เสกสรรมายา

-

เขียนโดย ณัฐนันท์

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.42 น.

  1 ตอนเดียวจบบริบูรณ์
  1 วิจารณ์
  3,504 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 13.37 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) เสกสรรมายา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

       

      เมื่อปี พ.ศ.2540

     ลูกตาล เด็กสาวอยู่จังหวัดเชียงใหม่ วัยสิบหกปี มีความฝันอยากเป็นนักแสดง เธออยู่กับรุ่งนภา ผู้เป็นแม่ที่รักเธอมากที่สุด และป้าสร้อยฟ้า ผู้เป็นเพื่อนสนิทของแม่ เปรียบเสมือนเป็นญาติของแม่

     

     ในวันสงกรานต์ ชมชื่น ลูกสาวของสร้อยฟ้ามาเยี่ยมสร้อยฟ้า ผู้เป็นแม่ รุ่งนภา และลูกตาล  ชมชื่นเล่าเรื่องประสบการณ์การทำงานที่ไปกรุงเทพฯ และความเจริญรุ่งเรืองของกรุงเทพฯ ให้ลูกตาลได้ฟังพร้อมเอ่ยชักชวนให้ลูกตาลไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อตามหาความฝันที่อยากจะเป็นนักแสดง ทำให้ลูกตาลไปขออนุญาตรุ่งนภาไปกรุงเทพฯกับชมชื่น แต่รุ่งนภาไม่เห็นด้วยกลัวลูกสาวจะถูกหลอกลวงและกลัวจะเหมือนเธอที่เคยสูญเสียคนอันเป็นที่รักไป

           

      ลูกตาลไม่เชื่อฟังคำห้ามปรามของผู้เป็นแม่จึงวางแผนแอบหนีกับชมชื่น ในเวลาค่ำที่ทุกคนกำลังนอนหลับ

 

       เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ ชมชื่นพาลูกตาลซื้อเสื้อผ้าวัยรุ่นสวย ๆ ให้ลูกตาลใส่ และพาลูกตาลไปหาผู้จัดการโรงอาบอบนวด ลูกตาลหลงดีใจที่เพื่อนพามาทำงานเป็นนักร้อง ด้วยความไร้เดียงสาของเธอ เธอเกือบโดนอาเสี่ยสูงวัยขืนใจ แต่เธอกลับไหวตัวทันคว้าขวดเบียร์ตีที่ศีรษะอาเสี่ยจนแตกหมดสติแล้วรีบวิ่งออกจากห้องหนีไปทางบันไดหนีไฟ  เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าดูความเรียบร้อยเห็นลูกตาลกำลังวิ่งหนีในกล้องวงจรปิดจึงประกาศให้วิ่งตามล่าจับตัวลูกตาล ด้วยความกลัวของเด็กสาวจึงไปหลบซ่อนที่พงหญ้าในป่าข้างทางที่มืด และลึก จนพวกชายฉกรรจ์ทั้งสามคนหาไม่เจอเดินหนีกลับไป ลูกตาลแอบอยู่เป็นเวลานานเกือบชั่วโมง จนแน่ใจว่าพวกมันจะไม่กลับมาอีก เด็กสาวเดินออกจากพงหญ้าจนถึงถนนหวังจะโบกรถให้คนช่วย แต่กลับโชคร้ายที่เธอเดินตัดหน้ารถเก๋งคันสีบรอนซ์ที่กำลังแล่นมาในเส้นทางลัดที่มืดไม่มีแม้กระทั่งไฟ  มินทร์พาดล เป็นเจ้าของรถตกใจที่ชนหญิงสาวแปลกหน้า และโจ้ เพื่อนที่ติดรถมาด้วย  พวกเขาพาหญิงสาวที่ถูกรถชนนำส่งโรงพยาบาล

 

       ลูกตาลฟื้นคืนสติ และไม่ได้เป็นอะไรมาก มินทร์พาดลชวนลูกตาลมาอยู่ที่บ้านของธีรพัฒน์ ผู้เป็นพ่อของเขา ในบ้านมีสมาชิกครอบครัวอีกสองคน คือ พิมพา แม่เลี้ยงผู้ใจดี และเป็นภริยาของธีรพัฒน์ และน้องบอล ลูกชายของพิมพากับธีรพัฒน์ และมีคนรับใช้อีกสองคน ลูกตาลได้รับความรักความอบอุ่นจากสมาชิกภายในบ้าน ธีรพัฒน์กับพิมพาเอ็นดูลูกตาลเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่ง จึงตัดสินใจส่งลูกตาลเรียนหนังสือต่อมัธยมศึกษาปีที่สี่ โดยมินทร์พาดลเป็นธุระจัดการพาไปสมัครเรียน

 

     ลูกตาลได้เรียนต่อมอสี่ ทำให้รู้จักเพื่อนใหม่ จอย เพื่อนสาวรูปร่างอ้วนร่าเริงแจ่มใจ นิสัยห้าวหาญ แป๋ว นักเรียนเรียนดีใส่แว่นถักเปียกสองข้าง ต่อ เพื่อนชาย ผู้เก่งเรื่องกีฬาโดยเฉพาะกีฬาบาสเก็ตบอล มีนิสัยขี้เล่นเจ้าชู้ ชอบเป็นคู่กัดกับจอย เพื่อนทั้งสามคนทำให้ลูกตาลรู้สึกมีความสุขสนุกสนาน แต่ต่างจากเพื่อนที่นั่งใกล้ชิดเวลาเรียนเขาคือ พัชรพล เพื่อนชายที่ลูกตาลนั่งเรียนด้วยกันอยู่หลังห้อง มีมาดดูเป็นผู้ใหญ่ไม่สุงสิงกับใคร บางครั้งดูเป็นคนซึมเศร้าเหมือนคนมีปัญหาในชีวิต ลูกตาลไม่เคยเห็นรอยยิ้มของพัชรพลเลยสักครั้ง เธอจึงพยายามพูดคุยเป็นเพื่อนกับพัชรพล จนในที่สุดเขายอมพูดจา และกล้าเล่าเรื่องปัญหาของตนที่กำลังเผชิญอยู่

 

      ลูกตาลได้รู้ว่าพัชรพลเป็นน้องชายแท้ ๆ ของมินทร์พาดล ในวันหนึ่งที่มินทร์พาดลมารับลูกตาลที่โรงเรียน สาเหตุที่ทำให้สองคนพี่น้องต้องอยู่ห่างกันเป็นเพราะพ่อกับแม่หย่ากัน ปวีณา อดีตนางแบบชื่อดังเป็นแม่ของพัชรพลมารู้จักธีรพัฒน์ ผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์ชื่อดัง ทั้งสองตกลงปลงใจแต่งงาน และมีลูกชายเป็นพยานรักถึงสองคน แต่ชีวิตครอบครัวไร้ซึ่งความสุข เมื่อพิมพาเป็นเพื่อนร่วมงานในกองถ่ายละครของธีรพัฒน์ และได้รู้จักกับธีรพัฒน์จนกลายเป็นความรัก ปวีณาเกิดความหวาดระแวงทะเลาะกับธีรพัฒน์ ธีรพัฒน์ทนนิสัยเจ้าอารมณ์ของปวีณาไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายบอกเลิก ปวีณารู้สึกเสียใจจึงลาออกจากวงการบันเทิง ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดจนไม่มีเวลาให้กับพัชรพล ลูกชายคนเล็กของเธอ เมื่อถึงเวลาหยุดงาน ปวีณาชอบไปเที่ยวผับบาร์ดื่มเหล้าจนเมาแล้วคอยกลับมาที่บ้าน พัชรพลจะคอยตักเตือนแม่ด้วยความเป็นห่วง แต่กลับถูกด่าว่าพร้อมกับทุบตี เธอเกลียดลูกชายมากที่สุดเพราะใจยังคงเกลียดชังธีรพัฒน์ อดีจสามีของเธอ พัชรพลจึงเป็นที่ระบายอารมณ์เก็บกดของผู้เป็นแม่

 

        ปวีณาคบหากับกำพล ผู้มีเบื้องหลังเป็นพ่อค้ายาม้า และผงเฮโรอีน เขาปกปิดเรื่องนี้กับปวีณามาโดยตลอด พัชรพลไม่ต้องการให้กำพลมาเป็นพ่อเลี้ยง แต่ก็ห้ามแม่ไม่ได้ จึงจำใจยอมให้อยู่บ้านหลังเดียวกัน พัชรพลพยายามบอกปวีณาว่ากำพลเป็นคนชั่ว แต่ปวีณาทำทีไม่สนใจคำเตือนของลูกชาย พัชรพลแอบหาหลักฐานมัดความผิดของกำพล เขาเจอเครื่องมือเสพยา และยาบ้า ผงเฮโรอีนที่ซุกซ่อนไว้ในห้องนอน  กำพลรู้ว่ามีคนมารื้นในห้องนอนจึงใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสีพัชรพลโดยการนำยาม้าซุกซ่อนในห้องนอนใส่ในปลอกหมอนนอน และฟ้องให้ปวีณาไปรื้นห้องนอนของลูกชาย พัชรพลเสียใจที่แม่ไม่เชื่อใจจึงหนีออกจากบ้าน

 

      ในยามค่ำคืน พัชรพลคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย เขาเตรียมตัวจะกระโดดสะพานลงแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อหนีปัญหาชีวิต  แต่โชคดีที่มีเด็กชายคนหนึ่งเตือนสติไว้ทัน พัชรพลจึงให้เงินจำนวนหนึ่งร้อยบาทที่ติดตัวให้กับเด็กชายจอนจัดเป็นน้ำใจ แต่เด็กชายไม่เอาขอร้องให้พัชรพลไปช่วยคุณยายที่กำลังป่วยหนักอยู่ในบ้านสลัมส่งโรงพยาบาล ทำให้พัชรพลได้แง่คิดในมุมมองของชีวิตใหม่

     

     เมื่อกลับมาถึงบ้าน พัชรพลตัวเปียกปอนเข้าบ้านไม่ได้จึงนอนพิงประตูบ้านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น กำพลเดินออกมาเห็นพูดเยาะเย้ย พัชรพลไม่สนใจแม้กระทั่งปวีณาถามว่าไปที่ไหนมา เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมาจากบ้านไปห้างสรรพสินค้าเดินเล่นพักใจอยู่ร้านขายหนังสือ ขณะที่อ่านหนังสือเลือดกำเดาในจมูกก็ไหลออกมาจนเขาเริ่มหน้ามืด และเป็นลมหมดสติในร้านหนังสือ เมฆ เด็กชายรุ่นน้องมอสามเห็นจึงเข้าช่วยพาส่งโรงพยาบาล

 

    เมฆ เด็กหนุ่ม ผู้มีชีวิตอยู่กับปัญหาในครอบครัวบ้านแตก พ่อกับแม่เปิดกิจการสำนักโรงพิมพ์ และผลิตนิตยสารชั้นนำแนวหน้า แต่เมื่อคุณตาเสียชีวิต และได้เจอเศรษฐกิจฟอกสบู่แตก พ่อกับแม่ทะเลาะกันเรื่องทรัพย์สินมรดก และเรื่องที่ วชิระ พ่อของเมฆนอกใจจ้างนักสืบตามหาลูกเมียเก่า ยิ่งทำให้จินดา แม่ของเมฆโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และเป็นฉนวนให้จินดาขุดคุ้นเรื่องราวเก่า ๆ เพื่อต้องการแยกทางกับวชิระไปเสวยสุขกับสามีชาวต่างชาติที่มีชาติตระกูลระดับมหาเศรษฐี เพื่อนำทรัพย์สมบัติของนายวิลเลี่ยมมาค้ำจุ้นกิจการพ่อของเธอเอง ทำให้เมฆกับน้องสาวฝาแฝด ปุ้มกับปุ้ย  ต้องมาเผชิญเคราะห์กรรมของครอบครัวที่จินดาพยายามจะหาเรื่องวชิระทุกวัน เมฆรู้สึกเครียดจัดจนต้องทานยานอนหลับกักขังตนเองอยู่ในห้องนอนไม่อยากรับรู้เรื่องปัญหาภายในครอบครัว

 

 

     เลิศยศ ผู้กำกับภาพยนตร์ และโทรทัศน์ละครสถานีช่องชื่อดัง กำลังขาดนักแสดงนางเอกตัวสำคัญของเรื่อง มินทร์พาดลรู้ว่าลูกตาลมีความฝันอยากจะเล่นละครจึงพามาแนะนำกับเลิศยศ เลิศยศเห็นลูกตาลเกิดถูกชะตา และกำลังคัดเลือกนางเอกของเรื่องที่เหมือนในบทละครเรื่องศึกชิงนาง ในกองถ่าย ลูกตาลเห็นมณฑา นางแบบชื่อดังรับบทเป็นนางร้ายของเรื่อง เธอเป็นลูกสาวของเสี่ยเฮง เจ้าของทำเครื่องประดับจิวลี่ส่งทั้งใน และต่างประเทศ และทำกิจการส่งออกเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำทั้งใน และต่างประเทศ   เยาว์ เลขานุการส่วนตัวของเลิศยศ เห็นอากัปกิริยาลูกตาลมองมณฑาที่สนิทสนมกับมินทร์พาดลเป็นพิเศษ เยาว์เริ่มมีรางสังหรณ์บางอย่าง จึงพยายามเรียกลูกตาลดูบทละครเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้ลูกตาลคิดมาก

 

       มณฑาเห็นหน้าลูกตาลครั้งแรกเกิดไม่ถูกชะตา และยังรู้ว่ามินทร์พาดลเป็นคนพาลูกตาลเข้าสู่วงการบันเทิง  แม้เธอจะรู้ว่าลูกตาลเป็นญาติห่าง ๆ ของมินทร์พาดล แต่เมื่ออยู่ในบ้านเดียวกัน ทำให้มณฑาชักมีเรื่องแคลงใจกลัวมินทร์พาดลกับลูกตาลชอบกัน ลูกตาลเริ่มรู้สึกอึดอัดใจในสายตาการมองของมณฑาที่มองเธอไม่เป็นมิตร เมื่อการแสดงละครฉากแรกเริ่มขึ้น มณฑาฉวยโอกาสตบหน้าลูกตาลจริง เยาว์ซักถามรอยแดงตรงแก้มของลูกตาลหลังจากพักกองถ่ายทำ  ลูกตาลกับโกหกว่าเธอซุ้มซ่ำไม่ทันระวังจังหวะที่มณฑาจะตบหน้าแก้มซ้าย แต่เยาว์ไม่เชื่อจึงนำเรื่องไปฟ้องเลิศยศ  เลิศยศเรียกตัวมินทร์พาดลมาปรึกษาเรื่องที่มณฑาตบหน้าลูกตาลจริง หลังจากกลับจากกองถ่าย มินทร์พาดลพาลูกตาลมารับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา  มินทร์พาดลอยากรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของลูกตาลว่าเธอคิดยังไงกับตัวเขา ลูกตาลรู้สึกสับสนในใจ เธอแอบชอบมินทร์พาดลตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอกันครั้งที่มินทร์พาดลได้ช่วยเหลือเธอเอาไว้ แต่เธอกลับไม่กล้าบอกความในใจที่แท้จริง เธอบอกกับมินทร์พาดลว่าเธอเคารพรักมินทร์พาดลเหมือนเป็นพี่ชาย มินทร์พาดลรู้สึกยิ้มอย่างโล่งอกที่ลูกตาลคิดกับเขาเป็นแค่พี่ชายเท่านั้น

 

      พัชรพลเวลาที่เหงา และว้าเหว่ ลูกตาลจะคอยอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยโทรศัพท์ ทำให้เขารู้สึกมีความสุขยิ่งนับวันพัชรพลยิ่งผูกพัน และรู้ใจลูกตาล บางครั้งแอบหึงหวงลูกตาลเวลาที่อยู่ใกล้กับมินทร์พาดลในข่าววงการบันเทิงโดยที่ไม่รู้ตัว ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ และนับวันก็ยิ่งห่างเหินกับลูกตาลเข้าไปทุกที

 

     เมื่อภาพยนตร์ศึกชิงนางฉายในช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม พวกเพื่อน ๆ ของลูกตาล จอย แป๋ว ต่อและพัชรพลไปดูหนังในโรง พัชรพลรู้สึกสับสนในความคิด เมื่อเห็นฉากละครที่มีมินทร์พาดลอยู่ใกล้ชิดกับลูกตาล มีทั้งกอดและจูบ ทำให้ใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อภาพยนตร์เล่นจบ ทุกคนชวนกันทานข้าวกลางวัน พัชรพลนั่งเฝ้าโต๊ะรอเพื่อนที่ไปซื้อข้าว เขานั่งเหม่อใจลอย เมื่อนายต่อเดินมาพร้อมกับข้าวกลางวัน จึงเรียกพัชรพลไปซื้อข้าว เขาตกใจสะดุ้งจนนายต่อแซวอาการเหม่อใจคิดถึงใครอยู่  แต่พัชรพลไม่โต้ตอบอะไร และลุกขึ้นยืนพลุกพล่านก็เกิดอาการหน้ามืดกะทันหันลงไปนั่งที่เก้าอี้ต่อ จอย แป๋ว นายต่อ เห็นสีหน้าอาการของพัชรพลดูซีดผิดปกติจึงเตือนให้ไปหาหมอ

 

       เมื่อถึงเวลาเปิดเทอม ทุกคนได้พบกันพร้อมหน้าพร้อมตา พัชรพลดูผอมหน้าโทรมลง และมีอาการปวดศีรษะเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาทนไม่ไหวจึงไปหาหมอในช่วงเย็นวันหนึ่ง มินทร์พาดลมองหาน้องชาย แต่พวกจอยบอกว่าพัชรพลไม่สบายไปหาหมอ มินทร์พาดลรู้สึกเป็นห่วงน้องชายเป็นอย่างมาก

 

       หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปผลการตรวจเอ็กซเรย์ในสมอง พัชรพลต้องมารับรู้ข่าวร้ายเรื่องโรคอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

 

        วชิระได้พบกับลูกตาล ทั้งคู่ได้สนทนา วชิระได้รู้ประวัติของลูกตาลจึงรู้ว่าลูกตาลคือลูกสาวของเขาที่กำลังตามหาแต่เขาไม่อาจบอกความจริงให้ลูกตาลรู้ได้ ลูกตาลเห็นวชิระสนใจเรื่องครอบครัวของเธอเป็นพิเศษจึงถามให้หายข้องใจแต่ทว่าคำตอบที่วชิระให้คือ เขาเป็นเพื่อนของแม่ อยากจะไปเยี่ยมหาเพื่อนที่จากกันไปนาน ลูกตาลรู้สึกยินดีที่จะพาวชิระไปหารุ่งนภา

 

     เมฆเสียใจที่วชิระ พ่อของเขาไม่สนใจในผลงานการออกแบบชุดเสื้อผ้าแฟชั่นที่เขาคิดค้น เขาจึงรู้สึกเครียดแล้วยังเจอแม่ที่นำแฟนฝรั่งเข้ามาในบ้าน เมฆหาทางออกไม่ได้ใช้ยาอีในกระเป๋านักเรียนที่เพื่อนให้มาลองแล้วจะขึ้นสวรรค์ ใจหนึ่งอยากลองแต่อีกใจคิดถึงน้องสาวฝาแฝดที่ยังเห็นเขาเป็นพี่ชาย  เมฆจึงโยนยาทิ้งหันมาทานยานอนหลับแทน

 

       วันรุ่งขึ้น เมฆไปโรงเรียนด้วยอาการเมายานอนหลับค้างจนเผลอเดินหลับตอนข้ามถนนจนถูกรถชนร่างกระเด็นในชุดนักเรียน พัชรพลมาเห็นเข้าพอดีจึงนำส่งโรงพยาบาล

 

       วชิระทราบข่าวรีบมาที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงลูกชาย หมอช่วยเมฆจนพ้นขีดอันตราย  วชิระกล่าวขอบคุณพัชรพลที่ช่วยเหลือลูกชายทั้งน้ำตา พัชรพลรู้สึกดีใจที่เมฆปลอดภัย

 

        มณฑายังคงวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของมินทร์พาดล ทั้งที่ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอยุ่ง มณฑาเสียใจจึงไปดื่มเหล้ากับกำพลในผับแห่งหนึ่งระบายความทุกข์ กำพลเป็นลูกน้องของเสี่ยเฮงดูแลมณฑาเกิดอารมณ์ทางเพศจึงพามณฑาเข้าไปโรงแรมในขณะที่มณฑาขาดสติ เช้าวันรุ่งขึ้นมณฑาแทบช็อคเห็นสภาพตนเองเปื่อยกายได้เสียกับกำพล เธอโวยวายเสียใจอย่างมาก กำพลไม่สนใจเดินทางกลับบ้านมาหาปวีณา ปวีณาไม่ไว้ใจซักถาม กำพลอ้างว่าตนไปทำงานตามเจ้านายสั่ง ปวีณาอยากให้กำพลออกจากงานมาทำงานบริษัทที่เธอทำอยู่ แต่กำพลปฏิเสธหาข้ออ้างทำให้ปวีณาใจอ่อน ปวีณาชักเริ่มสงสัยในพฤติกรรมปิดบังของแฟนหนุ่ม

 

       ในโรงเรียนพัชรพลรับประทานอาหารไม่ลง เขามีอาการคลื่นไส้อาเจียนจนเพื่อน ๆ เริ่มเป็นห่วง แล้วเป็นลมหมดสติจนต้องนอนพักในห้องปฐมพยาบาล วันต่อมาเขาหยุดเรียนด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ในวันนั้นทำให้เขาได้ยินการสนทนาโทรศัพท์ของกำพลว่าจะจัดการลูกตาล พัชรพลเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนสนิท

 

        ลูกตาลได้รู้ความจริงว่า วชิระคือทองดี พ่อบังเกิดเกล้าที่ทิ้งแม่กับเธอไปอยู่ที่กรุงเทพฯ อย่างไร้เยื่อใยในอดีต ทำให้เด็กสาวโมโหโกรธเคืองวชิระ  เยาว์ เลขาส่วนตัวของเลิศยศคอยตามมาดูแล และคอยพูดปลอบใจลูกตาล

 

       มณฑาชักชวนลูกตาลกับเยาว์ไปเที่ยวผับในวันเสาร์เวลาค่ำ พัชรพลรู้แผนการของกำพลจึงแอบมาที่ผับนัดหมายแล้วได้เจอกับลูกตาลและเยาว์ หลังจากที่ทั้งสองคนสั่งน้ำผลไม้ มณฑาแกล้งเป็นอยากเข้าห้องน้ำ เพื่อเธอจะได้โทรศัพท์หากำพลให้แอบนำยานอนหลับให้กับเด็กเสิร์ฟที่จ้างใส่ลงไปในน้ำผลไม้ทั้งสองแก้ว  พัชรพลรู้ทันจึงเดินตามเด็กเสิร์ฟ ลูกตาลมองพัชรพลถึงกลับตะลึงที่เขามาที่นี้ พัชรพลห้ามไม่ให้ทั้งคู่ดื่มน้ำผลไม้ทั้งสองแก้ว มณฑาไม่คาดคิดถึงกลับตกใจที่พัชรพลรู้แผนการ มณฑาแสดงบทตีหน้าซื่อว่าไม่มีอะไรใส่ลงไปในน้ำผลไม้ พัชรพลบังคับให้มณฑาดื่มน้ำผลไม้ทั้งสองแก้ว แต่เธอก็ไม่ดื่ม เยาว์เริ่มเห็นพิรุธแล้วแกล้งมีโทรศัพท์เข้ามาจึงรับสาย และโกหกว่าเลิศยศต้องการพบตัวเธอด่วนจึงขอตัวไปก่อน เยาว์พาลูกตาลออกจากผับรอดแผนการชั่วร้ายของมณฑาได้อย่างหวุดหวิด เยาว์พาลูกตาลกับพัชรพลกลับบ้าน และขอบคุณที่พัชรพลช่วยเหลือ ลูกตาลก็เช่นกัน พัชรพลเตือนลูกตาลด้วยความเป็นห่วง

 

      มณฑาพยายามหาเรื่องราวให้ลูกตาลเสื่อมเสียชื่อเสียง เธอได้รู้จักกับเสี่ยเจริญเป็นเพื่อนรักของเสี่ยเฮง พ่อของเธอ เขาจำได้ว่าลูกตาลเคยเป็นสาวน้อยในห้องอาบอบนวดแห่งหนึ่ง มณฑาจึงแพร่กระจายข่าวตามสำนักข่าวบันเทิง นักข่าวบันเทิงต่างพากันถามลูกตาลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนเข้าวงการ ลูกตาลปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง มณฑาจึงแอบจ้างพนักงานผู้ชายในห้องอาบอบนวดมาเป็นพยานในเรื่องนี้ชี้หน้าว่าลูกตาลเคยเป็นหญิงขายบริการในห้องอาบอบนวดจริง ลูกตาลจำหน้าพนักงานผู้ชายที่วิ่งไล่จับตัวเธอได้ถึงกลับตกใจหน้าเสีย ลูกตาลเงียบนิ่งไม่ตอบรู้สึกอับอายกับเหตุการณ์เดินหนีออกจากฝูงชนนักข่าว มินทร์พาดลพูดปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และโกหกว่าลูกตาลเป็นลูกพี่ลูกน้อง เป็นญาติทางฝ่ายแม่เลี้ยงของเขาเอง ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียอย่างที่ข่าวลือเขาว่ากัน

 

      พัชรพลกับเพื่อน ๆ ได้ยินข่าวเสียหายของลูกตาลแล้วรู้สึกเป็นห่วง และยิ่งใจหายเมื่อลูกตาลหนีออกจากบ้านของธีรพัฒน์กลับไปอยู่ที่เชียงใหม่ไม่บอกกล่าว มีเพียงจดหมายหนึ่งฉบับเขียนอำลาเท่านั้น

 

      เมื่อถึงวันงานกีฬาสีของโรงเรียนมัธยม พัชรพลกับเพื่อน ๆ ต่างวุ่นวายช่วยกันจัดกิจกรรม    พัชรพล จอย แป๋ว และนายต่อทำงานร่วมกันแล้วรู้สึกคิดถึงลูกตาลที่ไม่ได้เข้าร่วมทำงานกีฬาสี         

      ในขณะที่กิจกรรมงานกีฬาสีวุ่นวาย สมเกียรติ เพื่อนจอมเกเรที่ค่อยกลั้นแกล้งพัชรพล สมเกียรติไปมีปัญหากับรุ่นพี่มอหกถูกซ้อมอยู่ในห้องน้ำชาย พัชรพลมาเห็นเข้าจึงเข้าช่วย นายต่อวิ่งตามพัชรพลเห็นเข้าจึงตามอาจารย์มาช่วยจับพวกรุ่นพี่มอหกที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาแอบลักลอบเข้ามาในโรงเรียนทำร้ายสมเกียรติ สมเกียรติถูกซ้อมรุมกระทืบได้รับบาดเจ็บสาหัส เมฆกับต่อช่วยกันพยุงสมเกียรติส่งโรงพยาบาล

 

       อาจารย์สมฤดีกับพัชรพลบอกนายพลตำรวจโทวรุณ พ่อของสมเกียรติผู้ชอบใช้อำนาจเข้มงวดกับลูกชาย  ทำให้อาจารย์สมฤดีเริ่มเข้าใจว่าสมเกียรติทำไมต่อหน้าพ่อจึงทำตัวเรียบร้อย แต่พอลับหลังกับมีนิสัยแหกกฎดื้อรั้นชอบวางตัวเป็นใหญ่กับคนอื่น

 

      งานกีฬาสีกองเชียร์สีฟ้าเริ่มเข้าแข่งขัน จอย เป็นผู้จัดการทีม ชื่นชมดูฝีมือน้อง ๆ เล่นเวฟอัศจรรย์ที่ซ้อมอย่างสุดฝีมือพร้อมกับนักเต้นหรีดเดอร์ที่เต้นอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชโชว์ฝีมือท่ามกลางกรรมการผู้ตัดสินและท่านผู้ชมนักเรียนนับร้อยคอยให้กำลังใจลุ้นคะแนน ด้วยอากาศร้อนที่อบอ้าว พัชรพลเป็นลมหมดสติอยู่ตรงสนามหญ้าฟุตบอล นายต่อกับเมฆมาพบเข้าจึงเข้าช่วยพยุงมาที่ห้องปฐมพยาบาล เมื่อฟื้นได้สติ พัชรพลเห็นจอย แป๋ว นายต่อ เมฆ นั่งเฝ้าดูอาการ จอยเริ่มสงสัยอาการเป็นลมอยู่บ่อยครั้งของเพื่อนจึงถามตรง ๆ ว่าพัชรพลปกปิดเรื่องอาการป่วยอะไรที่ไม่บอกให้พวกเพื่อนรู้ พัชรพลตอบเพียงอย่างเดียวว่าเขาปวดหัวเพราะพักผ่อนน้อย เมฆจึงฉวยโอกาสชวนทุกคนไปเที่ยวเชียงใหม่กับเชียงรายเพื่อไปสูดอากาศธรรมชาติบริสุทธิ์ที่นั้น  ทุกคนตอบรับเห็นด้วย และจะได้ไปเยี่ยมลูกตาลคราวเดียวกัน

 

       วชิระเห็นเมฆ ลูกชายเอ่ยคำชวนจึงตกลงไปเชียงใหม่ ส่วนเยาว์ เลขาส่วนตัวของเลิศยศ ขออนุญาตเลิศยศไปตามตัวลูกตาล และเพื่อน ๆ ของลูกตาลเดินทางไปเชียงใหม่ วชิระไปที่ร้านอาหารเชียงดาว เขาจำสร้อยฟ้าได้จึงซักถามถึงลูกตาล แต่กลับได้คำตอบว่าลูกตาลไม่ได้มาอยู่กับรุ่งนภา วชิระขอร้องสร้อยฟ้าช่วยบอกว่าเขาควรตามหาลูกตาลที่ไหน เขาเป็นห่วงลูกตาลมาก ขอให้สงสารความเป็นพ่อที่ต้องตามหาลูกสาวถึงขนาดก้มกราบเท้าสร้อยฟ้า สร้อยฟ้ายอมใจอ่อนบอกความจริงว่าลูกตาลไปอยู่ที่เชียงราย อำเภอเชียงแสนบ้านเก่าของเปี่ยม พ่อของรุ่งนภา วชิระพร้อมทุกคนเดินทางไปบ้านพ่อตาของอดีตภริยา   แต่กลับโดนคุณตาเปี่ยม พ่อของรุ่งนภาเอาปืนลูกซองยิงไล่ด้วยความโกรธแค้นที่วชิระหรือทองดีทิ้งรุ่งนภา ลูกสาวของตนกับลูกตาล หลานสาวให้อยู่อย่างยากลำบาก แต่ผลสุดท้ายต้องยอมให้วชิระพบหน้าลูกสาว เพราะลูกตาลป่วยเป็นไข้เลือดออกจะต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลในตัวเมืองอย่างเร่งด่วน

 

     วชิระคอยเฝ้าไข้ลูกสาว จนลูกตาลเริ่มรู้สึกตัว แต่ลูกตาลยังคงโกรธวชิระไม่ยอมให้วชิระจับเนื้อต้องตัวเธอ และไม่ยอมพูดคุยทำเป็นว่าวชิระเป็นคนอื่น วชิระไม่ยอมแพ้เฝ้าไข้จนตนเองไม่สบายล้มป่วย พัชรพลรู้สึกเห็นใจวชิระ เขาจึงเตือนสติให้ลูกตาลรู้จักการให้อภัยพ่อของตนเอง พัชรพลบอกความรู้สึกภายในใจว่าถึงเขาทำดีกับปวีณา แม่ของตนเองมากขนาดไหน แม่ของเขาก็ไม่เคยรักเขา ทำร้ายจิตใจเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่เคยโกรธเกลียดเพราะรู้ว่าแม่เป็นแบบนี้เพราะผิดหวังเรื่องของพ่อ และเขายอมให้อภัยในสิ่งที่แม่ทำร้ายจิตใจของเขาอยู่เสมอ เมฆรับฟังสิ่งที่พัชรพลเล่าแล้วคิดตามถึงกลับอึ้งที่พัชรพลกับอดทนถึงความเจ็บปวดภายในใจที่ยอมทนทุกข์แม่ผู้ที่ไม่แสดงความรักแม้แต่เพียงน้อยนิด ซึ่งต่างเมฆที่โกรธพ่อกับแม่ที่ไม่สนใจสิ่งที่เขา และน้อง ๆ ของเขา ส่วนลูกตาลฟังแล้วรู้สึกสงสารพัชรพล เดี๋ยวเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนว่าพัชรพลเพื่อสนิทของเธอถูกแม่บังเกิดเกล้าทำร้ายจิตมากเพียงใด เธอจึงนำเรื่องเล่าของพัชรพลไปคิด เมฆบอกกับลูกตาลเพียงว่าวชิระไม่สบายอยากให้ลูกตาลช่วยไปดูแล ลูกตาลคิดทบทวน และเดินไปหาวชิระที่นอนป่วยในโรงพยาบาล วชิระดีใจมากที่ลูกสาวยอมพูดคุย และให้อภัยเรื่องอดีตที่ผ่านมา

 

 

         วชิระไปเยี่ยมรุ่งนภา รุ่งนภายังไม่ให้อภัยอดีตสามี และไล่เขาให้กลับกรุงเทพฯ และเธอยังบังคับลูกตาลไม่ให้ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ลูกตาลไม่ยอมเธอตัดสินใจที่จะกลับไปกรุงเทพฯเพื่อเรียนต่อ และทำหน้าที่นักแสดงที่กล้าเผชิญความจริง สร้อยฟ้าพูดช่วยอีกแรงทำให้รุ่งนภายอมอ่อนใจ วชิระรับปากว่าจะดูแลลูกตาล รุ่งนภาจึงยอมและขู่วชิระว่าถ้าดูแลลูกตาลไม่ดี อย่าหวังจะมาที่นี้ได้อีก และบอกกับลูกสาวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นที่กรุงเทพฯให้กลับมาอยู่ที่บ้าน และจะไม่ให้ไปอยู่ที่กรุงเทพฯอีก

 

        เมื่อกลับมาที่กรุงเทพฯ ลูกตาลขยันตั้งใจเรียนโดยมีพัชรพล จอย แป๋ว นายต่อ ช่วยกันสอนวิชาแต่ละวิชาที่เรียนไม่ทันให้ลูกตาลเข้าใจในเนื้อหาทันพร้อมกับเพื่อน ๆ  พัชรพลรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิด และเห็นหน้าลูกตาลทุกวัน ลูกตาลรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่กับพัชรพลอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดในวันหนึ่ง   พัชรพลกำลังอ่านหนังสือจะทำการบ้าน เขาปวดหัวอย่างรุนแรง ปวีณาได้ยินเสียงจากข้างบนเหมือนเสียงอะไรบางอย่างล้มลงอย่างแรงจึงตกใจวิ่งขึ้นมาดูแล้วเคาะประตูเรียกลูกชาย แต่ประตูห้องนอนข้างในล๊อกกลอน ทำให้เธอต้องรีบคว้าลูกกุญแจจากข้างล่างมาไขกลอนเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องนอนของลูกชาย เธอต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพลูกชายเป็นลมหมดสติพร้อมมีเลือดกำเดาไหลออกจากจมูก หน้าตาซีด ปวีณารีบโทรศัพท์เรียกรถโรงพยาบาลมารับตัวลูกชายโดยด่วน

 

       เมื่อมาถึงโรงพยาบาล หมอได้บอกข่าวร้ายให้ปวีณาได้รู้ว่าลูกชายของเธอกำลังเผชิญกับโรคมะเร็งในสมอง เหลือเวลาอีกไม่นานนักที่ลูกชายของเธอจะมีชีวิตอยู่ ปวีณารู้สึกเสียใจอย่างมากที่เธอไม่เคยดูแลลูกชาย คอยทำร้ายจิตใจลูกชายอยู่ตลอดเวลา

       

       ลูกตาลเริ่มรู้หัวใจตัวเองว่าเธอคิดถึงแต่พัชรพลมากกว่ามินทร์พาดลหลังจากกลับมาจากเชียงราย พัชรพลดีกลับเธอมาตลอด เธออยากโทรศัพท์สารภาพความในใจให้พัชรพลได้รู้ แต่กลับได้รับข่าวร้ายจาก ปวีณาว่าพัชรพลล้มป่วยนอนอยู่โรงพยาบาล ลูกตาลรีบโทรศัพท์บอกมินทร์พาดลที่กำลังทำงานในกองถ่ายละคร  มินทร์พาดลเป็นห่วงน้องชาย หลังจากทำงานเสร็จเขารีบไปโรงพยาบาลทันที

 

      จอย แป๋ว นายต่อและลูกตาลไปโรงพยาบาลเยี่ยมพัชรพล แต่ละคนหน้าเศร้าเมื่อรู้ความจริง แต่เมื่อ  พัชรพลเริ่มรู้สึกตัวอยู่ในห้องไอซียู พัชรพลใส่เครื่องช่วยหายใจมองหน้าเพื่อน ๆ เขายิ้มที่เพื่อนมาเยี่ยม   ทุกคนให้กำลังใจใอวยพรให้พัชรพลหายไว ๆ พัชรพลยิ้มรับแล้วนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย หลังจากออกจากการเยี่ยม ลูกตาลหน้าซึมเศร้าแล้วร้องไห้ต่อหน้าเพื่อน ๆ ทำให้ทุกคนเริ่มร้องไห้ตามปลอบใจกัน และกัน ส่วนพัชรพลที่อยู่ในห้องไอซียู มีปวีณาคอยดูแล พัชรพลแอบร้องไห้ในขณะนอนหลับตา ปวีณาเห็นลูกชายแอบร้องไห้ เธอเข้าปลอบใจลูกชายด้วยความสงสาร

 

      มินทร์พาดลพาธีรพัฒน์ พิมพาและบอลมาเยี่ยมพัชรพล ปวีณาจะเดินออกจากห้องไอซียูไม่อยากมองครอบครัวใหม่ของธีรพัฒน์ แต่มินทร์พาดลรั้นดึงมือของปวีณา ผู้เป็นแม่ให้อยู่ต่อ พิมพารู้ตัวดีว่าเธอเป็นตัวปัญหาทำให้ครอบครัวของธีรพัฒน์ต้องแตกแยก พัชรพลมองหน้าพิมพากับบอล น้องชายต่างแม่ ธีรพัฒน์จับมือพิมพาไม่ให้ออกจากห้อง แต่พิมพาต้องการจะออกไป เพื่อให้ปวีณากับธีรพัฒน์อยู่ด้วยกันกับพัชรพล ปวีณากับธีรพัฒน์ต่างมองหน้ากันไม่ติด แต่พัชรพลจับมือของพ่อและแม่ให้จับมือด้วยกัน และพูดสั้น ๆ ว่าให้อภัย ปวีณากับธีรพัฒน์มองหน้า มินทร์พาดลพยักหน้าให้พ่อกับแม่ให้อภัยซึ่งกันและกันเพื่อพัชรพล ปวีณาจึงเอ่ยปากยอมรับให้อภัยธีรพัฒน์ ธีรพัฒน์ก็เช่นกัน ทำให้พัชรพลรู้สึกมีความสุข

 

       ปวีณาคิดว่า เธอจะจัดงานวันเกิดให้ลูกชายในโรงพยาบาลก่อนที่จะรักษาโรคมะเร็งในสมองโดยใช้เคมีบำบัด เมื่อถึงวันเกิดทุกคนเซอร์ไพร์สวันเกิดให้พัชรพล แต่ยังไม่ทันเป่าเค้กแก้วน้ำก็ตกลงมาจากตู้เย็นแตกทำให้ทุกคนตกใจเหมือนเป็นรางไม่ดี แต่ทุกคนไม่ได้สนใจอะไร

         

      หลังจากวันเกิด พัชรพลยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล นับวันอาการยิ่งทรุดหนัก ปวีณาไม่สนใจ  กำพล ดูแลลูกชายอย่างใกล้ชิด กำพลเริ่มเบื่อหน่ายไม่กลับมาบ้านอีก มินทร์พาดล ลูกตาล จอย แป๋ว และนายต่อมาเยี่ยมพัชรพล ลูกตาลมองรู้สึกใจหายเห็นสภาพเพื่อนรัก เธอแอบร้องไห้ จอย แป๋ว และนายต่อ เริ่มรู้ใจของเพื่อนจึงถามลูกตาลว่าทำไมทุกครั้งที่เยี่ยมพัชรพลเธอถึงแอบร้องไห้ ลูกตาลสารภาพความจริงจากใจว่าเธอรักพัชรพลมากกว่าเพื่อน เธอเพิ่งมารู้ใจตนเองเมื่อมันสายไปเสียแล้ว

 

      มินทร์พาดลเห็นพัชรพลนั่งซึม เขาไม่อยากให้น้องชายนั่งซึมเศร้าจึงชวนพูดคุย พัชรพลพูดสั่งเสียกับมินทร์พาดลให้ดูแลปวีณากับลูกตาล มินทร์พาดลไม่รับปากเขาให้กำลังใจน้องชายว่าต้องหาย แล้วถามว่าทำไมเขาต้องดูแลลูกตาล พัชรพลเงียบไม่ตอบ มินทร์พาดลพยายามถาม แต่พัชรพลบ่ายเบี่ยงขอพักผ่อน ทำให้มินทร์พาดลต้องมีคำถามค้างคาใจ

           

      เมื่อถึงเวลาค่ำมินทร์พาดลเห็นลูกตาลแอบไปนั่งเล่นที่ชิงช้าไม้สีขาวที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน มินทร์พาดลสังเกตอาการของลูกตาลดูซึมเศร้า ด้วยความเป็นห่วงจึงถามจี้จุดว่าลูกตาลเป็นห่วงพัชรพล ลูกตาลพยักหน้าตอบรับ มินทร์พาดลเข้าใจความรู้สึกของพัชรพลกับลูกตาล และแนะนำลูกตาลว่าให้ทำตามที่หัวใจเรียกร้องก่อนที่จะสายเกินไป

 

      จอย แป๋ว และนายต่อชุมสายโทรศัพท์วางแผนให้ลูกตาลกับพัชรพลอยู่ด้วยกันสองต่อ ในวันรุ่งขึ้น จอยนัดลูกตาลไปโรงพยาบาลจะไปเยี่ยมพัชรพลแต่พากันแอบเบี้ยวไม่ไปปล่อยให้ลูกตาลไปคนเดียว มินทร์พาดลโทรศัพท์หาปวีณาให้รู้ว่าพัชรพลมีใจชอบลูกตาลจึงอยากให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง ปวีณาเห็นว่าเป็นความสุขของลูกชายจึงให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันสองต่อสองอ้างว่าไปข้างนอกซื้อขนม ลูกตาลกับพัชรพลต่างคนต่างเงียบ ลูกตาลรวบรวมความกล้าสารภาพรักต่อหน้าพัชรพล พัชรพลถึงกลับอึ้งสักพัก และบอกขอบคุณลูกตาลที่รัก และห่วงใยในตัวเขาเสมอ เขาเห็นลูกตาลเป็นเพื่อนที่เขารักเท่านั้น ลูกตาลร้องไห้เสียใจสิ่งที่พัชรพลเห็นเธอเป็นแค่เพื่อน ทำให้เธอต้องเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยแล้วจากไป พัชรพลเสียใจแอบร้องไห้ ปวีณาเดินกลับมาพบลูกตาลเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ลูกตาลรีบเช็ดน้ำตาแล้วยกมือไหว้กล่าวอำลาปวีณาก่อนออกจากโรงพยาบาลแล้วขึ้นรถแท็กซี่ ปวีณารีบเปิดประตูเข้าไปในห้องดูลูกชายที่กำลังร้องไห้ เธอเข้ากอดปลอบใจลูกชาย พัชรพลระบายความรู้สึกภายในใจให้แม่ฟังว่าเขาทำถูกแล้วใช่มั้ยที่ปฏิเสธสิ่งที่ลูกตาลหยิบยื่นให้ เพื่อให้ลูกตาลไม่ต้องมาเจ็บปวดในสิ่งที่เขาเป็นอยู่

           

       ในเวลาสองทุ่ม พิมพาโทรศัพท์หามินทร์พาดลเรื่องลูกตาลยังไม่กลับมาถึงบ้าน เพราะลูกตาลไม่เคยกลับบ้านผิดเวลา มินทร์พาดลเริ่มชักใจคอไม่ดีโทรศัพท์หาปวีณาว่าลูกตาลได้ไปโรงพยาบาลเยี่ยม พัชรพลหรือไม่ ปวีณาบอกว่ากลับไปตั้งแต่หกโมงเย็น มินทร์พาดลจึงโทรศัพท์หาจอย จอยตอบว่าลูกตาลไม่ได้มาหา แป๋วกับนายต่อตอบเหมือนกัน มินทร์พาดลชักใจคอไม่ดี

       

      พัชรพลฝันเห็นลูกตาลมาอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยที่เขากำลังพักอยู่ ใบหน้าของลูกตาลดูเศร้าเหมือนคนร้องไห้ ใบหน้าของเธอดูมอมแมมติดเศษดิน เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน พัชรพลพยายามที่จะถามลูกตาลว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับไม่ได้ยินเสียงคำตอบจากเธอ ลูกตาลร้องไห้ยืนอยู่ข้างเตียงจึงตกใจขึ้นมาจากความฝัน ปวีณาตกใจเสียงลูกชายที่เอ่ยเรียกชื่อลูกตาล

           

 

      หนึ่งอาทิตย์ที่ลูกตาลหายตัวไป มินทร์พาดลยังคงตามหาลูกตาลกับตำรวจ ข่าวครึกโครมลงหน้าหนึ่งเมื่อลูกตาล ดาราสาวหน้าใหม่แห่งวงการหายตัวไปหลังจากออกจากโรงพยาบาลเยี่ยมเพื่อนชายที่กำลังล้มป่วย รุ่งนภาเดินทางมากรุงเทพฯ เมื่อรู้ว่าลูกสาวหายตัวไป วชิระเป็นห่วงคอยติดตามข่าวจากตำรวจตามหาลูกสาวโดยมีเมฆ ลูกชายเป็นกำลังใจ รุ่งนภาเดินทางมาหาเรื่องวชิระที่ไม่ดูแลลูกสาวให้ดี วชิระเสียใจมาก  มินทร์พาดลจึงว่าเตือนสติรุ่งนภาอย่าเพิ่งหาเรื่องวชิระแต่ต้องช่วยกันตามหาลูกตาลให้เจอ

   

    พัชรพลอาการทรุดหนักจนเพ้อหาลูกตาลด้วยพิษจากการรักษาโรคมะเร็งโดยใช้เคมีบำบัดกำจัดเชื้อมะเร็งจนผมร่วงหมดหัว ร่างกายผอมซูบซีด จอย แป๋ว นายต่อ ต่างพากันแอบร้องไห้ทั้งเรื่องของพัชรพล และลูกตาล มินทร์พาดลถามอาการของน้องชาย ปวีณาบอกลูกชายคนโตว่าให้ทำใจ หมอช่วย   พัชรพลจนสุดความสามารถ ปวีณาร้องไห้ และโทษตนเองที่ไม่เคยดูแลพัชรพล มินทร์พาดลน้ำตาไหลเสียใจพร้อมกับปลอบใจแม่

       

 

      พัชรพลตาบอดสนิท เกิดจากโรคมะเร็งได้ทำลายจอประสาทตา มีแต่วันที่รอคอยความตายเท่านั้น  แต่เขายังคงเห็นลูกตาลมาเยี่ยมอยู่ไม่ห่าง แต่มีสภาพเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยดินโคลน จอย แป๋ว นายต่อ     เข้ามาเยี่ยมเพื่อน เห็นพัชรพลพูดคุยคนเดียวเอ่ยชื่อลูกตาล แป๋วบอกว่าลูกตาลไม่ได้อยู่ที่นี้ แต่พัชรพลยืนยันว่าลูกตาลอยู่ที่นี้ นายต่อบอกปวีณาว่าเรื่องพัชรพลเห็นลูกตาล ปวีณาบอกว่าตั้งแต่ลูกตาลหายตัวไปพัชรพลเพ้อถึงลูกตาลตอนเวลานอน และพูดคุยกับลูกตาล พัชรพลยังไม่รู้ว่าลูกตาลได้หายตัวไป จอยกับแป๋วเริ่มใจคอไม่ดี

 

     หนึ่งเดือนต่อมา มีชายวัยกลางคนกับลูกชายรับซื้อของเก่าผ่านมาที่สองข้างทางมี แต่พงหญ้าแถวนั้นเป็นบ้านจัดสรรร้างแห่งหนึ่ง ลูกชายเป็นใบ้วิ่งเล่นแถวสถานที่แห่งนั้น ส่วนผู้เป็นพ่อเก็บขยะขวดพลาสติกที่มีคนแอบนำมาทิ้ง ชายวัยกลางคนรับซื้อของเก่าเห็นรองเท้านักเรียนผู้หญิงหนึ่งข้างตกอยู่ที่นั้นจึงหยิบมาดูแต่ไม่ได้สนใจอะไร ลูกชายเดินเข้าไปในพงหญ้าลึกเรื่อย ๆ เห็นรองเท้าอีกข้างจึงหยิบไปให้พ่อดู และบอกพ่อชี้โบ้ชี้เบ้  ชายวัยกลางคนเริ่มชักสงสัย เด็กชายดึงมือบิดาให้ไปดูถึงกับตกใจหน้าซีดเมื่อเห็นศพคนตายทิ้งไว้อยู่บนพงหญ้าในป่าละเมาะ

 

      ตำรวจท้องที่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้ากองพิสูจน์หลักสูตร ถ่ายรูปภาพศพที่พบเจอ สถานที่เกิดเหตุ และเก็บหลักฐานที่เจอในที่เกิดเหตุก่อนนำศพหญิงสาวไร้เสื้อผ้าที่อึดเน่าไปที่สถาบันนิติเวชชันสูตรศพ

 

      มินทร์พาดลติดต่อกับตำรวจตามหาลูกตาลอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดตำรวจได้เบาะแสให้ครอบครัวมาที่สถาบันนิติเวชเพื่อดูศพหญิงสาว วชิระกับรุ่งนภาขับรถตาม และมินทร์พาดลตามไปด้วย

 

     พัชรพลอยู่ในห้องไอซียู ปวีณาทำใจมองลูกชายที่รอคอยความตาย ส่วนทางด้านมินทร์พาดล วชิระ  รุ่งนภา และเมฆ เดินเข้าไปที่ห้องเก็บศพที่สถาบันนิติเวช เมื่อเห็นสภาพศพแทบช็อก มินทร์พาดลร้องไห้เสียใจแทบเข่าทรุดเห็นสภาพศพของหญิงสาวที่อึดเน่ามีเคล้าโครงใบหน้าเหมือนลูกตาล รุ่งนภาถึงกลับเป็นลมล้มทั้งยืน วชิระร้องไห้พยุงรุ่งนภาออกจากห้องเก็บศพ หมอชันสูตรหาสาเหตุการตายของลูกตาลเพื่อใช้ดำเนินคดี ทางตำรวจหาหลักฐานพยานแวดล้อม สภาพศพที่เจอสันนิษฐานว่าเป็นการข่มขืนรุมโทรม และฆ่าลักทรัพย์ คดีของลูกตาลจึงกลายเป็นปริศนาว่าใครเป็นผู้ร้ายที่รุมข่มขืนเธอ และฆ่าทิ้งในป่าละเมาะกันแน่ !!!!!

 

     พัชรพลละเมอเอ่ยชื่อลูกตาล เขายกมือขวาจะไปเอื้อมจับมือลูกตาล ปวีณาเห็นลูกชายละเมอสักพักลูกชายของเธอก็หยุดหายใจไปอย่างสงบ มินทร์พาดลรู้ข่าวจากปวีณา เขาแทบทำงานไม่ได้เสียใจที่พัชรพลกับลูกตาลจากไปอย่างกะทันหันทั้งคู่

 

      วชิระกับรุ่งนภารับศพลูกสาวมาทำพิธีทางศาสนา ส่วนมินทร์พาดล ปวีณา และธีรพัฒน์ รับศพพัชรพลจากโรงพยาบาล มินทร์พาดลบอกกับทุกคนว่าเขาอยากให้จัดงานศพทั้งคู่พร้อมกันจะได้ไม่ต้องพลัดพรากจากกันอีก งานศพเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งสื่อมวลชน และประชาชนต่างพากันให้ความสนใจเป็นแรงกดดันให้ทีมงานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเร่งการหาพยานหลักฐานชิ้นสำคัญเพื่อจับผู้ร้ายที่ฆาตรกรรมดาราสาวอย่างเหี้ยมโหดอำมหิตผิดมนุษย์

 

     

           

       ความตาย และความอาฆาตพยาบาทของลูกตาลที่ข้ามภพข้ามชาติ ใครเป็นคนลักพาตัวเธอ และฆาตกรรมเธออย่างไร้ปราณี โศกนาฎกรรมเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร ?

 

 

โปรดติดตามเรื่องย่อ

เว็บขีดเขียน

 

 

       "กูขอตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้กูมีอำนาจตามล้างแค้นพวกเมิงทุกชาติ ทุกภพ ขอให้พวกเมิงตกนรกหมกไหม้ เหมือนที่เมิงทำไว้กับกูในชาติภพนี้"   คำอธิษฐานของลูกตาลภายในใจที่เครียดแค้นก่อนที่เธอจะสิ้นลมหายใจในชาติภพนี้........................................

 

 

 

 เว็บขีดเขียน

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา