สิ่งที่หายไป

7.3

เขียนโดย princesssugar

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 17.07 น.

  1 ตอน
  2 วิจารณ์
  4,987 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556 17.14 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

  ณ พิพิธภัณท์ความเป็นไทย

“และนี้ก็คือลวดลายปูนปั้นพันธุ์พฤกษาที่ผสมไปด้วย ลายกนกและลายก้านขด ซึ่งทุกคนสังเกตเห็นมั้ยคะว่าสิ่งที่แตกต่างจากปัจจุบันเนี่ยคือ สมัยทวารวดีลายไทยยังคงไม่ละเอียดอ่อนมากนัก จะเป็นลานทื่อๆใหญ่ๆ แต่ในปัจจุบันอ่อนช้อยและอันเล็กๆ มีลายที่เยอะและปราณีตมากกว่า ส่วนลายก้านขดมีลักษณะเป็นคดๆกลมๆ”วิทยากรหญิงบรรยายเรื่องสุดท้ายเสร็จเสียงของอาจารย์ก็พูดขึ้นต่อ

 “นักศึกษาทุกคนจะเห็นว่าทั้งหมดนี้ บรรพบุรุษของเราได้เก็บรักษา เพื่อสืบทอดให้ลูกหลานอย่างเราทุกคนได้รู้ ได้เชยชมกับความงามของสิ่งต่างๆนี้นะครับ ขอให้ทุกคนจดรายละเอียดด้วยเดี๋ยวเราค่อยไปสรุปงานกัน ตอนนี้เชิญแยกย้ายดูมุมต่างๆเลยครับ” เสียงของอาจารย์ผู้คุมวิชาดังขึ้นเป็นระยะๆ ถึงแม้พวกเราจะโตกันแล้วก็ยังต้องมีคนคุมอยู่ดีสินะ สวัสดีค่ะฉันชื่อมาร์กี้ ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ฉันเพิ่งขึ้นปี1ได้หมาดๆนี้เองละ

“ไง มาร์กี้เลือกมุมได้หรือยังละ” คนที่ทักฉันเมื่อครู่ชื่อว่าลูกหมี เราเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยมปลาย เธอหน้าตาน่ารัก ออกจะหมวย ซ่อนเปรี้ยว ครอบครัวของฉันและเธอ ทำธุรกิจแนวร่วมเดียวกัน แต่เราเพิ่งรู้จักกันตอนม.4 หลังจากที่ฉันเพิ่งย้ายโรงเรียน เราสนิทกันอย่างรวดเร็วและอะไรหลายๆอย่างทำให้ฉันและลูกหมี ชอบในสิ่งที่เหมือนกัน เราเลยอยู่คณะเดียวกันละ! 

           มุมที่เราต้องหาที่อาจารย์พูดและรวมถึงมุมที่มาร์กี้ถามฉัน มันคนละอย่างกันนะ! นอกจากเราเป็นนักศึกษาแล้วนั้น อาชีพเสริมของเราอีกอย่างก็คือ นักสืบ ฟังดูแปลกใช่มั้ย ไม่หรอก ฉันกับลูกหมีตกลงกันตั้งแต่ม.6ว่าเมื่อไหร่ที่เราสอบติด เราจะแอบเป็นนักสืบเยาวชนด้วยกัน ซึ่งนั้นมันก็ทำให้ฉันและเธอสนุกมาก และไม่เลย นอกจากจะไม่มีงานเข้ามาแล้ว มันทำให้เราสองคนได้รู้อีกว่าเราต้องหัดอะไรอีกเยอะ

“ปรี๊ดดๆๆ” เสียงนกหวีดพร้อมกับร่างของยามผู้หนึ่งวิ่งผ่านฉันกับลูกหมีไป... เราทั้งสองหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย

“มาร์กี้ เธอว่ามันจะมีเหตุอะไรหรือเปล่า” ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบคำถามใดๆจากลูกหมี เราก็ถูกตำรวจมากมายล้อมรอบไว้ นักศึกษาคนอื่นดูแตกตื่นกันพอสมควร ถ้าเป็นน้องๆเด็กๆ คงร้องไห้หาแม่กันแล้ว บรรยากาศในตอนนี้ดูวุ่นวายมาก ทางเข้าพิพิธภัณท์ถูกปิดด้วยตำรวจมากกว่า 10 นาย ทางออกเองก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น   ลูกหมีหันมาบอกกับฉันว่า

“เธอไม่ต้องตอบแล้วมั้ง..... ถ้าทางฉันจะเดาได้แล้วแหละ” ฉันยิ้มแหยๆให้ลูกหมี ปนขอโทษที่ตอบไม่ทัน คำถามเกิดขึ้นในหัวฉันมากมาย ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ทันที่ฉันจะต้องถามเองเออเองและหาคำตอบให้ตัวเอง อาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามาพูดกับพวกเรา

“นักศึกษาทุกคนคงจะรับรู้ถึงความผิดปกติของสภาพตอนนี้นะครับ เกิดเหตุร้ายขึ้นนิดหน่อย ทุกคน รวมถึงครูก็คงต้องติดอยู่ที่นี้ จนกว่าเขาจะหาตัวคนร้ายได้”

“ฮือฮา ฮือฮา”ทุกคนดูหน้าตื่นยิ่งกว่าเดิม พวกผู้หญิงที่อยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่อุทานออกมาอย่างตกใจ พวกผู้ชายหันไปหยอกล้อกับเพื่อนตัวเองอย่างสนุกสนาน ว่ามึงทำหรือกูทำ แต่ฉันกับลูกหมีดูจะไม่เป็นแบบนั้น

“หมีฉันว่ามันไม่ธรรมดาแล้วละ” ฉันหันไปบอกกับลูกหมี ซึ่งเธอก็คงอึ้งไม่แพ้ฉัน

“ฉันก็ว่างั้นแหละ เลือดนักสืบพลุ่งพล่านสิแล้วเรา”ลูกหมีพูดทีเล่นทีจริง แต่ฉันว่ามันเป็นไอเดียที่เก๋กู๊ดมากเลยละ

“หมี เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า บางทีนี้อาจจะเป็นคดีแรกของพวกเรานะ!” ฉันปลุกพลังในตัวเพื่อนสนิท ลูกหมีหันมามองหน้าฉันแบบอึ้งๆ เหมือนจะถามว่า เธอเป็นบ้าเหรอ... ฉันรู้ว่านี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่ฉันก็ไม่ได้อยากเล่นนะ คนร้ายที่ครูว่า คือคนร้ายแบบไหนกัน เป็นคดีอะไร และทำไมพวกเราถึงต้องติดอยู่ที่นี้

“หมีฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ!” พูดจบฉันก็จับมือลูกหมี วิ่งออกมาจากตรงกลุ่มนักศึกษาคนอื่นๆ เพื่อที่จะคุยกันได้สดวกมากขึ้นอาจารย์กับตำรวจนั่งอยู่อีกทางหนึ่งของกลุ่มนักศึกษา ดูท่าอาจารย์กำลังให้ปากคำกับตำรวจ

“เราจะทำอะไรต่อไป”หมีหันมาถามฉันด้วยความสงสัย หึๆ ทีนี้ละฉันจะได้ทำสิ่งที่ฉันอยากทำมานาน หมีคงรู้แล้วแหละว่าฉันอยากจะทำคดีนี้จริงๆ แม้ฉันจะไม่ใช้นักสืบที่เก่งและก็ไม่ได้รับอณุญาติให้หาตัวคนร้ายเลยด้วยซ้ำ แต่ยังไงเราสองคนก็เคยเรียนวิธีการสืบคดี หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาเบื้องต้นแล้ว ขาดก็แต่ความชำนาญและด้วยความที่เราก็เพิ่งจะอายุ19เท่านั้น คงไม่มีใครให้โอกาสพวกเรา เพราะงั้นก็ต้องหางานให้ตัวเองใช่มั้ยละ!

                ฉันกับหมีปลอมตัวเป็นพวกแม่บ้านทำความสะอาด ถือน้ำเข้าไปให้พวกตำรวจ พร้อมกับแอบฟังเผื่อจะได้รับข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง

“เห้อ...เพิ่งจะเกิดคดีที่นี้ได้ไม่นานก็มีอีกแล้ว ฉันละเบื่อจริงๆ”ตำรวจคนหนึ่งพูดพร้อมกับกระดกน้ำในแก้วเข้าปาก

“เหอะ มึงก็อย่าพูดมากเลยหน่า เดี๋ยวสารวัตรเขาก็จัดการหาคนปิดปากเองแหละ ไม่จำเป็นต้องบ่นหรอก” ตำรวจคนที่สองพูดพร้อมกับกระดกน้ำเข้าปาก ยังไม่ทันที่จะได้ความอะไรมากกว่านี้ ลูกหมีก็หันมาสะกิดฉัน (ตอนนี้เราแอบอยู่หลังต้นไม้ปลอมต้นใหญ่ๆ)

“มาร์กี้ เราอัดเสียงไว้ดีมั้ย เท่าที่ฟังแล้วสองคนนี้น่าจะมีส่วนรู้เห็นอะไรบ้างแหละ” ลูกหมีเสนอ

“อืม ก็ดีเหมือนกันนะ เอามือถือเธออกมาสิ” ลูกหมีพยักหน้าพร้อมกับควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง

“มาร์ฉันว่าฉันลืมไว้ที่ไหนสักแห่งน่ะ” ลูกหมี

“แล้วจะทำไงเนี่ย ฉันก็ไม่ได้เอามาด้วยสิ”

“เอ้ะ พวกเธอสองคนมาทำอะไรกันตรงนี้” โอปอล หนึ่งในแก๊ง สวยใสเต้ยชิดซ้าย ญาญ่าชิดขวา หันมามองฉันและหมีด้วยแววตาน่าสงสัย

“แล้วเธอละมาทำอะไรตรงนี้” ฉันย้อน

“แหม เดี๋ยวนี้มีย้อนนะจ้ะ ยัยม้าขี้ (มาจาก มาร์กี้ มาร์ขี้ และม้าขี้ในที่สุด)”

“ฉัยไม่ได้ชื่อม้าขี้ และก็ไม่ได้ย้อนด้วยก็แค่ถาม”

“แต่ฉันถามเธอก่อนนะ!” โอปอลเริ่มฉุนหนัก

“หยุดๆ อาจารย์เดินมานู้นแล้ว” ลูกหมีนางฟ้าตลอดกาล (แต่งโดยฉันเอง) หันมาห้ามเราสองคน เมื่อสังเกตเห็นอาจารย์ที่เดินมาทางนู้น

“อ้าวนักศึกษามาทำอะไรที่นี้ครับ ครูบอกให้พวกคุณอยู่ในบริเวณนั้นอย่าออกไปไหน ระวังจะถูกอยู่ในผู้ต้องสงสัยนะ แค่นี้เราก็อยู่ในขั้นถูกสอบถามแล้ว”

“อาจารย์พอจะบอกได้มั้ยคะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”ลูกหมี ซึ่งมีสติมากที่สุดในตอนนี้ถามอาจารย์

“อืมโอเค ถึงขั้นนี้แล้วพวกคุณก็ไม่ใช่เด็กๆ อย่านำไปบอกใคร หรือทำให้นักศึกษาคนอื่นแตกตื่นโดยเด็ดขาด ตอนนี้ลวดลายปูนปั้นพันธุ์พฤกษาหายไป”

“ห้ะ/ห้ะ/ห้ะ”พวกเราทั้งสามคนอุทานออกมาพร้อมกัน!

“เอาละๆ ครูรู้ว่าพวกคุณตกใจ เดี๋ยวอีกไม่เกิน 30 นาที เขาจะปล่อยตัวพวกเราออกไปละ ไม่ต้องห่วง พวกเธอไม่ได้ออกทีวีหรอก ฮ่าๆ” เอ่อ ครูคะ เห็นหน้าหนูก่อนมั้ย คงอยากออกทีวีหรือลงข่าวหน้า 1 มากสินะ!

ฉัน ลูกหมีและโอปอล ทำใจเดินออกมาจากบริเวณนั้นหลังจากที่ครูสังให้กลับไปนั่งเงียบๆที่เดิม แต่ความรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง มันทำให้ฉันรู้สึกว่า คดีนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ คงไม่ใช่แค่พวกโจรทั่วไปที่อยากจะขโมยเอาไปขายเพื่อได้เงิน ถ้าโจรธรรมดา คงไม่สามารถเข้าออกได้ในเวลาแบบนี้ และสถานที่แบบนี้หรอก ฉันว่ามันต้องเกี่ยวอะไรกับที่ตำรวจสองคนนั้นพูดแน่ๆ  สงสัยจริงๆว่าทำไมของมีค่ามากมาย โอ่งเก่า จานเก่า ก็มีทำไมถึงเลือกเป็นปูนปั้นนัก

“มาร์กี้ คิดอะไรอยู่เหรอ” ลูกหมีหันมาถามฉัน เมื่อเห็นว่าฉันเงียบมาตั้งนานแล้ว

“ก็ไม่รู้สิ แค่คิดว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น มันคงไม่ได้เป็นแค่คดีธรรมดา”

          หลังจากนั้น ที่ทางตำรวจปล่อยตัวนักศึกษาทุกคนออกมาแล้วพวกเราก็กลับไปสรุปงานที่มหาลัยและแยกย้ายกันกลับ ฉันกับลุกหมีตกลงว่าจะกลับไปที่พิพิธภัณท์เลย  แต่แล้วเมื่อไปถึง หมีซึ่งกำลังจะปืนเข้าประตูพิพิธภัณท์ก็ตกลงมาด้วยความตกใจ เพราะอยู่ดีๆ พื้นก็สั่นสะเทือนอย่างแรง ท้องฟ้าเหมือนมีแสงสว่างวาบขึ้นแล้วเราก็เหมือนถูกดูดเข้าไป ฉันกับหมีกอดกันนิ่ง พร้อมหลับตา ลืมตาอีกทีเราก็พบว่าที่พิพิธภัณท์เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว ตึกสูงใหญ่กับกลายเป็นแม่น้ำลำคลอง ตู้กระจกต่างๆหายไปเป็นบ้านเรือน มีเรือแจวพัดผ่านไปมา เสียงผู้คนสนธนากันอย่างคลื้นเครง  ฉันกับลูกหมีมองหน้ากันอย่างงงๆ เราเดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางสายตาชาวบ้านที่มองมา บ้างก็ไม่เป็นมิตร บ้างก็ยิ้มให้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ออกจะงงๆว่าพวกเราเป็นคนบ้า หรือตัวประหลาดอะไรกัน เราเดินจนไปหยุดอยู่ที่แห่งหนึ่ง มีเหล่าคนมากมายที่กำลังสร้างสิ่งบางอย่างอยู่ และแล้วสายตาของฉันก็สะดุดกับปูนปั้นอันหนึ่ง มีรูปร่างคล้ายกับลวดลายปูนปั้นพันธุ์พฤกษามาก ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ

“มีอะไรรึ” คุณลุงหันมาถาม ภายในมือถืออุปกรณ์เหมือนกำลังจะแกะสลักออะไรบางอย่าง

“เอ่อขอโทษนะคะ กำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ แล้ว สิ่งนี้มันคืออะไร”ฉันชี้ไปทางปูนปั้นอันหนึ่ง

“อ๋อ นี้นะรึ นี้น่ะคือสิ่งที่ล้ำค่ามากๆเลยนะ ผู้คนมากมายต้องยอมรับในความสวยแบบลึกลับของมันเชียวละ สิ่งนี้น่ะเรียกว่าปูนปั้นลายพันธุ์พฤกษา ประกอบไปด้วยลายกระหนก เป็นลายพื้นฐานเชียวละ เจ้าเป็นใครมาจากไหนรึ แต่งตัวก็แปลก พูดจาก็แปลกประหลาดน่ะ เอาเถอะ ข้าคือจิตรกรของวัง นำปูนปั้นมาสลัก ส่วนลายเนี่ยก็สืบทอดกันมาอีกที ปูนปั้นน่ะ มันมีค่าทางจิตใจ กว่าเราจะถ่ายทอดออกมาได้ลายที่สมบูรณ์แบบ กว่าเราจะทำมันเสร็จ การแกะสลักลวดลายบนปูนไม่ใช่เรื่องง่ายๆหรอกนะ ถึงแม้จะไม่ได้ราคาสูงนักแต่กว่าข้าจะทำได้ ข้าก็ต้องใช้จิตใจของข้า ใช้ฝีมือ ใช้ความอดทน มีหลายขั้นตอนนักกว่าจะทำสำเร็จ”คุณช่างในวังตอบ

“อ้อขอบคุณนะคะ” ลูกหมีขอบคุณคุณช่างในวัง

“หมีฉันเข้าใจแล้วละ ว่าทำไมโจรถึงอยากได้ปูนปั้นมากนัก ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีค่าทางเงินเลย”ฉันบอกลูกหมี

“ฉันก็ว่าฉันก็เข้าใจแล้วแหละ”

“ว่าแต่เราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย...ไม่ใช่หลงยุคอะไรแบบนั้นหรอกนะ”

“ฉันว่านะ เราอยู่ที่” ยังไม่ทันที่ลูกหมีจะตอบ ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือนเหมือนก่อนหน้าที่เราจะมาที่นี้ แสงสว่างวาบขึ้น ท้องฟ้าสว่างจ้า ทันใดนั้นพวกเราก็เหมือนถูกดูด ฉันกับหมีจับมือกันแน่น

                 เหมือนเวลาผ่านไปหลายร้อยปี เรากลับมาได้อีกครั้ง ตอนนี้เรายืนอยู่หน้าพิพิธภัณท์ดังเดิม นี้ฉันฝันไปหรือเปล่าเนี่ย! ไหนลองหยิกแก้มสิ โอ๊ะ เจ็บนี่หว่า ฉันหันซ้ายหันขวาเพื่อหาลูกหมี หายไปไหนเนี่ย

“มาร์ ฉันอยู่ที่พื้น” เสียงลูกหมีดังเล็ดลอดออกมานิดๆ อ้าวทำไมไปอยู่นั้นละ

“อ้อ ฉันลืมไปก่อนที่เราจะไปที่นั้นเธอตกกำแพงสินะ ฮ่ะๆ” ฉันขำเพื่อนตัวเอง

“เอ้ะ มาร์ดูนั้นสิ!” ฉันหันไปตามที่ลูกหมีชี้แล้วก็พบว่า เป็นสารวัตรกับลูกน้องที่กำลังขนย้ายลวดลายปูนปั้นพันธุ์พฤกษา เป็นสารวัตรนั้นจริงๆด้วย! ฉันไม่ยอมหรอกนะ ลูกหลานชาวไทยควรจะได้รู้สิ่งดีงามของสมัยก่อนสิ

“หมี คราวนี้ฉันไม่ลืมโทรศัพท์แหละ” ฉันยิ้มอย่างเจ้าเลห์ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายทั้งรูปและวิดีโอ

“สารวัตรเสร็จแน่เลยเนอะ มาร์” ลูกหมีหันมายิ้มๆ

“เย้ ในที่สุดเราก็ได้ทำสิ่งที่ชอบแล้ว” ฉันกับหมีกอดกันด้วยความดีใจที่เราทำสำเร็จ ในที่สุดคดีแรกของเราก็จบลงด้วยดี วันรุ่งขึ้นฉันกนำคลิปพร้อมรูปไปให้ตำรวจดูพร้อมกับส่งรูปถ่ายและคลิปให้สำนักพิมพ์ บ่ายวันนั้น รูปของนายสารวัตรก็ขึ้นหน้าหนึ่งทันที ฉันกับหมีได้เรียนรู้อะไรมากมาย แม้จะเป็นแค่คดีเล็กๆไม่ใหญ่มากนักมันก็ทำให้เรารู้ว่าบรรพบุรุษของเราเจ๋งเหลือเกิน

คดีนี้สอนให้ฉันรู้ถึงประโยคที่ว่า ‘รู้หน้าไม่รู้ใจ’ ในสารวัตรที่ซึ่งเป็นตำรวจแท้ๆ กลับขโมยของชาติตัวเองได้ ก็เหมือนกับปูนปั้นพันธุ์พฤกษา แม้จะดูทื่อๆ ไม่ค่อยเด่น แต่คนที่ทำออกมาก็ทำด้วยจิตใจเหมือนกัน! ฉันเริ่มรักลายปูนปั้นชักอยากทำซะแล้วสิ....

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา