แด่เธอ...สุดที่รัก
เขียนโดย littlepoint
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 21.59 น.
แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) คนที่ถูกลืม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ยังปวดหัวอยู่ไหม” เจมส์ยังคงถามฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ดีขึ้นเลย ได้ยาที่เรากินเป็นประจำเข้าไป เจมส์รู้ได้ไงว่าเราเป็นไมเกรนและต้องกินยาตัวนี้”
เจมส์ทำหน้างง เหมือนฉันกำลังพูดคนละเรื่องเดียวกัน "ยาอะไรครับ"
"เอ้าก็ยาที่วางอยู่บนโต๊ะ ข้างๆ นมกับขนมปังที่เจมส์ซื้อมาไง"
"ขนมปังกับนมใช่ของเรา แต่เราไม่ได้ซื้อยามาให้แพรวนะ เราไม่ใช่หมอ ถ้าเราซื้อยามาให้แล้วผิดจะยุ่งไปกันใหญ่นะ"
"อ่าว แล้วใครเอายามาวางบนโต๊ะ"
“กูไงครับที่รัก กูเอง มึงเลิกมโนว่าจะมีผู้ชายหล่อๆ รู้ว่ามึงป่วยเป็นโรคนู่นนี่นั่นแล้วซื้อยามาให้ได้ละ ออกจากทุ่งลาเวนเดอร์ก่อนแล้วกลับมาอยู่ในโลกความเป็นจริงก่อนมึง” กายพูดแล้วก็เดินเอามือมาจับปลายคางแล้วก็เขย่าหัวฉันให้ส่ายไปทางซ้ายที ทางขวาที
ช่วงที่นักเรียนกำลังเดินเข้าห้องเรียนหลังจากพักกลางวัน กายที่สังเกตเห็นอาการของแพรวตั้งแต่คาบเช้าเลยเอายาวางไว้บนโต๊ะโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น
"กาย อย่าทำแบบนี้แพรวพึ่งจะดีขึ้นเอง" เจมส์รีบเข้ามาห้าม
"มึงช่วยบอกกูหน่อยว่าเมื่อไหร่ไอ้บ้านี่มันจะออกจากชีวิตมึงสักที"
คนพูดยังคงเขย่าหัวฉันจนลามไปถึงดึงแก้มของฉันให้ยืดออกอย่างสนุกสนาน
"โอ๊ย~ กูเจ็บนะไอ้กาย!!!"
"โอเค โวยวายใส่กูได้แบบนี้แสดงว่าหายดีแล้ว" นี่คือวิธีการตรวจผู้ป่วยในแบบฉบับของมึงเหรอไอ้กาย
"เราว่ากายไม่ควรเล่นแรงๆ กับแพรวแบบนั้นนะยังไงแพรวก็เป็นผู้หญิง"
กายขมวดคิ้วแล้วหันไปมองทางต้นเสียง สลับกับมองหน้าฉันพร้อมยักไหล่เป็นเชิงถามว่า มันมายุ่งอะไรด้วยวะ?
"เฮ้อ... นี่ กูจะบอกอะไรให้นะ ไอ้เจมส์ กู...กับ...แพรว...เป็นแบบนี้กันมาเป็น 10 ปีละ มึงพึ่งรู้จักกูกับแพรว อย่าแส่ดีกว่า"
"กาย มึงก็พูดจากับเจมส์เขาดีๆ หน่อย"
"โห เดี๋ยวนี้มึงเข้าข้างมันมากกว่ากูแล้วหรอวะ"
"พอเลยมึง โดนทำโทษกันอยู่ เขาสั่งให้ทำอะไรรีบไปทำเลย เจมส์ด้วยรีบทำกันจะได้กลับบ้าน"
ณ โรงยิมอันกว้างใหญ่สำหรับคน 2 คนที่จะต้องทำความสะอาด ส่วนฉันที่อาการปวดหัวดีขึ้นแล้ว ต้องตามมาด้วยเพราะไอ้กายมันบอกว่าถ้าไม่อยู่กับมัน มันโดดแน่ ฉันเลยต้องมาเฝ้าให้มันยอมทำความสะอาดแต่โดยดี ไม่งั้นเจมส์คนเดียวทั้งโรงยิมคงได้เสร็จพรุ่งนี้ จริงๆ ฉันก็ตั้งใจจะช่วยทั้งสองคนทำจะได้เสร็จเร็วๆ แต่โดนเจมส์ห้ามไว้ซะก่อน "แพรวนั่งรอตรงนี้เลย ห้ามลุกมาช่วยเด็ดขาดนะ" ฉันเลยนั่งดูทั้งคู่ทำความสะอาดโรงยิมแล้วภาพที่เห็นก็คือเด็ก 3 ขวบไม่เกินนี้ 2 คน กำลังเอาไม้กวาด กับไม้ม็อบ ตีกันอยู่
“ตรงนี้กูกวาดไปแล้ว มึงมาถูเลย”
“ยัง เมื่อกี้กายกวาดตรงนู้น เราก็ไปถูตรงนู้นไง ตรงนี้กายยังไม่ได้กวาดจะถูได้ไง”
ตรงนี้กับตรงนู้น ได้ยินแค่นี้จริงๆ หัวจะปวด แล้วสุดท้ายเจมส์ก็เลิกสุภาพกับกายเช่นกัน
“กูกวาดแล้ว กวาดตอนมึงหันหลังเมื่อกี้ แพรว มึงเห็นปะ ว่ากูกวาดแล้ว”
“กูไม่เห็น มึงกวาดใหม่เลย” ได้แกล้งไอ้กายไปบ้าง สนุกจริงๆ
“แพรว…มึงเห็นเจมส์ดีกว่ากูแล้วเหรอ กูไม่ยอมนะ” ไม่ใช่เด็ก 3 ขวบละ อาการนี้เต็มที่ได้แค่ 2 ขวบครึ่งเท่านั้น
แต่สุดท้ายก็ยอมกวาดแต่โดยดี จนเวลาล่วงเลยถึง 1 ทุ่ม ทุกคนก็ทำความสะอาดกันจนเสร็จ แล้วก็มานอนหงายท้องอยู่ตรงหน้าฉันแบบหมดแรง แสงที่ส่องมายังใบหน้าของเจมส์ทำให้ฉันเห็นรอยช้ำที่โดยกายต่อย
“เจมส์ เราดูหน้านายหน่อย”
เจมส์หันหน้ามาให้ดูแบบว่าง่าย
“ไอ้กาย ทำคนอื่นเจ็บยังไม่คิดจะขอโทษอีกนะ”
“มึงเห็นหน้ากูไหม เนี่ยๆ มันก็พอกันแหละ แถมคนเริ่มก่อนก็มัน ไม่ใช่กู”
“เออๆ พอกัน ทั้งคู่แหละ เดี๋ยวทำแผลให้”
ฉันผู้ที่พกอุปกรณ์ทำแผลไว้ตลอดเพราะฉันเองก็ซุ่มซ่ามกายเองก็จอมหาเรื่องพวกเราเลยมีแผลกันบ่อยครั้ง ได้ลงมือทำแผลให้กายกับเจมส์อย่างคล่องแคล่ว และไล่ให้ 2 คนนี้แยกย้ายกลับบ้าน
“มึง หายปวดหัวแล้วปะ”
“ดีจนคิดว่าหายนะ”
“ไปบ้านกูนะ”
“ทำไมวันนี้อยากให้ไปบ้างมึงจังวะ นี่มันหนึ่งทุ่มแล้วกลับบ้านก่อนไหม”
"วันนี้ที่บ้านกูไม่มีใครอยู่เลยนะ"
"ที่บ้านไม่มีใครอยู่ แล้วมึงจะให้กูไปบ้านมึง มึง...นี่มึงคิดจะ..."
"โอ๊ยพอเลยมึง มองข้างหน้าไม่ต่างจากมองข้างหลังแบบนี้ กูไม่มีอารมณ์ทางเพศหรอกสบายใจได้"
"หน็อยแน่... มึง" ว่าแล้วก็ตั้งท่าเขกหัวให้ 1 ที แต่อีกฝ่ายคว้ามือเอาไว้ทัน “วันนี้วันเกิดกู” เสียงพูดที่แหบพร่า กึ่งกระซิบบ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนพูดรู้สึกทั้งเศร้าและผิดหวัง แววตาของคนพูดก็เศร้าไม่น้อย "ปกติวันเกิดของกู พ่อแม่กูไม่เคยอยู่บ้านอยู่แล้ว กูก็ไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับมึงที่เคยอยู่กับกูในวันเกิดทุกปี ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จะบอกว่าวันนี้กูไม่รู้สึกอะไรเลยคงไม่ได้ว่ะ สงสัยปีนี้กูคงถูกทุกคนลืมของจริง" กายมองจ้องมาที่ฉันแล้วยิ้มบางๆ บ่งบอกชัดเจนว่าเศร้าขนาดไหนจนร่างกายของคนฟังสะท้านไปทั้งตัว ฉันลืมสนิท ลืมสนิทจริงๆ ฉันไม่มีข้อแก้ตัวอะไรเลย ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
“กู รู้ว่ามึงลืม กูเข้าใจเข้าใจมึงทุกอย่างเลย แต่กูก็อยากอยู่กับมึง ในวันสำคัญของกู กูก็เลย… อ้างว่าแม่กูทำกับข้าวไว้ให้ เผื่อมึงจะเห็นแก่แม่กูและยอมไปกับกู” คนพูดยังอธิบายไม่หยุด นัยตามีน้ำใสๆ ที่หล่อเลี้ยงอยู่ บ่งบอกถึงความพยายามอดกลั้นไม่ให้มันไหลออกมาให้คนตรงหน้าเห็น
สถานการณ์ตรงหน้าสร้างความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกให้กับเจมส์เช่นกัน เลือกที่จะอยู่ต่อ หรือเลือกที่จะกลับดี
“มึง...กูขอโทษ”
“ไม่เป็นไร กูโอเค แค่ได้พูดออกไปก็โอเคละ งั้นวันนี้กูไปล่ะ” ฉันรีบไปคว้าแขนกายเอาไว้ “เฮ้ย กาย เราไปฉลองกันเถอะ ตอนนี้แหละ ไปกัน 3 คนเลย”
กายเหล่มองไปที่เจมส์ สลับมามองฉันแล้วเอามือชี้ไปที่เจมส์สลับกับชี้ตัวเอง เพื่อยืนยันกับฉันว่า ต้องไปกับไอ้หมอนี่ด้วยงั้นเหรอ
“ว่าไงเจมส์ ว่างไหม ไปด้วยกัน”
“ถ้าอีกฝ่ายยอมนะ” เจมส์ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ยอมสิ ต้องยอมอยู่แล้ว”
“นี่กูไง กูเอง และนี่วันเกิดกูมึงต้องถามกูสิ นี่มึงเล่นพูดเองเออเองหมดเลย” กายเริ่มปรับอารมณ์กลับมาเป็นปกติหลังจากที่โดนฉันกวนประสาทใส่ ฉันรู้ดีว่านิสัยของกาย ถ้าจะโดนรักก็ต้องเป็นที่หนึ่ง ต้องถูกรักคนเดียว ฉันเลยแหย่กายโดยบอกให้เอาเจมส์ไปด้วย เพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้กายคิดแต่เรื่องเศร้าในวันเกิด ให้โมโหยังจะดีกว่านั่งเศร้า แต่ลึกๆ ฉันก็อยากให้ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันจริงๆ นะ เพราะเจมส์ก็ดูเป็นคนดีน่าคบหา
“มึงควรหามิตรไว้บ้าง และกูว่าเจมส์ก็ไม่เลวนะที่จะเป็นมิตรที่ดีของมึง”
“นี่สาบานว่ามึงเอาตาดู มันพึ่งต่อยกูไปเองนะ เสียดายอุตส่าห์เรียนเก่ง แต่ดูคนผิดไม่ออก”
“เออๆ เอาน่า ไปกินข้าว หิวจะตายอยู่แล้ว”
เรื่องราวทั้งหมดก็มาจบลงที่ บาบีก้อน ร้านโปรดของฉัน ร้านเกลียดของไอ้กาย
“เอ้าๆ อร่อยไหมมึง แหม่ เลือกร้านซะกูดูไม่ออกเลยว่าเลือกให้ใคร”
“กูเลือกให้มึงเลยนะ”
“มึงพากูมานั่งแดรก กะหล่ำฝอย กับน้ำจิ้มเนี่ยนะ”
“นี่ไงเซตของมึง กูไม่กินกูกินแค่นี้พอแล้ว”
“มึงจะบ้าหรือไง งก ไม่เข้าเรื่อง พี่เอาเซตเต็มเตาหมูมา 2 เซต”
“กาย แพงไปกูไม่มีจ่ายหรอก”
“วันเกิดกู กูเลี้ยงได้ ไอ้เจมส์ มึงก็.. กินๆ ไปไม่ต้องคิดมาก”
“กายมึงก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย”
“เออ มึงก็เห็นกูน่ารักเฉพาะเวลานี้แหละ”
“เดี๋ยวเราออกกับกายคนละครึ่ง”
“หารสามเลย” ฉันเสนอ ยังไงก็ไม่อยากเอาเปรียบ อีกอย่างของขวัญก็ไม่มี เลือกก็เลือกร้านที่ฉันอยากกินแล้ว
“พอๆ กินกันไปนั่นแหละ แค่วันเกิดมีคนกินข้าวกับกูบ้าง ก็ดีละ”
ฉันไม่แกล้งแซวอะไรทั้งนั้นเพราะสีหน้าของกายตอนนี้เข้าโหมดจริงจัง แสดงว่ามันรู้สึกจริงๆ ฉันรู้ดีว่าวันเกิดของมันตลอด 10 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีวันเกิดที่มีพ่อแม่ มาร่วมอวยพร วันเกิดคือวันที่พ่อแม่ส่งของขวัญให้ แล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน ในแต่ละปีจะมีแค่ฉันที่อวยพรวันเกิดให้มัน แต่ช่วงนี้ ฉันเองก็ยุ่งกับภาระประธานนักเรียนแถมวันนี้ก็มาป่วย รู้สึกผิดไม่น้อยเลยที่ทำให้เจ้าตัวเสียใจในวันเกิด
“เดี๋ยวกูไปห้องน้ำแป๊บนะ พวกมึงกินกันก่อนเลย” พูดแล้วกายก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ฉันจะทำยังไงให้กายรู้สึกดีขึ้นได้บ้างนะ กายกลัวที่สุดคือการถูกลืม แล้ววันนี้ฉันก็ลืมมันซะได้ เฮ้อ... แพรว อีโง่เอ๊ย
“เอ้อ... เจมส์ เรามาทำเค้กวันเกิดให้กายกัน แล้ววันนี้เราก็มาเป็นเพื่อนสนิทกันนะ”
เจมส์ทำหน้าสงสัยใส่ฉัน
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย เอาข้าวมาเร็วๆ อัดใสชามแน่นๆ แบบนั้นเลย”
เจมส์ทำตามอย่างว่าง่าย
“เราทำเค้กเบคอนให้เจมส์ดีกว่า”
“แต่เราบอกพนักงานได้นะว่าวันนี้จะฉลองวันเกิด”
“จริงด้วย" ฉันชูมือเรียกพนักงานให้เดินมาหา "พี่คะ ถ้าเพื่อนหนูเกิดวันนี้ มีเค้กให้ไหมคะ”
“ต้องเป็นสมาชิก และสั่งชุดเบิร์ดเดย์เฮฮา ราคา 555 บาทเท่านั้นค่ะ สนใจสมัครสมาชิกไปด้วยเลยไหมคะ” เฮือก... นั่นสาบานว่าราคาไม่ใช่เสียงหัวเราะเยาะของพนักงานนะ เบิร์ดเดย์เฮฮา ราคาไม่ฮาเฮเลย เอาเค้กเบคอนไปนี่แหละไอ้กาย
“อ้อ... งั้นยังไม่รับค่ะพี่ ขอบคุณนะคะ”
"เราสมัครให้แพรวเอาไว้ใช้ไหมถ้าแพรวชอบกินร้านนี้ จะได้เอาบัตรไปใช้เป็นส่วนลดวันอื่นด้วย"
"ไม่ๆ ไม่เด็ดขาดแพงไป อีกอย่างกินบ่อยก็จนตายพอดี " เจมส์เรารีบย่างเบคอนกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน"
ฉันจัดแจงเอาเบคอนที่ย่างแล้วมาวางเรียงบนข้าวอย่างสวยงาม
“สวยนะเนี่ย” เจมส์ยังต้องเอ่ยปากชมเมื่อเห็นฝีมืองานประดิษฐ์ของฉัน
“แค่นี้ก็ได้เค้ก เบคอนแล้ว แถมอร่อยด้วย”
“ถึงวันเกิดเราต้องทำให้บ้างนะ”
"ได้เลย ทำให้วันนี้เลยก็ได้นะ ฮ่าๆ"
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวเจ้าของวันเกิดเขาจะไม่พอใจเอา”
“เอาอะไรแทนเทียนดีล่ะ” ฉันผู้หมกมุ่นกับการสร้างเค้กเบคอนมากกว่าสิ่งอื่นใดในตอนนี้
“อืม…หลอด ฮ่าๆ หลอดแล้วกัน” เจมส์เสนอ แนวคิดดี แบบกายมันต้องกวนประสาทหน่อย ถึงจะเข้ากัน
“ฮ่าๆ ดีๆ ต้องกวนๆ หน่อยสำหรับวันเกิดมัน”
“มาแล้วๆ นิ่งๆ ไว้” เจมส์จับให้ฉันนั่งนิ่งๆ แล้วเอาเค้กเบคอนที่ทำหลบไว้ข้างๆ
“ไปนานเชียวนะมึง”
“เออ ละนี่อะไร ไปตั้งนานของยังกินกันไม่ถึงไหนเลยเหรอ”
ฉันกับเจมส์หันมองหน้ากันพร้อมร้องเพลง แฮปปี้เบิร์ดเดย์
~แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู กาย แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู กาย แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู กาย ~
ฉันร้องเพลงพร้อมเอาเค้กเบคอนที่ทำสดๆ ร้อนๆ แบบคนสิ้นคิด เมื่อกี้ออกมา กายยืนอึ้งไปสักพัก มองค้อนมาที่ฉันและทำหน้าเบื่อโลกใส่ แต่ก็ไม่วายเล่นเป่าเทียนไปกับฉันทั้งที่มันก็เป็นแค่หลอด ถึงวันนี้ฉันจะลืมวันเกิดกาย แต่หลังจากที่เราทำเค้กเบคอนกันแล้วเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ เจมส์กับกายก็เริ่มคุยกันมากขึ้น กายก็ยังคงกวนประสาทเจมส์ ส่วนเจมส์ก็สามารถรับมือได้อย่างใจเย็น มีเสียงหัวเราะมาจากทั้งฉันและกาย ทุกอย่างเพอร์เฟคไปหมด ฉันมีความสุขที่สุดเลยที่เห็นกายยอมรับเพื่อนใหม่บ้าง ถ้าชีวิตเราหยุดไว้แค่วันนี้ก็คงจะดี
ภายใต้รอยยิ้มในตอนนั้นแพรวไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจริงๆ แล้วหัวใจของคนตรงหน้ากำลังเหน็บหนาวและบอบช้ำ จริงๆ แล้วกายไม่ได้เดินไปห้องน้ำแค่เพียงเดินหลบไปให้พ้นสายตาของแพรว แล้วไปหลบมุมเพื่อดูแพรวกับเจมส์คุยกันอย่างสนุกสนาน ภาพที่เห็นมันก็เป็นแบบที่ควรจะเป็นมันก็ถูกแล้ว เพียงแต่มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนกายตั้งตัวไม่ทัน เจมส์ที่พึ่งเข้าเรียนมาไม่นานแต่แสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการคบกับแพรวแบบไหน กายเองก็เคยเรียกเจมส์ไปถามแบบส่วนตัว เจ้าตัวก็ยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่าคิดอย่างไรกับแพรว กายรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถดูแลแพรวได้อีกต่อไป ตอนนี้แพรวเองก็โตเป็นสาวที่สวยและเก่ง ถ้าแพรวจะได้เจอผู้ชายที่ดีพร้อมจริงๆ มันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไปปิดกั้นแพรว ใจของกายมันยากที่จะยอมรับความเจ็บปวดนี้ก็จริง แต่เขาก็ต้องฝืนทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไรเพื่อให้แพรว ผู้หญิงที่กายมั่นใจว่ารักมากที่สุดได้อยู่อย่างมีความสุขหลังจากที่กายจากไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ