Trap Demons หลุมพรางร้าย ปีศาจร้อน

-

เขียนโดย Piano_sp

วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.04 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.07K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 08.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) Trap Demons : 11

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 

11


 


 


“อ่า”


ฉันอุทานเสียงแหบแห้งออกมาหลังจากที่ได้สติ ไม่รู้ว่าฉันหมดสติไปนานแค่ไหน แต่ตอนนี้ภายนอกหน้าต่างห้องฉันถูกความมืดเข้ามาปกคลุมทั่วไปหมด ฉันรู้สึกปวดเหมื่อยไปตามร่างกายเหมือนร่างจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ แถมหัวของฉันตอนนี้ก็หนักอึ้งจนยกแทบขึ้น ฉันคงป่วยเข้าจริงๆ แล้วละ


“ตื่นแล้วเหรอ”


ฉันหันไปตามเสียงที่เอ่ยทักก็เห็นพี่ตรีภพยืนอยู่พิงกรอบประตูมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ไม่เหลืออารมณ์โกรธอยู่เลย


“ค่ะ”


ฉันขานรับเสียงแหบแห้ง แล้วพี่ตรีภพก็เดนไปรินน้ำมาให้ฉันแก้วหนึ่ง ฉันรับมาจิบแล้วส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้พี่ตรีภพเพื่อเป็นการขอบคุณ


“บอกพี่ได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”


พี่ตรีภพถามพร้อมกับส่งสายตาที่มีแต่ความเป็นห่วงมาให้ฉัน ส่วนฉันก็ได้แต่ก้มหน้ามองตักตัวเองนิ่งๆ ไม่กล้าที่จะสบตาพี่ตรีภพกลับคืน เพราะตอนนี้ฉันดันไปทำเรื่องที่ไม่ควรทำเข้าแล้วไง


“โยไม่ดีพอที่จะเป็นคู่หมั้นของพี่ตรีภพอีกแล้วค่ะ”


ฉันกล่าวพร้อมกับมองตักตัวเองนิ่งๆ ถึงฉันจะไม่ได้เต็มใจที่จะหมั้นกับพี่ตรีภพซักเท่าไหร่ แต่การที่ฉันไปทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายอื่นทั้งที่ตัวเองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วมันเป็นการกระทำที่เลวใช่ไหมล่ะ


“ไม่โย เรื่องนี้โยไม่ผิด มันข่มขืนโยไม่ใช่เหรอ แค่เห็นพี่ก็รู้ว่าโยไม่ได้เต็มใจ”


พี่ตรีภพเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆ ฉันพร้อมกับเอื้อมมือมากุมมือฉันไว้แน่นๆ เพื่อยืนยันตัวว่าเขาจะอยู่ข้างๆ ฉัน


“แต่..”


“ไม่มีแต่ เรื่องนี้พี่ตัดสินใจเอง พี่จะเอาเรื่องมัน”


พี่ตรีภพกล่าวพร้อมกับทำสีหน้าจริงจัง ฉันรู้ว่าพี่เขาไม่ทำแค่พูดแน่ พี่ตรีภพเป็นคนพูดจริงทำจริงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว


“ไม่ ไม่ค่ะพี่ตรีภพ โยไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่”


ฉันรีบห้ามพี่ตรีภพก่อนที่พี่เขาจะจัดการเรื่องนี้เองจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา


“แล้วโยจะปล่อยให้มันอยู่แบบนี้ไปเหรอ”


“เขาจะไม่ยุ่งกับโยอีก เชื่อโยเถอะค่ะ”


ฉันบอกอย่างนั้นพี่ตรีภพก็มีสีหน้าที่อ่อนลง


“แน่ใจน่ะ”


ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ พี่ตรีภพเลยยิ้มออกมาได้ ดีที่พี่เขาไม่เซ้าซี้เรื่องของปักษาไม่งั้นฉันคงไม่มีคำตอบจะตอบพี่เขาแน่ๆ


“คืนนี้ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนโยไหม”


“ไม่เป็นไรค่ะโยอยู่ได้”


“เอางั้นเหรอ งั้นพี่กลับก่อนน่ะ มีอะไรโทรเรียกพี่ได้ตลอดน่ะ”


ฉันยิ้มแทนคำตอบส่วนพี่ตรีภพทำท่าทางลังเลสักพักแล้วก็เดินออกไป ฉันเลยล้มตัวนอนลงบนที่นอนแล้วนึกถึงเรื่องร้ายๆ ที่ฉันพึ่งพบมา พอฉันหลับตาลงภาพที่ปักษากอดฉันก็ฉายขึ้นมาคำพูดที่เขาคุยกับฉันก็ดังก้องขึ้นมาในหัวสมอง สลัดทิ้งยังไงก็ไม่หายออกไปจากหัวของฉันสักที ไม่เอาน่าวาโยเธอกับเขาจบกันแล้ว


ตกดึก


ก๊อก แกรก ก๊อก แกรก


ภายในห้องอันมืดสลัว กำลังถูกบุกรุกโดยชายปริศนาคนหนึ่งที่กำลังย่องเข้ามาที่ห้องนอน และบนเตียงใหญ่ภายในห้องนอนก็มีร่างบางนอนขดตัวอยู่ เธอไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ามีอีกคนหนึ่งอยู่ภายในห้องนี้กับเธอด้วย หญิงสาวหลับสนิทไปเพราะพิษไข้เลยทำให้เธอไม่ได้สติ


ชายหนุ่มผู้บุกรุกมองใบหน้าที่ซีดเซียวเพราะอาการป่วยของหญิงสาวผ่านความมืดด้วยสายตาที่นิ่งสนิท ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ หญิงสาวที่นอนขดตัวเพราะความหนาวในยามค่ำคืนกำลังใช้มือของเธอที่ไร้ซึ่งสติ ควานหาผ้าห่มที่กองอยู่ปลายเตียงแต่เธอก็หามันไม่เจอ ชายหนุ่มเลยเดินเข้าไปหยิบผ้าห่มมาคุมกายให้หญิงสาวเงียบๆ


หมับ


ชายหนุ่มที่กำลังชักมือออกจากผ้าห่มหยุดชะงักลงเมื่อฝ่ามือเล็กๆของหญิงสาวกำลังจับมือเขาไว้แน่น


“อือ”


หญิงสาวส่งเสียงออกมาด้วยความชอบใจพร้อมกับดึงมือของชายหนุ่มไปวางไว้ที่ใบหน้าของเธอเบาๆ ส่วนชายหนุ่มที่เป็นฝ่ายถูกหญิงสาวรุกรานก็ต้องตัวแข็งทื่อทำตัวไม่ถูกเพราะเขานึกว่าตัวเองกำลังทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมาจากห่วงนิทรา ถ้าเกิดหญิงสาวตื่นขึ้นมาเจอเขามีหวังเรื่องไม่จบง่ายๆ แน่คืนนี้


“แบบนี้ไม่มากไปหน่อยเหรอวาโย”


ชายหนุ่มพึมพำกับหญิงสาวเสียงเบาพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทแต่มือของเธอยังคงจับมือของเขาไว้แน่น


เช้าวันต่อมา


ไม่น่าเชื่อว่าฉันที่พึ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มาจะนอนหลับสนิทได้ถึงเพียงนี้ เมื่อคืนเหมือนฉันไม่ได้นอนอยู่คนเดียวยังไงยังงั้น แถมที่นอนข้างๆ ร่างฉันก็ยังอุ่นๆ อยู่เหมือนกับว่ามีคนมาด้วย หรือฉันจะเพ้อคิดไปเอง ฉันเลยสลัดหน้าเพื่อไล่ความคิดที่แสนไร้สาระของตัวเองออกไป แล้วมุ่งหน้าเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะได้แต่งตัวไปเรียนเพราะวันนี้ฉันมีเรียน


ฉันมองดูตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกด้วยสีหน้านิ่งๆ เนื้อตัวที่เปล่าเปลือยของฉันยังคงเหลือร่องรอยของปักษาอยู่ตามตัวเต็มไปหมด มันไม่ยากเลยที่จะลืมเรื่องของผู้ชายที่ชื่อปักษาได้แต่มันก็ใช่ว่าจะลืมไม่ได้ใช่ไหม


“โทรศัพท์ ไปไหนน่ะ”


หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินหาโทรศัพท์ทั่วทั้งห้องแต่ก็หามันไม่เจอ ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นมันคือตอนที่อยู่ในผับกับปักษา สงสัยคงตกอยู่ที่นั่นล่ะมั้ง ช่างเถอะ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ใครกันน่ะมาซะเช้าเชียว ฉันเดินไปเปิดประตูห้องออกแล้วก็เจอเข้ากับพี่ตรีภพที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง


“อ้าว พี่ตรีภพ”


ฉันอุทานออกเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มาหาตั้งแต่เช้า


“ทำไมพี่โทรหาโย ไม่มีคนรับสายเลยล่ะ”


“อ่อ พอดีโยทำโทรศัพท์หายที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ”


“งั้นหรอกเหรอ พี่ก็นึกว่าเป็นอะไรไปอีก แล้วนี่ทำอะไรอย่าบอกน่ะว่าจะไปเรียน”


พี่ตรีภพพูดแล้วมองดูเสื้อผ้าที่ฉันสวมอยู่พร้อมกับเดินตามฉันเข้าห้องมา


“ใช่ค่ะ”


ฉันตอบแล้วเดินไปรินน้ำใส่แก้วมาให้พี่ตรีภพ


“พี่ว่าให้หายกว่านี้ก่อนแล้วค่อยไปเรียนจะไม่ดีกว่าเหรอ


พี่ตรีภพรับแก้วน้ำจากฉันแล้วกล่าวขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ว่าแหละเนอะให้ฉันไปเรียนดีกว่ามานอนหมกมุ่นคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่คนเดียวยังจะดีกว่า


“โยหายแล้ว แล้วโยก็ไม่ยากขาดเรียนด้วย พี่ตรีภพไม่ต้องห่วงโยหรอกนะคะ”


ฉันกล่าวแล้วมองหน้าพี่ตรีภพที่แสดงสายตาเป็นห่วงออกมาอย่างเห็นได้ชัด ต่อมาพี่เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างยอมแพ้ในความดื้อด้านของฉัน


“ก็ได้ งั้นให้พี่ไปส่งที่มหาลัยน่ะ”


“แต่....”


“ห้ามปฏิเสธ”


“ก็ได้ค่ะ”


ฉันก็คงต้องยอมในสิ่งที่พี่ตรีภพต้องการ และต่อมาไม่นานพี่ตรีภพก็มาส่งฉันจนถึงมหาลัยไม่ใช่แค่ถึงมหาลัยแต่ถึงยันหน้าตึกคณะ


“เลิกเรียนเดียวพี่มารับ”


พี่ตรีภพกล่าวขึ้นหลังจากที่ล้อรถของพี่เขาจอดสนิทหน้าตึกคณะฉัน


“ไม่ดีกว่าค่ะ โยมีโปรเจคที่ต้องทำกับเพื่อนน่าจะดึก คงนอนที่ห้องของเมืองเหนือเลยค่ะ”


พี่ตรีภพมีสีหน้าลังเลนิดหน่อย เหมือนไม่อยากให้ฉันห่างจากตัวเขา ฉันรู้ดีว่าพี่เขาเป็นห่วงฉันและฉันก็รู้สึกดีน่ะที่มีคนยังเป็นห่วงฉันอยู่


“งั้นก็ได้”


“งั้นโยไปเรียนก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะพี่ตรีภพ”


ฉันกล่าวแล้วก็เปิดประตูแล้วก้าวลงมาจากรถ


“ระวังตัวด้วย”


พี่ตรีภพโผล่หน้ามาบอกฉันเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่จะเคลื่อนรถออกไป ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียนฉันเลยตัดสินใจไปที่ที่หนึ่งก่อน


“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”


เภสัชกรกล่าวพร้อมกับยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร ตอนนี้ฉันมาอยู่ที่ร้านขายยาที่ไม่ไกลจากมหาลัยซักเท่าไหร่ สิ่งที่ฉันอยากได้ในตอนนี้มันสำคัญกับฉันมากฉันต้องรีบซื้อก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไปสำหรับฉัน


“เออ คือ”


ฉันไม่ใช่คนติดอ่างอะไรน่ะ แต่ตอนนี้ถึงฉันจะรีบมากขนาดไหน ฉันก็ไม่สามารถเอ่ยชื่อสิ่งนั้นออกมาได้


“คะ”


“เออ คือฉันอยากได้ ยาคุมฉุกเฉิน”


ฉันกลั้นหายใจแล้วกล่าวออกมา เมื่อก่อนฉันคิดว่าแค่ซื้อยาคุมก็ไม่เห็นจะยากอะไรแต่พอมาเจอกับตัวเองแล้วมันยากกว่าที่คิดไว้จริงๆ


“อ่อ ค่ะ มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดวันไหนคะ”


เภสัชกรถามแล้วมองหน้าฉันยิ้มๆ ส่วนฉันก็ได้แต่หน้าแดงในสิ่งที่เภสัชกรถาม


“เออ ประมาณสองคืนที่แล้วค่ะ”


ฉันบอกแล้วก้มหน้าลงมองพื้นพร้อมกับกำมือไว้แน่นจนชื้นเหงื่อ


“ดีที่มาทัน ยาคุมฉุกเฉินต้องกินภายในเจ็ดสิบสองชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยต้องกินสองครั้ง ส่วนเม็ดที่สองนั้นควรกินหลังเม็ดแรกสิบสองชั่วโมง”


ฉันตั้งใจเภสัชกรกล่าวด้วยสีหน้าที่อึ้งๆ อยู่สักพัก


“แล้วมันมีผลข้างเคียงอะไรไหมคะ”


ฉันถามออกไปเพราะความอยากรู้เพราะว่าเรื่องพวกนี้มันไม่เคยอยู่ในหัวสมองของฉันเลย


“ผลข้างเคียงมันก็มีค่ะ หลังจากที่กินยาไปแล้วจะมีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน คัดเต้านม อะไรประมาณนี้นะคะ แต่หมอแนะนำเลยว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็อย่ากินเลยค่ะ มันไม่ดีต่อร่างกายคนเราซักเท่าไหร่”


เภสัชกรกล่าวแล้วนำยาที่บรรจุยาเม็ดเล็กอยู่สองเม็ดมาให้ฉัน


“ขอบคุณค่ะ”


“ค่ะ มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว”


หลังจากนั้นที่ฉันได้ยามาก็เดินออกมาจากร้านขายทันทีโดยในมือของฉันก็ถือถุงยาที่มีแผงยาคุมอยู่ด้านใน


“เฮ้ยโย หายไปไหนมาว่ะ คืนนั้นพวกฉันตามหาตั้งนาน โทรไปก็ไม่รับ”


ขณะที่ฉันกำลังเดินออกมาจากร้านขายยาก็เจอเข้ากับนาวาพอดีฉันเลยรีบยัดถุงยาเข้าไปในกระเป๋าด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวว่านาวาจะเห็นเข้าว่าฉันกำลังถืออะไรอยู่


“อ่อ พอดีโทรศัพท์ฉันหายนะ”


ฉันกล่าวแล้วหลบสายตาของนาวาที่จ้องหน้าฉันอย่างจับผิดอยู่ก็อย่างว่าหมอนี่เป็นลูกมาเฟียแค่ฉันทำตัวมีพิรุธแบบนี้คนอย่างหมอนี่ต้องสงสัยฉันแน่ๆ


“งั้นเหรอ แล้วเมื่อกี้ถุงอะไร”


นั่นไงว่าแล้วไม่ผิดหมอนี่ตาไวจริงๆ


“อ่อ ยานะ พอดีไม่สบายนิดหน่อย”


“ยาเหรอ ปกติเธอไม่กินนี่”


นาวากล่าวพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างจับผิดฉัน เพราะปกติแล้วคนอย่าฉันป่วยแค่ไหนก็ฉันก็ไม่ยอมทานยา ส่วนมากจะโดนพวกเพื่อนบ้าจับกรอกปากอยู่ตลอด


“แล้วฉันกินไม่ได้งั้นเหรอ”


ถ้าฉันยังคงทำตัวมีพิรุธแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องนี้แน่ เป็นตัวของตัวเองหน่อยสิวาโย


“ก็ได้ มันแค่แปลก”


“ไปเรียนกันเถอะ สายแล้ว”


ฉันเลยเปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่องอื่นแทน แล้วเดินลากนาวาเข้าไปในเขตมหาลัย ส่วนนาวาเหมือนยังคงสงสัยอยู่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้แล้วเดินตามแรงลากฉันมาอย่างว่าง่าย


“โย มาแล้วเหรอ ทำไมติดต่อไม่ได้เลยว่ะ”


ทันทีที่ฉันเดินเข้าห้องมาเสียงของเทวาก็ยิงคำถามใส่ฉันทันที วันนี้ทั้งวันฉันว่าต้องคงต้องนั่งตอบคำถามพวกนี้แน่ๆ


“โทรศัพท์หาย”


ฉันตอบเสียงเรียบแล้วนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างๆ เมืองเหนือ แล้วก้มลงฟุบหน้าลงบนโต๊ะอย่างหมดแรง ยาคุมฉุกเฉินที่ซื้อมาก็ยังไม่มีโอกาสกิน


“เป็นไรไปว่ะ”


เสียงของเจ้าทัพที่เหมือนจะงงๆ ในสิ่งที่เปลี่ยนไปในตัวฉันอยู่เอ่ยถามเพื่อนเบาๆ


“กูจะไปรู้เหรอ”


เสียงของเทวาตอบคำถามของเจ้าทัพ


“นี่โยเธอเป็นอะไรไหม”


เมืองเหนือที่นั่งเงียบอยู่นานตั้งแต่ที่ฉันเดินเข้าห้องมาถามฉันเสียงเบา


“เปล่า ฉันไม่สบายนิดหน่อย”


ฉันตอบกลับเสียงอู้อี้ทั้งๆ ที่นอนฟุบหน้าลงบนโต๊ะอยู่


“ไหวน่ะ”


“อือ”


ฉันนี่แย่เนอะทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่ตลอดเลย


“มีอะไรทุกข์ใจก็บอก ฉันคอยรับฟังเธออยู่”


เสียงของเมืองเหนือกล่าวขึ้น ไม่น่าเชื่อแค่คำที่เหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจอะไรของเมืองเหนือมันทำให้ฉันน้ำตาซึมเพราะตอนนี้ฉันกำลังโกหกเพื่อนสนิทของตัวเองอยู่ ฉันอยากบอกทุกคนให้หมดเลยว่าตอนนี้ฉันรู้สึกกลัวแค่ไหน ฉันกลัวว่าฉันจะท้อง กลัวว่าตัวเองจะเป็นที่รังเกียจของคนอื่น แต่ปากฉันมันไม่กล้าที่จะเอ่ยคำนั้นออกมาเลย รู้สึกเกลียดตัวเองจริงๆ


หลังจากที่หญิงสาวคนเดียวภายในกลุ่มหลับไปเพราะพิษไข้หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันหลังจากที่เลิกเรียนที่ห้องของเพื่อนในกลุ่มที่ชื่อว่าเมืองเหนือ


“มึงวาโยแปลกๆ ไปไหมว่ะ”


ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นถามเพื่อนเสียงเบาเพราะกลัวหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนโซฟาที่ห้องนั่งเล่นจะตื่นเอา


“กูก็ว่าแปลก ปกติยัยนั่นป่วยแค่ไหนก็พูดมากกว่านี้ แล้วนี่ยัยนั่นเล่นเงียบทั้งวัน”


ยัยอีกคนเอ่ยเสริมพร้อมกับหันไปมองร่างที่นอนหลับอยู่บนโซฟา


“กูว่ายัยนั่นต้องมีเรื่องอะไรแน่ มึงว่าไหมไอ้นาวา”


ชายคนหนึ่งหันไปถามชายที่เอาแต่นั่งเงียบด้วยประโยคที่ให้แสดงความคิดเห็น


“กูก็ไม่รู้ กูรู้แค่ว่ายัยนั่นกำลังปิดบังอะไรเราอยู่ และดูมีพิรุธมาก”


ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าเรียบขรึมกล่าวจบประโยคเพื่อนที่นั่งฟังเขาพูดอยู่ต่างก็ทำสีหน้าสงสัยกันออกมาอย่างเห็นได้ชัด


“กูว่ายัยนั่นพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกเราเองแหละ พวกเราทำได้แค่คอยเป็นกองหนุนให้ยัยนั่นก็พอ”


ชายหนุ่มเจ้าของห้องกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง แล้วชายทั้งสี่คนก็พร้อมใจกันหันไปมองร่างที่นอนหลับใหลอยู่บนโซฟาด้วยสายตาที่เป็นห่วงผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในกลุ่มออกมาอย่างเห็นได้ชัด


 


 


 


บอกแล้วว่าผู้ชายแก๊งนี้รักเพื่อนมาก


อยากมีเพื่อนแบบนี้บ้างจัง


โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา