Skip ความจนทะลุมิติ (Poor boy & Dogs)

9.0

เขียนโดย January13

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.37 น.

  7 บท
  1 วิจารณ์
  8,599 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2563 20.45 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

5) ลุงขายลอตเตอรี่​

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ผมกับผู้อารักขา 3 ตัวค่อยๆ เดินสำรวจพื้นที่อย่างระมัดระวัง ชั้นแล้วชั้นเล่าไล่ลงไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยพบซอมบี้พนักงานเท่าไหร่นัก พวกมันคงไม่มีแรงเดินขึ้นบันไดเพราะด่างล็อคลิฟท์ทุกตัวไว้หมดแล้ว เมื่อถึงชั้น 1 พวกเราแวะมาส่งด่างที่ห้องควบคุมไฟฟ้าเพื่อให้มันจัดการเรื่องระเบิดก่อนจะค่อยๆ ย่องลัดเลาะมาจนถึงบริเวณฟร้อนของตึกซึ่งกว้างขวางมาก มีพวกซอมบี้พนักงานรวมตัวกันอยู่ตรงนั้นน่าจะเกือบ 200 ตัว

 

          “นวล พร้อมไหม” ดำหันมาถาม นวลพยักหน้าตอบอย่างหนักแน่น

 

          “แต่ฉันยังไม่พร้อม” ผมพูดแทรกขึ้น

 

          “หรือคุณจะรออยู่ตรงนี้” นวลกระเซ้าเย้าแหย่

 

          “ไม่มีทาง” ผมตอบอย่างไม่ต้องคิด

 

          “งั้นก็ตามมา” ดำพูดจบก็พรวดออกไป ผมยังไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ

 

          “ไงเพื่อน” ดำทัก พวกมันหันมามองอย่างเหี้ยมเกรียม ดำกราดยิงไม่เลี้ยงด้วยปืนเอ็ม 16 คู่ใจ ผมหลบอยู่ข้างหลังมันส่วนเจ้านวลก็คอยระวังหลังให้ผมอีกที ดำค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยังทางออก มันพาผมแหวกฝูงซอมบี้พนักงานมาจนถึงหน้าประตู ดำและนวลรวมพลังกันสาดกระสุนใส่กลุ่มซอมบี้พนักงาน ส่วนผมในมือมีท่อนเหล็กที่หามาได้ระหว่างทางจึงพอจะช่วยได้อีกแรง แต่พวกมันมีเยอะมากทำยังไงก็ไม่หมดสักที ผมภาวนาให้ด่างรีบทำระเบิดเสร็จเร็วๆ

 

          “พี่ดำ ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ” นวลตะโกนบอก

 

          “นั่นด่าง” ผมหันไปเห็นพอดีรู้สึกดีใจมากผมจะรอดตายแล้ว ด่างใช้ระเบิดควันปาใส่พวกซอมบี้พนักงานก่อนจะแทรกตัวมาหาพวกเราที่ยืนรออยู่หน้าประตู

 

          “ด่างมาแล้ว พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ” ผมพูดพรางทำท่าจะปลดโซ่ที่คล้องประตูไว้ออก

 

          “ไปกันเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง” ด่างบอก

 

          “พี่ด่างพูดอะไรน่ะ มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ” นวลว่า

 

          “ในห้องควบคุมไฟฟ้า... มันมีซอมบี้ช่างไฟซ่อนอยู่ในน่ะ ฉันเองก็ไม่ทันระวัง” ด่างเล่า

 

          “หมายความว่ายังไง ไม่ทันระวัง” ดำถาม

 

          “ฉันโดนมันกัดเอาน่ะ” ด่างตอบ

 

          “ว่ายังไงนะ!! เป็นไปได้ยังไง??” นวลเริ่มเสียงสั่น

 

          “แค่แผลเล็กๆ ที่มือน่ะ คิดว่าอีกไม่กี่นาทีคงจะกลายเป็นซอมบี้หมาพันธุ์ทาง น้ำลายยืด ขี้ตาแฉะเหมือนหมาบ้าแหงเลย น่าเกลียดน่าดูฉันรับไม่ได้หรอก”

 

          “ด่าง” นาทีนั้นดำพูดได้คำเดียว แววตาสะท้อนความเจ็บปวดที่กำลังจะสูญเสียน้องชายไปอย่างไม่ทันได้เตรียมใจ

 

          “รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวควันจางแล้วจะเป็นเรื่อง” ด่างบอกสีหน้าไม่ได้แสดงความโศกเศร้าให้พี่น้องต้องกังวล ดำตบไหล่น้องชายแรงๆ ก่อนจะปลดโซ่ที่คล้องประตูแล้วก้าวออกไปก่อนโดยไม่หันกลับมามอง

 

          “ทอง ขอบคุณสำหรับลูกชิ้นเอ็นหมูในวันนั้นนะ อ่อแล้วก็ที่เล่นเกมส์รถแข่งด้วยกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมชนะเลยรู้ไหม เล่นกับพี่ดำทีไรผมแพ้ทุกที” ด่างพูดกับผมอย่างอารมณ์ดี ทำเอาผมเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

 

          “ขอบใจนายมากนะด่าง ถ้าไม่มีนายฉันคง...”

 

          “มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วทอง ยินดีที่ได้รับใช้” ด่างพูดแทรก ผมได้แต่พยักหน้าเบาๆ มองเขาเพื่อจดจำรอยยิ้มไร้กังวลนั้นเอาไว้และจะไม่มีวันลืม

 

          “พี่ด่าง” นวลเรียกเสียงเครือพยายามกล้ำกลืนน้ำตาอย่างยากลำบาก

 

          “ไปได้แล้ว” ด่างบอกแล้วตบไหล่น้องสาวเบาๆ นวลและผมจึงรีบออกมาขึ้นรถตู้อาบน้ำตัดขนสัตว์เคลื่อนที่สีสันแสบตาคันเดิมที่ดำสตาร์ทเครื่องรอไว้แล้ว รถออกตัวไปอย่างรวดเร็ว ผมมองผ่านกระจกท้ายรถเห็นแสงสว่างวาบขึ้นที่ชั้น 1 ของตึกกลาง เสียงระเบิดดังตูมใหญ่กระจกแตกกระจาย ไฟไหม้ลุกท่วมเต็มไปหมด   

 

          “ด่าง” ผมเรียกเบาๆ น้ำตาร่วงอย่างไม่อาจควบคุมได้ เมื่อภาพตรงหน้าลับตาไป ผมจึงหันกลับมานั่งนิ่งๆ อย่างใจลอย วันนี้ผมสูญเสียเพื่อนไป 1 ตัว จะโทษใครดี โทษซ่อมบี้ช่างไฟที่กัดด่าง โทษสุพรลูกชายของผมที่ปล่อยเชื้อซอมบี้ให้พนักงานคนนั้น หรือโทษผมที่พาตัวเองและหมา 3 ตัวมาเจอเรื่องแบบนี้ นวลปล่อยโฮอย่างไม่ปิดบัง หมาสาวที่แสนดุดันตอนนี้กลายเป็นแค่ลูกหมาอ่อนแอตัวนึงเท่านั้น ส่วนดำไม่ร้องไห้สักแอะ มันยังคงดูเข้มแข็งเหมือนเดิมแต่ทว่าแววตาเปี่ยมไปด้วยความปวดร้าว  

 

          ไม่คิดเลยว่าหลังจากถูกลอตเตอรี่รางวัลแจ็คพ็อตผมจะกลายเป็นคนที่ลุ่มหลงในอำนาจ เกียรติยศ เงินทอง ความโลภและกิเลสตัณหา จนไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ทำให้คนรอบข้างเกลียดและอยากจะฆ่าผม ตั้งแต่ลูกจ้าง เพื่อนสนิท ภรรยา ตลอดจนลูกชายแท้ๆ ของตัวเอง นี่ผมจะต้องใช้ชีวิตบั่นปลายที่เหลืออยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่สามารถไว้ใจใครได้และต้องคอยเอาตัวรอดจากการถูกปองร้ายอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นหรือ วันนี้ผมสูญเสียด่างไปแล้ว ถ้าวันข้างหน้าเกิดนวลหรือดำเป็นอะไรไปอีกแล้วผมจะทำอย่างไร

 

          ระหว่างทางกลับเกสเฮ้าส์ผมครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพื่อทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีบทสนทนาใดๆ ตั้งแต่ออกรถมาจนถึงตอนนี้ที่รถกำลังติดไฟแดงอยู่สี่แยกแห่งหนึ่ง ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นคนหน้าตาคุ้นๆ เดินอยู่ริมฟุตบาท   

 

          “ดำ ฉันว่าฉันเจอคนรู้จัก ขอลงไปคุยกับเขาสักเดี๋ยวได้ไหม”

 

          “เป็นคนที่คิดจะฆ่าคุณอีกหรือเปล่า” นวลถาม

 

          “ไม่ใช่แน่ๆ” ผมบอก ดำพยักหน้าอนุญาตก่อนจะสั่งนวลให้ตามมาคุ้มกันด้วย พอลงมาจากรถผมก็มองเขาคนนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นคนๆ เดียวกันกับที่ผมคิด แล้วก็ใช่จริงๆ

 

          “ลุงๆๆ จำผมได้ไหม” ผมตรงไปถามเขา

 

          “ลอตเตอรี่หมดแล้วครับ” เขาบอก

 

          “ผมไม่ได้จะมาซื้อลอตเตอรี่ ลุงจำผมได้ไหมวันนั้นที่ผมซื้อลอตเตอรี่ของลุง”

 

          “จำไม่ได้หรอกคุณ คนซื้อลอตเตอรี่เยอะแยะเสียงก็คล้ายกันไปหมด จะไปจำได้ยังไง”

 

          “ลุงลองนึกดูดีๆ วันนั้นที่ผมบอกว่าอยากจะข้ามช่วงเวลาจนๆ ไปเลยได้ไหม แล้วลุงก็บอกว่ามันมีปุ่ม Skip อยู่ พอผมกดไอ้ปุ่ม Skip บ้านั่นผมก็มาอยู่นี่ อนาคตของผมที่ร่ำรวยมีทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม มีเรือยอร์ช รถลีมูซีน คฤหาสน์ กิจการใหญ่โต มียศตำแหน่ง บริวาร มีเพื่อน มีครอบครัว มีเงินทองมากมายใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด มีทุกอย่างยกเว้นความสุข ต้องคอยหนีตายหัวซุกหัวซุนตลอดเวลา ลุงจำได้หรือยัง ขอร้องหละช่วยนึกให้ออกเถอะนะ” ผมอ้อนวอนอย่างไม่มีหนทางอื่น จริงๆ แล้วไม่มีทางเป็นไปได้ที่ชายคนนี้จะเป็นลุงตาบอดขายลอตเตอรี่คนเดียวกันกับที่ผมคิด ตอนที่ผมเจอแกครั้งแรกผมพึ่งจะอายุ 17 ตอนนี้ปาเข้าไป 50 กว่า ลุงแกน่าจะตายไปนานแล้ว

 

          “อะไรนะทอง คุณกำลังจะบอกว่าคุณมาจากอดีตหรอ” นวลได้ยินที่ผมพูดจึงถามขึ้น

 

          “ใช่ ฉันกดปุ่ม Skip มา”

 

          “ปุ่ม Skip!? พูดเป็นเล่น มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ นี่คุณตกใจจนเสียสติไปแล้วใช่ไหม” นวลไม่อยากจะเชื่อ จริงๆ ผมว่าหมาพูดได้แปลกกว่าอีก

 

          “อืม...ขอคิดดูก่อนนะ...อ๋อคิดออกแล้วเด็กสลัมคนนั้นเอง” ลุงขายลอตเตอรี่พูดอย่างนึกขึ้นได้

 

          “จำได้แล้วใช่ไหมลุง” ผมดีใจมาก ถึงมันดูไม่น่าจะเป็นไปได้ก็เถอะ

 

          “จำได้ๆ แล้วยังไง”

 

          “คือตอนนี้ผมแย่มากเลยลุง มีคนตามฆ่าผมเต็มไปหมด”

 

          “แล้วเอ็งจะมาบอกข้าทำไม ข้าไม่ใช่ตำรวจนะ”

 

          “โธ่ลุง ผมไม่เอาชีวิตแบบนี้แล้วได้ไหมขอร้องหละ ผมไม่อยากรวยแล้ว”

 

          “ก็ข้าเตือนเอ็งแล้วไงว่าถ้ากดปุ่ม Skip แล้วเอ็งจะไม่สามารถเรียกชีวิตเก่าคืนมาได้อีก”

 

          “มีทะลุมิติมาอนาคตได้แล้วทำไมจะย้อนอดีตไม่ได้หละ ลุงช่วยผมหน่อยเถอะนะ” ผมอ้อนวอน

 

          “เสียใจด้วยหนุ่ม ข้าช่วยอะไรเอ็งไม่ได้หรอก” พูดจบก็เดินจากไปอย่างเย็นชา ผมหมดหนทางแล้วจริงๆ ตอนนั้นที่ตัดสินใจกดปุ่ม Skip มา เพราะคิดว่ารวยแล้วมันน่าจะดีกว่าแต่ไม่ใช่เลย ผมคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงบ้านและที่นอนเก่าๆ คิดถึงมะลิแล้วก็ลูกชิ้นเอ็นหมูด้วย ระหว่างที่ผมกำลังทำซึ้งอยู่นั้นมีนวลยืนปลอบใจอยู่ข้างๆ นี่เป็นที่มาของคำว่ามีหมาเป็นเพื่อนดีกว่ามีเพื่อนหมาๆ ใช่ไหม นึกสงสัยว่าทำไมสี่แยกนี้ติดไฟแดงนานจัง

 

          “แต่จริงๆ มันก็มีปุ่มรีเฟรชอยู่นะ” จู่ๆ ลุงตาบอดขายลอตเตอรี่ก็เดินกลับมาบอก

 

          “ปุ่มรีเฟรช พูดเป็นเล่น” นวลว่า

 

          “มันอยู่ที่ไหนหรอลุง” ผมถามอย่างตื่นเต้น

 

          “ทอง กำลังจะไฟเขียวแล้ว” นวลขัดจังหวะ แล้วไฟจะมาเขียวอะไรตอนนี้

 

          “มันอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้ เอ็งต้องกลับไปหาที่สลัมบ้านเก่าของเอ็ง อาจจะเจอหรือไม่เจอก็ได้ ข้าไม่รับประกัน” ลุงบอกอย่างมีนัย

 

          “ทองเราต้องไปกันแล้ว” นวลพูดจบก็ลากผมไปขึ้นรถ

 

          “ลุง ขอบคุณมากนะลุง” ผมตะโกนบอก ไม่ทันจะได้ถามชื่ออีกตามเคย จริงๆ ผมน่าจะขอเบอร์มือถือหรือไอดีไลน์ลุงเขาเอาไว้นะ ทำไมเมื่อกี้ถึงไม่คิด พอขึ้นรถมาได้ดำก็ถามทันที

 

          “นั่นใครหรอทอง” 

 

          “เรื่องมันยาว เดี๋ยวถึงเกสเฮ้าส์แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง ฉันต้องการหาอะไรบางอย่างและพวกนายต้องช่วยฉัน” ผมบอก นี่เป็นความหวังสุดท้ายที่ผมจะเอาชีวิตเดิมของผมกลับคืนมา เมื่อถึงเกสเฮ้าส์ผมก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกให้เจ้าหมา 2 ตัวฟัง สิ่งที่พาผมมาอยู่ที่นี่ เจอกับเรื่องวุ่นวายจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดอย่างนี้และต้องสูญเสียสหายอันเป็นที่รักไป 1 ตัว

 

          “มันฟังดูเหลือเชื่อเกินไปนะทอง” ดำพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

          “คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้ตกใจจนเสียสติ” นวลถามเพื่อเช็คความปกติของผม พวกมันมองอย่างกับผมเป็นคนบ้า ผมว่าหมาที่มีเกสเฮ้าส์เท่ห์ๆ อยู่ใต้กองขยะมันก็ไม่ได้แปลกน้อยไปกว่าเรื่องที่ผมเล่าให้พวกมันฟังเมื่อกี้หรอก

 

          “พวกนายจะไม่เชื่อฉันก็ได้ แต่ฉันต้องกลับไปที่สลัมเพื่อหาปุ่มรีเฟรชตามที่ลุงตาบอดขายลอตเตอรี่บอก พวกนายจะช่วยฉันไหม” ผมพูดอย่างมุ่งมั่น

 

          “เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันมาขนาดนี้ จะไม่ช่วยได้ยังไงหละ” ดำบอก

 

          “คุณมีแผนไหม” นวลถามผม

 

          “อืม...ยังไม่มีนะ”

 

          “แล้วคุณจำได้ไหมว่าสลัมนั่นอยู่ที่ไหน” ดำถามต่อ

 

          “ก็...ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ถนนหนทางเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเยอะเลย” ผมบอกตรงๆ ว่าในสมองตอนนี้โล่งมาก ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลยแม้แต่ขี้เลื่อย คิดอะไรไม่ออกไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี

 

          “โอเคทอง ถ้าสมองคุณจะว่างขนาดนั้น เดี๋ยวผมคิดเอง” เจ้าดำว่า มันรู้ได้ยังไงเรื่องพื้นที่ว่างในสมองของผมตอนนี้

 

          “ในเมื่อทองจำทางไปไม่ได้ เราก็ต้องอาศัยดูภาพมุมสูงทางอากาศ ถ้าหากว่าสลัมนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก คุณน่าจะจำได้” ดำเปรย

 

          “ภาพมุมสูงหรอ?” ผมถามพรางคิดตามไปด้วย

 

          “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขึ้นฮอไป” นวลบอก

 

          “แต่พวกนายไม่มีเฮลิคอปเตอร์นี่นา” เท่าที่ผมเดินสำรวจเกสเฮ้าส์แห่งนี้ทุกซอกทุกมุมแล้ว เห็นมียานพาหนะอย่างเดียวคือรถตู้อาบน้ำตัดขนสัตว์เคลื่อนที่เท่านั้น

 

          “แต่คุณมี” นวลมองมาที่ผม จำได้ว่ามีจอดไว้บนเรือยอรช์อยู่ลำหนึ่ง แต่ผมคงไม่ไปเอาหรอกนะ ไม่อยากเจอเพื่อนเก่า

 

          “ฉันไม่ไปให้เล้งมันฆ่าหรอก” ผมรีบออกตัว

 

          “ไม่ได้หมายถึงลำนั้น ฉันหมายถึงลำที่จอดอยู่ที่โรงงานของคุณต่างหาก” นวลชี้แจง

 

          “โรงงานของฉันหรอ?”

 

          “ใช่ นอกจากทองวิลเลจแล้วคุณยังมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรและคลังเก็บสินค้าอยู่อีกที่หนึ่ง ฮอจอดอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารสำนักงาน เราต้องไปที่นั่น” ดำเริ่มคิดแผน

 

          “ฉันคงไม่ต้องไปเจอกับม็อบพนักงานหรือกลุ่มสหภาพแรงงานเรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าแรงใช่ไหม” ตอนนี้ผมกลัวไปหมดทุกอย่าง รู้สึกปลอดภัยที่สุดเมื่ออยู่ในเกสเฮ้าส์ลับแห่งนี้เท่านั้น

 

          “ถ้าพวกนั้นเป็นคนก็ไม่เลวนะทอง ดีกว่าซอมบี้เป็นไหนๆ” นวลบอก ประโยคนี้ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

 

          “ครั้งนี้เราต้องพรางตัวเพราะไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรอีก คุณสุพรก็เข้าไปตรวจโรงงานอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครรู้ความเคลื่อนไหวของทองจะดีที่สุด เตรียมอาวุธสงครามทุกชนิดให้พร้อม พรุ่งนี้เราจะไปขโมยฮอกัน” ดำสั่งการอย่างเท่ห์ๆ เหมือนผู้กองจากซีรี่ย์ฝรั่งแนวสืบสวนสอบสวน

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา