บ้านแบบไหนมีสิทธิ์พังง่าย บ้านแบบไหนมีสิทธิ์พังยาก มาเช็ค!

RobRuThai

หัดอ่านหัดเขียน (9)
เด็กใหม่ (1)
เด็กใหม่ (0)
POST:30
เมื่อ เมื่อวาน 15.09 น.

บ้านแบบไหนมีสิทธิ์พังง่าย บ้านแบบไหนมีสิทธิ์พังยาก มาเช็ค!

การมีบ้านที่มั่นคง แข็งแรง ปลอดภัย เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่บ้านแต่ละแบบก็มีโครงสร้างและวัสดุที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อความทนทานและโอกาสในการเกิดปัญหาโครงสร้างในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ภัยธรรมชาติมีความรุนแรงและคาดเดาได้ยาก การทำความเข้าใจว่าบ้านแบบไหนมีสิทธิ์พังง่าย และบ้านแบบไหนมีโอกาสทนทานกว่า จะช่วยให้คุณเลือกซื้อ สร้าง หรือต่อเติมบ้านได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

Free Realtor and clients meeting at a house, observing safety protocols. Stock Photo

 

  1. บ้านที่สิทธิ์พังง่าย มักมีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้!

บ้านบางประเภท หรือบ้านที่มีลักษณะการก่อสร้างที่ไม่เหมาะสม อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาโครงสร้างและพังเสียหายได้ง่ายกว่าบ้านแบบอื่น ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวังมีดังนี้

  • ฐานรากไม่แข็งแรง: ฐานรากเป็นส่วนสำคัญที่สุดของบ้าน หากฐานรากไม่ได้รับการออกแบบและก่อสร้างอย่างแข็งแรง หรือเลือกใช้เสาเข็มที่ไม่เหมาะสมกับสภาพดิน อาจทำให้บ้านทรุดตัว เอียง หรือแตกร้าวได้ง่าย
  • โครงสร้างไม่ได้มาตรฐาน: การใช้วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพ การก่อสร้างที่ไม่เป็นไปตามหลักวิศวกรรม หรือการละเลยการเสริมโครงสร้างในจุดสำคัญ อาจทำให้บ้านไม่สามารถรับน้ำหนักและแรงกระทำต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย
  • ต่อเติมโดยไม่คำนึงถึงโครงสร้างเดิม: การต่อเติมบ้านโดยไม่มีการศึกษาโครงสร้างเดิมอย่างละเอียด หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่าที่โครงสร้างเดิมรับได้ อาจทำให้เกิดการทรุดตัว หรือความเสียหายต่อโครงสร้างหลัก
  • อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ: บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหว น้ำท่วม ดินอ่อน หรือใกล้แหล่งน้ำที่มีการกัดเซาะ อาจได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติได้ง่ายกว่า
  • การดูแลรักษาไม่ดี: การละเลยการตรวจสอบและบำรุงรักษาบ้านอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้ปัญหาเล็กน้อยลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อโครงสร้างได้

 

  1. บ้านที่สิทธิ์พังยาก มักมีโครงสร้างและการก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน!

ในทางตรงกันข้าม บ้านที่มีโอกาสพังยาก มักมีลักษณะโครงสร้างและการก่อสร้างที่ใส่ใจในรายละเอียดและเป็นไปตามหลักวิศวกรรม

  • ฐานรากที่มั่นคงและเหมาะสม: การเลือกใช้ประเภทเสาเข็มที่เหมาะสมกับสภาพดิน และมีการตอกหรือเจาะ เสาเข็มไมโครไพล์ หรือเสาเข็มประเภทอื่นๆ ที่ได้มาตรฐาน จะช่วยให้ฐานรากมีความแข็งแรงและรับน้ำหนักบ้านได้ดี
  • โครงสร้างที่แข็งแรงและได้มาตรฐาน: การออกแบบโครงสร้างโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และการก่อสร้างที่เป็นไปตามแบบ จะช่วยให้บ้านมีความมั่นคงและทนทาน
  • การวางแผนการต่อเติมอย่างรอบคอบ: หากมีการต่อเติม ควรมีการศึกษาโครงสร้างเดิม ประเมินน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น และเสริมโครงสร้างให้แข็งแรงเพียงพอ
  • การเลือกทำเลที่ตั้งที่ดี: การเลือกสร้างบ้านในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยธรรมชาติน้อย และมีสภาพดินที่แข็งแรง จะช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาโครงสร้างในอนาคต
  • การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ: การตรวจสอบบ้านเป็นประจำ การซ่อมแซมเมื่อพบปัญหา และการบำรุงรักษาโครงสร้างอย่างถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานของบ้านและป้องกันปัญหาใหญ่

 

  1. เช็คบ้านของคุณ! สัญญาณเตือนภัยที่ต้องระวัง

การสังเกตและตรวจสอบบ้านของคุณอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณทราบถึงความผิดปกติที่อาจนำไปสู่ปัญหาโครงสร้างได้ สัญญาณเตือนภัยที่ควรระวังมีดังนี้

  • รอยร้าวบนผนังและพื้น: โดยเฉพาะรอยร้าวแนวเฉียง รอยร้าวที่ขยายใหญ่ขึ้น หรือรอยร้าวบริเวณเสาและคาน
  • ประตูและหน้าต่างเปิดปิดยาก: อาจเกิดจากโครงสร้างบ้านบิดเบี้ยว
  • พื้นบ้านเอียงหรือทรุดตัว: สังเกตได้จากลูกแก้วกลิ้ง หรือระดับน้ำไม่ได้ระนาบ
  • ระดับดินรอบบ้านเปลี่ยนแปลง: ดินทรุดต่ำลงผิดปกติ
  • เสาบ้านเอียงหรือแตกร้าว: สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบตรวจสอบ
  • รอยแยกระหว่างผนังกับวงกบประตู/หน้าต่าง: บ่งบอกถึงการเคลื่อนตัวของโครงสร้าง
  • ท่อประปาหรือท่อระบายน้ำแตกบ่อย: อาจเกิดจากแรงดันของโครงสร้างที่เคลื่อนตัว
  • เสียงดังลั่นในโครงสร้างบ้าน: เสียงไม้ลั่นหรือคอนกรีตแตก
  • น้ำรั่วซึมตามรอยต่อ: อาจทำให้โครงสร้างภายในเสียหาย
  • ปลวกหรือแมลงทำลายไม้: หากปล่อยทิ้งไว้อาจกัดกินโครงสร้างไม้จนอ่อนแอ

 

 

แก้ไขครั้งที่ 1 โดย RobRuThai เมื่อเมื่อวาน 15.48 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา