วิธีคลายร้อนที่คลาสสิกและประหยัดไฟที่สุดคือนอนบนพื้น แล้วพื้นแบบไหนบ้างที่เย็น? มาดู!
วิธีคลายร้อนที่คลาสสิกและประหยัดไฟที่สุดคือนอนบนพื้น แล้วพื้นแบบไหนบ้างที่เย็น? มาดู!
ในวันที่อากาศร้อนระอุ การได้นอนพักผ่อนบนพื้นเย็นๆ สักหน่อย ถือเป็นวิธีคลายร้อนแบบธรรมชาติที่ทั้งคลาสสิกและประหยัดพลังงาน ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศให้เปลืองไฟ แต่พื้นแบบไหนล่ะที่ให้ความเย็นสบายจริงๆ? บทความนี้จะพาคุณไปดูกันว่าพื้นชนิดใดบ้างที่ขึ้นชื่อเรื่องความเย็น และมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกใช้หรือปรับปรุงบ้านของคุณให้เย็นสบายในหน้าร้อนนี้
- พื้นกระเบื้อง: เย็นสบาย ทำความสะอาดง่าย ตัวเลือกยอดนิยม
พื้นกระเบื้อง ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องเซรามิกหรือกระเบื้องพอร์ซเลน ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนที่ต้องการพื้นเย็นสบาย ด้วยคุณสมบัติของวัสดุที่ไม่เก็บความร้อน และระบายความร้อนได้ดี ทำให้เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเย็นเท้า นอกจากนี้ พื้นกระเบื้องยังมีความทนทาน ทำความสะอาดง่าย และมีลวดลายให้เลือกหลากหลาย เหมาะสำหรับทุกห้องในบ้าน
- ข้อดี: เย็นสบายเท้า ทนทาน ทำความสะอาดง่าย มีลวดลายหลากหลาย ราคาปานกลางถึงสูง
- ข้อเสีย: อาจจะลื่นเมื่อเปียกน้ำ หากทำความสะอาดไม่ดีอาจมีคราบสกปรกตามร่องยาแนว
- พื้นหินอ่อน: หรูหรา เย็นฉ่ำ แต่ราคาสูง
พื้นหินอ่อนเป็นวัสดุธรรมชาติที่มีความสวยงาม หรูหรา และให้ความเย็นสบายอย่างมาก ด้วยเนื้อสัมผัสที่เย็นฉ่ำ ทำให้การนอนบนพื้นหินอ่อนในช่วงหน้าร้อนเป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลาย แต่ข้อเสียคือพื้นหินอ่อนมีราคาสูง และต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษ
- ข้อดี: เย็นสบาย หรูหรา มีเอกลักษณ์ ทนทาน
- ข้อเสีย: ราคาสูง ต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษ อาจเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย
- พื้นหินแกรนิต: แข็งแกร่ง ทนทาน และเย็นเช่นกัน
พื้นหินแกรนิตเป็นอีกหนึ่งวัสดุธรรมชาติที่ให้ความเย็นสบายและมีความแข็งแรงทนทานสูง มักนิยมใช้ในพื้นที่ที่ต้องการความทนทานเป็นพิเศษ และมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์คล้ายหินอ่อน แต่มีรูพรุนน้อยกว่า ทำให้ดูแลรักษาง่ายกว่า
- ข้อดี: เย็นสบาย แข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่ายกว่าหินอ่อน
- ข้อเสีย: ราคาสูง อาจมีลวดลายน้อยกว่าหินอ่อน
- พื้นไม้ (บางชนิด): สัมผัสธรรมชาติ แต่ความเย็นอาจน้อยกว่า
พื้นไม้ โดยทั่วไปอาจจะไม่เย็นเท่าพื้นกระเบื้องหรือพื้นหิน แต่พื้นไม้บางชนิด เช่น ไม้สัก หรือไม้เนื้อแข็ง อาจให้ความรู้สึกเย็นสบายกว่าพื้นไม้ลามิเนตหรือพื้นไวนิล นอกจากนี้ พื้นไม้ยังให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นธรรมชาติ และสวยงาม
- ข้อดี: สวยงาม เป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกอบอุ่น (แต่บางชนิดก็เย็นสบาย)
- ข้อเสีย: อาจไม่เย็นเท่าพื้นกระเบื้องหรือหิน ต้องการการดูแลรักษามากกว่า ราคาค่อนข้างสูง
- พื้นปูนขัดมัน: ดิบเท่ เย็นแบบธรรมชาติ
พื้นปูนขัดมันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ชอบสไตล์ดิบๆ เท่ๆ พื้นปูนขัดมันมีความเย็นในตัว และสามารถปรับระดับความเย็นได้ตามความหนาของพื้น นอกจากนี้ยังมีราคาที่ไม่สูงมากนัก แต่ข้อเสียคืออาจเกิดรอยแตกร้าวได้หากไม่ได้มาตรฐาน
- ข้อดี: เย็นสบาย ราคาไม่สูง สไตล์ดิบเท่
- ข้อเสีย: อาจเกิดรอยแตกร้าวได้ ดูแลรักษายากกว่าพื้นผิวเรียบ
พื้นอีพ็อกซี่: สวยงาม ทันสมัย แต่เย็นจริงหรือไม่?
พื้นอีพ็อกซี่ เป็นพื้นผิวสังเคราะห์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วยความสวยงาม ทันสมัย ไร้รอยต่อ ทำความสะอาดง่าย และทนทานต่อสารเคมี อย่างไรก็ตาม พื้นอีพ็อกซี่โดยทั่วไปแล้วไม่ได้มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความเย็น พื้นผิวอาจจะเย็นเล็กน้อยเมื่อสัมผัสครั้งแรก แต่จะไม่เก็บความเย็นได้นานเท่าพื้นกระเบื้องหรือพื้นหิน และอาจจะอมความร้อนหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด ดังนั้น หากต้องการเน้นเรื่องความเย็น พื้นอีพ็อกซี่ อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด
สรุป
การนอนบนพื้นเป็นวิธีคลายร้อนที่ประหยัดไฟและได้ผลดี แต่การเลือกพื้นให้เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความสบายมากยิ่งขึ้น พื้นกระเบื้องและพื้นหิน (อ่อนและแกรนิต) เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องการพื้นเย็นสบาย ส่วนพื้นไม้และพื้นปูนขัดมันก็มีความเย็นในระดับหนึ่ง แต่ พื้นอีพ็อกซี่ อาจจะไม่ตอบโจทย์ในเรื่องความเย็นมากนัก ลองพิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภทพื้น และเลือกให้เหมาะสมกับความชอบและงบประมาณของคุณ เพื่อหน้าร้อนนี้จะได้เย็นกายสบายใจแบบไม่ต้องง้อแอร์!
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้