เรตินอล กับ Retinoids ต่างกันไหม สกินแคร์ไหนไม่ควรใช้ด้วยกัน
คลายข้อสงสัยที่ชัดเจนระหว่างเรตินอลกับ Retinoids มีความแตกต่างกันหรือไม่ และสกินแคร์ตัวไหนที่ไม่ควรใช้งานคู่กันอย่างเด็ดขาด เพราะสิ่งที่ได้มาจัดเป็นผลเสียสุด ๆ
เรตินอลกับ Retinoids แตกต่างกันไหม พร้อมแนะนำสกินแคร์ที่ไม่ควรใช้คู่กัน
เมื่อพูดถึง “เรตินอล” เราก็มักจะได้ยินเกี่ยวกับ “Retinoids” ด้วย จนบางคนแอบสงสัยขึ้นมาว่าทั้ง 2 สิ่งนี้เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งเราไม่ปล่อยให้คุณมีความสงสัยอีกต่อไป ได้เตรียมข้อมูลที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังอย่างลึกซึ้ง พร้อมแนะนำสกินแคร์ที่ไม่ควรใช้คู่กันด้วย รับรองช่วยสร้างความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
“เรตินอล” สารที่สงสัยเหมือนหรือแตกต่างจาก Retinoids?
- Retinoids หรือเรตินอยด์ คืออนุพันธ์ที่มาจากสารสกัดธรรมชาติในวิตามิน A และเป็นการสังเคราะห์
- โดยสารที่เราสงสัยนี้เป็นส่วนหนึ่งที่แยกออกมาจาก Retinoids โดยทั้ง 2 สารมีคุณสมบัติช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย จุดด่างดำ รักษาสิว หรือผิวที่ขาดความชุ่มชื้น กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าไม่ให้อุดตันรูขุมขน สร้างคอลลาเจนให้ผิวอีกด้วย
- ดังนั้น ทั้ง 2 สารที่พูดถึงนี้จึงสรุปได้ว่ามีความเหมือนกันนั่นเอง
แนะนำบรรดาสกินแคร์บำรุงฟื้นฟูผิวหน้าที่ไม่ควรใช้คู่กัน
ในส่วนขอสกินแคร์นี้ขอพูดเฉพาะเรตินอลกับตัวอื่น ๆ ซึ่งใช่ว่าใช้คู่กันได้หมด เพราะนั่นอาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ต่อผิวหน้าตามมาในอนาคต แล้วไม่ควรใช้คู่กับตัวไหนบ้าง?
ไม่ควรใช้คู่กับ Benzoyl Peroxide
ด้วยความที่ Benzoyl Peroxide หรือ BP มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ไม่ทให้รูขุมขนอุดตัน สิวก็ไม่เกิด ซึ่งสกินแคร์สารแรกก็ช่วยรักษาสิวได้ด้วยเช่นกัน จึงทำให้มีความเข้มข้นเกินไป ใช้แล้วผิวอาจเกิดอาการแพ้ระคายเคือง เกิดรอยแดงได้ จึงให้เลือกแค่อย่างใดอย่างหนึ่งพอ
1. ไม่ควรใช้คู่กับวิตามิน C
เริ่มต้นกันเลยกับคู่แรกไม่สามารถใช่ร่วมกับวิตามินซีได้ เพราะทั้ง 2 สิ่งนี้ทำงานในค่า pH ที่ไม่เท่ากัน ซึ่งวิตามินซีทำงานได้น้อยกว่าอยู่ที่ 3 ในขณะที่ retinol จะใช้ได้ 5.5 – 6 ทำให้ไปลดประสิทธิภาพในการบำรุงฟื้นฟูผิว อันได้แก่ลดริ้วรอย ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูนุ่มนวล กระจ่างใส
2. ไม่ควรใช้คู่กับสาร AHA/BHA
ด้วยความที่สาร AHA/BHA มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิว ซึ่งเหมือนกับสารสกินแคร์นี้ แน่นอนว่าหากเรานำสารที่ผลัดเซลล์ผิวทั้งคู่มาใช้คู่กันจะทำให้ผิวมีความแห้งกร้านมากเกินไป โดยเฉพาะคนที่ผิวแห้งอยู่แล้วหรือบอบบางแพ้ง่าย ทำให้เกิดปัญหามากกว่าคนผิวอื่น แนะนำว่าถ้าอยากใช้ให้สลับวันเว้นวัน หรือสลับเวลาเช้าและกลางคืน เพื่อสร้างความสมดุลในให้หน้า
บอกทริคการใช้งานกับผิวหน้าที่ควรต้องทำความรู้จักให้มาก
ในการใช้งานเรตินอลนั้นเราควรใช้ทั้งเช้าและเย็นเป็นประจำสม่ำเสมอต่อเนื่อง แต่มีคำแนะนำโดยในช่วงเช้าหลังจากที่ทาเสร็จแล้วให้ลงครีมกันแดดและค่อยแต่งหน้าเพราะสารนี้ทำให้ผิวไวต่อแสงได้ จึงเป็นการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ส่วนในช่วงกลางคืนเมื่อทาเสร็จแล้วให้ลงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามเพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นไม่แห้งกร้านเกินไป เพียงเท่านี้ก็รอผลลัพธ์กันแบบสบายใจตรงตามต้องการ
ทั้งเรตินอลและ Retinoids จริง ๆ แล้วมีคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงฟื้นฟูปัญหาผิวเหมือนกัน ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องใช้งานจะหยิบตัวไหนได้หมด แต่อย่าลืมว่าไม่ควรใช้คู่กับ Benzoyl Peroxide, วิตามิน C หรือสาร AHA/BHA และต้องใช้ประจำเช้าเย็นโดยมีกันแดดและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ร่วมทาตามคำแนะนำ เพื่อความปลอดภัยของผิวหน้า
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้