Last Chance

9.3

เขียนโดย waenprin

วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.25 น.

  4 session
  0 วิจารณ์
  6,672 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557 22.18 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) You and He...and our love

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

เรามาเที่ยวที่กรุงเบิร์นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ครับ ที่นี่หนาวมากแต่ก็สวยมากๆเหมือนกันครับ อ๊ะๆๆ ผมไม่ได้มาคนเดียวนะ มีคนรู้ใจติดสอยห้อยตามมาด้วยอีกคน >//< ความจริงต้องบอกว่าผมเป็นผู้ติดสอยห้อยตามมากกว่า เพราะว่าหมากตื๊อให้ผมมาด้วยน่ะ ผมปฏิเสธแล้วนะ แต่ความพยายามของนายนั่นมันไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ -_-^ สุดท้ายเป็นไงล่ะ ฉุดกระชากลากถู (ย้ำว่าฉุดกระชาก) ผมให้มาด้วยจนได้ แถมยังจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเลยด้วย - -" แต่ก็ดีนะ ถือเสียว่ามาพักผ่อน ชิลๆ แต่หวังว่าหมากคงจะไม่ชวนผมไปนั่นนี่ เล่นนี่นู่นนั่นอีกหรอกนะ ประเทศนี้รู้สึกว่าหมากจะชอบและฝันถึงมากๆเลยนะ (เห็นชอบมโนดีนัก -_-) ปล.เรื่องนี้ผมเป็นเมะเหมือนเดิมนะคร้าบบบ >///< (ดีใจทำไม -3- )
"ณเดชน์ มัวทำอะไรอยู่"
"เปล่า รีบไปสิๆ"
ผมออกจากภวังค์ (สมควรเรียกว่าภวังค์มั้ย) ผมเข็นรถใส่กระเป๋าตามหมากไป นี่ศึกษามาดีใช่มั้ย ถึงได้เดินฉลุยสบายใจเฉิบอย่างนั้นน่ะ อย่ามาหลงตอนหลังนะ \(-_-)/ อืม...ดูจะชำนาญนะ -_-^

ตอนนี้เราออกจากสนามบินกำลังมุ่งหน้าสู่เบิร์น เอ๊...แต่ทำไมพามาขึ้นรถไฟ ? (- - )( - -) แล้วความสงสัยก็กระจ่างทันใดเมื่อ...

"แบร์~ เราจะไปโลซานกันนะ! ><"
อะ...อ้าว ไม่ได้จะไปเบิร์นเหรอ แต่นายเป็นคนบอกเองนะว่าจะไปเบิร์น เปลี่ยนใจรวดเร็วจริง แบร์รี่ตามไม่ทัน -_-* ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรเมื่อหมากเปลี่ยนแพลน จากเบิร์นเป็นโลซาน นายคงไม่รู้เรื่องหรอก และผมก็ไม่อยากให้เขารู้... แต่ผมคิดว่าสักวันเขาต้องรู้ ความลับไม่มีในโลกหรอกนะ จริงมั้ย แต่ขอเวลาทำใจก่อนละกันนะ ไม่นานก็ช้า
"อยากไปเบิร์นไม่ใช่เหรอ"
"ฉันเปลี่ยนใจแล้วล่ะ ! >_<" หมากบอกอย่างตื้นเต้น ดูท่าทางนายมีความสุขมากเลยนะ ลากคนอื่นเขามาด้วยเนี่ย

"เดี๋ยวเราค่อยไปเบิร์นทีหลังก็ได้"
จ้ะ...แม่คุณ -_-^^^

สองข้างทางมีต้นไม้ปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ภูมิประเทศสีขาว ดวงอาทิตย์สาดแสงผ่านเมฆลงมา ดูเหมือนจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากสะท้อนกับหิมะทำให้เกิดแสงระยิบระยับเข้าตา ทิวทัศน์ที่ผมเห็นสวยงามมาก บางคนอาจจะรู้สึกแปลกตา แต่ผมไม่เลย เพราะเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว และภูมิประเทศ ทิวทัศน์ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันเลยกับเมื่อหลายปีก่อน .... ปีที่สร้างความร้าวรานให้ผมมากที่สุด...และถ้าผมเดาไม่ผิด คนคนนั้นก็ 'อาจจะ' ยังอยู่ที่นี่...

มันก็แค่ 'อาจจะ' เท่านั้น แต่อะไรดลใจให้ผมคิดไปว่าเขาจะต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ

การเดินทางจากซูริกไปยังโลซานใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 11 นาที (นี่ผมมานั่งนับระยะเวลาทำไม...? -//- ) เป้าหมายในการเที่ยวครั้งนี้จะต้องมาโลซานให้ได้สินะ นายหมาก -..- เรื่องราวของผมครั้งนั้นก็เกิดขึ้นที่โลซานนี่แหละ ผมถุงไม่ค่อยอยากจะมาสักเท่าไร ถ้าเป็นเบิร์นก็คงดีกว่านี้ (อยากรู้ต้องอ่านต่อนะคร้าบ!!)

หมากเงยหน้ามองตัวโรงแรมที่ยืนเด่นอยู่บนฉากหลังของท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดลงที่ละนิด ฤดูหนาวของที่นี่พระอาทิตย์จะลับฟ้าเร็วกว่าปกติ แล้วผมรู้เรื่องได้ไงเนี่ย --' เราตั้งใจว่าจะเที่ยวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เริ่มจากมหาวิหารแห่งโลซานก่อนเลย (ใช่มั้ยหมากกกก) เราเก็บสัมภาระเอาไว้ที่โรงแรมแล้วค่อยเริ่มต้นท่องเที่ยว

หมากเดินนำผมข้ามสะพาน ขึ้นเนินเตี้ยๆ เห็นยอดโบสถ์อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
"เข้าไปดูกันหน่อยมั้ย" หมากชวน แต่ผมก็ต้องยอมจนได้นั่นแหละ เพราะหมากที่ทำท่าตื่นเต้นกระตือรือร้น (กระดี๊กระด๊ามากกว่านาะสิ -_-") สิ่งที่สวยงามที่อยู่ตรงหน้าดึงดูดความสนใจของเราทั้งคู่ไม่น้อย หมากดูจะตื่นเต้นมาก คงเป็นเพราะครั้งแรกที่ได้มาเยือนประเทศในฝัน ผมแม้จะเคยมาแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่ามันสวยงามไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ปี สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงเก่าหากสวยงามมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ประตูข้างเข้าเป็นหินสลักอ่อนช้อย ห้องโถงด้านในมีหลังคาสูงลิ่ว คานโค้งขอบเสาด้านบนมีลายสลักน่ามอง กระจกบานโตเรียงรายข้างผนังมีโมเสกสีชิ้นเล็กประกอบกันเป็นเรื่องราวศาสนา จะว่าไป ผมอยากขึ้นไปดูหอคอยด้านบนจัง
"โห บันไดตั้งร้อยกว่าขั้น ตายก่อนแน่ๆเลย" หมากโอดเหมือนจะถอดใจ
"แล้วใครกันอยากมานักมาหนา -_-"
"ง่ะ (. . )( . .)"
"ขึ้นไปเลยๆ อย่าบ่น"
"ใจร้าย TOT"
"กับเด็กดื้อเท่านั้นแหละ"
หมากทำหน้าบู้ หน้างอ ตาขวางอีก -O- หมากเดินขึ้นบันไดไปด้วยความไม่สบอารมณ์ - - ก็พูดความจริง นี่ผิดตรงไหนเหยอออออ *O* ผมเดินรีบจ้ำเท้าตามหมากไปทันที ไม่ได้จะง้อนะ ><!

แฮก...แฮก...แฮก...บันได้ปราบเซียนนี่โหดใช่เล่น -O- ทำเอาผมแทบคลาน ทว่าวิวบนหอคอยสวยงามมากจนลืมเหนื่อยไปเลย ผมหันไปมองคนที่เดินนำหน้าผมมา แต่ตอนนี้เดินเฉื่อยตามหลังผมมาซะงั้น แต่หมากก็ยังคงทำหน้ามู่เป็นหมาเมาแฟบ -_-^^ งอนผมไม่เลิกเหมือนเดิม งอนไม่เข้าเรื่องนะนาย เหมือนคนนั้นเลย...เหมือนมากจนผมเผลอคิดไปว่าเป็นเขาหลายครั้ง...
"สวยจังเลยแบร์รี่ ! ดูสิๆๆ"
"ฉันเห็นแล้ว"
"พูดอะไรบ้างสิ . ."
"วิวสวย จบนะ -_-"
"ทำไมไม่เห็นตื่นเต้นเลย ทำอย่างกับเคยมาแล้วเป็นสิบรอบ"
ก็เคยมาแล้วน่ะสิ -_- แล้วนายจะสงสัยอะไรนักหนาเนี่ย "ไม่ต้องรู้สักเรื่องจะได้ไหม"
"..." หมากเงียบไป หันกลับไปชมทิวทัศน์อย่างเงียบๆ ที่พูดไปเพราะไม่อยากให้เขารู้ไง เพราะถ้าเขารู้ มันอาจจะบั่นทอนความรู้สึกของเขาได้ รวมทั้งผมด้วย (แต่ก็ต้องรู้สักวันแหละน่า -_-^) หมากขยับตัวออกห่างไปสิบเซนติเมตร - -" ท่าทางแบบนี้ รู้เลยว่างอน หมากงอน (อีกแล้ว) -O-
"ไม่ง้อหน่อยเหรอ" ดี๊ด๊าอยากให้ง้อมากจนาดนั้น และมันก็เป็นปกติที่ผมจะตอบกลับไปว่า...
"แรด -3-" สั้นๆ คำเดียว ได้ใจความ -_-++
"รู้ตัวค่ะ" แน่ะ รู้ตัวก็ดี วันหลังจะได้ไม่ต้องพูดบ่อยๆ -_- "แต่อยากให้ง้อง่ะ" หมากเขยิบกลับเข้ามาใกล้ผม (แล้วนายจะเขยิบห่างออกไปทำไม หา . . ) แล้วริมฝีปากแห้งๆนั่นก็ขยับออกกระซิบว่า "ง้อหน่อยนะ นะนะนะ"

ว่าแล้วเชียว แบบนี้ทุกที ......... งอนเองง้อเอง เยี่ยมมากครับปาริน -////-
"ทำขนาดนี้จะให้ง้ออีกเหรอ"
"ไม่ต้องแล้ว >3< "
"ทำหน้าฟินทำไม หายงอนแล้วช่ะ"
"ยัง"
"ประสาท -_-^^^"
"แรงส์" หมากเบ้ปากประกอบคำพูด
"กับเด็กดื้อก็ต้องแบบนี้แหละ"
"ฉันแก่กว่านายนะ!"
ทำมาเป็นทวงสิทธิ์โตกว่า ทุกวันนี้ผมไม่เคยคิดว่าเค้าแก่กว่าผม ไม่เชื่อก็ดูจากความดื้อรั้น การพูด ความคิดดูสิ เด็กชัดๆ >< น่ารักเป็นบ้า แต่ความซนความโลดโผนผมไม่ขอพูดถึงนะ พอๆกันไงเลยเข้ากันได้ดี >3<
"อายุน่ะสิ -_- สมองนายกี่ขวบกัน -/-"
"ไอ้บ้า !!! แต่ก็น่ารักใช่ป่ะล้าาา" ผมเพลียจิตจริงกับคำพูดแต่ละอย่างของหมาก มันดูเด็กมากจริงๆ ถ้าสักวันเขารู้เรื่องของผมมากกว่านี้เขายังจะทำตัวน่ารักๆแบบนี้ให้ผมเอ็นดูอยู่อีกมั้ย
"กลับกันเถอะ" ผมไม่ตอบคำถามบ้าๆของหมาก แต่เปลี่ยนเรื่องชวนกลับเสียดื้อๆ
"..." หมากหันมามองผมด้วยความงงงัน
"ไม่อยากกลับเหรอ" ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆและเบาจนแทบจะเป็นกระซิบ
"อืม...กลับก็ได้"
ไม่อยากกลับก็บอกนะ ไม่ต้องมาตามใจผมขนาดนี้หรอก ก็ไม่ได้อยากจะบังคับใครด้วย เพราะการบังคับ บางทีมันทำให้เราไม่เข้าใจกัน หนำซ้ำยังมีผลลัพธ์แย่ๆแทรกเข้ามาอีก

ระหว่างทางกลับโรงแรมหมากยังคงร่าเริง ดี๊ด๊ากับสิ่งแวดล้อมของประเทศในฝัน เขาจะรู้หรือเปล่าว่าที่ผมมาด้วยไม่ใช่เพราะแค่อยากตามใจเขา แต่ต้องการลืมคนคนหนึ่ง (ควรจะไปที่อื่นมากกว่านะ -_-^^) ด้วยการเที่ยว เที่ยว และเที่ยวในเบิร์น (ที่ๆทำให้ผมได้เจอกับคนนั้นมีช่วงเวลาดีๆด้วยกัน) แต่หมากกลับเปลี่ยนใจกะทันหัน (โลซาน...กับความทรงจำที่ไม่อยากจำ แต่มันก็ลืมไม่ได้)

เราถึงที่พักช่วงค่ำๆ ด้วยความที่เหนื่อยมากกับการปรับเวลาและเรื่องอื่นๆ ผมจึงตั้งใจว่าจะไม่ทานข้าวเย็น และอาบน้ำนอนทันที วันนี้เพลียมากจริงๆ ส่วนหมากน่ะเหรอ เขาจะทำอะไรต่อก็เรื่องของเขา สถานะของเราไม่มีคำบรรยาย แต่ต่างก็รู้ดีว่าต่างฝ่ายต่างคิดยังไงต่อกัน : ) เราไม่เคยปิดกั่นกันและกันนะ มีอะไรก็บอกเสมอ ไม่ย่ำกรายเข้าไปในเรื่องส่วนตัว ปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ นี่เป็นคำสัญญาต่อกัน ถ้าใครผิดสัญญา ก็ถือว่าจบ...เพราะทั้งเขาและผมไม่ชอบคนไม่รักษาสัญญาเหมือนกัน ส่วนเหตุผลที่เขาไม่ชอบ จะเพราะอะไรเขาไม่เคยบอกและผมไม่อยากรู้ด้วย เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ เหตุผลของผมก็เหมือนกัน เขาไม่ถาม และผมก็ไม่บอก เพราะมันส่วนตัวไง (ผมดราม่าทำไม (-_- )( -_-)(-_- )( -_-) ) วันนี้ขอพักสักหน่อยละกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ฝันดีนะครับ คร่อกๆ zzZ

----------Mark's----------
เขาหลับไปแล้วล่ะ...
หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ พอเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เห็นณเดชน์นอนหลับเป็นตายไม่รู้เรื่องแล้ว นอนเร็วเหมือนกันนะวันนี้
จะว่าไป พูดถึงวันนี้ก็มีเรื่องราวอะไรน่าสนใจเยอะเหมือนกันแฮะ แต่บางเรื่องมันก็รู้สึกหดหู่ บั่นทอนความรู้สึกยังไงๆก็ไม่รู้สิ ตอนที่อยู่หอคอยนั่น เขามีอาการแปลกๆ ไม่เหมือนเดิม เย็นชา คำพูดก็ห้วนบ่อยๆด้วยนะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาไม่ได้เต็มใจจะมาที่นี่ ที่เขายอมมาเพราะผมตื๊อเขาเสียจนมุม -_-;;; ผมมันไม่ได้เรื่องจริงนั่นแหละ เอาแต่ใจเป็นบ้า แต่ครั้งนี้เขาเปลี่ยนไปจริงๆนะ ผมไม่ได้คิดเองเออเองหรอก เพราะผมเห็น ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมนะ...

ผมสะบัดหัวแรงๆเพื่อสลัดเอาความคิดไม่พึงประสงค์ต่อชีวิตรักของเราออก กระนั้นผมก็ยังไม่เลิก 'คิด' อะไรบ้าๆเสียที ผมเลยตัดสินใจไปนอน (ข้างๆเขานั่นแหละ) พอปิดไฟเสร็จเตรียมจะนอน มือใหญ่อุ่นๆของคนข้างก็พาดมาบนตัวของผม มืออุ่นนั้นกุมมือผมแน่น ในขณะที่ปากของเขากำลังพร่ำเพรื่อถึงอะไรสักอย่าง ที่ทำให้เปลือกตาที่กำลังจะปิดต้องเบิกโพลงด้วยความงงงัน และไม่เข้าใจ........

"นายอย่าไปไหนนะ..."
"..."
"...ฉันขอโทษ"
"..."
"ฉันรักนาย...ได้ยินไหม ฉันรักนาย!"
"..."
เขาละเมอ...ใช่แล้ว เขาละเมอ แต่ผมก็ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างที่เขาพูดมา ได้แต่มองหน้าเขานิ่ง มือที่กำลังจะเอื้อมไปลูบหัวเขาต้องหยุดกึกทันที ราวกับว่าโดนสาปให้แข็งทื่อ ผมโดนสาปด้วยประโยคสุดท้ายที่เขาพูดขึ้น ก่อนจะหลับสนิทไปอีกครั้ง
"ฉันรักนายนะบอย"

'บอย' งั้นหรือ ? เขาเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกันกับนาย และเขาสำคัญกับนายมากขนาดไหน ถึงได้พร่ำพรรณนาละเมอถึงเขาได้ขนาดนี้น่ะ ! ช่วยคลายคำถามในหัวฉันหน่อยนะ

ได้โปรด...

คืนนั้นผมหลับๆตื่น เพราะคำถามต่างๆที่ผุดขึ้นมาในสมอง รวมถึงประโยคที่ณเดชน์ละเมอด้วยนะ ทำไมต้องเก็บมาคิด ทั้งๆที่เขาก็เคยบอกแล้วว่าจะเชื่อใจและไว้ใจกัน ผมคิดมากอย่างนี้มันหมายความว่ายังไงนะ ผม...ยังเชื่อและไว้ใจเขาอยู่หรือเปล่า...

คนข้างๆเริ่มขยับตัวและทำเสียงอู้อี้งัวเงีย ผมรู้สึกตัวตื่นจากห้วงความคิด(มาก)บ้าๆ หันไปมองเขาแทน เปลือกตาของเขายังเปิดไม่สนิท เหมือนอยากจะนอนต่อ หึ เมื่อคืนก็หลับสบายแล้วนี่ แถมยังทำให้ฉันไม่ได้หลับได้นอนอย่างเต็มอิ่มด้วยนะ ! : (

"ตื่นเช้าจังนะ"
"เช้าบ้าอะไร เก้าโมงกว่าแล้ว -_-"
"สงสัยเมื่อคืนฝันดี ^^"
"ฝันดีมากกกกกกกกกก" ผมลากเสียงประชดพร้อกับทำหน้าเบ้ นึกโกรธในใจ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะได้อะไรเหมือนกัน ก็นายไม่รู้เลยนี่ว่าเมื่อคืนพูดอะไรออกไปบ้างนะ เฮอะ!

มีคนเคยบอกว่าเวลาฝันอะไรสิ่งที่ละเมอออกมาจะเป็นคนละเรื่องกันกับความฝัน แต่ก็มีคนเคยบอกอีกเหมือนกันว่า ที่ละเมอออกไปคือสิ่งที่กำลังคิดก่อนจะนอน เท็จจริงยังไงไม่รู้หรอก แต่...ผมก็เคยเป็นเหมือนกัน

ฝันกับละเมอ...มันต่างกัน จำเอาไว้สิ!!!

"จะไปกันหรือยัง"
"ไปไหน"
"ก็เที่ยว นี่นายไม่ได้มาที่นี่เพื่อเที่ยวหรือไงกัน" จริงๆก็ตั้งใจจะมาเที่ยวให้มันสนุกสุดเหวี่ยงอ่ะนะ แต่เจอนายละเมอดราม่าถึงอีกคน อารมณ์สุนทรีย์มันก็พลอยดราม่าไปด้วยล่ะ ชิ! จะอยู่อีกกี่วันก็ไม่สนุกแล้ว ไม่ลองมาเป็นฉันบ้างล่ะ หา -_-^^^
"มาเทีี่ยว ถามทำไม"
"ก็ไปอาบน้ำแต่งตัวซะ" ณเดชน์ขยี้หัวผมอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
"ดูตัวเองก่อนเหอะ" พูดจบผมก็ทำท่าตึงตังเดินเร็วๆไปคุ้ยหาของในกระเป๋าและเดินเข้าห้องน้ำไป

ไม่เกิน 5 นาทีก็เสร็จ ทว่าการอาบน้ำก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ดีขึ้นเลย ได้แค่ความสบายตัวเท่านั้น วันนี้คงจะไม่มีอารมณ์เที่ยวแล้วละสิ แต่มาแล้ว ก็ต้องทำทุกอย่างให้คุ้มให้สมกับที่อุตส่าห์ดั้นด้นอยากมา -_-^

"นายก็ไปอาบน้ำได้แล้ว"

ผมสั่งเสียงเข้มๆ เขาทำตามแต่โดยดี ท่ทางของนายดูมีความสุขมากนะ ดูไม่มีความเศร้าเลย ต่างกับผม...ที่กำลังจะเศร้า? เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นอะไร แต่มันก็ไม่เสมอไปหรอก จริงไหม ^^ วันนี้อาจจะเป็นวันที่มีความสุขสุดๆก็ได้ (พยายามคิดบวก)

อีกนานแค่ไหนกัน...ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน มีความสุขกัน มันจะเป็นไปอีกนานมั้ย?

คำตอบอยู่กับเขา...สินะ

---------------------------------------
ในอีกฟากหนึ่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์...

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาว ดูมีภูมิฐาน มีตำหนิอยู่ตรงที่เขาไว้เคราเนี่ยแหละ แต่นั่นก็เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะไว้หนวดไว้เคราแล้วดูหล่อ เขาคือหนึ่งในนั้น

ชายผู้นั้นเดินอยู่ท่ามกลางถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เขาอยู่ในชุดไปรเวททั่วไปนั่นคือ กางเกงยีนส์สีซีด เสื้อคอกลมที่ถูกปิดทับด้วยเสื้อกันหนาวหนังสีน้ำตาลเข้ม นอกจากนั้นยังมีทั้งถุงมือสีสดใส หมวกไหมพรม และผ้าพันคอสีชมพูที่เป็นเหมือนเครื่องประดับติดตัวไปซะแล้ว ไม่ว่าร้อนหรือหนาว เขาก็ยังพกมันติดตัวเสมอ นั่นเป็นเพราะ...ใครบางคนให้มา

แม้อากาศจะหนาว และตัวเขาก็อยู่ในชุดกันหนาวแบบครบเครื่อง ทว่ามันหนาวกว่าลมที่พัดผ่านมาด้วยซ้ำ แทรกซึมเขาไปในหัวใจที่เคยโดนทิ่มแทง หนาวใจน่ะ เวลาไม่มีใครอยู่ข้างๆยามหนาว เหงา หรืออะไรก็ตาม มันเคว้งคว้างใช่ไหมล่ะ นี่แหละ สิ่งที่เขาเป็นอยู่

ที่ว่าเคยโดนทิ่มแทง ก็เมื่อราวๆเจ็ดปีที่แล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เขาฝังใจมาจนทุกวันนี้ แม้จะไม่อยากคิดถึงมัน แต่ทุกครั้งที่ได้อยู่คนเดียวก็อดย้อนความทรงจำอันเจ็บปวดนั้นไม่ได้

'ใคร' คนนั้นจะเป็นยังไงเขาไม่รู้ หลังจากคราวนั้นเขาก็ไม่ได้ส่งข่าวไปอีกเลย และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่ร้อนรนอะไรสักนิด (เขาก็ไม่ได้ส่งข่าวมาเหมือนกัน) ข่าวล่าสุด (ที่ได้ยินจากเพื่อนในกลุ่ม) คือคนคนนั้นอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์!

เขาไม่ได้ติดใจอะไร แต่หากจะต้องมาเจอกันในที่ที่สร้างความแตกฉานระหว่างกัน เขานึกไม่ออกเลยว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่คงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก เขาอยู่โลซาน ส่วนอีกฝ่ายอยู่เบิร์น ถ้าอยู่ที่เดียวกันจริง ป่านนี้ก็คงจะเจอกันไปนานแล้วล่ะ เขาคิดอย่างนั้น...

หารู้ไม่ว่าความคิดของตนผิดพลาดอย่างแรง!!!...

เขาเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ความคิด ความสงสัยอะไรหลายๆอย่างเข้ามาในหัวอย่างที่เขาก็ห้ามไม่ได้ หลายครั้งที่สบัดหัวเอาความคิดบ้าๆนั่นออกไป แต่ทำเท่าไหร่ สุดท้ายมันก็มารบกวนใจอยู่ดี เรื่องพวกนั้น เขาไม่ลืม แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่เก็บมาคิดอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้ โดยเฉพาะเมื่อตอนที่รู้ว่าคนคนนั้นอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์

ความคิดทุกอย่างชะงักกึกเหมือนโดนต้องมนตร์ เขาหยุดนิ่ง ตัวแข็งทื่อเหมือนโดนแม่มดต้องคำสาปใส่ สิ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้น่ะหรือ ก็นั่นไง ผู้ชายสองคนกำลังยืนจ้องอะไรสักอย่างพลางพูดคุยกันกะหนุงกะหนิง ผู้ชายร่างสูงใส่หมวกแก๊ปชวนอีกคนถ่ายรูปคู่กันด้วยท่าทางสนิทสนมเป็นพิเศษ เขายืนจ้องสองคนนั้นอยู่ในมุมหนึ่ง แม้จะไกลและเห็นหน้าไม่ถนัดแต่เขาก็รู้ได้ทันทีว่า ผู้ชายผมยาวตัวสูงคนนั้นคือรักเก่าของเขา! ณเดชน์นั่นเอง!!!

แต่...เขาไม่ได้อยู่เบิร์นหรอกหรือ??? เขาตั้งคำถาม ไม่ใช่เพียงคำถามเดียว ยังมีอีกหลายคำถามที่ผุดขึ้นมาในสมอง คงต้องให้เจ้าตัวมาตอบคำถามเองเสียกระมัง แต่ก็คงจะอีกนาน หรือไม่ก็ต้องหาคำตอบเอง เหตุผลก็คือ

เขายังไม่พร้อมที่เจอณเดชน์ในตอนนี้.....

เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะค่อยๆหันหลังเดินกลับไปตามทางด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่...

---------------------------------------
----------Nadech's----------
...Where I am?...

ผมอยู่ไหนกันเนี่ย o.O ไอ้เจ้าหมากพาผมมาที่หนายยย~ ถึงผมจะเคยมาแล้วก็เถอะ แต่ใช่ว่าจะเคยไปทั่วสวิตเซอร์แลนด์สักหน่อย -_-^ อืมมมม สวยดีเหมือนกันแฮะ -///- ทั้งแม่น้ำ ทั้งวิวของภูเขาต่างๆที่มีหมอกจางๆคลุมอยู่
"ณเดชน์ ~! ถ่ายรูปกัน!" หมากกระชากแขนเสื้อผมจนแทบขาด(เว่อร์) พร้อมชูกล้องตัวโปรดขึ้นเพื่อถ่ายรูปคู่กับวิวด้านหลัง
"ยิ้มหน่อยสิ~" แน้! มีบังคับให้ยิ้มด้วย -"- ผมยิ้มเฝื่อนๆให้กล้อง ในขณะที่หมากฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาว(?)เรียงกันสวยครบสามสิบสองซี่ (ยิ้มกว้างอีกนิดปากนายฉีกถึงหูแน่ .__. )

เฮ้ออออ ที่นี่มันก็ทำให้ผมคิดถึงอดีตและเขาคนนั้นขึ้นมาเสียดื้อๆ ตั้งแต่เหยียบประเทศสวิตเซอร์แลนด์เลยก็ว่าได้ ไม่มีวันไหนที่ผมไม่นึกถึงเขา อาจจะเพราะว่า โลซานเป็นสถานที่ที่เป็นต้นเหตุละมั้ง ทุกวันนี้ก็ได้แต่สั่งตัวเองว่าให้ลืม บอกว่าไม่ควรเอาเขายุ่งเกี่ยวในชีวิตอีกแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้...

ผมคบกับหมากอยู่ ผมไม่ควรทำแบบนั้น ไม่ควรเอาบุคคลที่สามเข้ามา ไม่!!! ผมต้องไม่ทำแบบนั้น ผมจะไม่ทำแบบ...

เอ๊ะ...นั่นใครน่ะ ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็รู้สึกคุ้นตามาก เหมือนรู้จักกันมาก่อน แค่เพียงเสี้ยหน้าผมก็พอจะนึกออกแล้วชายผู้นั้นคือใคร ผมนิ่วหน้าเมื่อจู่ๆเขาก็หายไปแล้ว! ยังกับว่ารู้ตัวว่าผมกำลังมองไปที่เขาก็ไม่ปาน คนนั้นนั่นเอง รักแรกของผม!!! บอย!!!! ทำไมเขามาอยู่
ที่นี่ได้ล่ะ!!! o.O

ได้โปรดอย่าตามมาหลอกหลอนกันอีกเลย!

ทันทีที่ร่างของเขาลับตาไปแล้วและตัวผมเองก็ได้สติเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาหมากที่กำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติ คว้ามือเขามารวดเร็วและพาวิ่งกลับที่พักไปด้วยกัน หวังว่าระหว่างทางเขาจะยังคงอยู่นะ ผมได้แต่ภาวนา (ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน) ผมไม่สนใจว่ากมากจะงงหรือสงสัยอะไรในตอนนี้ ขอแค่ตามเขาให้ทันเป็นพอ

อ้อ ทำไมถึงลากอีตาหมากมาด้วยน่ะเหรอ ก็กลัวจะหลงทางเหมือนเด็ก 7 ขวบหลงทางกับพ่อแม่น่ะสิ นายนี่น่ะ ซื่อจนบื้อ ไม่รู้อะไรสักอย่าง แค่พ่วงมาด้วยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

อะไรดลใจให้ผมลากตานั่นมาร้านอาหารเนี่ยยย -_-^^ คงเพราะเสียงท้องร้องของคนที่(ถูก)ลากมาด้วยมั้ง จริงสิ! เราสองคนยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย เพราะตื่นสายนั่นเอง -"- ว่าแล้วก็เจอร้านอาหารนานนานชาติเล็กๆตั้งอยู่ไกลโพ้น -_- ผมเลยจัดการกึ่งจูงกึ่งลากหมากเข้าไปสงบสติซะ : ) หมากดูจะแฮปปี้เมื่อเห็นเมนูอาหารแต่ก็ยังไม่วายโวยวายขึ้นมาได้ ว่าแต่ภายในร้านนี่มันคุ้นตาชอบกลแฮะ

"นี่!!! ฉันยังเที่ยวไม่อิ่มเลยนะ!!!" หมากโวยโดยที่ตายังจ้องอยู่ที่เมนูอาหารอย่างไม่วางตา(และบางทีก็ทำตาโตวาววับอย่างกับเจอของเล่นที่ถูกใจ คงเจอเมนูที่ชอบเข้าละสิ) เอาน่าแบร์รี่ อดทนไว้นะ นับหนึ่งถึงสิบ...(หาเรื่องเสียตังค์อีกแล้วเรา ㅠ ㅠ

ยังไม่ทันจะนับเลขหนึ่ง หมากก็บ่นนู่นนี่นั่นเป็นหมีกินผึ้ง ถามนั่นนี่เยอะแยะไปหมด แบบไม่เหลือช่องว่างให้ผมตอบสักคำเลย ถ้าฉันเคลียร์ปัญหาของฉันเสร็จ ฉันจะพาไปเที่ยวชดเชยนะ^^ แต่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่....หรืออาจจะไม่มีก็ได้

"จะรีบร้อนไปไหนเนี่ย ทำอย่างกับเจอคนรู้จัก"

ใช่...ฉันเจอคนรู้จัก และรู้จักอย่างดีเสียด้วย...

นั่นสิ...ผมจะรีบร้อนไปทำไม ในเมื่อผมไม่ต้องการให้เขารู้เรื่องนี้ แต่ถ้าหมากถามขึ้นมาละก็ ผมเป็นต้องหลุดปากออกไปแน่ๆเลย เพราะผมแพ้ลูกอ้อน สายตา และคำพูดของเขาอยู่เสมอ -..- แต่ก็นะ ความลับไม่มีในโลก ก็ต้องมีสักวันอยู่ดี จะวันนี้หรือพรุ่งนี้ มันก็ไม่ค่างกัน

สิ่งที่ควรทำคือ ทำใจและยอมรับมันให้ได้ กับผลลัพธ์ที่มันจะตามมา เอาน่า ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งเจ็ดวัน แต่...จะทำอะไรก็ควรรีบทำนะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส

เพียงแต่...ผมยังไม่อยากเจอเขาตอนนี้....

"นี่ มีอะไรก็บอกฉันได้นะ" หมากใช้นิ้วจิ้มๆที่แขนผมเป็นการสะกิดเล็กน้อย
"ฉันไม่ได้เป็นอะไร" ผมตอบปัดๆไป และเมินหน้าไปทางอื่น ก่อนจะหันกลับมาแล้วบอกให่เขาสั่งอาหาร "สั่งอาหารไป ไป๊"
"นายเลี้ยง"
"อืม" ถ้าไม่เลี้ยงก็งอนอีกน่ะสิ เอาเถอะ ไหนๆค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ นายเป็นคนจ่ายแล้วนี่
"แบร์รี่น่ารักที่สุดเล้ย! >3<" หมากทำปากจู๋ยื่นหน้าเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่ตรงข้าม (อุจาดตามากอ่ะหมาก -_-!!! ) โชคดีที่ผมมือไว เอาเมนูบังหน้าไว้ทัน แล้วเอื้อมมือไปดันหน้าอีตาหมากแทบหงาย ปัองกันไว้ก่อน คนอย่างนายยิ่งชอบทำอะไรประหลาดๆอยู่ด้วย

"ว่าไง จะกินอะไร"
"Fettuccine with cheese cream sauce," หมากสั่งอย่าชำนาญภาษา (สำเนียงนายเริ่ดเว่อร์อ่ะคับ) "and Cheese Fondue" แล้วหมากก็สั่งอาหารต่อไปอีกหลายรายการอย่างรวดเร็ว เท่าที่จับใจความได้มันน่าจะเป็นเมนูชีสทั้งหมดเลยนะ
"มิน่าล่ะ"
"อะไร -_-^"
"ถึงได้บวมส์แบบนี้ไง"
"ไอ้บ้า!!"
ผมทำเป็นหูทวนลมแล้วสั่งอาหารตามที่อยาก "Käsespätzle*, Schnitzel**, Hühnerfrikassee***, and Kartoffelpuffer mit Apfelmus****" ผมสั่งแต่อาหารเยอรมัน (แต่มาเที่ยวสวิตฯ? -_-") อยากกินจริงๆนะ ' '
"โห! *O* สั่งเยอะกว่าฉันอีก" หลังจากสั่งอาหารเสร็จหมากก็แขวะทันที ตามนิสัยของคนช่างพูด ช่างจิกกัด
"สั่งมาให้นายนั่นแหละ"
"จริงดิ"
หมากทำตาวาววับเหมือนเห็นไอรอนแมนตัวเป็นๆอยู่ตรงหน้า ก็จริงน่ะสิ ผมกินไม่เก่งเท่านายหมากหรอก -_-

ระหว่างรออาหารผมมองหน้ามองหลังสำรวจภายในร้านอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะผมรู้สึกว่ามันคุ้นตาแปลกๆอย่างกับเคยมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร คิดไปว่าเครื่องประดับ ข้าวของภายในร้านหรือสไตล์การแต่งร้านอาจจะคล้ายๆร้านอาหารสักร้านหนึ่งในประเทศไทยก็ได้

"ชีสฟองดูได้แล้วครับ" ผมหยุดการกระทำทุกสิ่งเมื่อพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งยกฟองดูมาเสิร์ฟ เอ่อ...ทำไมเสียงมันคุ้นๆวะ สงสัยฟังหมากบ่นจนหูฟาดเสียละมั้งเรา - -'

แต่ความจริงกลับบอกว่าผมไม่ได้หูฟาดและตาก็ไม่ได้ฟาด ผมเงยหน้ามองหน้าของ 'พนักงานเสิร์ฟ' แล้วก็นิ่งค้างไปเสียอย่างนั้น เพราะผมรู้จักเขาดี!

"แบร์รี่ นายรู้จักเขาเหรอ" หมากถามเสียงเบา ผมเงยหน้าขึ้นอีกเพื่อที่จะมองหน้าตาพนักงานคนนั้นให้ชัดๆ แต่เขาเดินกลับไปแล้วตั้งแต่เมื่อไรก็ไม้รู้
"แค่หน้าเหมือนน่ะ" ผมหลบตา แกล้งทำเป็นจิบน้ำกลบเกลื่อนพิรุธ

หลังจากนั้นอาหารที่สั่งไปก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะ (ที่ไม่ใช่พนักงานคนเดิม) พอ Schnitzel ของคาวจานสุดท้ายมาเสิร์ฟ กลับเป็นพนักงานเสิร์ฟคนเดียวกันกับที่มาเสิร์ฟฟองดู คราวนี้ดูเหมือนเขาจงใจจะวางมันตรงหน้าผม (มีกระแทกจานนิดๆด้วยล่ะ) เขาจ้องหน้าผม นั่นทำให้ผมเผลอจ้องกลับไปอย่างเคยทำ ลอบยิ้มแฝงนัยแปลกๆ แล้วหันหลังเดินกลับไป

ผมขยี้ตา ทั้งลูบและตบหน้าตัวเองแรงๆเหมือนคนบ้า และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่า มันไม่ใช่ฝัน ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นความจริง เขายังอยู่ที่นี่!!!

"ตบหน้าตัวเองทำไมน่ะ"
เออ...จริงสิ ผมลืมคิดไปเลยว่าไม่ได้มาคนเดียว แต่มีหมากอยู่ด้วย แถมยังอยู่ในตำแหน่ง 'คนรู้ใจ' เสียด้วยสิ เพราะฉะนั้นผมจะทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้เด็ดขาด แต่......

"ขอโทษนะหมาก!" พูดจบผมก็ลุกพรวดก้าวเท้ายาวๆและเร็วตรงไปยังห้องครัวทันที ไม่สนใจเสียงเรียกของหมากทีไล่หลังมา

ขอโทษนะหมาก... ฉันพยายามห้ามตัวเองแล้ว แต่มันเกินความสามารถจริงๆ ถ้าทริปครั้งนี้มีอะไรผิดพลาดหรือล้มเหลว ฉันขอโทษจริงๆ ขอเคลียร์เรื่องนี้ให้จบ แล้วเราค่อยว่ากันใหม่นะ

---------------------------------------
--------- NEXT COMING SOON ---------

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา