กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย

-

เขียนโดย เหวินฉี

วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.51 น.

  21 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) สาบาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เสี่ยวหลานยืนเงียบ ตอนนี้นางถูกจับได้แล้วว่าแอบหนีตามมาแถมยังแฝงตัวเป็นคนขับรถม้าให้กับชินอ๋อง

 

"หากว่าตอนนี้ชินอ๋องยังไม่สะดวก ข้าขอตัวก่อนล่ะ" ผิงเยว่ฉีมองนางหัวจรดเท้าอย่างเหยีดหยาม สาวงามที่เขาลือกันว่ารักงามรักสะอาดแต่กลับมาอยู่ในรูปร่างสกปรกมอมแมมซะงั้นในรูปแบบของทหารรับใช้ แถมยังหนีตามชินอ๋องออกมา ทั้งหมดนี่ก็เพื่อผู้ชายงั้นหรอ นางคิดแล้วก็รู้สึกสมเพช

 

เมื่อผิงเยว่ฉีเดินจากไปได้ไกล ทั้งสองก็อยู่ในอาการเงียบกริบ เสี่ยวหลานเองก็รู้สึกผิดที่หนีตามมา ทั้งยังต้องเสียใจเมื่อเห็นว่าคนที่ตนรักกอดกับคนอื่นแม้แต่ชินอ๋องก็ยังรู้สึกเช่นนั้น นางแอบดูแถมยังเห็นเขากอดกับเยว่ฉี คงจะได้ยินเพลงจากขลุ่ยนั่นอีก เขาเข้าใจความรู้สึกของเสี่ยวหลานไม่น้อย

 

"เสี่ยวหลาน เจ้าตามข้ามาทำไม เหตุใดถึงได้แฝงตัวเป็นคนขับรถม้า" เสียงที่ฟังดูนุ่มนวลเอ่ยออกมาตัดบรรยากาศเงียบพานางเข้าสู่บทสนทนา เขาถามนางด้วยความใจเย็น ฉางเสี่ยวฉินจ้องมองที่นางซึ่งตอนนี้ได้แต่มองตาต่ำ

 

"ข้าคิดถึงท่าน ข้าจึงตามมา ท่านบอกข้าว่าท่านจะอยู่เคียงข้างข้าแต่กลับ.." หญิงสาวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน้อยใจพร้อมกับก้มหน้าลง เธอพูดต่อไปไม่ออกแล้ว

 

"ตอนนี้เจ้ายังไม่หายดีเลย ที่นี่อันตราย ไม่ควรเสี่ยง เหตุใดถึงได้ทำเพื่อข้า" คนตรงหน้าก้มหน้างุดอย่างรู้สึกผิดกว่าเดิม มือหนาจับไหล่ทั้งสองข้างของเสี่ยวหลาน ชายตามองเนื้อตัวของนางก่อนที่จะสะดุดสายตาไปเห็นอุ้งมือน้อยๆ ของหญิงสาว ซึ่งตอนนี้มีรอยเปื้อนรอยหยาบขรุขระเต็มไปหมด ถ้าให้เดามันก็เกิดจากการจับเชือกเพื่อตีม้าตอนเดินทาง นางดูทุ่มเทมาก ชินอ๋องจับมือของนางมาดูเบาๆ แต่เจ้าตัวเองก็พยายามดึงมือของตนหนี

 

"เสี่ยวหลาน เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้" เขามองไปที่นางซึ่งตอนนี้แย่งมือของตนกลับไปแล้วทั้งยังไม่ตอบอะไร ภายในใจของนางรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล แต่ต้องกลั้นเอาไว้จนปวดหัว

 

"ท่านสัญญาว่าท่านจะไม่ปล่อยมือข้า แล้วท่านก็ผิดสัญญาอีก" เสี่ยวหลานสุดจะกลั้นน้ำตาไว้ มันถึงขีดที่สูงที่สุดของความอดทนแล้ว นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นเพื่อไล่น้ำตา

 

"ข้าขอโทษ แต่เจ้าไม่ควรเสี่ยงเช่นนี้ เจ้ายังไม่หายดีเลยนะ" ฉางเสี่ยวฉินพูดเหมือนพยายามเปลี่ยนเรื่องในความคิดของเสี่ยวหลาน นางจึงคลำที่บาดแผลของตนไม่ได้ชายตามองเขาเลยแม้แต่นิด

 

"ที่ข้ามาก็เพื่อทำให้เราได้อยู่ด้วยกันและข้าอยากปกป้องท่าน ข้าไม่อยากทำให้ท่านกลายเป็นคนผิดคำสัญญา" ไม่นานน้ำในตาก็ไหลออกมา ตอนนี้เสี่ยวฉินได้แต่ยืนนิ่งพร้อมกับขลุ่ยในมือ ที่นางพูดไปนางจะสื่อว่าเขากำลังผิดคำสัญญา

 

"ข้าบอกแล้วเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้" ฉางเสี่ยวฉินจำใจพูด

 

"ข้าผิดหวังในตัวท่านหลายครั้งมาก แม้แต่วันนี้ท่านก็ยังไม่บอกลาข้าที่ตำหนัก" นางพูดเสียงเรียบตามองตรงหน้าอย่างไม่จดจ่อ

 

"แต่เจ้าอยู่ตรงนี้แล้วไง" เขาพยายามทำให้คนตรงหน้าเข้าใจ แต่พูดออกไปโดยไม่คิดทำให้ตนเองดูเหมือนคนเห็นแก่ตัว

 

"แม้ข้าไม่อยู่ตรงนี้ ท่านก็ไม่ไป" นางตัดพ้อ

 

"วันงานเทศกาลท่านก็กอดกับหญิงอื่น ให้ข้านั่งโง่รอคอยเพื่อจุดโคมลอยด้วยกัน" หานเสี่ยวฉินพูดต่อไปเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเงียบเหมือนยอมรับผิด

 

"ตอนนั้นข้าขอโทษเจ้าไปแล้ว" ฉางเสี่ยวชินจ้องมองนางซึ่งตอนนี้ไม่ได้สบตากับเขาเลย

 

"ท่านสัญญาว่าจะไม่ปล่อยมือข้า แต่ท่านก็ปล่อย"

 

"เสี่ยวหลาน" น้ำเสียงแข็งทื่อของเขาดังขึ้นด้วยความน่ากลัวเหมือนกับว่าคนตรงหน้ากำลังทำตัวงี่เง่าใส่ ตอนนี้เขาทำให้นางเองต้องตกใจกลัวแม้ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร เพราะไม่ได้ยินเสียงนี้นานแล้ว

 

"ข้าขอโทษ" เสียงพูดที่แข็งทื่อเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นทันที เธอไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนลงมากเช่นนี้ ถ้าหากเป็นตอนนั้นนางทำนิสัยงี่เง่าใส่คงถูกกักขังบริเวณหรือไม่ก็ถูกเฆี่ยนตีไปแล้ว

 

"ข้าไม่อยากได้ยินคำว่าสัญญา" นางพูดแทรกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เธอเองจะสะอึกสะอื้นเบาๆ

 

"งั้นข้าสาบาน" เมื่อสิ้นเสียงของชายหนุ่ม ร่างหนาก็โผลเข้ากอดคนตรงหน้าทันที แขนเล็กๆ ของนางก็โอบกอดรับ เสี่ยวหลานค่อนข้างใจอ่อนง่าย นางสะอึกสะอื้นเบาๆ

 

"ข้าอยากส่งเจ้ากลับตำหนัก ที่นี่อันตราย ข้าคงทนไม่ได้ที่จะเห็นคนรักของตนอยู่ในที่อันตราย" ชินอ๋องพูดจบ หญิงสาวก็หยุดร้องไห้ไปครา นางจึงผละชายหนุ่มออกจากอ้อมกอดเล็กน้อย

 

"ข้ามาเพราะอยากปกป้องท่าน ข้าอยากอยู่รบกับท่านไม่ได้หรือ? หรือเพียงเพราะข้าเป็นสาวงามที่ไม่มีวรยุทธใดๆ " เธอพูดโดยกล่าวถึงเยว่ฉีเล็กน้อยนางเคยรบเคยต่อสู้ร่วมกันกับชินอ๋องแต่ตนกลับทำอะไรไม่ได้ เมื่อเห็นว่าที่นี่เป็นป่าไผ่ นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยอกน้อยใจ เขาพบรักกับเยว่ฉีที่ป่าไผ่ นั่นก็ยิ่งทำให้นึกถึงเรื่องในตำหนักคราวนั้น ตอนนี้เหมือนกับว่าเขามารำลึกความหลัง มีหรือคนที่ชอบใบไผ่แล้วจะเปลี่ยนใจไปชอบดอกเหมยได้ง่าย

 

"ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าอยู่ก็ได้" ชินอ๋องพูดด้วยความหนักใจแต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยิ้มได้ก็รู้สึกดี

 

"ท่านอ๋องสาบานกับข้าแล้วนะ" นางใช้มือขยี้ตาตัวเองเพื่อให้น้ำในตารีบแห้งหายไป ก่อนจะยิ้มแป้นด้วยความดีใจ

 

"ข้าสาบานแล้ว ข้ามีศักดิ์ศรีพอ ข้าไม่ผิดคำพูดแน่" เขาพูดก่อนจะลูบผมของนางเบาๆ

 

"ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว เราไปกันเถอะ" เขากุมมือของหญิงสาวแน่นกว่าทุกครั้ง ครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยมือนางไปแล้ว

 

ภายในตำหนักของเสี่ยวหลาน ซึ่งตอนนี้มีเพียงไป๋ไป๋เท่านั้นที่กำลังนั่งกินอาหารในสำรับที่ฮองเฮาจัดหามาให้ แต่ทว่ากินไปได้ไม่นานกลับรู้สึกปวดท้อง รู้สึกวิงเวียนไปทั้งศีรษะ ไม่นานความคิดก็คลุ้งเข้ามาในหัว หรือนี่จะเป็นเพราะว่าฮองเฮาวางยาใส่ในสำรับอาหารเพื่อให้เสี่ยวหลานกิน เมื่อคิดได้ก็รู้สึกโกรธแต่ทว่าตอนนี้นางกลับรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงเลยจึงสลบลงไปในที่สุด

 

ประตูของตำหนักถูกเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นร่างสูงที่กำลังถืออะไรบางอย่างเข้ามา เจ้าตัวเดินเข้ามาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เขาจึงกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนจะไปเห็นร่างของไป๋ไป๋ที่ตอนนี้กำลังนอนสลบอยู่ ริมฝีปากของนางเริ่มซีดจางลงเรื่อยๆ

 

"ไป๋ไป๋! เจ้าเป็นอะไร!? " หานหลินฮั่วเอ่ยด้วยความตกใจ ของที่อยู่ในมือก็หล่นลงทันทีมันเผยให้เห็นขนมกุ้ยฮวาข้างใน เขาเดินเข้าไปจับร่างกายของนางที่ตอนนี้ร้อนผ่าวดั่งกับไฟโดยไม่ได้สนใจขนมกล่องนั้นเลย ชายหนุ่มรู้สึกกระวนกระวายก่อนที่จะอุ้มนางขึ้นบนเตียงและเรียกหมอหลวงมาทันที

 

"ข้าเกรงว่านางจะโดนพิษอะไรบางอย่าง ริมฝีปากซีดเปลี่ยนสีเช่นนี้ คงเดาได้ไม่อยากว่าพิษอะไร" หมอหลวงพูดก่อนจะมองดูทั่วร่างของนางเพื่อตรวจสอบ หานหลินฮั่วเองก็สามารถตรวจสอบได้ แต่เพียงไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อน เขายังตกใจไม่หาย

 

"พิษอะไรหรือหมอหลวง" หลินฮั่วถามออกไป ตอนนี้เขากระวนกระวายไปหมด แทบอยู่ไม่นิ่ง

 

"ถ้าหากมีสิ่งให้ตรวจสอบ ข้าก็ตรวจสอบได้"

 

"นี่ล่ะหมอหลวง สิ่งที่นางกิน" หลินฮั่วพูดก่อนจะยื่นจานอาหารแต่ละใบให้เขาตรวจ

 

"พิษชนิดนี้มักซึมซ่อนอยู่ภายในอาหารจนมองไม่เห็น เนียนไปกับตา ตอนนี้ริมฝีปากของนางดำขึ้นอย่างน่าแปลก ข้าพอจะรู้แล้วว่าคือพิษอะไร" หมอหลวงพูดก่อนจะมองที่หลินฮั่วซึ่งตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตารอฟัง

 

"พิษแมลงมุม" เมื่อสิ้นเสียงของหมอหลวง หลินฮั่วก็ทรุดลงทันที เขารู้ว่าพิษแมลงมุมร้ายแรงแค่ไหน คนที่โดนพิษนี้จะป่วยไปเจ็ดวันและตายในที่สุด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา