แด่เธอ...สุดที่รัก
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) บทส่งท้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่กายกลับมาอยู่ที่บ้าน นอกจากบรรดาคุณพ่อบ้านกับคุณแม่บ้าน ฉันไม่เคยเจอพ่อแม่ของกายเลยได้รับแต่ข้อความของคุณลุงถามอาการของกาย ฉันพยายามจะเรียกให้คุณลุงกลับบ้านมาเจอกายบ้างแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล นี่มันอะไรกันเห็นจะมีก็แต่แม่ของฉัน เพื่อนๆ และเจมส์ผลัดเปลี่ยนกันมานั่งพูดคุยกันทุกวัน ทำให้บ้านหลังนี้ที่เดิมเคยเป็นบ้านที่เงียบเหงา ดูมีสีสันมากขึ้น
"กาย...วันนี้เหนื่อยไหม" กายได้แต่พยักหน้า อาการของกายเป็นไปตามที่หมอพูดทุกอย่าง
วันที่ฉันเดินเอกสารเพื่อพากายออกจากโรงพยาบาล
"ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย และจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลาเพราะปริมาณเม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยมีไม่พอที่จะรับออกซิเจนเพื่อนำไปใช้ในร่างกาย"
"..." ฉันฟังด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่อยากมานั่งฟังอะไรแบบนี้เลย
"และท้ายที่สุดร่างกายของผู้ป่วยจะไม่สามารถรับได้แม้กระทั่งออกซิเจนจากเครื่องช่วยหายใจ เพราะไม่มีเม็ดเลือดแดงเหลืออยู่อีกเลย"
"ไม่มีทางแล้วใช่ไหมคะ"
"ครับ ญาติต้องเข้มแข็งไว้นะครับ"
"แพรว..." ฉันรีบเดินเข้าไปหากายที่พยายามควานหามือของฉัน
หลังจากกลับบ้านมาได้ไม่กี่วัน กายก็เริ่มมีอาการอ่อนเพลียและหายใจลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ อาหารที่ก่อนหน้านี้พอกินได้เล็กน้อยมาถึงตอนนี้กลับกินไม่ได้เลย ฉันต้องใช้อาหารผู้ป่วยดูดใส่ไซริงค์เพื่อป้อนแต่สุดท้ายก็อาเจียนออกมาจนหมด เหลือแต่น้ำที่ฉันพยายามป้อนให้กาย น้ำตาคนดูแลที่ควรไหลกลับไม่ไหลซักหยด ฉันตั้งใจว่าจะเข้มแข็งจะอยู่ข้างนายจนวาระสุดท้ายของชีวิต
ในวันนั้นฉันรู้ตัวดีว่ากายพร้อมจะจากเราไปทุกเมื่อ ฉันพยายามโทรตามทุกคนเท่าที่จะทำได้รวมถึงครูที่โรงเรียนให้มาเจอกายเป็นครั้งสุดท้าย
'คุณลุงคะ...หนูว่ากายน่าจะอยู่กับเราได้ไม่เกินวันนี้พรุ่งนี้ ช่วยกลับมาดูใจลูกชายของตัวเองสักครั้งเถอะค่ะ'
'เจมส์...กาย...น่าจะไม่ไหวแล้วนะ'
'แม่...ฮือ...หนู...ฮือ..ว่ากายไม่น่าไหว'
'ครูคะ จำกายได้ไหม ช่วยมาดูใจกายเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมคะ'
'ฟ้า...กายไม่ไหวแล้วว่ะ ฝากบอกเพื่อนคนอื่นด้วย'
ทุกคนที่ฉันตามให้มาดูใจกายต่างมากันอย่างพร้อมเพรียง คนที่นอนอยู่ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่พูดจากับใคร แต่ละคนเดินเข้ามาแล้วก็ยิ้มทักทายกายเหมือนว่ามาเยี่ยมตามปกติ เพราะฉันขอร้องไว้ว่าถ้าจะร้องไห้อย่าพึ่งเข้ามากันนะ ขอให้ทุกคนทำเหมือนว่าแวะมาทักทายมาเยี่ยมกายก็พอ สุดท้ายพ่อของกายก็มา
"ไง ไอ้ลูกดื้อ ลุกได้แล้วมั้งนอนนานแล้วนะ" นี่คือคำทักทายของผู้เป็นพ่อที่ยังแฝงคำติดเล่นไว้ตลอด
ฉันรีบเดินไปกระซิบข้างๆ "วันนี้พ่ออย่าไปไหนนะคะ" พ่อกายทำได้แค่พยักหน้าเท่านั้น ฉันรู้ว่าคนเป็นพ่อยังไงก็ต้องเสียใจแต่ไม่เคยแสดงความรักกันดีๆ สักครั้งมันก็ยากหน่อยที่จะเผยความในใจต่อกัน
พอเพื่อนและครูกลับกันไปบางส่วน เหลือแต่คนกันเองฉันเลยเข้าไปจับมือกายเอาไว้และนั่งมองคนตรงหน้าที่ดูจะหายใจลำบากเหลือเกิน
"กาย...กาย...ใจเย็นๆ ค่อยๆ" ฉันที่เห็นคนตรงหน้าพยายามสูดลมหายใจเข้า เลยบอกให้กายสงบลงกว่านี้และค่อยๆ หายใจ
"พะ...แพรว...ยะ...อย่าร้องนะ" กายพยายามจะพูดกับฉัน
"ได้ ไม่ร้อง กาย...กลัวไหม" จะมีซักกี่ที่ได้รับความโชคดีแบบฉัน ได้ร่ำลาคนรักจนวินาทีสุดท้าย
"กะ...กู...มี...ความสุข" ฉันยิ้มให้กายและลูบหัวกายเอาไว้ ทุกความคิด ทุกลมหายใจของกาย ตลอดที่ผ่านมามีแค่ฉันคนเดียวถ้าฉันจะต้องเสียใจคงมีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว 'ฉันรู้ช้าไป'
"กาย ถ้าไม่ไหวค่อยๆ หลับตาลงนะ กูอยู่นี่แล้ว กูจะส่งมึงเข้านอนเองนะ"
คนที่อยู่ข้างหลัง ทั้งแม่ของฉัน พ่อของกาย เจมส์ และเพื่อนๆ ที่ยังไม่ยอมกลับต่างก็เริ่มส่งเสียงสะอื้นออกมา
"กะ...กู...คง...ต้องไปแล้ว" กายพยายามจะเอามือมาจับหน้าฉันไว้แต่เหมือนแรงจะไม่พอที่จะขยับแขนข้างนั้นขึ้น ฉันเลยเป็นคนยกมือข้างนั้นมาแนบไว้ที่แก้มของฉันแทน
"ถ้าการเกิดใหม่มีจริง มาเกิดเป็นลูกกูนะ" ฉันอยากให้คำขอของฉันเป็นจริงสักครั้ง ฉันยอมแลกทุกความโชคดีในชีวิตที่ฉันควรจะได้รับเพื่อให้กายได้กลับมาเกิดเป็นลูกของฉันสักครั้งฉันก็ยอม
"ถะ...ถ้า...มึงสองคน...แต่งกัน" กายหันไปมองเจมส์ "กูจะ...กลับมา"
"มึงนิ...ยังจะพูดติดตลกอีก" กายส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ
"กู...ไม่...อยาก...ระ..รอ...นาน" กายยังพยายามจะพูดต่อ "มึง...ต้อง...จำ...กู...ให้ได้นะ"
ฉันรีบพยักหน้ารับ "คนดีของกู ถ้ามันมีอยู่จริงมาเกิดเป็นลูกของกูนะ มึงจะเป็นแก้วตาดวงใจของกู กูจะรักมึงยิ่งกว่าชีวิตของกู มึงจะไม่มีท่างอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบในชาตินี้ ต่อจากนี้กูจะใช้ชีวิตให้ดีเพื่อรอมึงกลับมานะ"
กายหลับตาไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความสุข
"นอนเถิดนะ คนดีของกู กูจะส่งมึงเข้านอนเอง" ฉันจุ๊บหน้าผากของกายพร้อมลูบหัวกายแบบที่กายเคยชอบ
สิ้นเสียงของฉันมือของกายที่ฉันนำมาแนบไว้ที่หน้าก็ทิ้งน้ำหนักลงที่ข้างเตียง น้ำตาที่เคยเก็บมันเอาไว้ตลอด ก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย ทุกคนในที่นี้อยู่ในภวังค์เดียวกัน ทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดและเสียงสะอื้น
15 ปีผ่านไป
"คนนี้ใครครับ" เด็กผู้ชายวัย 3 ขวบที่กำลังช่างพูดช่างเจรจากำลังถามแม่ของตนด้วยความสงสัย
"อืม..." ฉันทำท่าครุ่นคิด จะตอบเจ้าหนูจำไมคนนี้ว่ายังไงดีนะ
"รักแรกของแม่เขาลูก" คนเป็นพ่อพูดแทรกขึ้นมา
ฉันยิ้มให้กับคำตอบของคนตรงหน้า "ยอมรับได้ด้วยเหรอ"
"ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่"
"ก็นึกว่าอยากให้ตอบลูกแบบอื่น"
"โธ่เอ๊ย เห็นผมเป็นคนใจแคบไปได้" คนเป็นพ่ออุ้มลูกขึ้นมาแล้วชี้ไปที่รูปภาพตรงหน้า
"ไหนให้พ่อดูหน่อยซิ หน้าตาเหมือนคนในรูปไหม"
"นี่แน่ะ" ฉันบิดเอวคุณพ่อขี้แหย่ไปหนึ่งที "คุณนี่จะไปเหมือนกันได้ยังไงล่ะ"
"โอ๊ย... คุณนี่มันวัดนะ ทำร้ายคนได้ไง"
"ฮ่าๆๆๆ พ่อตลกจัง"
"เจ้าลูกคนนี้ เชอะ"
กายกูมาหามึงเป็นประจำเลยแถมสามปีมานี้กูพาหลานมาหามึงด้วยนะ บุญที่กูทำสะสมให้มึงป่านนี้คงส่งผลให้มึงได้ไปเกิดแล้วเนอะ ไปเกิดใหม่ได้อยู่แต่ในที่ดีๆ มีพ่อแม่ที่รักมึงใส่ใจมึง มึงไม่เห็นจะมาหากูในฝันบ้างเลย แบบนี้แสดงว่าที่ที่มึงไปต้องสวยงามและมีความสุขมากๆ แน่เลย มึงเคยบอกว่าจะกลับมาเกิดเป็นลูกของกู บางทีกูก็อยากจะเชื่อนะเพราะลูกลิงน้อยคนนี้ของกูซนเหมือนมึงเลย ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ยังไงกูก็รักเด็กคนนี้สุดหัวใจและมึงก็คือความทรงจำที่งดงามของกูเสมอ
"แม่ครับๆ ในที่สุดผมก็กลับมา ผมเก่งไหม" ลูกชายจับมือฉันแล้วเขย่าไปมา
ฉันกับเจมส์มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มเจื่อนให้กันทันที ฉันที่กำลังส่ายหัว แต่เจมส์กลับพยักหน้า
ฉันกระซิบ "มันจะจริงเหรอ"
เจมส์กระซิบ "ใช่มั้งเราก็ทำตามกติกาอยู่นะ" ฉันตีแขนคนพูดไปหนึ่งที หลังจากกายไม่อยู่สามีของฉันก็ทำตัวกวนประสาทฉันทุกวัน ฉันเลยก้มไปถามลูกชายอีกรอบ
"เมื่อกี้พูดอะไรนะลูก"
"ผมกลับมาแล้ว"
"กลับมาจากไหนลูก"
"บนนู้น" ฉันกับเจมส์มองตามมือของเด็กชายวัยสามขวบที่ชี้ขึ้นไปบนฟ้า ฉันมองหน้ากับเจมส์อีกครั้งและหัวเราะกันอย่างมีความสุข
"งั้นก็ดีสิ มาจากที่สูงด้วยนะเรา" ฉันอุ้มลูกชายของฉันมากอดไว้และหอมแก้มไปหนึ่งฟอดใหญ่
คิดถึงเสมอนะคนดีของกู ขอบคุณนะในที่สุดก็กลับมาตามสัญญา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ