นาฬิกาทราย

8.0

เขียนโดย Canopus

วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19.52 น.

  5 ตอน
  8 วิจารณ์
  10.14K อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) เพียงเธอ..

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


            หากนี่คือฝัน ผมคงไม่อยากสะดุ้งตื่น

           เพราะเบื้องหน้าสะท้อนในดวงตาคือเธอคนนั้น หญิงสาวที่ผมเจอในตอนเย็นยืนถือร่มสีขาว และของพะรุงพะรังชวนเห็นใจ

 

          ผมคาดเดาว่าเธอคงหาที่หลบฝนเช่นเดียวกันทำไมเธอไม่เข้ามาเล่า ผมภาวนาให้เธอเดินเข้ามา ใจผมเต้นตึกตัก ตึกตัก มันรุนแรงขึ้นประหนึ่งมีใครใส่ระเบิดไว้ภายในอก พร้อมระเบิดทุกเมื่อที่เฉียดชิดใกล้ เธอจะรู้ไหมนะว่ามีคนแอบมองเธออยู่ แล้วเธอจะรังเกียจไหมหากจะยืนมองเธอเช่นนี้จนฝนหยุดตก

 

          แต่ตอนนี้ผมอ้อนวอนให้สายน้ำจากฟากฟ้าไหลสู่ลงมาเนิ่นนานที่สุด จากเวลานี้เป็นต้นไป ผมมีคนให้คิดถึงเสียแล้ว ผมพูดคนเดียวพลางอมยิ้ม เหมือนมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เป็นพลังบางอย่างที่ลอยอวลอยู่ ผลักดันจนมีความต้องการสุดเสน่ห์หา คนที่ผมกำลังลอบมองวงหน้าอันเพลิศแพล้ว

 

          ลมหายใจแผ่วผ่านครั้นผมของเธอถูกสายลมสัมผัส เส้นแสงสีขาวบนเวิ้งฟ้ากระพริบแปล๊บ ดูน่าพรั่นพรึง เธอสะดุ้งด้วยความกลัว เสียงร้องคำรามประหนึ่งโกรธเคืองเดือดพล่าน ทำเอาเธอต้องยกมือขึ้นป้องใบหู

        

          ขาของผมก้าวออกไปตามแรงปรารถนา ยืนนิ่งงันพลันมองเธอ

 

         ประกายเรืองในดวงตาแสดงความห่วงใยสุดซึ้ง เธอหันมาสบตาชั่วครู่หนึ่ง ผมคว้ามืออันบอบบางพาเธอเดินเข้าไปเพื่อหลบฝนในป้อมตำรวจ ร่างกายนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ผมทำตัวไม่ถูก น้อยนักที่จะได้มีโอกาสอยู่กับหญิงสาวกึ่งเพียงลำพัง

 

         ความเงียบที่เธอสร้างไว้ทำให้ผมตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง หวังเพียงเล็กน้อยว่าคงเรียกความสนใจได้มากกว่าทัศนียภาพรอบนอก มีบทเพลงหนึ่งซึ่งกำลังดังกึกก้องอยู่ในหัวของผม คิดว่าคงดีมิใช่น้อย หากจะเริ่มบรรเลงบทเพลงนั้นท่ามกลางอ้อมกอดของสายฝน

         

         กระเป๋าหนังสีดำถูกเปิดออก ผมจัดแจงคล้องกีตาร์ตัวโปรดไว้ที่ต้นคอ เริ่มบรรเลงเพลงอย่างช้าๆ

            “มอง มองเธอมาแสนนาน ฉันไม่กล้า ต้องคอยหลบตาเธอเสมอ กลัวสักวันหนึ่งถ้าเธอ รู้ว่าฉัน ฮืมมม …. ปิดบังความจริงอะไรเอาไว้ ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร จะอดใจไม่ไหว

 

            ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ เมื่อสบสายตา ก็ยิ่งหวั่นไหว มันยากเหลือเกินจะเก็บ ซ่อนความลับเอาไว้ และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ …”

 

            เป็นเพลงที่ทำให้เธอยิ้มได้ ปรบมือตาม และจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าผมเนิ่นนาน เธอเริ่มคุยกับผมโดยถามว่าเพลงที่เล่นเมื่อสักครู่ใครเป็นผู้ร้อง ผมบอกไปว่า โจ้วงพอส ผมตอบสั้นๆทั้งยังบอกอีกว่าความหมายดีเลยชอบนำมาเล่นบ่อยครั้ง เธอพยักหน้าประกอบการฟังคำเล่า จากนั้นเราสองคนก็เพลินใจกับเสียงเพลง ร้องกันเสียงดังอย่างมีสุข มันเหมือนกับว่าใจของผมถูกปลดปล่อยออกจากพันธนาการ  ที่ยึดติดไว้กับเรื่องราวในอดีตแสนบอบช้ำ ผมดีใจเป็นอย่างยิ่งที่มีเธออยู่ร่วมร้องเพลงที่ผมเป็นผู้ดีดกีตาร์

 

            ทอดสายตาออกไปยังม่านสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย ความโรแมนติกแผ่ปกคลุมผมและเธอให้อุ่นเสียยิ่งกว่าผ้าห่มที่ซุกกายก่อนหลับตานอน ผมกำลังคิดถึงดอกไม้ดอกหนึ่งเพื่อนำมามอบให้เธอ เผื่อไว้เก็บความทรงจำระลึกไม่รู้ลืม ทว่าฝนตกหนักปานนี้จะหาที่ไหนเล่า อย่างอื่นได้ไหมที่แสดงความจริงใจให้เธอเชื่อถือได้ในตัวบุคคลนี้

 

            เธอยกข้อมือขึ้นเพื่อดูนาฬิกา สีหน้ากังวล มุ่นคิ้ว แลดูไม่สู้ดีนัก จะจบลงแค่นี้นะหรือ ผมยังไม่อยากห่างไกลจากเธอ ได้โปรดเถิด อยู่ต่ออีกสักพักจะได้ไหม ผมร่ำร้องอ้อนวอนเธอภายใต้สีหน้าเรียบเฉยราวไร้ความรู้สึก

 

           “ขอบคุณนะค่ะ ที่ทำให้วันนี้รู้สึกดีจัง แพรวไม่ค่อยได้สนุกแบบนี้เท่าไหร่นัก ทุกวันแพรวต้องเจอแต่เรื่องที่เครียด ทั้งเรื่องเรียน และก็เรื่อง ….” เธอชะงักบทสนทนา พลันมองเงาสะท้อนพื้นน้ำระยิบระยับ เหมือนเธอมีความทุกข์ที่ฝังลึกอยู่ในรากของจิตใจ คงอึดอัดมิใช่น้อยเลย ครั้นสังเกตจากแววตาที่แฝงความกังวลไว้มากมายไ

 

          “ผมใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เล่นดนตรีอยู่ในโลกแห่งความฝันที่ทั้งเหงาและโดดเดี่ยวของตนเอง เดินไปที่ใดสักที่หนึ่งไร้อย่างจุดมุ่งหมาย ไม่ใช่เพราะไม่มีจุดยืน เพียงแต่ผมต้องการแสวงหาประสบการณ์ ไขว่คว้าความสุขที่กระจัดกระจายอยู่รอบชีวิต ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร คนเราทุกคนจึงต้องมีความว่างเปล่าบรรจุภายในความรู้สึก บางครั้งหายใจเข้าไปก็รู้สึกหวิวๆเหมือนมีอากาศไม่คุ้นชินลอยอยู่ หายใจออกก็รู้สึกเจ็บแปล็บอยู่ลึกๆ ทรมานเหมือนกันนะครับ เพราะแบบนี้ละมั้ง มนุษย์จึงต้องมีใครสักคนหนึ่งเพื่อสมานบาดแผลของแต่ละคนให้เล็กลง ทดแทนสิ่งที่โหยหาโดยเติมมันลงไป โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเรียกร้อง”

 

           ฝนเริ่มตกลงมาเป็นละอองบางเบา สู่บนหลังคาเสียงดังเปาะแปะๆ พลันอากาศเย็นชื้น

 

           ผมเพียงคิดว่า การให้อีกฝ่ายได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเราลึกซึ้ง เป็นการเริ่มต้นทำความรู้จักให้สนิทมากยิ่งขึ้น

 

          ผมรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าผมจำเป็นต้องปล่อยมือเธอ ทั้งที่ใจของผมถูกเวทมนตร์จากเธอคว้าความรักไปจากอกเสียแล้ว เมื่อเธอหันหลังแล้วเดินจากไป คงเหลือแต่เพียงกลิ่นกาย และรอยยิ้มของเธอที่จะตรึงห้วงอารมณ์สุดเสน่ห์หาให้อยู่ในพื้นที่ตรงนั้นอย่างไร้ทางออก

 

          “ผมชื่อโฟรคนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักแพรวอย่างบังเอิญ” ผมพูดกลั้วหัวเราะ ก็มันจริงนี่ ผมพบเธอโดยบังเอิญเสียตั้งหลายครั้ง ผมไม่ลืมที่จะแนะนำตัวก่อนที่เธอจะไป

 

          “แต่ก่อนที่เราจะต้องแยกกัน ผมมีอะไรจะให้คุณก่อนไป”

        

          ครั้นสิ้นสุดเส้นเสียงราบเรียบเงียบไป มวลอารมณ์ผลักดันพลุ่งพล่านเร่งเร้ายากต้านทานไหว ให้แสดงออกไปตามแรงปรารถนา ผมตื่นเต้นจนกระทั่งเสียงหัวใจนั้นดังโครมคราม สลับกับความหวิวซ่านไปทั่วอณูร่างกาย ผมเดินเข้าประชิดตัวเธอ สามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนรุ่มรวยระริน ดวงตาสีดำของเธอปรากฏภาพใบหน้าของชายหนุ่ม ขาทั้งสองข้างแทบยึดร่างไว้ไม่ไหวดั่งต้นไม้ถูกสายลมปลิดรากยึดลำต้นล้มโค่นลง

 

          “แพรว” ผมกระซิบที่ข้างหูของเธอ “ได้โปรดรับสิ่งนี้ไว้ด้วยครับ” เธอมองตามมือของผมที่กุมหมับไว้กลางอกข้างซ้าย

  

         “สิ่งนี้มีค่าสำหรับผมมาก ผมเกิดมาบนโลกใบนี้อย่างอ้างว้าง มีเพียงเสียงนกในตอนเช้าที่คอยปลุกผม เพื่อให้รู้ว่าวันนี้ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมเก็บตัวอยู่ในโลกส่วนตัวที่ผมสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง เพราะผมมีความเชื่อที่ว่า โลกแห่งความฝันนั้นงดงามเสมอ

 

         ผมไม่อาจมองดูดอกไม้ได้อย่างสวยงาม คิดไว้เพียงถึงคราวผลิบานแล้วก็ร่วงโรยตามกาลเวลา จนกระทั่งมีหยดน้ำได้สร้างความชุ่มชื่นให้กับชีวิตที่เหือดแห้ง บัดนี้มันกำลังโลดแล่นอยู่ในกายของผม ครั้งที่คุณก้าวผ่านชีวิตชายคนหนึ่ง เมื่อผมพบคุณที่ใต้ต้นลีลาวดี ผมรู้สึกได้ถึงความถี่ของหัวใจที่เต้นก้องกังวานไปถ้วนทั่ว

 

         ผมจะไม่ร้องขอให้คุณมารู้สึกเช่นเดียวกับผม แต่ผมแค่เพียงอยากสารภาพสิ่งที่ผมรู้สึก เพื่อจะได้ไม่เป็นการทรยศต่อใจของผมเอง ผมอยากมอบสิ่งนี้ให้กับคุณ เพราะตอนนี้มันไม่ใช่ของผมอีกต่อไป คุณเป็นเจ้าของแทนผม ได้โปรดรับไว้ด้วยครับ”  มือที่กุมอยู่ที่อกข้างซ้ายค่อยๆเลื่อนลงเพื่อรอการตอบรับ เธอสบตาผมดั่งเจ้าหญิงผู้งดงามกำลังยืนมองชายหนุ่มที่มาสารภาพรัก 

 

        “ยื่นมือมาสิครับ”

  

       เธอรับความรักจากหัวใจผมไปแล้วตอนนี้ เธอกุมมันไว้ในมือ แม้จะดูเป็นเพียงอากาศธาตุ ทว่ามีค่ามากเหลือล้นหากหวนนึกถึงความทรงจำอันมีค่าช่วงเวลานี้          

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา