โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  115.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

44) ห้องประชุมสภา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เช้าตรู่ของวันถัดมา   ณ ห้องประชุมสภาผู้ใช้เวทมนตร์บนยอดหอคอยของปราสาทขาว   โต๊ะสีดำขัดเงามันระยับตั้งอยู่ตรงกลางห้อง   บนโต๊ะตัวนั้นเต็มไปด้วยอาหารนาๆ ชนิด   เก้าอี้แต่เดิมทีมีสิบเอ็ดแต่ตอนนี้มีถึงสิบสาม   เป็นเพราะเจ็ดปีที่แล้วได้มีสมาชิกเพิ่มมาถึงสองคน   และที่พิเศษคือหนึ่งในนั้นเป็นคนธรรมดา
 
วาลานนั่งหัวโต๊ะ   ฝั่งขวามือของเขาคือดารีลถัดมาก็เป็นลอร์ดเดเวอร์ลอส   จากนั้นก็เป็นสมาชิกคนอื่นๆ ไล่เลียงกันไปตามระดับความสำคัญ   ตามริมประตูหน้าต่างผู้พิทักษ์หน้ากากทองในชุดคลุมยาวสีขาวกระจายกันอยู่   ที่ผนังห้องด้านหนึ่งเป็นทหารชั้นสูงยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ   
 
“ เอาล่ะท่านเคียดันช่วยสรุปเรื่องเมื่อคืนนี้ที ”
 
เจ้าแห่งนครโอรีเวียเอ่ยขึ้น
 
“ เมื่อเวลาประมาณสามทุ่ม   ใครบางคนได้ก่อเหตุร้ายด้วยการจุดไฟปีศาจก่อความวุ่นวายในงานเฉลิมฉลอง   เหล่าทหารเกราะทองและทหารเกราะดำได้เข้าไประงับเหตุ   ผลจากการประทะส่งผลให้เราเสียนักรบไปถึงสิบสามคน ”
 
พ่อมดร่างแก่หลังงองุ้มกล่าวรายงาน
 
“ และคนร้ายหนีไปได้มีใครเห็นหน้าผู้ก่อเหตุหรือไม่ ”
 
วาลานสรุปให้เสียงขรึมพร้อมกับถามคำถามต่อไป
 
“ ผู้รอดชีวิตบอกแต่ว่าเขาสวมชุดคลุมเข้มและหน้ากากเหล็กสีดำ   เคลื่อนไหวว่องไวและเงียบราวกับเป็นเงา   เชื่อหรือไม่แม้จะไม่เห็นหน้า   แต่เขาก็มีลักษณะบางอย่างเหมือนสมาชิกบางคนที่อยู่ในห้องนี้   และเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่ได้อยู่ในงานตอนพิธีเปิด   ทั้งที่ความจริงเขาต้องนั่งอยู่เคียงข้างท่านดังเช่นในเช้านี้ ”
จบคำพูดนั้นทุกสายตาก็จับจ้องมาทางเดียวคือฝั่งขวามือของท่านจอมวาลาน
 
 
“ เหลวไหล ”
 
ลอร์ดเดเวอร์ลอสตบโต๊ะดังปัง
 
“ คนของข้าบอกว่านอกจากทหารสองหน่วยนั้นแล้ว   ดารีลคือนักเวทย์เขาคนเดียวที่ยืนหยัดต่อสู้กับมารร้ายตนนั้น   เขาทั้งอายุน้อยทั้งอ่อนประสบการณ์ในขณะที่พวกท่านไปมุดอยู่ที่ใด   เวลาเช่นนี้กลับปากกล้ายิ่งนัก ”
 
ดารีลเอื้อมมือไปกระตุกเสื้อคนเป็นปู่จากด้านหลังเพื่อให้เขาหยุดพูด
 
“ นั่นมันหลานท่านและก็สมุนของท่าน   คำพูดเหล่านั้นล้วนขาดความน่าเชื่อถือ   แต่สิ่งที่เรารู้ในตอนนี้คือไม่มีใครสามารถยืนยันที่อยู่ของเขาในเวลาเกิดเหตุได้   นอกจากนั้นเขายังใช้ผงยาสลบมอมเหล่าทหารในป่า   เรื่องนี้เขาเป็นคนยอมรับเอง ”
 
เคียดันว่า
มีทหารสองสามนายส่งเสียงพึมพำทำนองว่าเห็นด้วย
 
“ คนของข้าบอกว่าเป็นเพราะผู้ใช้มนต์ดำหลบหนีไปแล้ว   และทหารสองหน่วยกำลังสู้กันเอง   ดารีลจึงให้เอายาสลบไปโปรยก่อนที่จะมีคนตายมากไปกว่านี้ ”
 
ลอร์ดเดเวอร์ลอสเถียง
 
“ พูดไปใครจะเชื่อ   เขาวางยาพวกเราเพื่อให้ถูกสังหารง่ายขึ้นต่างหาก ”
 
นายทหารคนหนึ่งว่า
 
“ หุบปาก   ข้ายังไม่อนุญาตห้ามใครออกความคิดเห็นทั้งนั้น  ”
 
วาลานตวาดพลางหันไปทางดารีล
ซึ่งขณะนี้กำลังตักกินซุปบีทรูทสีแดงสดจากชามทองคำอย่างไม่เดือดร้อน  
ราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่
 
“ เป็นอะไรไปดารีล   อาหารไม่อร่อยหรือเหตุใดทานแค่ซุบแบบนั้น ”
 
วาลานถาม
 
“ หมู่นี้เจ้าผอมลงไปนะต้องทานอาหารให้มากกว่านี้ ”
 
น้ำเสียงและกิริยาของเขานั้นอ่อนโยนราวกับกำลังเอาใจหลานชายคนโปรด
ดารีลไม่ตอบเราเพียงแต่หันไปยิ้มให้ด้วยสายตาใสซื่อราวกับเด็กน้อย
 
“ อยากได้อะไรเพิ่มก็จงบอก   ข้าสามารถหาให้เจ้าได้ทุกอย่าง ”
 
“ ฝ่าบาทท่านได้ฟังที่ข้าบอกหรือไม่ ”
 
เคียดันเริ่มมีอารมณ์ขุ่นมัว
 
“ เอาล่ะข้าฟังจบแล้วนั่งลงได้ ”
 
วาลานตอบแบบไร้ซึ่งความใส่ใจ
 
พ่อมดเฒ่าจึงนั่งลงอย่างอารมณ์ไม่สู้ดี
 
“ ฝ่าบาทขออนุญาตที่ข้าต้องลุกขึ้น ”
 
ชายร่างอ้วนในชุดคลุมสีม่วงพูดขึ้นบ้าง
 
“ แต่เมื่อคืนข้าอยู่กับดารีล   ดังนั้นเขาไม่มีทางเป็นชายปริศนาหน้ากากเหล็กไปได้   และเขายังเป็นคนต้านทานกับมังกรไฟปีศาจที่ลานหน้าอนุสาวรีย์และข้าไล่ตามคนร้ายไป   ไม่นึกว่าจะไปพบเข้ากับกลุ่มนักรบจนเกิดความสูญเสีย ”
 
“ โอ้อวดยิ่งนัก   ช่วยบอกข้าทีวีแกน   ว่าท่านไล่ตามคนที่สังหารนักรบพร้อมกันสิบสามคนได้อย่างไร   ถ้าท่านสามารถถึงเพียงนั้นเหตุไดไม่ลงสนามไปที่หุบเขามรณะนั่น   จะมานั่งเบื้อเป็นครูใหญ่อยู่ที่นี่ไปเพื่อ ”
 
คนที่นั่งข้างวีแกนกล่าวเสียงเย้ยหยัน
 
“ มันไม่ใช่ธุระของข้านี่นา   ท่านจะหาว่าข้าโอ้อวดไม่ได้   ผลงานข้ามีมากมาย   อย่างๆ ”
 
ครูใหญ่วีแกนอึกอักพลางหันไปมองดารีลเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ 
 
แต่เด็กหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ มองกลับมาด้วยสายตาคมกริบ
 
เขาจึงนั่งลงอย่างเงียบเชียบ
 
“ ดีมีนเรื่องของท่านไปถึงไหนแล้ว ”
 
ท่านวาลานเหมือนจะหมดความสนใจในเรื่องเมื่อคืนไปแล้ว
 
“ ฝ่าบาทโรคระบาดในซีนาร์ยได้ยุติลงแล้ว   แต่ความเสียหายนั้นมากมายนัก ”
 
“ นั่นไงๆ   ใช่แล้ว   ยารักษาโรคละบาดข้าเป็นคนคิดค้น   เห็นไหมในนี้ใครทำได้   ไม่มี   ข้าเอง   ข้าเท่านั้น   อย่างท่านมีผลงานอะไรกล้าหาว่าข้าโอ้อวด   ท่านมันแค่ตาแก่ปากดีขี้อิจฉา ”
 
วีแกนลุกพรวดขึ้นปากก็พล่ามไม่หยุด
ทุกคนหันไปจับจ้องเขาทั่วทั้งห้องเงียบกริบ
เว้นแต่ดารีลที่หลบตาทำทีประหนึ่งว่าไม่รู้จักกัน
เหมือนกับว่าครูใหญ่วีแกนจะเพิ่งได้สติเขาจึงนั่งลงอย่างขัดเขิน
 
“ ท่านดีมีนข้าให้ท่านไปทำเรื่องสำคัญในเมืองร้าง   ไม่คิดว่าท่านจะเลอะเลือนจนลืมคำสั่ง   ซีนาร์ยอะไรกันนั่นไม่ได้อยู่ในแผนสักนิด ”
 
วาลานพูดกับพ่อมดเฒ่าราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้ถูกขัดจังหวะ
 
“ ถ้าเป็นเรื่องนั้นข้ายังไม่พบความผิดปรกติใด   มันเงียบมากเงียบจนน่าตกใจ   แต่สิ่งชั่วร้ายหรืออะไรที่เรากังวลไม่ได้ปรากฏที่นั่น ”
 
พ่อมดดีมีนรายงาน
 
“ เอาล่ะข้าเข้าใจแล้วนั่งลงได้และเตรียมตัวไปยังจุดต่อไปที่ข้าให้ไปสำรวจ ”
 
วาลานผายมือให้เขานั่งลง
 
“ ฝ่าบาทแล้วเรื่องของซีนาร์ย ”
 
ดีมีนยังพยายามต่อ
 
“ ข้าจะพิจารณาหาคนที่สมควรไป   ท่านก็รู้ตอนนี้เรามีภาระมาก   ข้าต้องจัดการเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า   และท่านก็สำคัญเกินกว่าจะไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ”
 
ท่านจอมวาลานว่า
ดีมีนจึงนั่งลงแล้วถอนหายใจ
 
“ ท่านลีลิน่าถึงตาท่านแล้ว ”
 
เขาหันไปทางแม่มดในชดคลุมสีเขียวอมเทา
 
“ ข้าเดินทางไปถึงป่าดำตามคำบอกของท่านและพบว่าป่าเต็มไปด้วยหมอก ”
 
“ แต่ป่าแถบนั้นมีหมอกหนาเป็นเรื่องปรกติ   เรื่องแบบนี้ต้องรายงานด้วยหรือ ”
 
พ่อมดคนหนึ่งแย้ง
 
“ แต่มันคือหมอกพิษและหมอกนั่นก็คืบคลานออกมาเรื่อยๆ   ชาวบ้านในละแวกนั้นหวาดกลัวกันมากพวกเขายังยืนยันอีกว่า   เพิ่งเห็นหมอกแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ”
 
เมื่อได้ยินดังนั้น
ดารีลที่กำลังพลิกดูลวดลายบนขนมอย่างตั้งใจก็เงยหน้าขึ้น
แล้วก็กลับไปสนใจสิ่งเดิมต่อ
 
“ ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ”
 
วาลานถาม
 
“ เบื้องต้นข้ายังไม่ทราบชนิดพิษของหมอกนั่น   แต่ต่อให้เรากำจัดพิษได้   ด้วยความที่เป็นป่าทึบ   หากบุ่มบ่ามเข้าไปถ้าถูกลอบโจมตีก็มีแต่จะเสียเปรียบ ”
 
นางบอกแล้วตั้งคำถามกับวาลานต่อ
 
“ ว่าแต่เวลาเช่นนี้   ท่านมองหาอะไรในป่านั่น ”
 
“ ข้ามองหาสิ่งที่จะเยียวยาพลเมืองทั้งหลายจากคำสาป   พวกเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ”
 
“ พิษหมอกนั่นอาจเกิดจากพืชบางชนิด   ท่านไม่ลองส่งข้าไปล่ะ ”
 
เสียงละมุนหูของดารีลดังขึ้น
มือข้างหนึ่งของเขายังชูค้างอยู่เมื่อวาลานหันมามอง
 
“ เด็กดี   ข้ารู้เจ้ามีความสามารถ   แต่เจ้าก็เคยอ่านตำราเก่าๆ เกี่ยวกับป่าดำมาแล้ว   คงเข้าใจเหตุผลที่ข้าจะไม่มีวันส่งเจ้าไปนะ ”
 
วาลานลูบหัวของเขาอย่างอบอุ่น
พ่อมดวันเยาว์ทำแก้มป่องเล็กน้อยเหมือนเด็กโดนขัดใจ
 
“ ท่านวาลานแล้วเรื่องชายหน้ากากเหล็ก ”
 
เคียดันว่า
เพราะเรื่องของเขาดูเหมือนจะถูกข้ามไปเฉยๆ
 
“ ข้าเห็นพลังของเขาแล้ว   เป็นคนๆ เดียวกับที่ก่อเรื่องทุกปีไม่ได้มีอะไรใหม่   เป็นแค่พวกก่อกวนไม่มีน้ำยาเหตุใดต้องใส่ใจ ”
 
วาลานว่า
 
“ แต่ปีนี้เขาสังหารคนของเราไปสิบสามคน   ยังไม่รวมกับประชาชนที่บาดเจ็บล้มตายในกองไฟนั่น ”
 
เคียดันบอก
 
“ ถึงอย่างไรข้าก็เห็นเป็นความคึกคะนอง   ข่าวลือต่างๆ ทำให้เกิดคนประเภทนี้ได้   ถ้าเขาต้องการจะสังหารหมู่จริงคงมีความสูญเสียมากกว่านี้   ท่านมีเรื่องจะพูดเท่านี้หรือ ”
 
“ ถ้าท่านเห็นว่าเรื่องนี้เล็กน้อยข้าก็หมดเรื่องที่จะพูดแล้ว ”
 
พ่อมดคนนั้นกล่าวแล้วนั่งลงด้วยสีหน้าบึ้งตึง
 
“ คาทุแล้วภารกิจของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ”
 
“ ข้ามีเรื่องน่าประหลาดใจ ”
 
พ่อมดคาทุเล่า
 
“ ว่ามา ”
 
“ ข้าเดินทางไปตามเมืองต่างๆ ตามคำสั่งของท่าน   และในชนบทห่างไกลข้าค้นพบเด็กหญิงคนหนึ่ง   อายุต่ำกว่าสิบปี ”
 
มีเสียงพึมพำดังขึ้น
 
“ ท่านแน่ใจสิ่งนี้ ”
 
วาลานถามย้ำ
 
“ ด้วยพลังของข้า   ข้าย่อมรู้ดี ”
 
“ แล้วเหตุใดท่านไม่พานางมาพบข้า ”
 
“ นางเดินทางมากับคนกลุ่มหนึ่ง   พวกเขาล้วนแต่งกายด้วยชุดคลุมดำและหายไปอย่างไร้ร่องรอยในตอนเช้า ”
 
พ่อมดคาทุอธิบาย
 
“ เรื่องนี้ดูไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก ”
 
พ่อมดโธรินว่า
 
“ ถ้ามีใครสามารถต้านทานคำสาปได้ย่อมต้องอยากแสดงตัว   เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มากหรืออย่างน้อยก็เพื่อชื่อเสียง   แต่นี่กลับหนีหายไปอย่างลึกลับ ”
 
เขากล่าวต่อ
 
“ เอาล่ะๆ ”
 
วาลานยกมือห้าม
 
“ ข้อมูลท่านมีประโยชน์มากและมากที่สุดในตอนนี้   ดังนั้นจงตามหาต่อไป   สะกดรอยอย่าให้ใครรู้ตัวจนพบว่าพวกเขาพักอยู่ที่ใดแล้วมารายงานข้า ”
 
“ รับทราบขอรับท่าน ”
 
คาทุก้มหัวและนั่งลง
 
“ ท่านเบรนทรัสขอแผนที่ให้ข้าที ”
 
วาลานพูดกับที่ปรึกษาที่ยืนอยู่ข้างหลัง
ชายคนนั้นยื่นม้วนกระดาษหนังวัวอ่อนข้ามไหล่มาให้
จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่กางมันออกเหนือโต๊ะไม้สีดำตัวนั้น
 
“ เดี๋ยวก่อน   ท่านเชื่อคำพูดของเขาหรือ   คำกล่าวแบบไม่มีหลักฐานเช่นนี้ถึงอย่างไรก็ต้องตรวจสอบก่อน   ไม่อย่างนั้นทิศทางการทำงานของเราจะเป็นอย่างไร   ถ้าเกิดว่ามันเป็นแค่เรื่องโกหกหรือเรื่องเข้าใจผิด   ถ้าเรามุ่งไปทางนั้นไม่ใช่ว่าจะเสียเวลาเปล่าหรือ ”
 
โธรินว่า
แต่ดูเหมือนวาลานจะไม่สนใจฟัง
เขาลากนิ้วไปตามแผนที่
 
“ ที่ไหนนะที่เจ้าพบเด็ก ”
 
เขาหันไปถามคาทุ
 
“ มันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ใกล้กับเทือกเขาพาทออฟเฮฟเว่น ”
 
“ โกล   มันคือหมู่บ้านโกล ”
 
ที่ปรึกษาของวาลานตอบมาจากด้านหลัง
 
“ ใช่ๆ นั่นหล่ะ   ข้าเพียงแต่ไม่แน่ใจ   อีกอย่างพวกคนในหมู่บ้านดูหวาดระแวงคนต่างถิ่นเป็นอย่างมาก   ข้าจึงหาข้อมูลได้อย่างยากลำบาก ”
 
พ่อมดคาทุบอก
 
“ ไม่เป็นไรเจ้าทำดีแล้ว ”
 
วาลานกล่าว
ซึ่งนั่นทำให้พ่อมดคาทุยิ้มหน้าบาน
 
“ เอาล่ะมีใครจะรายงานอะไรอีกไหม ”
 
เจ้าแห่งโอรีเวียหันไปรอบๆ โต๊ะ
 
“ กษัตริย์แห่งอัลดอรีสหายตัวไป ”
 
แม่มดเรนนาย่ากล่าวพลางลุกขึ้น
 
“ และข่าวลือเกี่ยวกับการแอบซ่องสุมกองกำลังของชนบางกลุ่ม ”
 
โธรินขำพรืด
 
“ นี่เจ้ากล้าเล่าเรื่องเหลวไหลในห้องประชุมสภาหรือ   เรนนาย่าเจ้าคิดว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่   ข่าวแบบนั้นข้าได้ยินทุกวัน   โดยเฉพาะจากพวกขี้เมาในร้านเหล้า ”
 
“ แล้วท่านเข้าไปทำอะไรในที่เสื่อมอย่างนั้นเล่า ”
 
เรนนาย่าถามกลับ
 
พ่อมดโธรินไม่ตอบ
แต่แก้มสองข้างแดงจัดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
 
“ พอได้แล้ว ”
 
วาลานห้ามก่อนที่เรื่องจะบานปราย
 
“ เรนนาย่าเจ้ามีอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ”
 
“ โรคระบาดค่ะท่าน   มันจบจากซีนาร์ยแต่มันไปเกิดที่อื่น   และที่สำคัญมันใกล้โอรีเวียเข้ามาทุกที ”
 
“ เรื่องนั้นข้าไม่ห่วง ” 
 
วาลานบอก
 
“ ไม่ห่วงไม่ได้นะท่านถ้ามาถึงโอรีเวียเมืองนี้คงเกิดจลาจล ”
 
แม่มดสาวบอกเสียงตระหนก
 
“ จะกลัวอะไรไปเล่าในเมื่อเรามีท่านวีแกนอยู่ทั้งคน ”
 
เจ้าแห่งโอรีเวียผายมือไปทางครูใหญ่
วีแกนตบอกผางแล้วหัวเราะเสียงดัง
ทำเอาหลายคนในนั้นต้องส่ายหน้าด้วยความระอา
 
“ มีใครจะกล่าวอะไรอีกไหม ”
 
วาลานว่า
 
ทั้งห้องเงียบกริบ
 
“ ดี   ถ้าอย่างนั้น ”
 
มีเลียงกระแอมดังขัดขึ้นเสียก่อน
 
“ อ้า  ท่านโธรินเชิญ ”
 
“ เรียนฝ่าบาท ”
 
โธรินลุกขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย
พูดด้วยเสียงนอบน้อมสุดขีดราวกับกำลังเสแสร้ง
 
“ ตัวข้านั้นเป็นคนกว้างขวาง   มีสายข่าวมากมายเพราะผู้คนล้วนนับหน้าถือตา   สิ่งที่ท่านอื่นๆ ว่ามานั้นข้าได้ยินมาก่อนนานแล้วด้วย   เพียงแต่ว่าข้าไม่อยากทำเป็นแตกตื่นให้เสียกิริยา   ด้วยความสัจจริงฝ่าบาท   ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาข้านั้นทำงานอย่างหนักแข่งกับเวลา   รู้ว่าอีกไม่นานจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างจริงแท้แน่นอน   แต่ถึงกระนั้นข้อมูลทุกอย่างควรจะถูกต้องชัดเจน   ไม่ใช่เอาข่าวลอยลมมาพูดกันให้เสียขวัญ   ชีวิตข้านั้นทุ่มเทแล้วเพื่อส่วนรวม   ดังนั้น ”
 
คำพูดของเขาสะดุดลงเมื่อเรนนาย่ายกมือขึ้น
 
“ ขอสรุปสามคำสั้นๆ ได้หรือไม่   ตอนนี้ข้ารู้สึกอาหารเป็นพิษขืนช้าไปกว่านี้คงได้คายของเก่าออกมาแน่ ”
 
นางว่า
 
“ ถ้าอย่างนั้นท่านโธรินช่วยรวบรัดที ”
 
วาลานเห็นด้วย
 
“ อ้า   อ้อ   คือข้าแค่อยากจะบอกว่าตอนนี้ข้ามีข้อมูลอยู่กับตัวมากมาย   รอให้ข้าสรุปทุกอย่างเสียก่อน   ฝ่าบาทจะต้องได้ข่าวใหญ่อย่างที่ไม่มีใครทำได้แน่นอน ”
 
พ่อมดคนนั้นว่าแล้วนั่งลงด้วยท่าทีขัดเคือง
 
“ ดี   ทำได้ดี ”
 
วาลานว่า
จากนั้นก็หันไปทางพ่อมดที่อายุน้อยที่สุดในห้องประชุม
 
“ เด็กดีของข้า   มีอะไรจะกล่าวหรือไม่ ”
 
ดารีลเงยหน้าขึ้น
สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เขา
เจ้าของใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบส่ายหัวเบาๆ
 
“ ไม่เอาน่า   พูดอะไรหน่อยสิ   ข้าอยากให้เจ้าฝึกเอาไว้   มันจะดีกับเจ้าในอนาคต ”
 
วาลานยังคงรบเร้า
 
“ เมื่อคืนมีคนร่ายมนต์ดำในโอรีเวีย ”
 
ดารีลว่า
 
“ อิโธ่   นี่หรือเรื่องที่จะพูดเขารู้กันหมดแล้ว   ไม่บอกด้วยล่ะว่าเป็นฝีมือเจ้าเอง ”
 
“ หุบปาก ”
 
ไม่ทันที่โธรินจะเย้ยจบวาลานก็ตวาดเสียงดัง
พ่อมดคนนั้นถึงกับหน้าซีด
 
“ ว่ามาสิเจ้าเห็นเป็นอย่างไร ”
 
เสียงที่พูดกับดารีลนั้นเอ็นดูยิ่งนัก
 
“ ข้าคิดว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง   คนผู้นั้นอาจก่อความยากลำบากให้พวกเราได้   อย่างน้อยเรื่องที่เกิดขึ้นก็สะเทือนความน่าเชื่อถือของสภา   เพราะเขาก่อเหตุในพื้นที่ของปราสาทขาว   รวมกับข่าวลือที่ไม่ควรกล่าวถึงอีก   มันสามารถรวมเป็นเรื่องเดียวกันได้ ”
 
“ ฉลาดมาก   เจ้าอ่านความคิดของผู้ก่อเหตุได้ขาดทีเดียวเด็กน้อยเอ๋ย   แต่คนผู้นั้นยังไม่แกร่งพอ   เขายังทำไม่สำเร็จในเร็ววันอย่างแน่นอน   แต่ถ้าเจ้าวิตกปีหน้าข้าจะเพิ่มกองกำลังให้เต็มป่า   อย่าให้ใครจุดพลุไฟได้แม้แต่คนเดียว   แบบนี้เป็นอย่างไร ”
 
ดารีลไม่ตอบเขาเพียงหยิบขนมขึ้นมากินเงียบๆ
 
“ เอาล่ะๆ การประชุมวันนี้เป็นอันสิ้นสุด   ข้ามีจดหมายปิดผนึกสำหรับทุกท่าน   มันคือภารกิจต่อไป ”
 
วาลานว่าพลางส่งสัญญาณให้ที่ปรึกษา
จดหมายถูกส่งต่อไปยังทุกคนเว้นแต่ดารีลคนเดียวเท่านั้น
เจ้าแห่งโอรีเวียเคยให้เหตุผลว่าเพราะดารีลสามารถคิดเองได้
เขาจึงไห้อิสระแต่มีข้อแม้ว่าต้องอยู่ในสายตาของวาลานตลอดเวลา
 
เมื่อได้รับจดหมายแล้วทุกคนก็ลุกออกไป
ดารีลก็เช่นกันแต่เจ้าแห่งโอรีเวียคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
 
“ เจ้าอยากไปที่บ้านของข้าหรือไม่   ที่นั่นมีวัตถุวิเศษของแปลกๆ ที่เจ้าจะต้องสนใจ   รวมทั้งหนังสือตำราเก่าแก่ ”
 
“ เขาจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ”
 
ท่านลอร์ดเดเวอร์ลอสว่าพลางคว้าไหล่หลานชาย
 
“ ข้าเหนื่อยมากคิดว่าต้องพักผ่อน ”
 
ดารีลตัดบท
 
“ เอาอย่างนั้นก็ได้   แต่อย่าลืมนะประตูบ้านของข้าเตรียมเปิดรับเจ้าเสมอ ”
  
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา