ตรวจหัวใจ สำคัญเช่นไร มีวิธีการตรวจแบบใดบ้าง?

Siwaporn_s

ขีดเขียนชั้นอนุบาล (87)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:175
เมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 19.27 น.

"โรคหัวใจ" เป็นภัยเงียบที่หลายๆคนรู้สึกว่า เป็นสิ่งไกลตัว ยังไม่แก่ มิได้อ้วน ไม่ได้รับประทานอาหารมันๆมากมาย ฯลฯ ก็เลยไม่ได้เอาใจใส่ หรือเห็นความสำคัญของการตรวจหัวใจ ซักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากมาดูสถิติดังต่อไปนี้แล้วคุณอาจจะเปลี่ยนใจก็เป็นไปได้

องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ในปี 2558 กลุ่มโรคหัวใจและเส้นโลหิตเป็นสาเหตุการเสียชีวิตชั้น 1 แล้วก็จากสถิติเดือนกันยายน พ.ศ. 2561 กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย ได้เผยตัวเลขผู้ป่วยโรคหัวใจว่ามีมากยิ่งกว่า 430,000 รายต่อปี แล้วก็มีอัตราการตายถึง 20,855 คนต่อปี หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 2 คน

ด้วยเหตุผลดังกล่าวการตรวจหัวใจก็เลยเป็นอีกหนึ่งสำหรับการตรวจร่างกายที่คุณไม่ควรไม่ให้ความสนใจ เพื่อปกป้องการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด

โรคหัวใจ
หมายถึง ความผิดปกติใดๆเกี่ยวกับหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นลิ้นหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ หรือระบบคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่มีผลต่อการเต้นของชีพจร ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการทำงานของหัวใจรวมทั้งสุขภาพร่างกาย นั่นก็เนื่องจากหัวใจเป็น อวัยวะสำคัญปฏิบัติหน้าที่สูบฉีดเลือดและก็สารอาหารต่างๆไปเลี้ยงอวัยวะทุกๆส่วนของผู้คน

ลักษณะโรคหัวใจที่สำคัญและพบได้บ่อยเป็นต้นว่า ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือหัวใจอ่อนแรง (Heart Failure) โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ผู้ใดบ้างที่ควรตรวจหัวใจ?
คุณควรรีบไปพบแพทย์ ถ้าหากมีลักษณะอาการที่บางทีอาจบอกถึงโรคหัวใจต่อไปนี้ เนื่องจากยิ่งตรวจพบและได้รับการรักษาเร็วก็จะยิ่งส่งผลดีต่อตัวคุณเอง

* เจ็บอกร้าวไปไหล่ซ้าย
* แน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรมาทับที่บริเวณหน้าอก
* เสียด หรือแสบร้อนบริเวณอก
* อ่อนเพลีย
* อ่อนเพลียง่ายดายกว่าธรรมดา
* เหงื่อแตกมากยิ่งกว่าปกติ
* ใจสั่น
* หน้ามืด เป็นลมเป็นแล้ง
* เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่งเมื่อออกกำลังกาย


ส่วนคนที่มีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคหัวใจดังต่อไปนี้ ก็ควรเข้ารับการตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยเช่นเดียวกัน โดยยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน

* อายุมาก
* เพศชายจะมีการเสี่ยงของโรคหัวใจมากกว่าเพศหญิงก่อนวัยหมดประจำเดือน
* ดูดบุหรี่จัด
* ติดสุรา หรือมีพฤติกรรมเป็นพวกชอบดื่ม
* มีระดับไขมันในเลือดสูง
* เป็นโรคโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับโรคหลอดเลือด
* มีคนภายในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ หรืออัมพาต
* ขาดการออกกำลังกาย
* อ้วน

ฉะนั้นคุณควรจะตรวจร่างกายบ่อยๆเพื่อช่วยระวังโรคร้ายแล้วก็ความเสี่ยงจากโรคอื่นๆที่ตามมาพร้อมปัญหาสุขภาพ หากตรวจเจอว่า มีการเสี่ยงโรคหัวใจดังข้างต้น แพทย์จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนความประพฤติปฏิบัติการใช้ชีวิตเพื่อลดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดโรคหัวใจ ยกตัวอย่างเช่น รับประทานอาหารที่มีสาระ เน้นผักผลไม้ ลดอาหารที่มีไขมันแล้วก็คอเลสเตอรอล ออกกำลังกายบ่อยๆ รวมทั้งชี้แนะให้มาตรวจเช็กความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ

การตรวจหัวใจ มีวิธีการตรวจเช่นไร?
เมื่อไปพบหมอเพื่อตรวจหัวใจ หมอจะซักประวัติสุขภาพรวมทั้งความประพฤติปฏิบัติการใช้ชีวิต ประวัติไม่สบายของคนภายในครอบครัว น้ำหนัก ส่วนสูง เพื่อประเมินว่า มีสภาวะน้ำหนักเกินหรือเปล่า และวัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดความดันเลือด แล้วก็ฟังเสียงหัวใจว่า มีความผิดปกติหรือไม่ หลังจากนั้นขั้นตอนต่อไปคือการตรวจเพิ่มอีก ดังเช่น

การตรวจหัวใจแบบพื้นฐาน

* ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ วิธีนี้สามารถบอกจังหวะการเต้นหัวใจที่ผิดปกติรวมทั้งวินิจฉัยโรคเยื่อห่อหัวใจบางประเภท หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย แต่ว่าก็ส่งผลคลาดเคลื่อนได้
* เอกซเรย์ปอด จะช่วยทำให้มองเห็นปอด หลอดเลือดแดง และก็การกระจายของเส้นโลหิตในปอด ภาวะน้ำหลากปอด สภาวะหัวใจล้มเหลว แล้วก็เงาของหัวใจข้างหลังปอด และก็บอกขนาดหัวใจได้ดิบได้ดีพอเหมาะพอควร
* ตรวจเลือด เป็นการตรวจหาสารต่างๆในเลือด เพื่อดูว่า มีโรค หรือสภาวะสุขภาพที่เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงให้กำเนิดโรคหัวใจ หรือเปล่า อย่างเช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น

 

การตรวจหัวใจแบบพิเศษ

* อัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram หรือ ECHO) การตรวจหัวใจวิธีการแบบนี้จะใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแต่มีความปลอดภัย เข้าไปยังบริเวณอก รวมทั้งรับเสียงที่สะท้อนออกมา ต่อจากนั้นนำข้อมูลที่สะท้อนกลับมาไปแปลเป็นภาพบอกให้เห็นรูปร่าง ขนาด การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ และลิ้นหัวใจของผู้ป่วย สามารถบอกถึงความผิดปกติ ความรุนแรงของโรค และช่วยสำหรับในการติดตามผลของการรักษาได้ แต่มีข้อเสียเป็น จะไม่เห็นเส้นเลือดหัวใจโดยตรง ถ้าผู้ป่วยอ้วน หรือผอมบางมากมายไป หรือมีถุงลมโป่งพอง ก็อาจส่งผลให้ได้ภาพที่ไม่ชัดเจน
* การเดินสายพาน (Exercise stress test หรือ EST) เป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะบริหารร่างกายด้วยการเดินสายพาน หรือขี่จักรยาน หมอจะให้ท่านเดินสายพานที่เคลื่อนไปเรื่อยหรือขี่จักรยานเพื่อให้หัวใจเต้นแรงขึ้น เวลาที่ต่อขั้วสายนำกระแสไฟฟ้าบริเวณทรวงอก 10 สายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ แม้มีเส้นโลหิตหัวใจตีบ เลือดก็จะไม่สามารถมาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้พอเพียง ทำให้มีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก อัตราเต้นของหัวใจผิดปกติ มีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นกระแสไฟฟ้าให้มองเห็นนั่นเอง
* การตรวจหัวใจด้วยเตียงปรับระดับ (Tilt table test) ทำโดยให้ผู้ป่วยนอนบนเตียงที่ที่ปรับระดับองศาของเตียงได้ แล้วต่อจากนั้นหมอจะประเมินชีพจร ความดันเลือด ลักษณะคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และก็อาการอื่นๆของผู้ป่วยในเวลาที่เตียงมีการเปลี่ยนแปลงระดับ วิธีการแบบนี้มักใช้สำหรับการตรวจผู้ป่วยที่เป็นลมเป็นแล้ง หรือหมดสติโดยไม่รู้จักปัจจัย และก็เป็นลมเป็นแล้งเป็นประจำหรือเป็นลมง่าย เช่น เห็นเลือดแล้วเป็นลม เปลี่ยนท่าแล้วเป็นลมเป็นแล้ง ซึ่งอาจมีปัจจัยมาจากปัญหาเรื่องสมอง หรือหัวใจก็ได้
* การบันทึกคลื่นหัวใจกระแสไฟฟ้า (Holter monitoring) หมอจะติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจไว้กับเพศผู้เจ็บป่วยราวๆ 24-48 ชั่วโมง โดยผู้ป่วยสามารถกลับไปบ้านรวมทั้งทำกิจกรรมได้ตามเดิม เมื่อถึงกำหนดเวลาจึงกลับมาโรงพยาบาลเพื่อถอดเครื่องออกและก็รอคอยผลตรวจวิเคราะห์ วิธีแบบนี้เหมาะกับคนที่มีอาการใจสั่นผิดปกติเป็นครั้งคราว ตาลายหัว คล้ายจะเป็นลมเป็นแล้ง และหัวใจเต้นแรงผิดปกติเป็นประจำ
* การตรวจระบบกระแสไฟฟ้าในหัวใจ (Electrophysiological studies) เป็นการตรวจโดยใส่สายสวนหัวใจขนาดเล็กเข้าไปตามหลอดเลือดดำบริเวณขาหนีบ หรือใต้ไหปลาร้า เพื่อนำไปยังตำแหน่งต่างๆด้านในหัวใจ ซึ่งจะช่วยสำหรับในการบันทึกคลื่นกระแสไฟฟ้าหัวใจและดูว่า มีไฟฟ้าลัดวงจรเกิดขึ้นในหัวใจ หรือไม่ และสามารถส่งกระแสไฟน้อยๆไปกระตุ้นให้มีลักษณะประจักษ์ยิ่งขึ้น ทำให้หมอพินิจพิจารณาความผิดปกติได้ละเอียดมากกว่าการบันทึกคลื่นหัวใจกระแสไฟฟ้า
* การสวนหัวใจ (Cardiac catheterization) และก็การฉีดสี (Coronary angiography) ได้แก่การใช้สายสวนขนาดเล็กใส่เข้าไปจากบริเวณขาหนีบ ข้อพับแขน หรือข้อมือตามแนวเส้นเลือดแดงจนกระทั่งรูเปิดของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ แล้วก็ใช้สารละลายทึบรังสีฉีดเข้าไปทางสายสวนด้วย เพื่อให้เห็นการตีบแคบของเส้นเลือดอย่างชัดเจน วิธีแบบนี้จะช่วยวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อย่างเที่ยงตรง แล้วก็ใช้เวลาพักฟื้นเพียงแค่ 24 ชั่วโมงก็สามารถกลับไปอยู่บ้านได้ โดยจะไม่มีการใช้ยาสลบ ใช้เพียงแค่ยาชาเฉพาะที่แค่นั้น

 

ตรวจหัวใจ ส่งผลข้างๆไหม?
การตรวจหัวใจด้วยวิธีสวนหัวใจและก็ฉีดสารละลายทึบรังสี ได้โอกาสทำให้เกิดผลกระทบได้ แต่ก็พบได้น้อยมาก เป็นต้นว่า อาจจะก่อให้มีเลือดไหลตำแหน่งที่แทงเข็ม และก็บางคนมีลักษณะอาการแพ้สีแบบไม่ร้ายแรง ส่วนผลแทรกซ้อนที่ร้ายแรงนั้นเจอได้น้อยกว่า 1% แค่นั้น อาทิเช่น อัมพาต แพ้สีรุนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง แล้วก็บางทีอาจถึงขั้นเสียชีวิต แต่เมื่อประเมินจุดเด่นข้อเสียแล้ว ประโยชน์ที่จะได้จากการตรวจนั้นมักมีมากยิ่งกว่าขึ้นอยู่กับสาเหตุด้านอายุแล้วก็สุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย
โรคหัวใจยิ่งตรวจพบเร็วเท่าไรก็ยิ่งเป็นผลดีต่อการดูแลรักษาแค่นั้น การหมั่นสังเกตอาการผิดปกติและรับการตรวจอย่างทันการถือว่า สำคัญอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเป็นกังวล หรือไม่แน่ใจว่า ตนเองมีลักษณะอาการของโรคหัวใจไหม ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรจะไปพบหมอเพื่อปรึกษาและตรวจวิเคราะห์อย่างถูกต้องจะดีที่สุด

https://www.honestdocs.co/heart-check

Tags : หลอดเลือด

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา