นาฬิกาทราย

8.0

เขียนโดย Canopus

วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19.52 น.

  5 ตอน
  8 วิจารณ์
  10.14K อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

5) นาฬิกาทราย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

          3ปีผ่านไป….

 

          ผมสำเร็จการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.90 ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจต่อครอบครัวผมเป็นอย่างยิ่ง นึกย้อนไปแต่ก่อน ผมเป็นคนที่ไม่เอาไหน เที่ยวเตร็ดเตร่ กินเหล้า ไร้จุดยืนในชีวิต คิดเสมอว่าด้อยค่า ไม่มีใครต้องการในโลกใบนี้ หายใจเข้าออกในพื้นที่อันคับแคบ แสงสว่างนั้นหมดโอกาสจะเล็ดลอดผ่านชีวิตที่มืดหม่น จวบจนกระทั่งมีหญิงสาวปรากฏกายขึ้นใต้ต้นลีลาวดี มีประกายความงดงามสะกดใจยากขัดขืนละวาง บ่อยครั้งที่พบเจอกันนั้น กลายเป็นความสนิทแนบแน่น เกิดเป็นความรักบริสุทธิ์ ที่ผมสามารถสละได้ทั้งชีวิตของตนเอง

 

          ภาพเบื้องหน้ากระจก ผมเห็นตนเองแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คสีดำดูเรียบร้อย เตรียมออกเดินทางไปพบหญิงสาวอันเป็นที่รัก ทั้งตื่นเต้นระคนดีใจ ผมไม่ได้บอกเธอมาก่อนว่าผมจะขอเธอแต่งงาน ความลับนั้นถูกปกปิดไว้ในห้องความคิดที่อยู่ลึกสุด แม้แต่ครอบครัวผมก็มิอาจล่วงรู้ ผมตัดสินใจกดโทรศัพท์ไปหาเธอด้วยมือไม้สั่น

 

“แพรวครับโฟล์คเองนะ วันนี้ว่างพอจะไปที่ใดสักที่หนึ่งกับโฟล์คได้ไหม”

 

“โฟล์คเองหรอ ดีใจด้วยนะคะ ได้เกียรตินิยมอันดับ2 โฟล์คจะพาแพรวไปฉลองละสิเนี่ย ถึงนัดแพรวไปวันนี้”

 

“ผมอยากให้แพรวไปให้ได้น่ะ เป็นสถานที่ที่วิเศษมากเลยละ แพรวต้องชอบอย่างแน่นอนเชียว”

 

“ตกลงคะ แพรวจะรอดู ว่าจะทำให้แพรวประทับใจแค่ไหนกัน ไว้เจอกันที่หน้าปากซอยบ้านแพรวนะคะ”

 

“ครับ แล้วเดี๋ยวผมจะรีบไปรับ”

 

          ครั้นพอสิ้นเสียงปลายสาย ผมเดินไปหยิบแหวนหมั้นสองเราในขวดโหลทราย ที่ผมเลือกขวดโหลทรายเป็นที่เก็บแหวน เนื่องจากแพรวนั้นนุ่มนวล พลิ้วไหว ดุจทรายขาวแสนอบอุ่น ผมเช็ดกล่องแหวนให้สะอาดเช่นเดิมพลันใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วออกเดินทาง

 

          รถจอดลงที่นัดหมาย มองเห็นแพรวแต่งกายด้วยชุดแซกสีแดง เกล้ามวยผมขึ้นไปเผยให้เห็นใบหน้าต้องแสงแดงชัดเจน ริมฝีปากอิ่มเอิบชมพูระเรื่อ เธอปรายยิ้มให้ผมก่อนก้าวขาขึ้นรถด้วยกริยานุ่มนวลเช่นเคย

 

          บรรยากาศระหว่างเดินทางเต็มไปด้วยมวลอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน รู้สึกตื่นเต้นที่จะขอให้เธอเข้ามามีส่วนร่วมด้วยกันในเส้นทางชีวิต เธอจะว่าอย่างไรนะ เธอคงจะดีใจจนต้องสวมกอดผมจนหมดเรี่ยวแรงเป็นแน่แท้

 

          ระยะเวลาเดินทางนั้นประมาณสามชั่วโมง เหลียวมองขึ้นฟ้าพระอาทิตย์อัสดงคล้อยลงจากขอบฟ้า สวยงามจับใจ ถึงที่หมาย เปิดประตูให้เธอลงจากรถ พลันจับแขนประคองเธอให้ยืนบนพื้นอย่างปลอดภัย

 

          เวิ้งฟ้านั้นกว้างใหญ่จนมิอาจล่วงรู้ได้ว่าจะสิ้นสุดที่ตรงใด เธอทอดสายตามองรอบข้างด้วยสีหน้ายลแย้ม สายลมโชยอ้อยอิ่งคลอเคลียรอบคอเธอ ผมก้าวขาเพื่อยืนระนาบเดียวกัน หันหน้าปรายตามอง กลิ่นทะเลอบอวลอยู่ตามลมหายใจเข้าออก แสงแดดอาบไล้ใบหน้าเธอเหลืองนวลกระจ่าง จดจ้องดวงตาที่มิเคยสร่างความงามนั้นครู่หนึ่ง หัวใจเต้นกระวนกระวาย ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก เรียกร้องเป็นชื่อเธอ ทำเอาดวงใจอ่อนไหว ผมเตรียมคำพูดไว้พร้อมแล้ว ที่จะเอื้อนเอ่ยคำรำพัน

 

          ผมเคลื่อนกายยืนเบื้องหน้าเธอ บดบังดวงตะวันไว้ด้านแผ่นหลัง เลื่อนมือทั้งสองกุมสัมผัสเธออย่างนุ่มนวล ประสานสายตาแห่งความจริงใจ ประกายเรืองรองวาววับ ระยิบระยับ

 

          เธอยืนนิ่งงัน หายใจรวยระริน อุ่นอวลปลายจมูก ผมค่อยๆเลื่อนกายลง คุกเข่าบนพื้นทรายดั่งเจ้าชายวิงวอนขอหัวใจหญิงสาว โน้มใบหน้าลงจุมพิตบนฝ่ามืออย่างบางเบา แนบเนื้อขาวนวล พลันละริมฝีปากออก ปล่อยลมหายใจอุ่นอ่อนคลอเคลีย เลือดในกายสูบฉีดขึ้นใบหน้าร้อนผ่าว สบสายตาหญิงผู้เป็นที่รักใต้แผ่นฟ้า

 

          “แพรวครับ ผมไม่อาจยั้งความรู้สึกที่ท่วมท้นเวลาคิดถึงแพรวได้  ผมจะออกมาจากบ้านแล้วมองดวงดาวที่สวยงามที่สุด สว่างนวลที่สุด เพราะมันสามารถทดแทนหญิงที่ผมรักได้ หากแต่ใบหน้าของแพรวนั้นงดงามเสียยิ่งกว่าดวงดาวบนฟากฟ้า รได้โปรดเถิด รับฟังชายผู้นี้บอกสิ่งที่ปรารถนามาเนิ่นนาน ยาวนานจนลมหายใจนั้นติดขัดเหลือเกิน แพรวครับ แต่งงานกับผมเถอะ ผมจะดูแลแพรวให้ดียิ่งกว่าดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างแก่ผู้คน ผมสัญญาว่าจะเป็นคนรักที่ดีตลอดไป” ครั้นผมพูดจบ เธอกุมมือแล้วนิ่งงัน เอื้อนเอ่ยถ้อยคำต่อไปนี้

 

          “โฟล์ค แพรวไม่อาจรับความหวังดีที่โฟล์คมีให้แก่แพรวได้ แพรวรู้เสมอว่าโฟล์คทำทุกอย่างเพื่อแพรวอย่างจริงใจ ความดีงามนั้นฝังในใจตรึงในอารมณ์เสมอมา เราทั้งสองต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน โฟล์คทำใจให้เย็นลง แล้วได้โปรดฟังแพรวเถิด แพรวประทับใจในตัวโฟล์คทุกอย่าง แต่เรามิอาจรักกันได้ตลอดไป ขอบคุณสำหรับการกระทำที่ใส่ใจ โฟล์คสามารถเจอคนที่ดีกว่าแพรวได้ในอนาคต อย่าปิดกั้นตัวเองเลยน่ะคนดี ” เธอลูบหัวผมพลันน้ำตาไหลรดรินเป็นสาย ผมก้มหน้าปล่อยให้หยดน้ำซึมสู่พื้นทรายประหนึ่งใจแหลกสลายเป็นเสี่ยง บัดนี้ผมรู้สึกไร้ซึ่งตัวตน หมดสิ้นทุกอย่าง ปราศจากเรี่ยวแรงจะหายใจอยู่ต่อ แพรวบอกกับผมว่าครอบครัวเธอบังคับให้แต่งงานกับลูกชายเจ้าของบริษัทสินค้าส่งออก ผมฟังทั้งที่เจ็บปวดกล้ำกลืน ผมต้องปล่อยเธอไปอยู่กับคนที่เธอไม่ได้รัก ฐานะผมไม่รวย ไม่มีหน้ามีตาในสังคม ผมบอกกับแพรวไว้ว่า เธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ครอบครองหัวใจของผม แม้กายเธอจะต้องอยู่กับชายอื่นผมก็ยินยอมแต่โดยดี เพราะผมรักเธอที่ภายในความรู้สึก ปรารถนาจะเก็บเธอไว้ส่วนลึกความทรงจำ เธอที่รัก ผมรักคุณและจะรักตลอดไป

 

          ผมกอดเธอครั้งสุดท้ายอยู่เนิ่นนาน นานจนจดจำกลิ่นกายได้อย่างฝังใจ

         

          ความละเอียดที่ดูพลิ้วไหว ประหนึ่งสะกดสายตาให้จับจ้องเฝ้ามองอย่างสนใจ ดั่งมนตราผลักดันให้ยืนดูคลื่นทะเลซัดผ่านเข้าฝั่ง กระทั่งหายลับสายตา เม็ดทรายที่ถูกสายน้ำนำพาละจากจุดเดิมสวยงามคล้ายกับนาฬิกาทรายที่ถืออยู่          

         

          หากแต่มันถูกควบคุมด้วยแรงปรารถนาของผู้ครอบครอง ให้ไหลวนเวียนกลับไปยังครั้งก่อนหน้าได้ตามความรู้สึก นุ่มนวล และอ่อนโยนยิ่งนัก

 

          นาฬิกาทรายเป็นสิ่งที่ผมสามารถกำหนดเวลากลับไปยังอดีตได้ทุกเมื่อ ครั้นทรายเคลื่อนไหวเส้นสายภายในบรรจุ ผมกลับพบใบหน้าหญิงสาวอันเป็นที่รัก ยิ้มร่าเริงท่ามกลางสายฝน ปรบมือให้กับชายหนุ่มนักดนตรีคนหนึ่งอย่างมีความสุข

 

          คนทั่วไปพบเห็นมักสงสัยในมือผมถือนาฬิกาทรายด้วยใจที่เหม่อลอย หารู้ไม่ว่าข้างในนั้นอิ่มเอิบเหมือนน้ำผึ้งชโลมรดดวงใจ วาบหวามมิเสื่อมคลายแม้กายโหยหาถึงเธอ….

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา