ความทรงจำ ของ คำว่าเรา

9.5

เขียนโดย Ordinary

วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 18.36 น.

  2 ตอน
  1 วิจารณ์
  4,390 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558 18.34 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) [ความทรงจำ ของคำว่า"เรา"] ตอนที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ตอนที่ 2

 

ทุกคนเคยฝันแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกวันหรือป่าว ฝันในสิ่งที่ไม่คิดอยากจะฝัน หรือฝันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แล้วไม่อยากที่จะจดจำมัน ความฝันที่เป็นความทรงจำสุดจะแสนทรมาณ อย่างเช่นผม

ในทุกๆครั้งทีหลับตาลงมันมักจะเห็นภาพเธอคนนั้นอยู่ทุกครั้ง ใช่......เธอคนนั้น และก็เป็นเธอคนเดิมที่ผมไม่เคยจะลืมเธอได้เลย แม้แต่วินาทีเดียว

“โอม..................เมย์ไม่รู้หรอกนะว่าโอมคิดอะไรอยู่ แต่ขอร้องเหอะโอม อย่ามางี่เง่าใกล้เมย์ได้ป่ะ”

“อ๋อ งี่เง่า ทุกวันนี้โอมทำอยู่มันงี่เง่ามากเลยใช่ป่ะ”

“โอม เลิกประชดได้ละ เมย์รู้ที่โอมทำอยู่โอมกำลังประชดเมย์”

“ประชดเหรอ เมย์ ไม่เลย โอมไม่เคยที่จะประชดอะไรเมย์เลย มีแต่เมย์เท่านั้นแหละ ทุกทีที่มีปัญหาอะไร โอมก็ผิดตลอด ทุกครั้ง ทั้งๆที่โอมยังไม่รู้ว่าโอมทำอะไรผิดเลย ไม่ดิ!! โอมยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ โอมไม่เคยจะประชดอะไรเมย์เลย มีแต่เมย์เท่านั้นแหละที่ประชดโอมตลอด โอมพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่โอมจะทำได้ แต่สิ่งที่โอมได้กลับมาคืออะไรเมย์ คือการที่ต้องมาทะเลาะกับเมย์แบบนี้เหรอ”

“โอม บางทีเมย์ก็อึดอัดไปนะ ถ้าเมย์เรียนมาเหนื่อย แล้วต้องมาเจอโอมบ่นนี่บ่นนู่น บางทีเมย์ก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน”

“บ่น ใช่ บ่น!! โอมยอมรับว่าโอมบ่น แต่เมย์ โอมบ่นก็เพราะโอมเป็นห่วงเมย์นะ ทุกอย่างที่โอมทำก็เพราะว่าโอมห่วงใยเมย์จริงๆ”

“ห่วง หรือ หวงโอม!!! ไอ้สิ่งที่โอมทำมันมากเกินกว่าคำว่าห่วงละ บางทีมันไม่ได้เรียกว่าห่วงด้วยซ้ำ ไอ้สิ่งที่ทำมันเรียกว่าหวงมากกว่า เมย์บอกโอมไปแล้วว่ามันไม่มีอะไรไง กับพี่กันพี่เขาก็เป็นแค่พี่ เมย์ก็ไม่ได้อะไรกับพี่เขาด้วย โอมก็ไม่เคยเชื่อ”

“เมย์ก็บอกไม่มีอะไร ทุกที แต่สิ่งที่เมย์ทำคนอื่นคงเชื่อหรอกนะ ว่ามันไม่มีอะไร ถ้ามันไม่มีอะไรจริงทำไมเมย์ถึงเลิกคุยกับมันไม่ได้ล่ะ”

“โอม เราคิดว่าเราสองคนคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ พี่เขาเป็นแค่พี่รหัสของเมย์ แล้วที่เรามีปัญหาอะไรก็ช่วยเหลือกันมันผิดเหรอ เราสองคนเป็นเหมือนพี่กับน้องเท่านั้น โอมเองแหละ ที่คอยจับผิดตลอด ไปนั่นก็ไม่ได้ ไปนู่นก็ต้องคอยบอก แค่เมย์ออกไปทานข้าวกับเพื่อน ต้องคอยโทรเช็คว่าเพื่อนคนนั้นเป็นใคร เช็คว่าไปจริงหรือป่าว ไอ้สิ่งที่โอมทำ มันเรียกว่าห่วงแน่เหรอ ไม่ใช่ว่าโอมกำลังจับผิดเมย์เหรอ ”

“แต่ที่โอมทำไปเพราะโอมหวังดีนะเมย์ โอมก็แค่อยากรู้ว่าเมย์ไปทำอะไรกับใคร ก็โอมเป็นห่วงเมย์จริงๆนะ และกับไอ้พี่นั่น มันไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เมย์คิดหรอกนะ”

“เมย์รู้โอม!! เมย์รู้ดี รู้ว่าพี่เขาเป็นยังไง รู้ว่าพี่เขาเป็นคนดี และพี่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอด้วย บางทีพี่เขาอาจจะดีกว่าโอมด้วยซ้ำ”

“ดีกว่าโอมเหรอ? เหอะๆ ก็ใช่สิ!! โอมมันไม่ดีไง ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเมย์สักอย่าง ไม่ว่าโอมจะทำอะไร โอมก็ผิดเสมอ อาจเพราะโอมมันเมย์ไม่มากพอก็ได้”

“ขอร้องละโอม เมย์ไม่เคยคิดหรอนะว่าโอมไม่รักเมย์เลย แต่สิ่งที่โอมทำทุกอย่าง มันเกินไปหน่อยนะ สำหรับเมย์แล้วเมย์ไม่เคยคิดว่าโอมไม่ดี แต่สิ่งที่โอมทำมันทำให้เมย์อึดอัดเข้าใจป่ะ โอมทำให้เมย์รู้สึกกดดัน นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ดี ไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไอ้สิ่งที่โอมทำทุกอย่าง มันเกินไป มากเกินไปจนทำให้เมย์แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”

“เดี๋ยวนะ!! ไอ้ที่ทำทุกอย่างเหรอ หมายความว่าไงเมย์ ที่ทำทุกอย่าง โอมพยายามทำทุกอย่างให้เมย์นะ โอมทำให้มันดีที่สุดในทุกอย่างเพื่อเมย์ ทำเพื่อเมย์มีความสุข พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเมย์ และพยายามทำให้เมย์สบายใจ”

“เก็บความพยายามของโอมไปใช้ที่อื่นเถอะ ที่เพราะโอมไม่เคยถามเมย์สักคำเลย ว่าเมย์ต้องการมันมั๊ย เมย์อยากได้รึป่าว สำหรับสิ่งดีๆเหล่านั้น เมย์ไม่เคยอยากที่จะได้เลย เพราะโอมให้เมย์มามากพอแล้ว แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว เมย์ไม่อยากได้อะไรที่มันมากไปกว่านี้แล้วโอม”

“แต่เมย์!!”

“พอเถอะโอม โอมยิ่งทำ เมย์ยิ่งอึดอัด ขขอโทษที่เมย์ต้องพูดแบบนี้นะ แต่มันเป็นความจริง เพราะว่าบางทีถ้ามันยังเยอะเกินไปแบบนี้ เมย์ก็อาจจะทนไม่ไหวเข้าจริงๆก็ได้ ขอร้องล่ะโอม เราห่างกันสักพักเถอะ เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น”

“เเต่เมย์!! เมย์ฟังโอมก่อนดิ ทำไมล่ะเมย์ เป็นเพราะไอ้นั่นใช่ป่ะ”

“โอม!!! เลิกเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวได้ป่ะ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพราะใครทั้งนั้น ถ้าจะเป็นเพราะใครสักคน ก็เป็นที่เมย์เองนั่นแหละ เมย์ตัดสินใจเอง ตัดสินใจทุกอย่าง และอีกอย่างพี่กันเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย ..............ตอนนี้เมย์คิดว่าเราควรห่างกันดีกว่า จนกว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น เมย์ไม่อยากจะต้องมาทำให้โอมคิดว่าเมย์งี่เง่าอีกแล้ว”

“เมย์!! เดี๋ยวก่อนเมย์ ฟังโอมก่อน เมย์”

“เมย์ไม่มีอะไรต้องฟังอีกแล้ว”

“เมย์ ที่เมย์คำมันก็ไม่ต่างจากคำว่าเราเลิกกันหรอก ตกลงเมย์อยากเลิกกันใช่รึป่าว ถ้าเมย์เลิกก็บอกตรงๆเลยก็ได้ เพราะเมย์รำคาญโอมใช่รึป่าว เมย์!!! เมย์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ เมย์เป็นอะไรไปแล้ว เมย์บอกกับโอมดิ”

“.....................................”

“เมย์.............................”

“............................”

เมย์........................”

“..................................”

“เมย์ ถ้าเมย์จะทำแบบนี้ เมย์บอกมาเลยเหอะ ว่าเมย์ต้องการที่จะเลิก”

“โอม............... โอมจะเอาแบบนั้นเหรอ โอมอยากให้เมย์บอกเลิกโอมจริงๆเหรอ”

“ป่าว!! เมย์ มันไม่ใช่แบบนั้น เมย์”

“ก็ได้โอม เราเลิกกัน ขอโทษด้วยนะที่เราทนโอมไม่ได้”

“เมย์ มันไม่ใช่แบบนั้นเมย์ ฟังโอมก่อนดิ เมย์!!”

“เมย์”

 

        ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อที่ท่วมตัวผม ทุกคืนผมมักจะฝันเห็นเรื่องราวเก่าๆ ที่ผ่านมาของผม

“เมย์อย่าจากโอมไปไหนเลยนะ เมย์”

        ผมนั่งพ่นคำพูดลอยๆออกมา แค่เพียงหวังว่าเธอคนนั้นจะกลับมาหาผมจริงดั่งที่ผมคิดไว้ ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้วก็ตาม

“โอมรักเมย์นะ”

 

**************************************

 

        เช้าวันอาทิตย์ วันหยุดที่หลายคนที่คิดว่าเป็นวันที่ผักผ่อนหย่อนใจ แต่ทำไมวันนี้ความรู้สึกของผมกลับเคว้งคว้าง รู้สึกหวิวๆที่ข้างกายอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าในหัวกำลังนึกอะไรอยู่ เพราะสิ่งที่ผมกำลังคิดและนึกถึง ผมไม่สามารถปะติปะต่อมันให้เป็นรูปร่างได้ ผมเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกทีแล้วสินะ 1 ปีกับที่เธอจากไป 10 ตุลาคม ในวันนั้น วันที่เมย์จากผมไป

        ผมนึกถึงเรื่องนี้วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น นึกถึงเรื่องราวที่มันผ่านไป นึกถึงเรื่องราวที่ไม่สามารถหวนกลับไปแก้ไขมันได้แล้ว ผมเดินเอ้อระเหยไปมา จนในที่สุดสถานที่ตรงหน้าของผมกลับเป็นสถานที่ๆผมสุดจะคุ้นเคยมากที่สุด ใช่แล้ว ที่ๆผมเจอเมย์เป็นครั้งแรก The reminiscence ร้านอาหารเล็ก แถบชานเมือง ร้านที่ดูเป็นกันเอง บรรยากาศน่าอยู่ เย็นสบาย และร้านที่มีความทรงจำของผมและเมย์ในวันแรก ร้านที่ทำให้ผมนึกถึงความหลังที่ผมไม่มีวันลืม ทั้งความทรงจำดีๆ และช่วงเวลาดีๆของผมและเธอ ตลอดที่ผ่านมา

 

กริ๊ง กริ๊ง

 

เสียงกระดิ่งในขณะที่ผมเปิดประตูออกได้ดังขึ้น พร้อมกับพนักงานที่เอ่ยคำต้อนรับอย่างสุภาพ

“ร้าน The reminiscence ยินดีต้อนรับครับ”

        เสียงของพนักงานคนหนึ่งที่ผมคุ้นเคยดีที่สุดพูดออกมาก่อนที่เขาจะทำท่างทางตกใจเล็กน้อยและทักทายผม

“อ้าว!! โอม เป็นไงมาไงวะ นึกว่าลืมร้านนี้ละ หายหน้าหายตาไปนาน”

 “ก็ไม่หรอก ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อย เห็นวันนี้เป็นวันหยุดเลยมาหาที่คลายเครียด เออ!! จริงสิ พี่แม็คอยู่ป่าววะ?” ผมตอบกลับบทสนทนาพร้อมยิงคำถามไปหาโปเต้ เพื่อนสมัยมัธยมของผมที่ตอนนี้มาเรียนคนละคณะกัน พร้อมกับกวาดสายตาถามหาเจ้าของร้าน ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน

“พี่แม็คอยู่หน้าบาร์ มึงไปหาพี่เขาดิ ไม่ได้เจอกันนานพี่เขาบ่นคิดถึงมึงแย่แล้ว”

“เออ!! เดี๋ยวกูไป”

“อื้ม โอเค”

“อื้ม”

        ผมตัดบทสนทนาแล้วพุ่งตรงหน้าบาร์พร้อมกับสั่งเครื่องดื่มที่ผมมันจะกินประจำ กับเธอคนนั้น

“ลาเต้เย็นที่หนึ่งครับ” ผมเอ่ยปากออกไปก่อนที่คนที่อยู่หน้าบาร์จะหันหน้ามามองผม

“ได้ครับ!! อ่าว........ โอม เป็นไงมาไงวะ ไม่เจอกันนาน” เสียงจากพี่แม็ค รุ่นพี่ของผมตั้งแต่มัธยม แต่ตอนนี้พี่เขาเรียนจบ แล้วหันมาเปิดร้านกาแฟแทน

“ก็เรื่อยอะพี่ ไม่มีอะไรมาก ชีวิตดี๊ดี”

“เออ” พี่เขาพูดออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ก่อนที่จะชงกาแฟลาเต้ให้ผม “ชีวิตดีก็ดีแล้ว ดีกว่าชีวิตเป็นทุกข์จริงมะ?”

“ครับพี่”

“อ่ะ นี่!!! ลาเต้เย็น ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยละ วันนี้เป็นวันครบรอบนี่นา พี่ก็นึกว่าแกจะสภาพโทรมกว่านี้นะ แต่เห็นแกยิ้ได้แบบนี้พี่ก็โอเคแล้ว”

“ครับ ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ ผมตายยาก” ใช่ผมตายยาก ผมแทบจะไร้ความรู้สึกแล้วด้วยซ้ำ เหมือนคนตาย ที่ไม่รู้สึกอะไร กลายเป็นคนด้านชาตั้งแต่วันนี้ของปีที่แล้ว

“เอาเหอะ มันก็เกิดขึ้นได้กับทุกคนแหละ พี่ก็เคยฟังเรื่องราวของลูกค้าที่มานั่งร้านหลายคนนี่แหละ เขามักจะมาพูดคุยกับพี่ในเรื่องต่างๆ รวมไปถึงเรื่องความรัก อย่างเมื่อวานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งคุยกับพี่เหมือนกัน”

“เขามาจีบพี่เหรอ?”

“เห้ย!! ไม่ใช่ จะบ้าเหรอ เขาแค่มาขอคำปรึกษา”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ไอ้เราก็นึกว่า........”

“ว่าอะไร ไอ้นี่ ก็คือว่าเขาทะเลาะกับแฟนบ่อยมากในช่วงนี้ เพราะว่าเขามีเวลาไม่ตรงกัน แฟนเขาก็งี่เง่าเกินไปด้วยแหละ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรแฟนเขาก็ดุละ ผิดนิดผิดหน่อยก็ว่า เป็นพี่ก็หนักใจตายเลย”

“เหอะๆๆ” ผมขำแบบคนที่เขาไม่ออกขำกัน คิดเสียว่าเรื่องนี้มันคงเป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น “บางทีคนจู้จี้จุกจิกก็ใช่ว่าจะ ไม่ดีเสมอไปนะครับ บางที เราก็แค่อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขาเพียงเท่านั้น”

“มันก็จริง แต่แกลองคิดในทางกลับกันดิวะ ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง ไม่ใช่ว่าเราจะเอาแต่เราว่าไม่ได้ เราก็ต้องเอาความคิดอีกฝ่ายว่าเหมือนกัน”  

“นั่นสิครับ บางทีผมอาจจะงี่เง่าเกินไปผลถึงเป็นแบบนี้”

“เอาน่า อย่าคิดมาก ยังไงเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว เรื่องนี้ก็จบอย่างเข้าใจกันแล้วนี่ เอาเป็นว่าอย่าคิดมากเลยนะ”

        คำพูดของพี่แม็คทำให้ผมใจเย็นได้นิกดหน่อย แต่อย่างด้วยก็ดีกว่าตอนที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้แหละ ผมนั่งครุ่นคิดอะไรเรื่องเปื่อย ขณะที่พี่แม็กกำลังวุ่นอยู่กับการชงกาแฟให้ลูกค้า เสียงกระดิ่งจากประตูและเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นพร้องกับเสียงตะโกนเรียกชื่อพี่แม็คอย่างดัง

 

กริ๊ง กริ๊ง

 

“พี่แม็ค”

 

        เสียงเล็กๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อพี่แม็กอย่างเต็มปากเต็มคำก่อนที่พี่แกเขาจะหันไปมองพร้อมกับ ยกมือโบกทักทายผู้หญิงคนนั้นไป ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วก็ได้แต่จิบกาแฟนรสโปรดที่ผมชอบอยู่ตรงนั้นอย่างเดิม

“อ้ายเฟย์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีป่าว” เฟย์เหรอ ชื่อคุ้นๆ

“เฟย์เองแหละ ปีสองแล้วเป็นงัยมั่ง เรียนหนักรึป่าว ก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ชิวๆค่ะพี่ ระดับนี้แล้ว”

“ก็ดี เดี๋ยวถ้าพี่รู้นะว่าเฟย์ เถลไถลพี่จะไปฟ้องแม่แน่คอยดู”

“โห๋ๆ พี่แม็คอะ ไม่หรอก ไม่ให้พี่จับได้แน่นอน”

“ว่าละไอ้ตัวแสบ เออ!! นี่ เฟย์ คนที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นรุ่นน้องพี่เอง ชื่อโอม โอมนี่น้องสาวพี่ชื่อว่าเฟย์” พี่แม็คมองมาทางผมก่อนที่จะหันหน้าไปยังผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังของผม ซึ่งหลังจากที่พี่แม็คแนะนำตัวผมให้เธอรู้จัก ผมก็หันหลังกลับไปเพื่อทำตามมารยาทผู้ดี

        แต่...................ทันทีที่ผมหันไปนั้น ก็พบว่าระเบิดลูกใหญ่ก็ลงมาที่ผมอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้อาจจะใหญ่มากๆกว่าครั้งก่อนด้วย

“ไอ้หื่น”

“ยัยขี้วีน” สองเสียงตะโกนออกมาพร้อมกันทั้งผมและเธอ พร้อมสีหน้าตกใจของผมและเธอทั้งคู่ จะเอาไงดีล่ะ ผมทำหน้ามึนงงอยู่ แบบคนไม่เต็มเต็ง “นี่น้องสาวพี่แม็คเหรอครับ”

“อื้มใช่!! ทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้วเหรอ”

“ป่าว” คราวนี้พวกผมดันปฏิเสธมาพร้อมกันซะงั้น ทำเอาพี่แม็คเผลอยิ้มออกมา พร้อมส่งสายตามองมาที่ผมกับเธอด้วยความสงสัย

“อ๋อ !! พี่นึกว่าเรารู้จักกันมาก่อน”

“จะบ้าเหรอพี่แม็ค ใครอยากจะไปรู้จักไอ้บ้านี่ โรคจิตจะตาย” นั่นๆๆ ไหง๋พูดงั้นวะ

“เหรอ......... ชั้นก็ไม่อยากที่จะรู้จักกับคนไม่มีเหตุผลเหมือนกัน งี่เง่าชะมัด” ผมสวนกลับเธอทันควัน ทำให้เธอคิ้วขมวดทันที

“นี่นาย คิดจะหาเรื่องกันใช่มั๊ย?”

“ใครหาเรื่อง....... บ้า!!! ฉันไม่เสียเวลามาหาเรื่องกับคนไม่มีเหตุผลอย่างเธอหรอก เสียเวลาแย่”

“เหรอ ไอ้คนมีเหตุผล มีมาก มากมาย พูดเหมือนตัวเองมีเหตุผลตายละ”

“อย่างน้อยก็มีกว่าเธอแหละ”

“ฉันมีเหตุผลมากกว่านายอีกย่ะ” เหอะๆๆ มีเหตุผลเหรอ ละไอ้ที่ผ่านมามันคืออะไร เถียงฉอดๆ ไม่ทันได้อธิบายเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“คงเชื่อลงหรอกนะ”

        ประโยคสุดท้ายของสงครามน้ำลายจบลงด้วยคำว่าห้าม เน้นนะ คำว่าห้ามของเจ้าของร้าน ทำให้ศึกนี้ยุติลงได้ แต่ว่า...................สงครามครั้งต่อไปกำลังจะใกล้เข้ามาในเวลาไม่ช้าแล้ว

“เอาละ ทั้งสองคน พอแค่นี้แหละ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว พี่ไม่รู้หรอกนะว่าทั้งสองมีเรื่องผิดใจอะไรกัน แต่พี่ของพูดไว้ตรงนี้เลยนะ ห้าม!!! มาทะเลาะกันในร้านของพี่ เข้าใจตรงกันนะ” เหอะๆ พอสิ้นประโยคเท่านั้น หน้าเหวอเลยสิครับ เหวอเลย เหวอไปเลย

 

“ขอโทษครับ/ค่ะ”

 

        ห้า ห้า ห้า (อยากหัวเราะแบบภาษาฝรั่งเศส) เพราะตอนนี้ผมเห็นสภาพของเธอแล้วผิดกับตอนแรก ลิบลับ แน่นิ่งเป็นไก่ถูกต้มเลยละเซ่ อยากหัวเราะดังๆจนสำรักเหมือนในการ์ตูน

และแล้วสุดท้ายก็กลายเป็นว่า ทั้งผมทั้งยัยขี้วีนนี่ ทำตัวเรียบร้อยทันตาเห็นเลย ให้ทำไงได้ล่ะ มาทะเลาะกันในร้านเขา แต่ว่าถ้าผิด ผมก็คงจะผิดเยอะกว่า เพราะฝั่งนั้นเป็นน้องสาวแท้ๆของเจ้าของร้าน แล้วผมล่ะ? ผมเป็นอะไร? อ่าว!! ลืมไป!! พึ่งนึกได้ ว่าสุดท้ายผมก็เป็นแค่รุ่นน้องแหละนะ เอาเป็นว่า ยังไงก็ทำตัวนอบน้อมไว้ก่อนเหอะ ท่าจะดีแหละ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา พี่แม็กช่วยผมไว้เยอะ ถึงตอนนี้จะหมั่นไส้น้องสาวพี่แกก็เหอะ แต่เอาเป็นว่าถ้าพี่เขาสบายใจก็ดีแล้ว

 

...................

 

        รู้สึกพักนี้จะเขียนจุดเยอะไป แต่นอกเรื่องมากจะไม่ได้ ถึงสงครามระหว่างผมกับยัยขี้วีนจะจบลง แต่!! เน้นนะ แต่!!! เรื่องมันยังไม่จบครับ ยัยคนนั้นส่งสายตาอาฆาตแค้นจนพี่เจน ญาณทิพย์สัมผัสได้ ถึงพลังงานบางอย่าง อ่อร่ากระแสจิตของเธอช่างน่ากลัวยิ่งนัก จัดเต็มทั้งสายตา การเม้มริฝีปาก และที่สำคัญ ท่าทางที่ยกหมัดขึ้นมาเป็นพักๆ เห็นวูบเดียวก็รู้ทันทีว่า เจนสัมผัสได้ และเรื่องนี้ ริวจะไม่ยุง

 

*************************************

 

        เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงกว่า ที่น้องสาวพี่แม็กทำท่าทางเหมือนปอบผีฟ้าเต้นรำอยู่ข้างผม จะดูไปก็ตลกดีนะ อย่างกะไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวก ดิ้นจะเป็นจะตาย เดี๋ยวก็ชูหมัดขึ้น เดี๋ยวขมิบมุมปาก.......... เหอะๆ ชีวิตผมนี่แฮปปี้ดีแท้ ท่าทางจะมีชีวิตรอดไม่ถึงสิ้นปีนี้แน่เลย ถ้ายังมีปอบผีฟ้า ไม่สิ!! น้องสาวพี่แม็กอยู่ข้างๆ คอยกัดจิกแบบนี้ หึหึ.....ไม่รอดชัวร์ครับท่านผู้อ่าน

        เอาเป็นว่าชีวิตที่ดี มันต้องมีอะไรให้น่าตื่นเต้นบ้าง แบบเจอไข่ไดโนเสาร์แถวข้างถนน ไม่ก็เจอ UFO ลอยผ่านหัวขณะไปเดินตลาด (ปกติมันคงจะเป็นไปได้หรอกนะ เรื่องแบบนี้) เอาละ ถึงจะมีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ถ้าเจอแบบนี้ก็อาจตื่นจนหัวใจหยุดเต้นได้ เพราะว่า..................

“เอ้อ!! นี่โอม เฟย์ พี่ของให้เราทั้งสองช่วยไปซื้อของให้พี่หน่อยได้รึป่าว”

 

“ห๊ะ”

 

        สองเสียงเอ่ยพร้อมกันโดยความตกใจแบบมิได้นัดหมาย ยิ่งกว่าพระในวันมาฆบูชาอีก แต่เดี๋ยวนะ พี่แม็กครับ ท่านพี่ก็พึ่งเห็นไม่ใช่เหรอ กันกันจะเป็นจะตาย ขืนไปซื้อของให้พี่ และด้วยกัน คงไม่เหลือซาก ผมยิ่งบอบบางอย่างปุยนุ่นอยู่ ขืนโดนปอบผีฟ้า เอ้ย!!! น้องสาวพี่ทำร้ายร่างกายทำไงล่ะ ไม่ได้ละ ต้องรีบปฎิเสธ ซึ่งขณะที่ผมกำลังจะเจรจากับพี่แม็กอยู่นั้น ปอบผีฟ้า ไม่สิ!! ยัยขี้วีน!! อันนี้ก็ไม่ใช่ ตกลงเรียกไรดี?? เอาเป็นว่าน้องสาวพี่แม็กนั้นแหละ ใช่แล้ว!!! น้องสาวพี่แม็กก็ได้รีบเสนอหน้าเอ่ยปากปฏิเสธก่อนผมซะอีก เร็วกว่าจรวจติดเทอร์โบอีกนะ

 “พี่แม็ก หนูขอปฏิเสธ ให้ไปกะไอ้หมอนี่เนียะนะ ไม่มีทาง เด็ดขาด และก็ไม่มีวันด้วย ดูปากณัฐชานะคะ ไม่มีวัน” แหม๋ คุณหนูครับ ปากนี่บ่งบอกความต้องการอย่างชัดเจน ว่าแต่อย่าเอาน้องณัฐชามาอ้างสิ แล้วไหง๋งี้ล่ะดูถูกกันเกินไปละ ไม่ได้ละ ขืนเอาคืนอย่าเรียกว่า โอมเลย

“พูดอย่างกะว่าชั้นอยากไปกับเธอนักแหละ คุณคนสวยยยยยยย” สงสัยลากสียงยาวไปหน่อย

“สวยสิ เห็นอย่างงี้คนจีบเยอะละกัน”

“คนเมาละสิไม่ว่า คนที่สติดีๆใครเขาอยากได้เธอเป็นแฟนกัน งี่เง่า เอาแต่ใจ ขี้วีน ขี้โวยวาย ชอบใช้กำลัง ป่าเถื่อน ผู้หญิงดีๆไม่มีใครเขาทำกันหรอก ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงแบบนี้ด้วย อยู่กับเธอก็เหมือนกับอยู่กับผู้ชายป่าเถื่อนคนหนึ่งแหละ”

“..........................................” ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก สตั้นนานไปป่าว เงียบเลย หรือเราพูดไรผิด?

        ผมมองไปยังใบหน้าของผู้หญิงที่พึ่งทะเลาะกันเมื่อกี้ สีหน้าที่อมทุกข์และดูเศร้าหมองทันตาเห็นหลังจากพูดประโยคนั้นออกไปแล้ว กูผิดใช่มั๊ย กูต้องขอโทษใช่มั๊ย ในใจก็รู้สึกผิดนะ แต่ก็............งงรู้สึกสงสาร นิดๆ ตกลงเราควรจะขอโทษเขาดีรึป่าว

“นี่เธอ...............................” ผมลากเสียงไปได้ครู่หนึ่งและแล้วเธอก็กระโกนมาอย่างดัง พร้อมกับร่ายประโยคที่ยาวเยียดอย่างกะร่ายเวทย์มนต์มาใส่หูผมยังไงยังงั้น

“เออ แล้วไงวะ ชั้นก็เป็นของชั้นแบบนี้ นายมายุ่งอะไรด้วย ถึงชั้นจะชอบงี่เง่า เอาแต่ใจ ขี้โมโห ขี้วีน มันก็เป็นเรื่องของชั้นรึป่าว มันไปหนักหัวใครเหรอ” คำพูดที่เธอพ่นออกมาจากปาก ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก นี่เธอกำลังร้องไห้อยู่เหรอ? “ฉันเป็นคนอย่างนี้แล้วมันหนักหัวใคร เป็นแบบนี้แล้วมันไม่ดีตรงไหน เหมือนผู้ชายแล้วไงล่ะ ก็เรื่องของฉัน ก็ฉันเป็นแบบนี้ใครไม่สนก็ช่างมันสิ”

“นี่.............. ฉันขอโทษ...............ฉันพูดอะไรผิดไปรึป่าว?”

“ไม่ต้องมายุ่ง!!”

        ประโยคสุดท้ายที่เธอพูดออกมา ทำเอาผมยืนอึ้งไปชั่วครูหนึ่ง นี่เธอไปเจอเรื่องอะไรมากันแน่ ทำไมชีวิตที่เธอเป็นอยู่มันช่างดูเศร้าแบบนี้กันนะ หรือเธออาจจะเป็นแบบเรา การที่ต้องสูญเสียใครคนหนึ่งไป แต่เรารักษาเข้าไว้ได้เลย

        ผมหลุดจากภวังค์นั้นและรีบวิ่งตามเธอไปเพื่อที่จะตามไปขอโทษในสิ่งที่ผมอาจจะทำให้เธอต้องร้องไห้ ในคำพูดที่ทำให้เธอมีน้ำตา เพราะไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่สามารถที่จะทนเห็นผู้หญิงต้องมาร้องไห้เสียใจได้ และถ้าเรื่องนั้นต้นเหตุมันมาจากผมด้วยแล้ว

        ผมตามเธอออกมาจากร้าน ก่อนที่จะเดินออกมา เจอเธอวิ่งข้ามถนน ผมจึงรีบวิ่งตามเธอไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และตอนนี้เอง.................

 

เอี๊ยดดด.....................โครม

        แสงไฟสีขาวที่สาดส่องมายังใบหน้าของผมทำให้ผมกระพริบตาถี่ๆหลายต่อหลายครั้ง คนในชุดคลุมสีขาวผิดผ้าปิดจมูกไว้ กำลังรายล้อมตัวผมอยู่ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมเห็นเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่ผมจะตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝันที่ทำให้ผมจดจำไปจนวันตาย เมย์

 

********************************

 

“เมย์............เมย์ เดี๋ยวก่อนดิเมย์ ฟังกันให้รู้เรื่องก่อน จะรีบไปไหน.........ทำไมล่ะ เมย์ไม่ได้รักกันตั้งแต่แรกแล้วใช่รึป่าว เมย์มองหน้าเราดิ จะหลบหน้าทำไม”

“เออ ใช่!! ถ้าโอมต้องการคำตอบมากขนาดนั้นนะ ก็ได้เมย์จะพูดให้ฟัง เมย์ ไม่ได้ รัก โอม แล้ว ชัดรึยัง คราวนี้ก็เลิกตามตื้อเมย์สักทีนะ”

“ไม่อะเมย์ โอมทำไม่ได้อะ”

“ต้องได้สิ เมย์กับโอมเลิกกันตั้งสองเดือนแล้วนะ ตอนนี้เมย์ก็มีแฟนใหม่แล้วด้วย โอม พอเถอะ อย่าพยายามอีกเลยนะ”

“แต่โอมทำไม่ได้อะเมย์ โอมรักเมย์ไปแล้ว จะให้ทำยังไงได้”

“ก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ โอมแค่เลิกพยายาม เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จบเอง ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวาย ไม่ต้องมาอะไรกับเมย์ โอมลืมเมย์ไปได้ยิ่งดี ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ขอโทษนะโอม ที่เมย์ต้องแบบนี้ ขอร้องแหละโอม เลิกยุ่งกับเมย์ แล้วลืมลืมเมย์ไปซักที”

“แต่.........................”

“โอม.................โอมน่าจะเข้าใจที่เมย์พูดนะ”

“เมย์....เดี๋ยวก่อนดิเมย์ อย่าพึ่งไป เมย์ .....................เมย์”

 

เอี๊ยดดด.........โครม

 

“เมย์”

 

+++++++++++++++++++++++

 

“คนไข้เป็นเป็นโรคหัวใจอ่อนแรงครับ เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว และตอนนี้เองร่างกายก็รับภาระหนักมากจากการใช้ชีวิตประจำวัน และจากก็อุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วย หมอเกรงว่าคนไข้อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานครับ”

“หมอ......ไม่มีทางรักษาได้เลยเหรอ”

“ทางเราต้องรอดูอาการไปอีกสักระยะนะครับ และคุณเองก็กลับไปพักผ่อนด้วยก็น่าจะดีนะครับ เพราะคุณเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเหมือนกัน หมอขอตัวแค่นี้นะครับ”

“หมอ เดี๋ยวก่อนดิ หมอ......”

 

+++++++++++++++++++++++

 

        สุดท้ายเราก็ทำอะไรไม่เคยได้เลย ไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆ เมย์ เป็นแบบนี้ แต่เราไม่เคยที่สังเกต ทั้งๆที่เขาอยู่ใกล้ตัวของเราตลอดเวลา แต่ทำไม ทำไมกัน

“โอม......... พี่กัน พี่มีเรื่องที่จะบอกกับโอม.........คือ.....ที่จริงแล้ว พี่ไม่ได้คบกับเมย์หรอก และก็ไม่เคยคิดที่จะคบด้วย เพราะเมย์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกะพี่”

“พี่ว่าไงนะ?”

“โอมฟังไม่ผิดหรอก เมย์เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ เราโตมาด้วยกันต้องแต่เด็กแล้ว และก็สนิทกันมากด้วย”

“แล้ว??? ..................แล้วทำไม พี่ไม่บอกผมล่ะ ปล่อยให้ผมโง่ตั้งนานเพื่ออะไร แล้วที่พวกพี่ไม่บอกผมนี่คือ พี่ต้องการอะไรกันแน่?”

“พี่ไม่ได้ต้องการอะไรหรอกโอม แต่เมย์เขาต้องการ”

“ต้องการเหรอ ต้องการอะไรล่ะ ทำไมเมย์ไม่มาบอกผมล่ะ ว่าเมย์ต้องการอะไร”

“เขาแค่ไม่อยากให้โอมรู้เรื่องนี้...........เมย์เขาเป็นโรคหัวใจอ่อนแรงตั้งแต่เด็ก เมย์มักจะมีอาจารย์หายใจไม่ค่อยออกและเหนื่อยง่าย ที่เมย์ทำแบบนี้ ก็เพราะแค่ว่า ไม่อยากให้โอมหนักใจ ไม่อยากให้โอมต้องมากังวลอะไรอีก เมย์เขาอยากที่จะให้โอมลืมเมย์ไปและใช้ชีวิตกับคนที่ดีกว่า เพราะว่าเมย์เองก็ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน”

“เมย์........... เมย์เขาทำแบบนี้แล้วเขาเคยรู้บ้างมั๊ย ว่าผมรู้สึกยังไง พี่รู้มั๊ย มันทำให้ผมแย่กว่าเดิมอีก ทุกสิ่ง ทุกอย่าง มันทำให้ผมแทบจะเป็นบ้า เพราะว่าเมย์มีอะไรก็ไม่เคยบอกเลย เมย์เอาแต่เก็บเงียบมาโดยตลอด ทำไมเขาไม่บอกผมตรงๆ เมย์.....................”

“เมย์ เขาฝากพี่ขอโทษ โอม และก็ขอบใจโอมในทุกเรื่องที่ผ่านมานะ พี่แค่อยากบอกโอมไว้ก่อน.......ขอโทษนะ”

 

        และสุดท้ายทุกคนก็เอาแต่ปิดบังความจริงกับผม การที่เราดูเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่นนี่มันน่าสมเพชจริงๆ

“เมย์ โอมขอโทษ ขอโทษในทุกๆเรื่องที่โอมทำให้เมย์อึดอัด ทำให้เมย์ไม่สบายใจ โอมขอโทษ ในเรื่องที่ทำให้เมย์ต้องมาเป็นแบบนี้ โอมขอโทษ เมย์ เมย์อย่าจากโอมไปไหนนะ”

 

“เมย์ไม่ไปไหนหรอก เมย์ขอโทษนะ ที่ทำให้โอมต้องเสียใจ” เสียงแรกกับการกระพริบตา เธอฟื้นแล้ว

“เมย์ เมย์ฟื้นแล้ว”

“อื้ม เมย์ฟื้นแล้ว เมย์ไม่ไปไหนหรอก เมย์จะอยู่ข้างๆโอมเสมอแหละ เมย์ขอโทษที่เมย์ทำให้โอมเจ็บ ทำให้โอมต้องเสียใจ ขอโทษที่ทำเรื่องไม่ดีกับโอมมากมาย”

“ไม่เอาเมย์ ไม่พูดแล้ว โอมรู้แล้วว่าเมย์ไม่ได้ตั้งใจ โอมต่างหากที่ผิด โอมขอโทษ เพราะโอมไม่เคยรู้อะไรเลย โอมขอโทษนะเมย์”

“ไม่เป็นรัยหรอกโอม เมย์ไม่เคยที่จะโกรธโอมเลย เมย์ อยากจะอยู่กับโอมนะ เมย์ขอโทษที่ทำแบบนั้นลงไป แต่โอมก็ยังอุตส่าห์รอเมย์เสมอ ขอใจนะโอม”

“โอมรอเมย์เสมอนะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ นานแค่ไหน โอมก็รอเมย์ และรอเพียงเมย์”

“แล้วต่อจากนี้ล่ะ? โอม.......ยังจะรอเมย์ใช่มั๊ย โอมจะรอเมย์อยู่หรือป่าว”

“คับ โอมสัญญา โอมจะรอเมย์”

 

        ผมสัญญาว่าผมจะรอเธอ แต่แล้ว เธอก็จากมไป ผมรอคอยเธอมา 1 ปีเต็ม และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอจากผมไปตลอดกาล โอมรอเมย์แล้วนะ แล้วทำไม เมย์ถึงจากโอมไปนานขนาดนี้ เมย์?

 

***************************************

 

“เมย์”

 

        ผมสะดุ้งตื่นมาท่ามกลางห้องที่มีแสงไฟจ้าทั่วทุกสารทิศ สิ่งที่ผมจำได้ก่อนที่ผมจะจมอยู่ในนิทรา นั่นก็คือ ภาพของหญิงสาวที่ผมได้ผลักเธอออกจากรถที่กำลังจะพุ่งเข้ามาหาเธอ ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้เธอคนนั้นเป็นยังไงบ้าง แต่ในตอนที่ผมกำลังคิดว่าเธอจะเป็นยังไงอยู่นั้น สิ่งแรกที่ผมตกใจคือการที่ได้ยินเสียงเธอคนนั้นเป็นเสียงแรก เมื่อลืมตาขึ้นมา

“ยังไม่ตายอีกเหรอ หนังเหนียวจังนะนาย” นั่นไง จะทักดีๆ ก็ไม่ได้

“เฮ้อ คนเข้าอุตส่าห์ช่วย ตอบแทนด้วยคำพูดแบบนี้เนียะนะ”

“ใครเค้าขอให้ช่วย.................แต่..............เอาเถอะ ยังไงก็ขอบใจนะ” เสียงที่เปล่งออกมาของเธอ อาจจะไม่ค่อยตรงกับหน้าตาสักเท่าไหร่ เพราะต่อให้เธอจะทำหน้าบึ้งหน่อยๆ แต่ก็ทำให้ผมรู้ว่าเธอเองก็แอบยิ้มอยู่เช่นเดียวกัน

“เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า สบายอยู่แล้ว ว่าแต่เธอล่ะ ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั๊ย”

“แค่นี้สบายมาก เป็นห่วงตัวเองก่อนเหอะ” เหอะๆ มันก็จริงแหละ ตัวเองน่าเป็นห่วงกว่าเยอะท่าทางมะรอมมะร่อแล้ว ว่าแต่นี่เราหลับไปนานแค่ไหนกันนะ

“เอ่อ นี่ ฉันหลับไปนานแค่ไหนเหรอ”

“ถามเหมือนนางเอกละครช่องเจ็ดเลยนะ พอฟื้นก็มักจะถามว่าหลับไปกี่วัน” เอ๊า!! ละจะให้ถามว่าไงล่ะครับคุณท่าน ทีตอนคุณเธอก็ถามแบบนี้ไม่ใช่เหรอ “นายหลับไปสามวันเต็มเลย ง่วงมากรึไง”

“ก็ว่าแหละ” สิ้นสุดประโยค ความเงียบได้มาเยือนภายในห้อง ไปต่อไม่ถูกเลย ไม่รู้จะพูดถึงเรื่องอะไรด้วย ถ้างั้น.......เอาเป็นเรื่องหุ้นดีมะ หรือจำนวนประชากรโลก หรือว่าจำนวนคนตกงาน ตกลงนี่เราเป็นอะไรไปเนียะ ทำตัวไม่ถูกแล้วโว้ยๆๆๆๆ “นี่......................” พูดไปแล้ว พูดไปแล้ว เราพูดออกไปจนได้ “เอ่อ....คือ....... ฉัน ขอโทษนะ ที่ทำให้เธอมีแผล”

“ก็บอกแล้วไงไม่เป็นรัยหรอก ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย ทำเอานายเจ็บตัวจนได้ งั้นเอางี้มะ ฉันให้นายขออะไรจากฉันเพื่อเป็นการขอโทษ ดีป่ะ”มองไปที่เธอวูบหนึ่งก่อนที่จะค่อย เลื่อนสายตาไปมามองดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า และมองสลับไปมาขึ้นลงแบบนั้น

“ขออะไรก็ได้เหรอ?” หึๆ ขออะไรดี??

“นี่ๆ เลิกทำสายตาแบบนั้นได้ละ อยากไปนอนตายให้หนอนรับประทานรึไง”

“เอ๊า เดี๋ยวดิ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“ไม่รู้แหละ นายชอบทะลึ่ง อันตราย”

“โห๋!! เธอแหละที่อันตรายกว่า........งั้นเอางี้ ให้เธอมาเป็นเบ้ฉันหนึ่งอาทิตย์ เพื่อเป็นการตอบแทน เอาป่าว”

“นี่ เรียกเบ้เลยเหรอ ไม่เอากลับไปเป็นคนใช้ที่บ้านเลยล่ะ”

“เออ ก็ดีเหมือนกัน”

“ฉันประชดย่ะ แต่ก็เอาเหอะ หนึ่งอาทิตย์ก็ได้” นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ยัยนี่ยื่นข้อเสนอมาให้ผมเอง แต่ก็ดี จะได้แกล้งคืน เอ๊ย!! จะได้สบาย ยิ่งพักนี้ร่างกายอ่อนแออยู่ เอาเป็นว่า ขอบคุณที่จะมารรับใช้กันแต่...................สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดฝันสลายลงไปในพริบตา

 

“นี่หัดเก็บข้าวของให้เข้าที่ซะมั่งดิ ดูสินี่อะไรเสื้อผ้ารกรุงรังไปหมด จานนี่ไม่เคยจะเก็บมันมั่งเลยหรือไง เดี๋ยวดิ กินขนมก็อย่าให้มันหกเลอะเทอะสิ นี่ขยับไปสิ คนจะกวาดอยู่นี่ไม่เห็นหรือไง”

 

        เอาเป็นว่าไม่ต้องสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเสียงนี้เป็นเสียงของเฟย์ หรือยัยขี้วีนที่ผมเรียกบ่อยๆ  ซึ่งเป็นคนอาสาที่จะทำตามคำขอผมหนึ่งข้อ ตอนแรกก็ดีใจอยู่หรอก แต่เมื่อเวลาผ่านไปทำให้ผมรับรู้ว่า เหมือนได้แม่แทนที่จะเป็นคนใช้ จะเป็นยังไงต่อไปละเนี๊ยะ ชีวิตเรา.........

บางคนอาจดูเป็นคนที่ไม่เอาไหน ดูไม่น่าคบหา แต่หารู้ไม่ว่า คนๆนั้น อาจเป็นคนที่ดีแสนดี กว่าที่ใครหลายคนเป็น ก็อาจเป็นไปได้ ถือว่านี่เองก็เป็นความทรงจำครั้งใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นก็แล้วกัน

 

##################################

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา