นาฬิกา Audemars Piguet คุณค่าที่นักสะสมคู่ควร

เมื่อพูดถึงโลกของเรือนเวลาอันหรูหรา วงการนักสะสมต่างยกย่องให้นาฬิกา Audemars Piguet (AP) ให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ไม่เพียงแค่เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตด้วย บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงเหตุผลที่ Audemars Piguet ขึ้นแท่นเป็นนาฬิกาที่ควรค่าแก่การสะสม และหากว่าใครกำลังอยากจะเริ่มต้นสะสมนาฬิกาสักเรือน นาฬิกาอย่าง Audemars Piguet อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด 

รากฐานแห่งนวัตกรรมและความประณีต

Audemars Piguet ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1875 โดยสองช่างนาฬิกาหนุ่มไฟแรง คือ Jules Louis Audemars และ Edward Auguste Piguet ที่เมือง Le Brassus ในหุบเขา Vallée de Joux ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมนาฬิกาชั้นสูงของโลก จุดเด่นของแบรนด์นี้คือการเน้นย้ำถึง "ความกล้าหาญในการสร้างสรรค์" (Dare to Create) ซึ่งสะท้อนผ่านปรัชญาการผลิตนาฬิกาที่มีความซับซ้อน (complication) และงานฝีมืออันเป็นเลิศมาตั้งแต่แรกเริ่ม อีกทั้งปัจจุบัน แบรนด์นาฬิกาอย่าง Audemars Piguet ยังคงเป็นอิสระและบริหารงานโดยทายาทของผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในอุตสาหกรรมนาฬิกาหรู ที่ส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ การรักษารากเหง้าและวิสัยทัศน์ดั้งเดิมนี้เองที่ทำให้ Audemars Piguet มีเอกลักษณ์และความน่าเชื่อถือที่แข็งแกร่ง

ทำไมนาฬิกา Audemars Piguet ถึงควรเก็บสะสม?

1. งานฝีมือระดับ Haute Horlogerie (การทำนาฬิกาชั้นสูง): นาฬิกาอย่าง Audemars Piguet ไม่ได้ผลิตนาฬิกาเป็นจำนวนมาก แต่เน้นคุณภาพและความประณีตในทุกรายละเอียด ช่างฝีมือของ Audemars Piguet ใช้ทักษะและความแม่นยำสูงในการประกอบชิ้นส่วนเล็กๆ นับร้อยชิ้นเข้าด้วยกัน ตั้งแต่กลไกภายในไปจนถึงการตกแต่งภายนอก ทั้งการขัดแต่ง (Finishing), การขัดเงา (Polishing) และการแกะสลัก (Engraving) ล้วนทำด้วยมืออย่างพิถีพิถัน ทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนเป็นงานศิลปะที่เคลื่อนไหวได้
   
   
2. นวัตกรรมและการบุกเบิก: Audemars Piguet มีประวัติมาอย่างยาวนานในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่พลิกโฉมวงการนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นการผลิตนาฬิกาที่มีกลไกซับซ้อนที่สุดในโลก หรือการสร้างสรรค์ดีไซน์ที่แหวกแนวอย่างรุ่น Royal Oak ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของนาฬิกากีฬาสุดหรู
   
   
3. ความคงทนของมูลค่าและความต้องการในตลาด: นาฬิกา Audemarst โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยม มีความต้องการสูงในตลาดมือสองและตลาดประมูล ทำให้ราคาไม่ตกง่าย และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป ยิ่งนาฬิการุ่นนั้นหายากหรือเป็นรุ่นพิเศษ มูลค่าก็จะยิ่งสูงขึ้น
   
   
4. เอกลักษณ์การออกแบบที่โดดเด่น: Audemars Piguet มีเอกลักษณ์จากการออกแบบที่แข็งแกร่งและเป็นที่จดจำ โดยเฉพาะ "ดีไซน์แปดเหลี่ยม" (Octagonal Bezel) ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์
   
   

นาฬิกา Audemarst รุ่นที่นักสะสมควรมีเก็บไว้ 

หากพูดถึง Audemars Piguet คงไม่มีนักสะสมคนใดไม่นึกถึง Royal Oak นาฬิกาที่ถูกออกแบบโดย Gerald Genta ในปี 1972 ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติวงการนาฬิกาด้วยแนวคิด "นาฬิกากีฬาหรูที่ทำจากสเตนเลสสตีล" ในยุคที่นาฬิกาหรูต้องเป็นทองคำเท่านั้น Royal Oak ได้เปลี่ยนมุมมองและสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แก่นาฬิกาหรู นับตั้งแต่นั้นมา Royal Oak ได้กลายเป็นรุ่นไอคอนิกและมีหลากหลายเวอร์ชันให้เลือกสะสม 

1. Royal Oak "Jumbo" Extra-Thin (Ref. 15202/16202): เป็นรุ่นที่ใกล้เคียงกับ Royal Oak ดั้งเดิมมากที่สุด ด้วยขนาดตัวเรือน 39 มม. และความบางเฉียบที่โดดเด่น รุ่นนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสม เนื่องจากเป็นตัวแทนที่แท้จริงของปรัชญาการออกแบบของ Gerald Genta
   
   
2. Royal Oak Chronograph: เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับผู้ที่ชื่นชอบฟังก์ชันจับเวลา มีดีไซน์ที่สปอร์ตแต่ยังคงความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ของ Royal Oak เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและโอกาสพิเศษ
   
   
3. Royal Oak Offshore: เปิดตัวในปี 1993 เป็นเวอร์ชันที่ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และมีความเป็นสปอร์ตมากขึ้นของ Royal Oak เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการนาฬิกาที่โดดเด่นและมีขนาดใหญ่ขึ้น
   
   
4. Royal Oak Perpetual Calendar: นาฬิกาที่มีกลไกซับซ้อนอย่างปฏิทินถาวรในตัวเรือน Royal Oak ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางเทคนิคของ Audemars Piguet ในการสร้างสรรค์กลไกชั้นสูง ผสมผสานกับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์
   
   

แต่นอกจาก Royal Oak แล้ว AP ยังมีคอลเลกชันที่น่าสนใจอื่นๆ ที่นักสะสมนาฬิกาไม่ควรพลาด เช่น Code 11.59 ซึ่งเป็นความพยายามในการสร้างสรรค์ดีไซน์ใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจาก Royal Oak และถึงแม้จะยังไม่ได้รับความนิยมเท่า แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญในการบุกเบิกของแบรนด์