โลกหมุนตามเรา

9.7

เขียนโดย nuskung

วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.43 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,372 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563 08.45 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

4) สมการชีวิต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

          อลงกต นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เจ้าของบริษัท พริกแกงอินเตอร์ จำกัด 

          นั่งดูเอกสารบนโต๊ะทำงานอย่างคร่ำเคร่ง แต่แล้วเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์

          ซึ่งเป็นเพลงสากลทันสมัยก็ดังขึ้น ชายหนุ่มมองชื่อของปลายสายที่เรียกเข้ามา

          แล้วกดตัดสายทิ้ง แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป เพียงครู่เสียงเรียกเข้า

          โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก เขาจึงกดรับสาย

          "ครับแม่"

          "ยุ่งเหรอโอม แม่จะชวนเรามากินข้าวเย็นที่บ้านน่ะ"

          "เย็นนี้ผมมีนัดกับลูกค้าครับ เอาไว้วันไหนว่างๆแล้วผมค่อยไปนะครับ"

          "ก็ได้จ้ะ งั้นลูกทำงานต่อเถอะนะ" 

          อี๊ด หญิงชราวัย 65 วางสายแล้วเหม่อมองไปยังระเบียงนอกบ้าน นานเท่าไรแล้ว

          ที่ลูกชายคนเดียวของเธอไม่ได้กลับมาเยี่ยมเธอที่บ้านหลังนี้

         

          อลงกตเรียนจบด้วยเงินที่ได้จากการขายพริกแกงของแม่ เมื่อพ่อของ

          เขาสิ้นลมลงด้วยอุบัติเหตุรถชน แม่ก็ต้องทำงานมากขึ้นเนื่องจากตอนนั้น

          เขากำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เป็นช่วงที่ต้องใช้เงินอีกมาก

          แม่ก็ต้องตำพริกแกงตั้งแต่ตีสาม เพื่อเอาไปขายที่ตลาดตอนเช้ามืด

          ซึ่งเขาจะเป็นคนเอาไปขายเอง จนกระทั่งสายๆเขาจึงอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียน

          ต่อมาลุงของเขาเห็นว่า แม่เหนื่อยมากที่ต้องใช้แรงตำ ตำ ตำ เพื่อให้ได้พริกแกง

          ขึ้นมาสักกิโลหนึ่ง ลุงเลยออกเงินซื้อเครืองบดวัตถุดิบให้สองแม่ลูกนี้ได้ใช้งานกัน

          เมื่ออลงกตสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในคณะเทคโนโลยีอาหารได้

          เขาก็ต้องยอมนั่งรถเมล์ไปกลับ เพราะไม่อยากทิ้งแม่ไว้ที่บ้านคนเดียว

          ระยะเวลาเดินทางจากบ้านไปมหาวิทยาลัยก็ประมาณ 2 ชั่วโมง 

          ช่วงไหนถ้าเขาว่างก็จะช่วยแม่ทำพริกแกงตลอด อลงกตทนเหนื่อยเพื่อแม่

          เขาทำอย่างนี้มา 4 ปี ระหว่างที่เรียนอยู่นั้น เขาได้นำความรู้ที่ได้ร่ำเรียน

          มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแม่ตลอด จนวันที่เขาเรียนจบ เขาได้เตรียมเอกสารใน

          การยื่นกู้กับธนาคารไว้เรียบร้อยแล้ว เขาทำแผนธุรกิจที่จะก่อสร้างบริษัท

          เพื่อส่งออกพริกแกงของแม่ไปทั่วโลก เขาใช้เวลาในการบ่มเพาะและพัฒนา

          จนกระทั่งเขาก้าวขึ้นมาเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าด้วยวัยเพียง 33 ปีเท่านั้น

          

          แม่ของเขานั่งคิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกปลื้มใจกับลูกชาย แต่เธอต้องสูญเสียเวลา

          ที่จะได้อยู่กับเขาไปเกือบตลอด 10 ปี นานๆที อลงกตจึงจะกลับมาบ้าน

          ปกติเขาจะนอนที่คอนโดที่ใกล้กับออฟฟิศนั่นเอง 

 

          เสียงออดดังขึ้น เธอชะโงกมองแล้วต้องยิ้มออก เพราะคนที่มาหาคือพี่ชายของเธอ

          "พี่อู๊ด เข้ามาก่อนๆ" เธอเดินไปเปิดประตูบ้าน ชายวัยใกล้เคียงกับเธอเดินเข้ามา

          พร้อมกับภรรยา และหลานสาวตัวเล็กๆอีกคนหนึ่ง

          "วีนัส ไหว้ย่าอี๊ดสิลูก"  หญิงชราวัยเดียงกับแม่ของอลงกตบอก

          "สวัสดีค่ะย่าอี๊ด สบายดีไหมคะ วีนัสคิดถึงย่าอี๊ดจัง"

          หนูน้อยพูดจาประจบประแจง จนผู้ใหญ่ทั้งสามหัวเราะขำ

          "ย่าก็คิดถึง หนูหายไปนานเลย ทีหลังมาบ่อยๆสิ ย่ามีขนมให้กินเยอะแยะเลยนะ"

          ย่าอี๊ดบอกพร้อมกับเอามือขยี้ผมของหนูน้อยเบาๆ

          "เป็นไงบ้างอี๊ด เงียบไปนาน ฉันน่ะชวนพี่อู๊ดมาหลายรอบแล้ว รายนั้นเค้าก็ขี้เกียจ

          ขับรถบ้างอะไรบ้าง" 

          ถวิล พี่สะใภ้ของอี๊ดกล่าว 

          "ไม่เป็นไรหรอกหวิน ไม่สะดวกก็ไม่ต้องมา โทรคุยกันก็ได้"

          อี๊ดบอก แล้วชวนแขกผู้มาเยือนเข้าไปในบ้าน พร้อมกับหาน้ำหาท่าให้ดื่ม

          "ตาโอมล่ะ มาบ้างไหม" ผู้เป็นพี่ชายถามอี๊ด

          "ไม่ว่างมาเลย 2 เดือนได้แล้วมั้ง ฉันก็โทรหาเขาอยู่ทุกวัน"

          "ไอ้นี่มันใจดำกับแม่มันจังวะ แทนที่จะกลับมาหา มาเยี่ยมบ้าง ทำแต่งานอย่างงี้

          ชีวิตมันจะสมดุลไหมนั่น"  อู๊ดกล่าว

          "อย่าไปว่าเค้าเลยพี่อู๊ด โอมเค้าทำงานก็อย่างงี้แหละ"

          "เธอล่ะก็ เข้าข้างลูกชายตลอด ของฉันนี่ถ้าหายไปแค่อาทิตย์เดียวก็โทรว่ากล่าว

          กันแล้ว"

          อี๊ดได้แต่ยิ้มไม่ว่ากล่าวอะไรต่อ เพราะกลัวจะเคืองกันเปล่าๆ

 

          ตกเย็นวันนั้น อลงกตมีนัดทานอาหารกับลูกค้ารายสำคัญ เขาไปนั่งรอที่ร้านอาหาร

          ก่อนเวลานัดประมาณ 15 นาที ใกล้เวลาแล้วเขาจึงเตรียมตัวจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่

          เข้าทาง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

          "สวัสดีครับ คุณพระนาย"

          ปลายสายกรอกเสียงกลับมา

          "คุณโอม ผมคงไปไม่ได้แล้วนะวันนี้ คือแม่ผมไม่สบายผมก็เลยพาท่านไปหาหมอ

          ผมไม่อยากให้ท่านไปกับแม่บ้านน่ะครับ เอาไว้เลื่อนเป็นวันหลังนะครับ"

          "ได้ครับคุณพระนาย ขอให้คุณแม่คุณมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ หายไวๆครับ"

          "ขอบคุณครับ ขอบคุณที่เข้าใจผมนะ" 

          เมื่อวางสายเรียบร้อยแล้ว เขานั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงสั่งพนักงานเช็คบิล

          แล้วขับรถออกไปอย่างเร็ว

          เขาขับรถมุ่งตรงไปยังบ้าน บ้านที่เขาเกิด เขาเติบโตมา

         

          เพียงชั่วโมงเดียว รถสปอร์ตคันหรูของเขาก็มาจอดอยู่หน้าประตู

          เขาเปิดประตูรั้ว พารถเข้าไปจอดในบ้าน

          เขาเปิดประตูรถแล้วก้าวเท้าลงไป พาตัวเข้าไปในบ้าน

 

          ที่ห้องรับแขก            แม่ไม่อยู่....

           

          ที่ห้องน้ำ                 แม่ไม่อยู่....

 

          ที่ระเบียงข้างบ้าน       แม่ไม่อยู่....

          

          ที่ห้องครัว                แม่ไม่อยู่....

 

          อลงกตใจหายวาบ แม่ไปไหน หรือแม่เป็นอะไร เขาจึงรีบว่งไปบนชั้นสอง

          เปิดเข้าไปที่ห้องแม่      แม่ไม่อยู่....

           

          เขาจึงวิ่งไปที่ห้องนอนของเขา ห้องที่เขาใช้ตั้งแต่เด็กจนโต

          "แม่ครับ"

          เขาตะโกนเรียก แม่หันมาพร้อมกับรอยยิ้มดีใจ

          "โอม ไหนว่าไม่ว่างไงลูก"  แม่โอบกอดชายหนุ่ม เขากอดแม่แน่นพร้อมกับร่ำไห้

          "โอมจะขายคอนโดนะแม่ โอมจะกลับมาที่บ้านทุกวันเหมือนเมื่อก่อนนะครับ"

          "ทำไมล่ะโอม ขับรถมันเหนื่อยนะลูก"

          "ไม่ครับ โอมไม่เหนื่อย โอมอยากอยู่กับแม่ครับ"

 

         สองแม่ลูกกอดกันกลม ความรักความห่วงหาอาทรเกิดขึ้นในจิตใจของคนทั้งสอง

       

 

         ถึงแม้ว่าการงานจะพลัดพรากเราออกจาก พ่อแม่ 

         แต่อย่าลืมว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่จะอยู่กับเราตลอดไม่ใช่เงินทอง หรืองาน

         แต่คือ ครอบครัว นั่นเอง

          

       

 

          

 

 

          

 

          

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา