนี้ไว้ซะแล้ว เผื่อตอนเฉลยบัดดี้ในเทอมสองจะได้มีของมาอวดเพื่อน ๆ ว่าผมก็มีบัดดี้เหมือนกันนะ

 

หลังจากที่ผมยืนภูมิใจกับของที่ได้แล้วก็รีบตรงไปยังห้องชมรมตามที่นัดไว้ทันที

 

“น้องวินเข้ามาเลย ๆ” พี่เขาเรียกผมเข้าไปยังห้องเพราะเมื่อกี้ผมชะโง้กหน้าเข้าไปดูว่ามีใครมาหรือยัง

 

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พี่ ๆ ในวงทั้งหมดสี่คนถ้ารวมผมด้วยก็เป็นห้า

 

“พี่ชื่อหนึ่งเป็นมือกีต้านะ ส่วนคนนี้พี่สามมือเบส นี่พี่บอยมือกกลอง พี่เติ้งนักร้องนำแล้วก็มีอีกคนเป็นทั้งกีต้ากับร้องแต่ตอนนี้ไม่รู้มันหายหัวไปไหน เดี๋ยวถ้ามาแล้วพี่จะแนะนำให้รู้จักอีกทีนะ”

 

สรุปทั้งวงรวมผมมีทั้งหมดหกคนสินะ...

 

เวลาผ่านไปสักพักที่หนึ่งที่กะว่าจะรอแนะนำสมาชิกอีกคนในวงให้ผมรู้จักต้องเป็นอันเลื่อนไปก่อน “พี่ว่ามันคงไม่มาแล้วแหละ พรุ่งนี้น้องวินมาได้ไหมครับ ว่างไหม? เผื่อมาเลือกเพลงแล้วก็ลองซ้อม ๆ กันดูว่าเล่นด้วยกันต้องปรับอะไรตรงไหนบ้าง”

 

“ว่างครับ” พรุ่งนี้วันเสาร์สินะ ก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว อยู่บ้านทั้งวันคงเบื่อแย่

 

“งั้นพรุ่งนี้เจอกันสิบโมงเช้านะ ถ้ายังไงพรุ่งนี้โทรหาพี่ได้นะ”

 

“ครับ”

 

ในขณะที่ผมกำลังจะเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนที่ก่อนหน้านั้นวางไว้บนพื้นติดมุมห้องก็มีอีกคนวิ่งเข้ามาในห้องชมรม

 

“โทษทีว่ะ กูมาทันอยู่ใช่ป่ะ ไหนน้องคนไหนที่จะมาร่วมวงกับพวกเราด้วย”

 

“คนนี้ น้องวิน” พี่สามตอบสมาชิกวงอีกคนที่เป็นทั้งมือกีต้าและนักร้องในวง ผมจึงกะว่าจะหันไปทักทายแต่ว่า...

 

“พี่เมฆ!”

 

“อ่าว เป็นวินนี่เองเหรอ”

 

“นี่มึงรู้จักน้องแล้วเหรอ เออดี ๆ จะได้เล่นด้วยกันแบบเข้าขา พรุ่งนี้เวลาเดิมนะมึง มาให้ไวด้วย”

 

“เออ คราวนี้กูจะมาถึงเป็นคนแรกเลยมึงคอยดู”

 

“พวกกูจะคอยดู!!” พี่ ๆ ต่างพากันประสานเสียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

 

ผมยืนมองพี่เมฆบวกกับใช้ความคิดไปด้วยว่า ทำไมพี่เมฆถึงเป็นหนึ่งในสมาชิกวงได้ล่ะ? พี่เขาอยู่ชมรมบาสไม่ใช่เหรอ? สรุปผมหนีไม่พ้น?!

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา