บันไดชีวิต.....(ภาคต่อจาก ถนนชีวิต)

6.0

เขียนโดย Nim_URO

วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.56 น.

  1 ตอน
  3 วิจารณ์
  3,820 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556 16.00 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) ก้าวสู่บันไดชีวิตที่แสนช้ำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ปี พ.ศ 2527

     ปีนี้ผมอายุ 22ปี ผมได้เลือกเดิน บนเส้นทางชีวิตใหม่

ผมก้าวเข้าสู่เมืองใหญ่ ที่ไกลบ้าน ผมพบเจออะไรหลายอย่าง

มากมาย... ทั้งความรัก และความช้ำใจ

     

     'ผมก้าวเข้าสู่ กรุงเทพมหานคร ด้วยจิตใจที่คิดว่า

ผมต้องนำเงินกลับไปให้ พ่อแม่ท่านให้ได้  ผมได้เข้ามาทำงานเป็นบ๋อย

ที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง ผมได้รับเงินเดือน 600 บาท ไม่นับรวมกับค่าทริบที่ได้จากแขก

ช่วงแรกผมพอใจในเงินเดือนของผม ผมทำมันได้สักพัก ผมคิดว่า มันคงไม่พอกับ

การใช้สอยของครอบครัวและตัวผมเป็นแน่ 

     ผมเริ่มหา งานใหม่ที่ดีกว่า ผมได้เจองานที่ผมรัก คือ การร้องเพลง

ผมไปสมัครเป็นนักร้อง แต่สิ่งที่พบเจอคือ คำปฏิเสธของ เจ้าของร้านทุกคน

ผมเดินออกมาจากร้านคาเฟ่สุดท้าย พร้อมสายฝนที่โปรยปรายลงมา

พร้อมหยาดน้ำตา แห่งความท้อ และความคิดถึง

ความรู้สึกทุกอย่างเหมือนประดีประดังเข้ามา

ผมคิดถึงอาหารฝีมือแม่ คิดถึงคำสั่งสอนของพ่อ คิดถึงเสียงหัวเราะของน้องๆ

ขณะนั้นผม คิดแล้วว่า ผมจะ....ฆ่าตัวตาย

ผมเดินขึ้นไปบนสะพานลอย แล้วคิดถึงหน้าพ่อ หน้าแม่และน้องๆ บอกว่า

     "ผมลาก่อน ผมทำได้เพียงเท่านี้!" พร้อมสายน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาไม่หยุด

จนกระทั่ง 'โครม!!!!!' ผมหยุดสะดุ้ง แล้วก้มลงมอง สิ่งที่เกิดขึ้น 

มีรถสิบหกล้อ เสียหลักพุ่งชนกับรถ จักรยานยนต์ เสียงกรีดร้องนั้น ทำให้ผมมีสติ

นึกถึงคำที่ พระอาจารย์ที่ได้อบรมผม เมื่อยังเด็กนั้นว่า

     'หนึ่งเอ้ย! การฆ่าตัวตายนั้น เป็นบาปอันใหญ่หลวง พ่อแม่ เสียเลือด เสียเนื้อ

ให้เราเกิดขึ้นมาได้ การฆ่าตัวตายเหมือนการ อกตัญญูต่อพ่อแม่ ฉะนั้นเจ้าอย่าทำแบบนั้น

เป็นเด็ดขาด เข้าใจไหม หนึ่งเอ้ย!'

     ผมเลิกคิดทันที และเดินกลับบ้านด้วยใจที่มีพลังขึ้นมาอีกครั้ง 

และพูดกับตนเองว่า   "พรุ่งนี้เราจะไปหางานใหม่ให้ได้"

     เช้าวันต่อมา เป็นเหมือนปาฏิหารย์ หรืออะไรสักอย่าง ผมได้มาร้องเพลง

ที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง ผมร้องเพลงคืนแรกก็มีเสี่ย แล้วก็ซ้อ มาให้รางวัลมากมาย

คืนนั้นผมได้เงิน เกือบหมื่นเลยครับ ผมดีใจมาก ผมร้องเพลงมาเรื่อยๆ

      จนวันหนึ่ง ผมกำลังเดินออกจากห้องเช่า เล็กๆของผม กำลังฮัมเพลงมาอย่างสะบาย

ใจ ผมได้เจอกับ........นางฟ้า ต้องเรียกว่านางฟ้าเลยครับ เธอสวยมากๆ น่ารักกว่าผู้หญิง

ทุกคนที่เคยพบเจอ ผมหยุดยืนอึ้ง เธอเดินผ่านผมไป พร้อมเสียงหัวเราะเล็กๆ

ผมมองตามเธอไปจนสุดสายตา เธอชั่งสวยเหลือเกิน ผมแอบฝันถึงเธอทุกวัน 

     และวันหนึ่ง ที่ผมกำลังจะออกจากคาเฟ่ ตอนประมาณ 5 ทุ่ม กว่าๆ มีเสียงผู้หญิง

ร้องขอให้ช่วย "ช่วยด้วยๆๆๆๆ" ผมหันไปเห็นสาวน้อย คนที่ผมแอบฝันถึงเธออยู่ทุกวัน

กำลังวิ่งตามโจรวิ่งลาว ที่ถือกระเป๋าใบน้อยที่ผมคาดว่ามันน่าจะเป็น ของสาวน้อยคนนั้น

ผมคว้า แขนของโจรนั้นเอาไว้ จนสาวน้อยวิ่งตามมาทัน ผมรีบแย่งกระเป๋าจากโจรคนนั้น

และโจรคนนั้นก็วิงหนีหายไปทันที ผมยื่นกระเป๋าคืนให้เธอ

     "ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ ฉันชื่อ เดือนนะค่ะ" เธอพูดพร้อมเสียงฮอบ

     'ไม่เป็นไรครับคือ.....' ผมอึ้งจนพูดไม่ออก ได้แต่ส่งยิ้มให้เธอท่าเดียว

     "ฉันขอบคุณมากๆ เธอทำงานอยู่ที่นี้ใช่ไหม งั้นวันหลังเดี๋ยวฉันเลี้ยงเธอเอง

     วันนี้ ฉันไปล่ะ บ๊ายบาย" เธอส่งยิ้มหวานให้ผม แล้วเธอก็เดินกลับบ้านไป

     คืนนั้นผม ไม่นอนได้นอนเลย ลืมเรื่องทุกอย่าง เห็นแต่หน้า สาวน้อยที่ชื่อเดือนคนนั้น

หลังจากวันนั้น ผมได้เจอเธออีกหลายครั้ง นับวัน เราก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้นๆๆ

จนวันหนึ่งเราก็ได้เป็น.......แฟนกัน

      ความรักของเราไม่ได้หวานมากมายนัก แต่ผมก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเธอ เธอเป็นคน

น่ารักอยู่ง่าย กินอะไรก็ได้ถึงแม้ ฐานะครอบครัวของเธอไม่ได้ยากจน แต่เธอยังกินส้มตำได้

กินข้าวกับไข่เจียวที่ผมทำได้ เราครบกันเป็นเวลา 7 ปี ผมรักเธอ และผมก็รู้ว่าเธอก็รักผม

แต่ความรักของเราก็จบลงเมื่อ เธออายุ 23 ปี พ่อและแม่ของเธอ ได้หาหนุ่มหล่อลูกครึ่ง

ที่เรียนจบจากเมืองนอก น่าตาดี ฐานะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ผมมั่นใจว่าเขาต้องได้

แต่งงานกับเดือนในเร็ววันแน่ๆ ผมหันกลับมาดูตัวเอง ทั้งฐานะยากจน หน้าตาก็ไม่ได้ดีมาก

นัก ไปได้จบจากเมืองนอก และการที่ผมต้องแต่งงาน เหมือนครอบครัวโดนแย่งความรัก

จากผมไป เพราะผมเป็นพี่คนโต เป็นลูกผู้ชาย ที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว ผมจึงปล่อยเธอไป

ให้เจอกลับชีวิตที่ดีกว่ามาจมปลักอยู่กับผู้ชายที่ไม่มีวันที่จะขอเธอแต่งงาน

      คืนวันก่อนถึงวันที่เธอแต่งงาน ผมนั่งร้องไห้ ร้องหนักมาก ผมเสียใจมากที่เธอจากผม

ไป ความรักตลอด 7ปีเหมือนไม่มีความหมาย แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะปล่อยเธอไป

และคำที่อยู่ในหัวผมคือ "ผมรักเดือน ความรักของผมกับเดือนจะสิ้งสุดลงเมื่อ ดินกลบหน้า

เท่านั้น คือเราไม่หายใจแล้ว"

 

     "ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง ที่อ่านเรื่องราวของผมมาถึงตอนนี้ 

ผมขอขอบคุณ พ่อแม่ และน้องๆ และ เดือน ที่ทำให้ผมได้พบเจอกับ

ประสบการณ์ มากมาย

ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่าน สุดท้ายนี้ ขอฝากไว้ว่า

      เรื่องราวของเส้นทางชีวิตยังยาวไกล ขอให้ทุกท่านสู้ และก้าวผ่าน

อุปสรรคมากมายไปให้ได้ แล้วคุณจะพบจุดสุดท้าย ที่มีความสุขที่สุดครับ"

 

คำคมสำหรับตอนนี้

"ความรักคือการให้ ให้เขาไปพบกับสิ่งที่ดีกว่านั้นคือความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา