โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  115.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

78) วันพักผ่อน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ในทุกๆ เช้าอาเธอร์จะนั่งเกวียนออกไปนอกเมืองตามลำพัง   แต่มีบางครั้งที่เขาติดเอาคนในครอบครัวมาด้วย   ตอนนี้เขาเริ่มขุดหลุมลึกเป็นห้องสี่เหลี่ยมกว้างใหญ่พอสมควร   เพื่อทำเป็นห้องใต้ดินไว้เก็บเสบียงและเตรียมไว้เผื่อมีมังกรมาเยี่ยมเยือน   หวังว่าเมื่อวันนั้นมาถึงคนในบ้านคงไม่ถูกย่างสดจนสุก   ใจหนึ่งก็อยากทำบ้านทรงดอกเห็ดเหมือนเช่นเคยทำที่ซีนายร์   แต่เขาไม่รู้จะไปหาหินมากมายอย่างนั้นมาจากที่ไหน   ดินที่ขุดขึ้นมาได้เขาจัดการโกยไว้รอบๆ เพื่อยกตัวบ้านให้สูงขึ้น   ในวันที่มีฟิโลโซเฟอร์ตามมาด้วย   สองพ่อลูกจะช่วยกันขนซุงออกจากป่ามากองเตรียมไว้
 
            หลังจากทำห้องใต้ดินเสร็จเขาก็ขุดเอาดินเลนที่ได้จากทะเลสาบหลังบ้าน   ผสมเข้ากับเศษไม้เศษหญ้าแห้งแล้วเทราดลงบนพื้นเกลี่ยให้สม่ำเสมอทำเป็นพื้นบ้าน   พอดินแห้งมันก็จะเรียบแน่นและแข็งแรงเมื่อพื้นที่ราดไว้แห้งดีแล้วเขาจึงจะเอาท่อนซุงมาเรียงต่อกันขึ้นไปเป็นผนังยึดซุงไว้ด้วยตะปูเหล็กกล้า   หนุ่มใหญ่ผู้เป็นอดีตทหารเมืองโอรีเวียทำงานอย่างหนัก   ท่ามกลางอากาศเย็นจัดแม้จะมีแสงแดดส่องลงมา
 
            ในคืนหนึ่ง   มีหิมะตกลงมาอย่างหนักพื้นถนนหน้าบ้านหิมะสูงถึงเข่า   โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดเด็กๆ ไม่ต้องไปโรงเรียน   มันจึงเป็นวันหยุดที่หดหู่ผู้คนก็ไม่อยากออกจากบ้าน
 
“ อาเธอร์คะ   วันนี้หยุดงานสักวันก็ดีหรอก   อย่าออกไปนอกเมืองเลยนะ ”
 
เสียงคาโลไรน์ดังมาจากในห้องครัวที่อบอุ่น
เมื่อเห็นว่าอาเธอร์เสร็จกิจจากการเก็บกวาดหิมะออกจากถนนหน้าบ้าน
แล้วยังเตรียมเกวียนจะออกไปข้างนอกอีก
 
“ ข้าไปคนเดียวก็ได้   อากาศแบบนี้ไม่คิดจะพาพวกเจ้าไปผจญความหนาวด้วยหรอก ”
 
อาเธอร์บอก
 
“ ตัวท่านเองก็ไม่ควรไป   อากาศอย่างนี้ข้าเกรงว่าท่านจะแข็งตายท่ามกลางพายุเสียมากกว่า ”
 
“ อย่าห่วงไปเลยรีเวียไม่เคยเจอพายุหิมะมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ”
 
“ ถึงอย่างไรข้าก็อยากให้ท่านพักผ่อนบ้าง   โหมงานหนักมาหลายวันแล้ว ”
 
เสียงของนางดุแกมบังคับ
 
“ ก็ได้ๆ วันนี้ข้าหยุดก็ได้   แต่ยังไงก็ขอไปเยี่ยมเพื่อนหน่อยแล้วกัน   ไม่ได้เจอหลายวันไม่รู้มีข่าวใหม่ๆ อะไรเพิ่มหรือเปล่า ”
 
อาเธอร์ยอมแพ้
เขาย้อนกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นเติมถ่านหินเพิ่มลงในเตาผิง
แล้วหยิบกาต้มน้ำขึ้นมาแขวนบนตะขอเหนือเตา
 
คาโอเรียกำลังอ่านหนังสือว่าด้วยนิทานพื้นบ้านอย่างตั้งอกตั้งใจ
ส่วนฟิโลโซเฟอร์นั้นสำรวจดูดาบไม้ที่ได้มาใหม่ด้วยความพึงพอใจ
เขาเพิ่งทำดาบเก่าหักไปเพราะเผลอฟาดกับแท่งเหล็กเข้าให้
 
ความร้อนจากเตาผิงกระจายมาถึงพวกเขาพอสบายตัว
อาเธอร์มองบุตรชายยิ้มๆ
 
“ ดูท่าเจ้าจะชอบดาบเอามากๆ เลยนะ ”
 
คนเป็นพ่อทัก
 
“ ตอนแรกข้านึกว่าจะสามารถเป็นนักแม่นธนูมือหนึ่งได้เสียอีก   แต่ผลที่ได้ก็เหลวไม่เป็นท่า   ตอนนี้เลยยังไม่แน่ใจว่าฟันดาบจะไปรอดหรือเปล่า ”
 
เด็กชายตอบแบบใสซื่อ
 
อาเธอร์ยิ้มให้กับคำพูดของบุตรชาย
 
“ ของอย่างนี้มันต้องอาศัยการฝึกฝน   ถ้าเจ้ายังอยากยิงธนูอยู่   เอาไว้บ้านใหม่เสร็จเมื่อไหร่ข้าจะสอนให้ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์พยักหน้าเรื่อยเปื่อย
อันที่จริงหลังจากดารีลมาช่วยสอนให้เขาก็ทำได้ดีขึ้นพอสมควร
แต่ก็ยังห่างชั้นกับคำว่ายอดฝีมือ
 
“ บ้านใหม่ใกล้จะเสร็จหรือยังคะ ”
 
คาโอเรียถามพลางวางหนังสือลง
นางยืดตัวขึ้นบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยล้าและหิวโหย
วันนี้ยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้ากันเลย
 
“ ตอนนี้กำลังทำโครงหลังคาอยู่   มันจะเป็นบ้านสองชั้นเล็กๆ แน่นอนว่ามีห้องใต้หลังคาให้เจ้าด้วยนะฟิโลโซเฟอร์   คาโอเรียก็จะมีห้องส่วนตัวด้วย   อาจจะคับแคบไปหน่อยแต่เราจะค่อยๆ ขยายมันออก   ว่าอย่างไรพวกเจ้าชอบกันหรือเปล่า ”
 
อาเธอร์ว่าพลางลูบผมบุตรสาว
 
“ เราก็อยู่บ้านหลังเล็กมาตลอดไม่เห็นเป็นไรเลยนี่จ๊ะ ”
 
 
            หลังอาหารมื้อเช้า   อาเธอร์ก็ออกจากบ้านเขาย่ำเท้าลงบนหิมะหนาเตะมุ่งหน้าสู่โรงน้ำชาอันเป็นแหล่งรวมของผู้คนมากมายหลายถิ่น   เขาอยากไปหาข่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เขากังวลใจ 
 
ส่วนแคโลไรน์ออกไปตักน้ำจากตุ่มหลังบ้านเพื่อจะนำมาซักผ้า   ขันตักน้ำกระทบเข้ากับแผ่นน้ำแข็งที่ปากโอ่งเสียงดังแต๊ก   หลังจากออกแรงทุบไปสองสามทีมันก็แตกออก   นางตักน้ำเทใส่ถังแล้วหิ้วเข้าในครัวนำไปตั้งไฟระหว่างที่รอน้ำเดือด   จึงได้เลือกผ้าพื้นสีฟ้าขึ้นมาจากกล่อง   ตัดผ้าออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้วเย็บริมทั้งสี่ด้าน   นางบอกจะใช้เป็นผ้าม่านของบ้านหลังใหม่
 
            พอน้ำเดือดดีแล้วคาโลไรน์ก็เทน้ำลงกะละมังแช่ผ้า   ผสมน้ำยาซักผ้าที่ทำจากไขสัตว์ลงไป   ระหว่างนั้นก็ปล่อยให้คาโอเรียเย็บผ้าม่านส่วนที่ทำค้างไว้   มีเสียงเคาะดังเบาๆ ขึ้นที่หน้าประตู   ฟิโลโซเฟอร์อาสาเป็นคนไปเปิด    
 
ฟีไลร่ายิ้มร่าเริงมาทีเดียว   ดวงตากลมโตสีม่วงครามของนางทอประกายสดใส   เบื้องหลังตามมาด้วยโลธอร์อีเลียสและเลโอน่า   ทั้งหมดห่อหุ้มร่างด้วยเสื้อขนสัตว์ตัวหนา
 
“ พวกเราอยู่แต่ในโรงเรียนจนเบื่อ   เลยชวนกันมาที่นี่   หวังว่าคงไม่ได้รบกวนอะไรใช่ไหม ”
 
นางว่า
 
“ ไม่หรอกรีบเข้ามาก่อนสิ   ข้างนอกหนาวจะแย่ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์บอก
เขาหลบไปยืนข้างประตูก่อนจะปิดกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเพื่อนๆ ทยอยเข้ามาหมดแล้ว
เพื่อกันไม่ให้อากาศเย็นจากข้างนอกทะลักเข้ามา
 
“ พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่ ”
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยสงสัย
เพราะเขายังไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลย
 
“ เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้อีเลียสเขาล่ะ ”
 
โลธอร์ว่าพลางตบหลังเพื่อนร่างเล็ก
 
“ บ้านของตระกูลโอดีรุสเก่าหาไม่ยากนักหรอก ”
 
อีเลียสตอบพลางถอดเสื้อคลุม
 
“ ตอนแรกว่าจะไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่   แต่เหมือนได้ยินข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งในอดีต   ข้าเลยสุ่มมาที่นี่แทน   และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ”
 
“ เรื่องนั้นเจ้ารู้ด้วยหรือ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์หัวเราะพลางช่วยพวกผู้หญิงถอดเสื้อคลุม
 
“ ตัวข้าเองกลับไม่ค่อยรู้เรื่องในครอบครัวเท่าไหร่   แต่ช่างมันเถอะ   ไม่สำคัญอะไรกับข้าหรอก ”
 
พวกเขาแขวนเสื้อผ้าไว้กับตะขอทองเหลืองริมประตู
 
“ มีใครมาหรือลูก ”
 
คาโลไรน์ถาม
นางเดินออกมาจากในครัวผ้ากันเปื้อนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
 
“ สวัสดีคุณผู้หญิง   พวกเราเป็นเพื่อนๆ ของฟิโลโซเฟอร์   วันนี้ต้องขออนุญาตมารบกวนท่านแล้ว ”
 
เด็กๆ ต่างโค้งให้นางอย่างสุภาพ
 
“ งั้นหรือเข้ามาสิ   มาที่โต๊ะนี่   ข้าจะหาของว่างให้ ”
 
คาโลไรน์ตอบรับอย่างยินดี
 
“ ต้องรบกวนคุณผู้หญิงแล้ว ”
 
เลโอน่าพูดขึ้นบ้าง 
 
“ ทำอะไรอยู่หรือ ”
 
โลธอร์ถามคาโอเรีย
เขาย้ายตูดอ้วนๆ ไปหย่อนลงใกล้ๆ เด็กหญิงผมทอง
 
“ ผ้าม่านผืนใหม่อย่างไรเล่า ”
 
นางตอบ
 
“ แต่ผืนเดิมก็ยังดีอยู่เลยนะ ”
 
ฟีไลร่าสงสัย
 
“ หรือจะทำสำรองไว้เปลี่ยนทุกอาทิตย์ ”
 
“ ไม่ใช่หรอก   สำหรับบ้านใหม่ต่างหาก   พวกเรามีแผนจะย้ายออกไปนอกเมืองเร็วๆ นี้ ”
 
คำตอบของคาโอเรียทำเอาเพื่อนๆ อึ้งตะลึงตาค้าง
 
“ เอาจริงดิ ”
 
อีเลียสว่า
 
“ ทำไมล่ะฟิโลโซเฟอร์ไม่ได้เล่าให้ฟังแล้วหรอกหรือ ”
 
เด็กๆ ต่างมองหน้ากันเลิกลัก
 
“ พวกเราต้องบอกเขาหรือเปล่า ”
 
เลโอน่าทำเสียงกระซิบ
ฟิโลโซเฟอร์เห็นเพื่อนทำท่าทางประหลาดจึงขยับเข้ามาร่วมวงด้วย
 
“ มีความลับอะไรกันล่ะทำแบบนี้จะโดดเดี่ยวข้าหรืออย่างไร ”
 
เด็กชายว่า
 
“ นี่พวกเจ้าไม่ได้ยินข่าวเลยหรือ ”
 
อีเลียสถาม
 
“ ข่าวอะไรล่ะ   มีข่าวให้ได้ยินเรื่อยๆ นั่นแหละโดยเฉพาะในปราสาทขาว ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ตอบ
 
“ เมื่อวานเจ้าชายเอลานอสเสด็จกลับพระนคร ”
 
ฟีไลร่าบอก
พลางจ้องหน้าเขาเพื่อสังเกตอาการ
 
“ อ้อ   ถ้าเป็นเรื่องนั้นข้ารู้แล้ว   มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้านี่ไม่เห็นต้องตื่นเต้น ”
 
“ มันไม่ใช่แค่นั้นสิ   เจ้าไม่รู้เรื่องราวต่อจากนั้นหรือ ”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา