หนึ่งวันก่อนฉันตาย

-

เขียนโดย Worry

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.30 น.

  1 ตอนเดียวจบ
  1 วิจารณ์
  3,152 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557 00.36 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) หนึ่งวันก่อนฉันตาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

หนึ่งวันก่อนฉันตาย

 

 

ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการงัวเงีย พลางชะโงกหน้ามองนาฬิกาปลุก ซึ่งบอกเวลาเจ็ดนาฬิกา มือเรียวบางของฉันเอื้อมไปกดสวิทต์หยุดไม่ให้นาฬิกาส่งเสียง ก่อนจะพลิกผ้านวมหนานุ่มสีขาวออกไป ฉันมองร่างกายตัวเองที่เหลือเพียงชุดชั้นใน สองชิ้นสายตาไล่ไปยังร่างเปลือยเปล่าของแฟนหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่อีกข้างหนึ่งของเตียงนอน ช่วงเอวลงไปมีผ้าห่มคลุมเอาไว้ ฉันปีนขึ้นไปบนเตียงอีกครั้งก่อนจะก้มลงหอมแก้มแฟนด้วยความรัก และเดินลงจากเตียงอีกครั้งหนึ่ง

 

 

ขณะที่กำลังแปรงฟันหน้ากระจก ฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนกดเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ มันเป็นเสียงเหมือนสัญญาณเตือนอะไรซักอย่างดังขึ้นเบาๆ ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวินาที แต่ฉันก็ไม่ใส่ใจอะไรมากเพราะคิดว่าแฟนคงเปิดแล็ปท็อปของเขาเล่นตามเรื่องราว

 

 

ฉันชื่อ จินตนา ชื่อเล่น จินนี่ ตอนนี้อายุ 26 ปี ทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ชีวิตก็ไม่มีอะไรมากกว่าคนทั่วไป เกิดมา ตั้งใจเรียน หางานทำ คาดหวังว่าจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงวางแผนระยะยาวอยู่ วันนี้ฉันวางแผนจะไปช็อปปิ้งกับเพื่อนในขณะที่แฟนของฉัน ก็มีนัดกับเพื่อนเช่นกัน น่าแปลกที่เราต่างก็แทบไม่รู้จักเพื่อนของอีกฝ่ายเลย แต่ก็รู้สึกไว้ใจกันได้จนบัดนี้

 

 

ฉันเดินออกจากห้องน้ำใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาว กระดุมก็ติดบ้างไม่ติดบ้าง ใครสนล่ะนี่บ้านฉันนี่นา ไม่มีแขกมา ไม่มีใครเห็น จะแต่งตัวยังไงก็สิทธิ์ของฉันแหละนะ ฉันเดินมาชงกาแฟพร้อมปิ้งขนมปังแผ่น เตรียมอาหารเช้าแบบง่ายๆ เพราะฉันทำอาหารไม่เก่ง ก็คิดอยู่ว่าอาจจะต้องไปเรียนเพิ่ม แต่ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ขนาดนั้น

 

 

ขณะกำลังคิดว่าจะทำไข่ลวกด้วยดีหรือไม่ จู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนตอนที่อยู่ในห้องน้ำอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ เสียงมันยาวนานกว่าครั้งแรก เป็นอีกครั้งที่ฉันหันมองที่มาของเสียง แต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงที่ได้ยินมาจากไหน ทำให้ฉันไม่ใส่ใจมันอีก

 

 

แต่ดูเหมือนผลจะตรงกันข้าม เสียงที่ฉันได้ยินดังขึ้นทุกๆชั่วโมง และความต่อเนื่องก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน ตั้งแต่ตอนกินข้าวเช้า ออกจากบ้านมา หรือกำลังเดินช็อปปิ้งอยู่ เสียงนั้นก็ดังขึ้นและฉันได้ยินชัดเจนเสมอ ต่อให้ไม่รู้ว่าต้นตอของเสียงนั้นคืออะไร และมันมาจากไหน พอฉันถามเพื่อนว่าได้ยินเหมือนที่ฉันได้ยินหรือไม่ พวกเธอก็ทำเพียงส่ายหน้าและแนะนำให้ฉันกลับไปพักผ่อนเมื่อกลับถึงบ้าน

 

 

ตอนนี้หลังจากเดินกลับเข้ามาในบ้านตัวเองฉันแทบจะกลายเป็นบ้า เพราะเสียงนั้นดังร่วมสิบนาทีเมื่อต้นชั่วโมงที่ผ่านมา มันเหมือนเสียงเตือนอะไรซักอย่าง แต่มันคืออะไร ฉันไม่รู้ ฉันไม่เข้าใจมันเลยซักนิด

 

 

“ที่รักคุณสบายดีมั้ย?”

 

 

แฟนฉันถามเมื่อเรานั่งกินข้าวกันตอนเย็น เขาดูกังวลหลังจากสังเกตุสัหน้าฉันมาซักพัก ทีแรกฉันกะจะไม่บอกเขาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องไม่มีเหตุผลแถมไม่มีหลักฐานอะไรซักอย่าง เพราะฉันได้ยินมันคนเดียว ขณะกำลังจะหาเรื่องเบี่ยงเบนประเด็นนี้ไปเสียงเตือนนั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ฉันเอามือกุมศีรษะตัวเอง พลางส่ายหัวไปมา แม้จะเอามือปิดหูไว้แต่เสียงที่ได้ยินยังชัดเจนไม่เสื่อมคลาย แฟนฉันดินมาประคองฉันพลางถามไถ่อย่างเป็นกังวลสีหน้าของเขาแสดงออกมาชัดเจนมากว่าตัวฉันเองดูท่าจะไม่ไหวแล้ว

 

 

“ไปโรงพยาบาลกันเถอะ เห็นคุณแย่แบบนี้ผมก็รู้สึกไม่ดีไปด้วยนะจินนี่”

 

 

ฉันไม่อาจปฏิเสธเขาได้อีก เมื่อเสียงในหัวของฉันมันดังยาวนานขึ้นเรื่อยๆ จนฉันไม่เหลือสมาธิไปทำอย่างอื่นอีกนอกจากประคองสติตัวเองไม่ให้สลบไปก่อนก็เท่านั้น หลังจากพาฉันนั่งลงข้างที่นั่งคนขับ แฟนฉันก็เดินอ้อมรถมาเสียบกุญแจและเหยียบคันเร่งออกรถไปอย่างรวดเร็ว

 

 

“ฉัน . . . ปวด . . . หัว !!!

 

 

ฉันพูดกึ่งตะโกน ร่างบิดไปมาคล้ายกับโดนผีเข้า แฟนฉันพยายามพูดแข่งกับเสียงกรีดร้องของฉัน ไม่นานนักรถของพวกเราก็ถึงโรงพยาบาล แต่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเสียงนั่นดังขึ้นตลอดเวลาแล้วในตอนนี้ เสียงมันถี่ยาวนานและหนวกหูมาก มากเสียจนฉันไม่รู้แล้วว่าหมอ พยาบาล และแฟนฉันคุยอะไรกันอยู่

 

 

ฉันเริ่มหายใจไม่ทัน มือทั้งสองข้างกุมคอของตัวเองทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันช่วยได้หรือไม่ แฟนฉันเข้ามาจับแขนฉันเขย่าไม่หยุด แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้ยินเขาพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ฉันได้ยินแค่เสียงโทนเดียวที่ยาวต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุดและไม่สามารถปิดเสียงนั้นได้ ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นคือแฟนฉันพยายามพูดบางอย่างกับฉันด้วยน้ำตานองหน้า แต่ฉันไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกแล้ว ไม่แม้แต่อย่างเดียว

 

 

หลังจากนั้นร่างของจินนี่ก็ถูกเข็นไปไว้ที่กลางห้อง ห้องหนึ่ง มีผู้ชายสองคนในชุดกราวน์สีขาวเดินคู่กันมา คนหนึ่งมีผมสีเทาค่อนไปทางขาวดูมีอายุ ส่วนอีกคนผมสีดำเข้มดูหนุ่มแน่น ก่อนที่คนผมดำจะเริ่มจดบันทึกอะไรบางอย่างลงในกระดาษที่ถือติดมาด้วย

 

 

“น่าสนใจมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีกรณีแบบนี้ด้วยนะครับ”

 

 

ชายหนุ่มผมดำเอ่ยขึ้นกับชายผมเทาควันบุหรี่

 

 

“ตามที่เธอพูดนั้นแหละ มันก็น่าสนใจจริงๆ ที่ให้เหตุผลว่าตัวเองได้ยินเสียงเตือนแปลกๆ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันแหละเหนื่อยใจจริงๆ”

 

 

ชายผมเทาพูดพลางยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเพื่อผ่อนคลาย

 

 

“ใครจะไปคิดล่ะครับ ว่า จีนอยด์ (Gynoid) ตัวนี้ไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองเป็นอะไร ส่วนเสียงเตือนที่เธอได้ยินนั่นเป็นเสียงเตือนว่า พลังงานในตัวเธอกำลังจะหมดลง แต่พฤติกรรมของเธอกลับทำให้เธอเชื่อว่าเธอได้ยินเสียงประหลาดๆแทน”

 

 

ชายหนุ่มผมดำหันไปตอบชายผมเทาในขณะที่มือยังจดผลสรุปลงกระดาษเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน

 

 

“ว่าแต่จะเอายังไงกับเธอดีครับ ศาสตราจารย์”

 

 

“ชาร์จแบตเตอร์รี่ให้เธอ อยู่ได้อีก 24 ชั่วโมง แล้วก็ลบความทรงจำของเธอวันนี้ออกไปให้หมด ฉันอยากจะทดลองดูว่าในสถานการณ์เดิม CPU ของเธอจะตัดสินใจแบบเดิม หรือแบบใหม่”

 

 

ชายผมเทาที่ถูกเรียกว่าศาสตราจารย์หันหลังเดินจากไป โดยที่ยังนวดขมับตัวเองไม่หยุด

 

 

“ครับผม”

 

 

ชายผมดำที่เป็นผู้ช่วย เสียบสายชาร์จพลังงานที่มีขนาดเท่ากับราวจับรถประจำทางเข้าที่ด้านหลังใบหูของเจนนี่ และตั้งปริมาณพลังงานเอาไว้ให้หยุดให้พลังงานตามปริมาณที่กำหนด ก่อนจะเดินตามศาสตราจารย์ของตนเองออกไปอีกคน

 

 

[จบ]

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา