Twin แฝดเลือดผสม

8.0

เขียนโดย Shinman33

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.

  39 ตอน
  3 วิจารณ์
  27.31K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

33) ภาค2 พิธีกรรมกับอัญมณีสีเขียว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            ใจกลางผืนป่าอันกว้างใหญ่ที่บัดนี้ปกคลุมไปด้วยราตรีกาล   ไม่มีแสงจันทร์หรือแสงดาวใดๆ สาดส่องลงมาได้   หากแต่แสงไฟจากคบเพลิงหลายสิบดวงและแสงจากกองไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่นั้นกำลังทำหน้าที่ฉายส่องความสว่างไปทั่วบริเวณ   บัดนี้ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขาคือกลุ่มคนที่แต่งกายประหลาดหลายสิบคนกำลังทำกิจกรรมบางอย่างที่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก   เพราะใจกลางของกลุ่มคนเหล่านั้นนอกจากมีกองไฟกองใหญ่แล้ว  ถัดไปบริเวณลานดินกว้างคือกองซากสัตว์ป่าที่มีแต่หัวสุมกองกันอยู่มากมาย   กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วบริเวณสร้างความสะอิดสะเอียดยิ่งนัก

“แคท   น้องจะอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า?”   ผู้เป็นพี่อดหวั่นวิตกไม่ได้   เพราะถ้าหากเป็นดั่งที่เขาคิดจริง   เขาจะรับมือกับคนกลุ่มนี้ไหวหรือ?    ความวิตกกังวลต่างๆ สุมอยู่ในความคิดมากมายแต่หนุ่มน้อยก็ยังคงหาช่องทางเข้าใกล้ยิ่งขึ้นไป   และถ้าเดาไม่ผิดในกระโจมที่มีทหารยามเฝ้าอยู่ด้านหน้านั้นจะต้องมีสิ่งสำคัญอยู่แน่ๆ

“เฝ้าให้ดีนะ   อีกเดี๋ยวจะเริ่มพิธีแล้ว   อย่าให้มีสิ่งใดผิดพลาด”   เสียงทหารผู้เป็นนายออกคำสั่งแก่ทหารเวรยามในเผ่าของตน

“ครับ” ทุกนายขานรับพร้อมแสดงความเคารพทันทีที่หัวหน้าทหารเดินผ่านออกไปยังอีกกระโจม

พรึบ!!   เสียงสะบัดม่านอย่างแรงจากคนที่มีอำนาจสร้างความตกใจให้แก่คนที่อยู่ด้านในมิใช่น้อย   เสียงหวีดร้องอย่างตกใจดังออกมาก่อนจะเงียบลงไปด้วยเสียงคำสั่งอันทรงพลังของใครบางคน

“แล้วในนั้นก็มีคนด้วย   เอาไงดีล่ะคิม”   หนุ่มน้อยบ่นงึมงำอยู่คนเดียว   ความหนักใจและวิตกกังวลก่อตัวขึ้นอย่างหนัก  แต่ทว่าลำพังเขาเพียงคนเดียวคงไม่สามารถทำในสิ่งที่ตั้งใจนี้ได้แน่ๆ  นอกซะจากว่า

“ต้องวางแผนดีๆ นะคิม”   เมื่อเรียกสติกลับมาได้  คิมก็ถอยออกไปตั้งหลักอีกครั้งโดยไม่ทันได้เห็นว่าบัดนี้กระโจมที่เขาเฝ้ามองนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว

“ลากตัวพวกนี้ไปยังลานพิธี”  เสียงหัวหน้าทหารสั่งการลูกน้องพร้อมกับเสียงหวีดร้องของเด็กและผู้หญิงที่รู้ชะตากรรมของตนเองดังกึกก้อง   เหล่าทหารรับคำสั่งพร้อมทั้งฉุดลากเด็กและผู้หญิงอันเป็นเครื่องเซ่นไหว้บูชายันต์ในค่ำคืนนี้ไปยังลานพิธี

“ส่วนเด็กคนนั้น  แยกตัวออกไปยังท่านผู้นำก่อน”   นายทหารคนเดิมหันไปกำชับทหารคนสนิทเพื่อสั่งการบางอย่าง

“ครับ”  ทหารคนสนิทตอบรับพร้อมหิ้วตัวเด็กน้อยตามคำสั่ง

“จะทำอะไรหนู?”  เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงสั่นพร้อมแววตาหวาดกลัว     

“หนูไม่ต้องกลัวนะ   หนูจะไม่เจ็บไม่ทรมานเหมือนคนอื่นๆ หรอก”   นายทหารที่เป็นหัวหน้านั่งลงตอบคำถามเด็กน้อย  น้ำเสียงที่ตอบช่างอบอุ่นและปลอบโยนยิ่งนัก  

.........หรือบางทีพวกเขาอาจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะ...........

 

ณ ลานพิธีเซ่นไหว้บูชายันต์

            บัดนี้เหล่าผู้หญิงที่เป็นเครื่องสังเวยโดนมัดติดกับต้นเสา  กองไฟลุกชิตช่วง  เหล่าทหารมากมายกำลังยืนรายล้อมลานพิธี  บ้างร่วมประกอบพิธี บ้างอารักขาความปลอดภัยโดยรอบ บ้างเป็นกำลังเสริมและเป็นกองหนุนหากเกิดเหตุไม่คาดคิด  และในใจกลางลานพิธีมีผู้นำกลุ่มและผู้มีบทบาทหลายคนกำลังประกอบพิธีอยู่   หนึ่งในนั้นคือคนสำคัญของพิธีนี้ก็อยู่ในนั้นด้วย

”ปล่อยหนูไปเถอะนะ  หนูคิดถึงแม่”  เสียงอ้อนวอนของเด็กผู้หญิงยังคงดังไม่ขากปาก

“เงียบ!!  ถ้าขืนพูดมากอีกแม้แต่ชีวิตเธอก็จะไม่เหลือ”   คำดุที่ผู้นำกลุ่มตะคอกออกมานั้นสร้างความหวาดกลัวให้เด็กน้อยได้มากทีเดียว 

“ต้องทำอะไรบ้างท่านผู้เฒ่า”  ต่อจากนั้นจึงหันไปคุยกับผู้อาวุโสในกลุ่ม

“ท่านต้องใช้โลหิตของเครื่องเส้นไหว้  คือสตรีทั้ง9 มาชโลมให้ทั่วศิลานี้    จากนั้นให้เด็กผู้นี้นำศิลาผ่านไฟศักสิทธิ์   เมื่อเปลวเพลิงสัมผัสกับโลหิตเครื่องเส้นไหว้จะเกิดการกะเทาะของศิลาและแตกออก   ผลึกด้านในนั่นล่ะ  คือสิ่งที่ท่านต้องการ”   ชายผู้อาวุโสบอกโดยคร่าวๆ

“โยนใส่ไฟเลยไม่ได้รึ   ทำไมต้องให้เด็กนี่ถือผ่านไฟ”  ยังคงมีคำถามจากผู้ที่ไม่เข้าใจ

“ท่านเป็นถึงบุตรของผู้นำ   ท่านน่าจะเข้าใจและเห็นแล้วนะว่า  ไม่มีใครสามารถสัมผัสผลึกนี้ได้ นอกจากเด็กน้อยผู้นี้  อีกอย่าง หากท่านโยนใส่กองเพลิงต่อให้เพลิงนั้นศักสิทธิ์แค่ไหนมันก็ไม่บังเกิดผลหากปราศจากสื่อกลางอย่างเด็กคนนี้นะ  ท่านคาเมอร์”  

“ลูกอาจจะเก่งการรบ เก่งเวทย์มากมาย  แต่เรื่องนี้ลูกต้องฟังท่านผู้เฒ่านะ คาเมอร์”   ผู้เป็นพ่อและเป็นถึงผู้ปกครอง ผู้นำกลุ่มเอ่ยเตือนสติลูกชายวัยหนุ่มของเขา   ซึ่งเขารู้จักลูกชายของเขาดีว่าคาเมอร์เป็นคนเก่งที่มั่นใจตนเองจนมองข้ามความสำคัญของคนอื่นๆไป ซึ่งลักษณะแบบนี้ในอนาคตหากเขาจะขึ้นเป็นใหญ่แทนตน  เขาจะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีจากกลุ่มอย่างที่ตนได้รับอยู่ในตอนนี้   หน้าที่ของเขาผู้เป็นพ่อจึงต้องขัดเกลาและวางรากฐานที่ดีให้แก่ลูกของตน

“เมื่อได้ผลึกออกมาแล้วให้ใช้โลหิตของท่านชโลมให้ทั่ว   เราเชื่อกันมาว่าโลหิตของเรา สิ่งที่ทรงอานุภาพกับสิ่งศักสิทธิที่เรานับถือเมื่อมารวมกันมันจะให้พรที่วิเศษแก่เรา   แต่ท่านคาเมอร์ต้องเผื่อใจนะครับ   เมื่อได้ผลึกนี้แล้ว   มันอาจจะทำให้ความหวังของท่านเป็นจริงหรือไม่ก็ย่อมได้”   ชายเฒ่ายังคงกล่าวต่อ

“ข้าเชื่อและมั่นใจว่ามันจะช่วยข้าได้  เริ่มพิธีได้เลย”  ชายหนุ่มกล่าวอย่างมั่นใจ   ทันทีที่ออกคำสั่งเหล่าผู้นำและผู้ที่มีบทบาทก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่ของตน   เลือดจากเครื่องเส้นไหว้ที่ได้จากการปาดคอนั้นมากพอที่จะนำมาชโลมศิลาแล้ว   ส่วนทางด้านของคิมนั้นก็กำลังเดินตามเกมของตนเองเช่นกัน....

“อึก” เพียงเสี้ยววินาทีทหารผู้เคราะห์ร้ายก็สิ้นชีพลงด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่ม    ไม่รีรอคิมรีบเปลี่ยนเครื่องแบบและปลอมเป็นทหารเพื่อเข้าถึงตัวน้องสาวทันที

“พาตัวเด็กผู้หญิงออกมา”  เสียงผู้เฒ่าสั่งการพร้อมกับเสียงหวีดร้องของแคทที่กำลังดิ้นขัดขืนการฉุดลากของเหล่าทหาร   แต่ทว่า แรงของเด็กผู้หญิงรึจะสู้แรงของชายได้

“ถ้าเธอโชคดีพอเธอจะเดินออกมาจากกองไฟได้   แต่ถ้าเธอโชคร้ายเธอจะตายอยู่ในนั้น   ฉันเอาใจช่วยนะสาวน้อย   หึหึ”  คาเมอร์เอ่ยกับแคทพร้อมกับสั่งต่อ

“หยิบศิลานั่นแล้วเดินเข้าไป”   เสียงตะหวาดนั่นสร้างความหวาดกลัวให้แก่แคทยิ่งนัก   นาทีนี้ไม่ว่าเธอจะทำหรือไม่ทำก็ไม่เห็นทางรอดทั้งคู่   เด็กหญิงได้แต่สะอื้นไห้พร้อมก้มลงหยิบศิลาที่ชุ่มไปด้วยโลหิตขึ้นมาถือไว้โดยไม่มีปฏิกิริยาแสบร้อนแต่อย่างไร   ซึ่งต่างจากคนในเผ่านี้ที่ไม่มีใครสัมผัสมันได้

“หนูคิดถึงแม่  คิดถึงพี่คิมนะคะ  ฮือๆๆ”   เด็กหญิงเอ่ยเหมือนสั่งลาเพราะนี่อาจเป็นลมหายใจสุดท้ายของชีวิตก็ได้   เสียงร้องไห้ดังพร้อมกับการก้าวเดินสู่กองไฟ   แต่ระหว่างนั้น

“พรึบ!!”  ลำแสงสีขาวสว่างจ้าพุ่งเข้ามายังกลางลานพิธี   สร้างความตกใจให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก

“พี่มาช่วยแล้วแคท”   เพียงแค่ได้ยินเสียงและเห็นหน้าพี่ชายเด็กหญิงก็ใจชื้นขึนเป็นกอง    และไม่รีรอสายฝนก็เทลงมายังกองเพลิงศักดิ์สิทธิด้วยเวทย์ของคิมนั่นเอง

“จับมันไว้  ทหาร!!”  ผู้นำกลุ่มเอ่ยสั่งทหารของตนทันทีเมื่อตั้งสติได้   เหล่าทหารชั้นหัวหน้าวิ่งเข้าล้อมคิมและแคททันที   และการต่อสู้กันของทหารกับเด็กหนุ่มก็เริ่มขึ้น   เวทย์บทต่างๆถูกงัดออกมาใช้เพื่อปกป้องตนและคนที่ตนมาช่วยเพียงเพื่อหวังจะพากันออกไปจากที่นี่  แต่อีกฝ่ายทั้งโจมตีและโอบล้อมไว้อย่างแน่นหนาเพราะมีเดิมพันที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน

“อึก   อ๊าคคค”  แม้จะเก่งกล้าแต่กำลังพลที่น้อยกว่าและความกังวลถึงความปลอดภัยของน้องสาวกลับทำให้คิมพลาดท่าจนได้   ทันทีที่โดนโจมตีด้วยดาบและซ้ำด้วยเวทย์หนุ่มน้อยถึงกับทรุดลงกองกับพื้นทันที

“พี่คิม  ฮือๆๆ”  เด็กหญิงตกใจร้องไห้ที่เห็นเลือดสดๆของพี่ชายไหลทะลักออกมาจากบาดแผลโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  ….ขืนเป็นแบบนี้พี่ชายเธอไม่รอดแน่ๆ

“ฮือๆๆ อย่าทำร้ายพี่ชายหนูเลย  หนูยอมทำต่อก็ได้ ฮือๆๆ หนูยอมแล้ว”  เด็กหญิงคุกเข่านั่งร้องไห้อ้อนวอนเมื่อเห็นว่าพี่ชายกำลังแย่

“ไม่ได้นะแคท  พี่ต้องพาแคทกลับบ้าน..   ไปหาแม่”  หนุ่มน้อยเอ่ยอย่างเหนื่อยหอบ   แม้เขาจะวางแผนลอบเข้ามาได้แล้วแต่ด้วยกำลังเพียงหนึ่งเดียวและความอ่อนวัยที่ไม่สามารถควบคุมสติได้ส่งผลให้เขาทำได้ไม่ดีพอ

“แกกล้ามากนะที่บุกเข้ามาช่วยเหลือน้องสาวเพียงคนเดียวและฝ่าเข้ามาถึงนี่ได้   แสดงว่าแก่เก่งหรือไม่ก็...  ทหารของฉันมันห่วย  หึหึ”  คาเมอร์เอ่ยอย่างพอใจที่เห็นความบ้าบิ่นของคิม

“ฉันขอ  ทำแทนน้องสาวฉันเอง   แล้วปล่อยเธอไป”   คิมยื่นเงื่อนไข

“แกคิดว่าแกเป็นใคร”

“ให้ฉันลองสิ  ถ้าไม่สำเร็จอย่างมากก็แค่ชีวิตเดียว”  คิมเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว

“ฉันนับถือใจนายนะ   อ่ะ  อยากจะลองก็เชิญ  ถ้าแกตายในกองไฟฉันก็ไม่เสียหายอะไร  หึหึ”  คาเมอร์เอ่ยอนุญาต   คิมที่บัดนี้สติเริ่มเลือนรางด้วยพิษของบาดแผลและการเสียเลือดนั้นรวบรวมสติที่มีประคองตัวลุกยืนและเดินไปหยิบก้อนศิลานั้นท่ามกลางเหล่าทหารที่บัดนี้ต่างวางกำลังแน่นหนาขึ้น   ทันทีที่คิมหยิบก้อนศิลานั้นขึ้นมาอย่างง่ายโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็สร้างความแปลกใจให้ทุกคนอีกครั้งและนั่นกลับสร้างความหวังให้คาเมอร์ได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะทำงานนี้ได้แน่ๆ

“เฮือก   อ๊าคคคค”  ทันทีที่คิมเดินเข้าสู่กองไฟ   เปลวเพลิงก็ปะทุหนักขึ้น   เสียงร้องของคิมโหยหวนอย่างทรมาน

แม่ครับ ผมรักแม่และน้องนะครับ  แคท  พี่ฝากดูแลแม่ด้วยนะ…..

 

………………………………………………………………………

 

“หมอนี่ใจหล่อเป็นบ้าเลย  หึๆๆ”  ชายน์กล่าวอย่างชอบใจตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาแฝงตัวสังเกตการณ์ตั้งแต่แรกนั้นโดยที่ยังไม่เข้าร่วมวงเพราะเขาเองก็อยากดูคิมแสดงบทพี่ชายที่แสนดีก่อน   ส่วนฮันนี่ เซฟานี่ เดวี่ เชโด้และเบลนั้นก็อยู่ครบแล้ว   และแผนการของชายน์เองก็ถูกแจกแจงยังทุกคนแล้วเช่นกัน

“จะเริ่มตอนไหน?”  เดวี่เอ่ยถาม

“นั่นสิ  ฉันกลัวหมอนั่นจะไม่รอด”  เซฟานี่กล่าวเสริมเพราะการที่ต้องทนมองเด็กหนุ่มเดินลุยเปลวเพลิงเพียงเพื่อต้องการปกป้องน้องแม้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสุดท้ายแล้วน้องจะปลอดภัยรึไม่นั้นช่างสะเทือนใจยิ่งนัก

“ฉันว่าลุยเลยดีกว่า”  เบลเองก็เป็นอีกคนที่ไม่น่าเชื่อว่าจะอ่อนไหวต่อเรื่องแบบนี้ที่เจ้าตัวเองก็ทนดูภาพเบื้องหน้ไม่ได้ถึงได้แสดงออกถึงความใจร้อนได้ถึงเพียงนี้   และทันทีที่เอ่ยเจ้าตัวก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที

“ไฟจะดับไฟได้ยังไง  หึหึ”  ชายน์กล่าวพร้อมกลั้นขำในความใจร้อนของเพื่อนไม่ได้   วารีเวทย์ถูกเรียกออกมาทันที  ฉับพลันสายฝนสีขาวสว่างก็โหมกระหน่ำลงมายงกองเพลิงในลานพิธีอีกครั้งและครั้งนี้ก็สร้างความตกใจให้กับทุกคนในลานพิธีได้อีกไม่น้อย

“เกิดอะไรขึ้นอีก  มีใครมาช่วยมัน    ทหาร!!” คาเมอร์เอ่ยอย่างหงุดหงิดพลางตะโกนสั่งเหล่าทหารเสียงดังลั่น   เหล่าทหารเหมือนรู้หน้าที่เพราะทันทีที่เกิดสายฝนเทลงมาทุกนายก็ชุลมุนเตรียมพร้อมแล้ว

“สวัสดีคนใจร้าย  ทำได้แม้กระทั่งเด็ก  เก่งจริงๆนะพี่ชาย”  เบลที่ออกตัวก่อนปรากฏกายขึ้นท่ามกลางลานพิธีพร้อมประจันหน้ากับคาเมอร์  ขณะนี้ลานพิธีกลับกลายเป็นลานประลองเวทย์ไปซะแล้ว ต่างฝ่ายต่างเข้าปะทะกันชุลมุนไปหมด

“พวกแกเป็นใคร”

“พลเมืองดี  หรือพี่จะเรียกว่าเผือกพวกผมก็ไม่ว่านะ ฮ่าๆๆ  เฮ้ย!!”  เบลยังคงกวนประสาทคาเมอร์ต่อ  แต่ยังไม่ทันได้หัวเราะจบก็ต้องตั้งรับการจู่โจมของคาเมอร์เมื่ออีกฝ่ายชักดาบและกระโดดใส่เบลอย่างไวจนเบลแทบพลาดท่า   ..หมอนี่จู่โจมไวชะมัด    ได้แต่คิดโดยที่เบลเองก็หลบหลีกการจู่ดจมของคาเมอร์ได้ตลอดโดยที่เจ้าตัวไม่แม้จะตอบโต้แม้แต่น้อย

...อย่าลงมือนะ   เราแค่มาช่วยเหยื่อ..    คำย้ำของชายน์ที่ตกลงกับทีมก่อนเริ่มลงมือนั้นสร้างความอึดอัดให้เพื่อนๆ   แต่ทุกคนก็ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

“เดวี่    ไปช่วยหมอนั่นเร็ว“ เซฟานี่ที่กำลังรับมือกับกองทหารหันมาสั่งเพื่อนที่ระวังหลังให้ตน

“ไหวนะ”  เดวี่ถาม

“หายห่วง” เซฟานี่เอ่ย    เดวี่จึงปลีกตัวออกไปยังกองเพลิงที่บัดนี้มอดดับลงด้วยสายฝนแห่งวารีเวทย์แล้ว   ร่างของหนุ่มน้อยนอนนิ่งจมกองเถ้าถ่านโดยที่ในมือยังคงถือก้อนหินปริศนาที่เกือบจะพาตนมาตายไว้อย่างแน่น

“อย่าให้มันพากันหนีไปได้   จับตัวมันไว้” เสียงผู้เฒ่าเอ่ยสั่งทหาร   บัดนี้เดวี่เลยกลายเป็นเป้าหมายหลักแทนไปโดยปริยาย   แต่ทันทีที่เอ่ยจบ  ท่านผู้เฒ่าก็ตกอยู่ในการจองจำของชายน์เป็นที่เรียบร้อย

“ผมต้องขออนุญาตจับตัวท่านไว้ก่อนนะครับคุณตา”  ชายน์เอ่ยพร้อมยิ้มหวานหลังจากที่ตนใช้เชือกลงเวทย์มัดผู้เฒ่าได้เพียงชั่วพริบตา

“ขอโทษนะครับ   เราไม่ต้องการทำร้ายใคร   เราแค่มาพาผู้เคราะห์ร้ายออก   และหินนี่เราคงต้องนำไปด้วย”   เดวี่เอ่ย

“เอาชีวิตให้รอดก่อนเหอะเจ้าหนู” บิดาของคาร์เมอร์  ผู้ที่เป็นถึงหัวหน้าเผ่าเอ่ยอย่างโมโหพร้อมเหล่าทหารพุ่งเข้าจู่โจมเดวี่   การต่อสู้ดำเนินไปเพียงไม่นาน   เหล่าทหารก็พลาดท่าจนแทบไม่เหลือ   ผู้เฒ่าก็โดยชายน์มัดไว้ด้วยเชือกลงเวทย์  ทางด้านเดวี่ที่กำลังรับมือกับบิดาของคาร์เมอร์อยู่นั้นดูท่าแล้วไม่เกินกำลังของเดวี่แน่ๆ   เห็นดังนั้นเชโด้จึงเข้ามาช่วยเหลือคิมแทน   เมื่อช่วยคิมได้แล้วก็จัดการปล่อยเหล่าหญิงผู้เคราะห์ร้ายที่ยังคงมีชีวิตรอดออกจากพันทนาการในลานพิธี

“น้องคือ แคทใช่มั๊ย?”  ฮันนี่เอ่ยถามสาวน้อยที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆพี่ชาย

“พี่หนู่จะเป็นอะไรมั๊ย?” แคทถามทั้งน้ำตา

“เขาจะต้องไม่เป็นอะไร   แต่ตอนนี้แคทต้องเชื่อและทำตามที่พี่บอกนะ”  ฮันนี่เอ่ยพร้อมกับร่ายเวทย์รักษาอาการเบื้องต้นให้กับคิม

ถ้าฉันรักษาคนเก่งเหมือนการร่ายคำสาปก็คงดีสินะ  บ่นงึมงำในใจแต่ก็พยายามอย่างเต็มที่

“เฮ้ย!!”  คาร์เมอร์ร้องลั่นเมื่อเห็นใบหน้าอีกคนที่ตรงเข้ามาช่วยเบล  ราวกับแขนขาไร้กำลังหน้าตนก็แสดงอาการตกใจพร้อมกับส่งเสียงร้องก่อนจะยืนชะงักนิ่ง

“ถ้าอยากให้คนในเผ่าเจ้ามีชีวิตรอด  ก็ยอมและสั่งให้ทหารที่เหลือหยุดเถอะ   นายไม่สามารถเอาชนะพวกเราได้หรอก”  ชายน์เอ่ยหลังจากที่จัดการกับผู้เฒ่าเรียบร้อยแล้ว   ดวงตาสีดำเปี่ยมด้วยอำนาจนั้นราวกับมีอะไรบางอย่างที่คาร์เมอร์เองก็ตอบไม่ได้   แต่ที่แน่ๆ สัญชาตญาณบอกตนได้แค่ว่า  ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเป็นที่สุด

“ทหาร  หยุด!!”  คาร์ตัดสินใจเอ่ยหลังจากที่เห็นว่าบิดาของตนนั้นร่างอาบไปด้วยเลือดจากการสู้กันกับเดวี่  ท่านผู้เฒ่าก็โดนมัดด้วยเชือกเวทย์ของชายน์  เหล่าทหารเขาก็บาดเจ็บไปมาก   นี่พิธีกรรมที่ดำเนินมาหลายปีต้องพังลงจริงๆหรอ?

“เอาล่ะ   บอกพวกเรามาว่าท่านต้องการจะทำอะไร”   เบลเอ่ยถามหลังจากทุกอย่างยุติลงแล้ว  บัดนี้ทหารทุกคนโดนจับมัดไว้เป็นกลุ่ม   ส่วนคาร์เมอร์  บิดาและผู้เฒ่ากำลังยืนให้ปากคำกับเบลที่วันนี้แลว่าเจ้าตัวจะอ่อนไหวกับเหตุการณ์เป็นพิเศษ

“เราต้องการประกอบพิธีตามคำทำนาย   หลายปีก่อนท่านผู้เฒ่าได้ทำนายไว้ว่าเราจะหลุดพ้นจากคำสาป   จะมีอัญมณีล้ำค่าที่สามารถปลดปล่อยเราได้แต่ต้องผ่านการประกอบพิธีบูชายันต์ก่อน”   บิดาคาร์เมอร์เอ่ย

“ท่านว่าอะไรนะ  อัญมณีล้ำค่าหรือ?”  เชโด้เอ่ย

“ใช่  ศิลาก้อนนี้คือสิ่งที่จะปลอดปล่อยเราได้  เราโดนคำสาปจากแม่มดให้ต้องอยู่แต่กับราตรี   ไม่สามารถอยู่ท่ามกลางแสงตะวันได้  ทางแก้คือต้องใช้เลือกของเอลฟ์กับศิลาและไฟเพื่อล้างคำสาป” ผู้เฒ่าเอ่ย  ชายน์ที่ยืนฟังอยู่จึงเดินไปหยิบศิลานั่นออกจากมือของคิมที่บัดนี้ฮันนี่และเซฟานี่กำลังใช้เวทย์รักษาให้อยู่      ทว่าทันทีที่ชายน์สัมผัสมัน...

“เห้ย!!”  ก้อนศิลานั่นกลับมีปฏิกิราต่อชายน์อย่างรุนแรง

“ชายน์   บางทีนี่อาจจะใช่ก็ได้นะ นายจะลองมั๊ย?  เลือดเอลฟ์ ศิลาและไฟ” เดวี่เอ่ยบางอย่างให้  พลันรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าชายน์ มีดสั้นสีดำปรากฏขึ้นและกรีดลงที่ปลายนิ้ว เลือดเจ้าตัวหยดลงบนก้อนศิลานั่นก็ยิ่งสร้างปฏิกิริยายิ่งขึ้น   ตอนนี้ทั้งคาร์เมอร์ บิดา  ผู้เฒ่าและเหล่าทหารต่างมองด้วยอาการตกตะลึง   

“อย่าลืมไฟ” เบลเอ่ยเตือนชายน์เพราะรู้ว่าเพื่อนคนนี้คงยืนมองดูเลือดตัวเองได้ไม่นานหากไม่รีบประกอบพิธีให้เสร็จ   และเมื่อชายน์เรียกไฟออกมาบนฝ่ามือที่กำลังถือศิลาอันชุ่มไปด้วยเลือดนั่น   เปลวเพลิงก็แผดเผาศิลาจนหลอมละลายเผยให้เห็นอัญมณีสีเขียวสดกำลังเปล่งประกายแข่งกับเปลวเพลิงบนฝ่ามือ

‘นี่สินะ   1 ใน 7 อัญมณีที่เรียกข้า   ชายน์ที่สัมผัสและรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังที่แสนจะคุ้นเคยจากอัญมณีนี้ตั้งแต่เข้ามาในพื้นที่จนได้สัมผัสมัน   และตอนนี้มันก็ใช่อย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ

“เอาล่ะ   เราคงต้องขออนุญาตเก็บมันไปกับเรานะ  เพราะมันไม่ใช่แค่สำคัญกับพวกท่าน   แต่มันคือชีวิตของผู้คนทุกคนทั้งแกรนน่า   เราจำเป็นต้องนำมันกลับไป   หวังว่าพวกท่านคงจะไม่ขัดขวางเรานะครับ”  ชายน์หันมาเอ่ยกับคนทั้งสามที่ยังคงตะลึงกับเหตุการณ์   ก่อนจะเอ่ยบางอย่างออกมาเรียกสติให้ทั้งสามตกใจยิ่งกว่าเดิม

“ส่วนเรื่องแก้คำสาปนั่น   ผมจะลองดูนะ  ว่าแต่มันจะต้องแก้อย่างไรล่ะครับ?” ชายน์เอ่ย

“เอ่อ  คือ ตามคำสั่งของผู้เฒ่าคนเก่า  ท่านสั่งไว้ว่าผู้ที่ถือครองอัญมณีนี้ได้เท่านั้นจะสามารถแก้คำสาปได้”  บิดาของคาร์เมอร์เอ่ย

“หมายถึงสัมผัสหยิบจับมันได้ใช่มั๊ย   เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสัมผัสมันได้  ถ้าไม่ใช่สายเลือดเอลฟ์สินะ”  เซฟานี่เอ่ยบ้าง

“ถ้างั้นตอนนี้ผมถือมันได้   แสดงว่าผมก็สามารถแก้คำสาปได้สินะ   ข้า  ชายน์ ชาโดวส์  อินเดอนาส   ขอถอนคำสาปที่ผู้ใดก็ตามทำไว้กับบุคคลเหล่านี้   ขอให้คำสาปนั้นหมดสิ้นอำนาจลงกับทุกบุคคลในสายเลือดนี้และตลอดไป”  ทันทีที่ชายน์เอ่ยจบ  แสงแรกแห่งวันใหม่ก็สาดส่องขึ้นยังท้องฟ้า  บุคคลทั้งสามและเหล่าทหารต่างเบือนหน้าหลบหนีแสงนั้นอย่างหวาดกลัว   แต่...

“ท่านพ่อ   พวกเรา..  ไม่เป็นอะไรแล้ว  555”  คาร์เมอร์เอ่ยเป็นคนแรกที่รับรู้ได้ว่าแสงแดดไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ดังก่อนแล้ว   พลันเหล่าทหารที่โดนจองจำต่างก็ส่งเสียงเฮลั่นด้วยความยินดี  แม้แต่ผู้เฒ่าและบิดาของคาร์เมอร์ต่างก็เผยรอยยิ้มออกมาไม่ต่างกัน

“ขอบคุณ   ขอบคุณท่านที่ปลดปล่อยเรา   ท่านรู้มั๊ย  สิบปีมานี้พวกเราต้องทนทรมานมานานมาก  เราไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้   เราต้องฆ่าสัตว์มากมายเพื่อบูชาเส้นไหว้  ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อน จนสุดท้าย เราต้องฆ่าคนเพื่อการนี้”  บิดาของคาร์เมอร์เอ่ยกับชายน์ด้วยรอยยิ้มที่บัดนี้ไม่มีทีท่าจะทำร้ายกันแล้ว

“ผมว่าถ้าเลือกได้ท่านก็คงไม่ทำอะไรแย่ๆ หรอก   ผมรู้พวกท่านไม่ได้เลวร้ายจริงๆ หรอก”  ชายน์เอ่ย

“ชายน์  เราได้ช่วยพวกเขาแล้ว ตอนนี้ฉันว่าพาคนเจ็บไปรักษาต่อก่อนเถอะ  เราเสียเวลาตรงนี้พอควรแล้ว”  เซฟานี่เอ่ยเตือนสติและนั่นทำให้ทุกคนคิดได้ว่ายังมีคนเจ็บรอการรักษาอยู่

“จริงด้วย   ข้าขอบใจพวกเจ้านะ  ตอนนี้เราคงไม่ติดใจอะไรกันแล้ว   ขอโทษที่เราทำร้ายคน   พวกนายรีบพาคนเจ็บไปเถอะ”  คาร์เมอร์เอ่ย  

“งั้นเราขอตัวก่อน  มีโอกาสคงได้เจอกันอีก  อย่างมิตรนะ 555 ”ชายน์กล่าวก่อนจะเดินไปอุ่มร่างของเด็กหญิงที่ร้องไห้จนหมดสติแล้วสยายปีกสีดำขึ้นบินทะยานสู่ทองฟ้ามุ่งหน้าออกจากป่าไป  เช่นกันกับเดวี่ที่อุ้มร่างของคิมที่บาดเจ็บขึ้นก่อนจะกางปีกสีดำออกบินตามไป   และคนอื่นๆก็ตามไป

 

 

…………………………………………………

 

ปีกสีดำอันเป็นร่างจริงของคนทั้งสอง  ปีกสีขาวจากวาโยเวทย์  ปีกไฟจากอัคคีเวทย์และไม้กวาด...  นี่เราเจอกับใครรึท่านพ่อ?”  คาร์เมอร์เอ่ยอย่างตะลึง   เพราะจากสิ่งที่เห็น  แสดงว่าระหว่างที่สู้กัน  เด็กๆเหล่านี้แทบไม่ได้ใช้เวทย์หรือวิชาอะไรมากเลยด้วยซ้ำ  แต่เข้าก็ยังแพ้!!

ไม่เห็นสัญลักษณ์ที่เสื้อพวกเขารึ  โรงเรียนโฮเนอร์เชียวนะ เก่งสมคำร่ำลือจริงๆ” ผู้เฒ่าเอ่ยพลางยิ้มชื่นชม

                                                                                                                                                           

 

.......................................................................................................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา